Delete train_asr.csv
Browse files- train_asr.csv +0 -104
train_asr.csv
DELETED
@@ -1,104 +0,0 @@
|
|
1 |
-
name_file,origin
|
2 |
-
audio_001.mp3,บทบรรณาธิการ เนติบัณฑิต ภาค ๒ สมัยที่ ๗๑ คำถามข้อที่ ๑ คดีอาญาที่ราษฎรเป็นโจทก์ ศาลพิพากษายกฟ้องโดยไม่มีการไต่สวนมูลฟ้องก่อนตาม ป.วิ.อาญา. มาตรา ๑๖๒(อนุ ๑) เป็นการชอบหรือไม่
|
3 |
-
audio_002.mp3,"คำพิพากษาฎีกาที่ ๑๖๘๘/๒๕๖๑ วินิจฉัยว่า ""การที่ศาลรับฟ้องไว้เพื่อไต่สวนมูลฟ้องนั้นไม่จำเป็นที่ศาลจะต้องไต่สวนมูลฟ้องหรือต้องวินิจฉัยว่าฟ้องมีมูลและมีประทับรับฟ้องไว้พิจาณราก่อนเสมอไป"""
|
4 |
-
audio_003.mp3,"""เพราะ หากศาลเห็นว่าจำเลยมิได้กระทำผิด การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดคดีขาดอายุความหรือมีเหตุตามกฎหมายที่จำเลยไม่ควรต้องรับโทษให้ศาลยกฟ้องปล่อยตัวจำเลยไป ทั้งนี้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๘๕"""
|
5 |
-
audio_004.mp3,เมื่อศาลเห็นว่าการกระทำทั้งหลายของจำเลยตามฟ้องพ้นจากความผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิง ศาลชอบที่จะยกฟ้องโดบไม่จ้เป็นต้องไต่สวนมูลฟ้องและประทับรับฟ้อง
|
6 |
-
audio_005.mp3,คำถามข้อที่ ๒ ผู้เสียหายที่แท้จริงไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัย ผู้มีอำนาจจัดการแทนผู้เสียหายจะมีอำนาจเข้าร่วมโจทก์กับพนักงานอัยการในคดีส่วนอาญาหรือยื่นคำร้องขอให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในส่วนแพ่งหรือไม่ ผู้เสียหายที่แท้จริงไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัย ผู้มีอำนาจจัดการแทนมีอำนาจเข้าร่วมกับอัยการในคดีส่วนอาญาหรือยื่นคำร้องขอให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนใรส่วนแพ่งหรือไม่
|
7 |
-
audio_006.mp3,"ดูคำตอบครับ คำพิพากษฎีกาที่ ๘๐๐๑-๘๐๐๒/๒๕๖๐ วินิจฉัยว่า ""ผู้ตายสมัครใจเข้าวิวาทต่อสู้กับจำเลย ผู้ตายจึงไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัย มารดาของผู้ตายไม่มีอำนาจจัดการแทนผู้ตาย จึงไม่มีอำนาจเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการในคดีอาญา"""
|
8 |
-
audio_007.mp3,ตามประมวลกฏหมายวิธีพิจารณาอาญามาตรา ๔๔/๑เป็นบัญญัติที่มีเจตนารมณ์ที่จะช่วยผู้ที่ได้รับความเสียหายทางแพ่งให้ได้รับความสะดวกรวดเร็วในการได้รับชดใช้ค่าสินไหมทดแทนและไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีแพ่งเป็นอีกคดีหนึ่ง ทั้งคดีแพ่งและคดีอาญาจะได้เสร็จสิ้นไปในคราวเดียวกัน โดยให้ผู้ได้รับความเสียหายยื่นคำร้องเข้ามาในคดีอาญา
|
9 |
-
audio_008.mp3,แม้ผู้ตายจะไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัยแต่ความตายก็เพราะเหตุเกิดจากการกระทำของ���ำเลยกับพวก ถือเป็นผู้เสียหาย(ในทางแพ่ง) มีสิทธิที่จะยื่นคำร้องต่อศาลที่พิจารณาคดีอาญาตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวได้ แม้จะได้ความว่าผู้ตายมีส่วนก่อให้เกิดความเสียหายด้วยโดยสมัครใจวิวาททำร้ายกับจำเลยก็เป็นข้อเท็จจริงที่จะนำมาใช้ประกอบดุลพินิจในการกำหนดค่าสินไหมทดแทนเท่านั้น
|
10 |
-
audio_009.mp3,ไม่ทำให้สิทธิของผู้เสียหายที่จะขอให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนหมดไป มารดาของผู้ตายและเป็นทายาท เมื่อผู้ตายถูกทำร้ายถึงตายต้องขาดได้อุปการะตามกฎหมายและต้องจัดงานศพ จึงมีสิทธิเรียกค่าปลงศพและค่าขาดได้อุปการะได้ ฎีกานี้มี 2 ส่วน ผู้เสียหายที่แท้จริงไม่ใช่ผู้เสียหายนิตินัย
|
11 |
-
audio_010.mp3,ผู้มีอำนาจจัดการแทนคือมารดาไม่มีอำนาจร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการแต่ในส่วนแพ่งตามวิอาญามาตรา ๔๔/๑ สามารถที่จะเรียกค่าเสียหายแทนได้นะครับ เพราะว่าได้บัญญัติเจตนารมณ์ไว้แล้วนะครับ ว่ามาตรานี้จะมีเจตนารมณ์ที่จะให้การดำเนินคดีแพ่งและคดีอาญาจะได้เสร็จสิ้นไปในคราวเดียวกัน
|
12 |
-
audio_011.mp3,ซึ่งกับหลักเดิมในเรื่องคำขอตามมาตรา ๔๔/๑ ซึ่งฏีกาก่อนๆนั้นบัญญัติว่าเมื่อไม่เป็นผู้เสียหายในนิตินัยแล้วก็ไม่สามารถที่จะเรียกค่าเสียหาย
|
13 |
-
audio_012.mp3,คำถามต่อไปข้อ ๓ ข้อหาความผิดที่ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโจทก์ฎีกาได้หรือไม่
|
14 |
-
audio_013.mp3,มาดูคำตอบมีคำพิพากษาศาลฎีกาที่ ู๖๕๔๐/ ๒๕๖๐ วินิจฉัยว่าศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีโจทก์ไม่มีมูลพิพากษายกฟ้องศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้ยกฟ้องคดีจึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาไม่ว่าจะเป็นปัญหาข้อเท็จจริงและปัญหาข้อกฎหมายตามปอวิอาญามาตรา ๒๒๐
|
15 |
-
audio_014.mp3,คำถามต่อไปข้อที่ ๔ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องขอยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์โดยให้เหตุผลว่าเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำคำสั่งศาลอุทธรณ์เป็นที่สุดแห่งมาตรา 156 วรรคท้ายหรือไม่
|
16 |
-
audio_015.mp3,คำตอบมีฎีกาที่ ๗๗๗๗ / ๒๕๖๐ วินิจฉัยว่าการที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องขอยกเว้นค่าธรรมเนียมของจำเลยโดยให้เหตุผลว่าเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำถือว่าเป็นขั้นตอนเกี่ยวกับการขอยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลนั่นเองถือว่าเป็น ๑๕๑/๑ วรรคท้าย บัญญัติให้เป็นที่สุดจำเลยไม่มีสิทธิ์ฎีกา
|
17 |
-
audio_016.mp3,คำถามข้อที่ ๕ ราษฎรเป็นโจทก์ฟ้องคดีอาญาและคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาคดีอาญาระหว่างการพิจารณาคดีของศาลอุทธรณ์โจทก์ฟ้องคดีแพ่งขอให้ขับไล่จำเลยในเรื่องเดียวกันกับคดีส่วนแพ่งที่โจทก์ฟ้องคดีอาญาดังนี้ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องสอนหรือไม่
|
18 |
-
audio_017.mp3,คำตอบมีคำพิพากษาฎีกาที่ ๓๘๔๓ / ๒๕๖๐ วินิจฉัยว่าแม้โจทก์จะฟ้องคดีอาญาและคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญารวมกันมากับคดีอาญาแต่ในการพิจารณาคดีส่วนแพ่งต้องเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งตามปอวิอาญามาตรา ๔๐
|
19 |
-
audio_018.mp3,จำเลยจึงมีฐานะจึงมีฐานะเป็นจำเลยในคดีตั้งแต่ขณะที่โจทก์ยื่นฟ้องคดีอาญาต่อศาลชั้นต้นและถือว่าคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาตามปอวิแพ่งมาตรา ๑๗๒วรรคสองซึ่งคำว่าระหว่างการพิจารณานั้นอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นศาลอุทธรณ์
|
20 |
-
audio_019.mp3,เมื่อโจทก์ได้อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาคดีอาญาของศาลชั้นต้นต่อศาลอุทธรณ์และในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์โจทก์ได้ยื่นฟ้องคดีนี้ขอให้ขับไล่จำเลยอันเป็นการฟ้องคดีที่โจทก์ฟ้องคดีอาญาของศาลชั้นต้นฟ้องโจทก์คดีนี้จึงเป็นฟ้องสอนกับคดีส่วนแพ่งในคดีต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๑๗๓ วรรคสองอนุมาตราหนึ่ง
|
21 |
-
audio_020.mp3,คำถามข้อ ๖ ฟ้องแย้งที่อาศัยข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในระหว่างพิจารณาคดีเกี่ยวกับฟ้องเดิมหรือไม่คำตอบฎีกาที่ ๔๕๒/ ๒๕๖๐ โจทก์ฟ้องขอให้บังคับให้โจทก์มีอำนาจปกครองเด็กหญิงจอจานระหว่างพิจารณาปรากฏว่าจำเลยจำเลยจึงฟ้องแย้งขอให้ชดใช้ค่าอุปการะเลี้ยงดูที่จำเลยต้องจ่ายไป
|
22 |
-
audio_021.mp3,ฟ้องแย้งของจำเลยเป็นฟ้องที่อาศัยข้อเท็จจริงที่เกิดใหม่ขึ้นระหว่างพิจารณาคดีโดยเป็นการบังคับแก่โจทก์ให้ชำระค่าเสียหายเป็นคนละเรื่องไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม ๑๗๗ วรรคสามนี้ฟ้องเดิมเป็นฟ้องโจทก์ฟ้องจำเลยในฟ้องแย้งขอให้ชดใช้ค่าเลี้ยงดูบุตรของจำเลยจึงไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม
|
23 |
-
audio_022.mp3,ต่อไปคำถามข้อที่ ๗ คำให้การที่จำ���ลยรับสารภาพตามฟ้องจะหมายความรวมถึงการรับว่าจำเลยต้องโทษจำคุกมาก่อนตามที่โจทก์กล่าวในฟ้องที่โจทก์ขอให้เพิ่มโทษจำเลยด้วยหรือไม่เพราะ
|
24 |
-
audio_023.mp3,คำตอบมีคำพิพากษาฎีกาที่ ๔๕๒๑/ ๒๕๖๑ วินิจฉัยว่าโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดในคดีอาญาของศาลจังหวัดสุรินทร์จำคุกสี่ปีระหว่างที่จำเลยต้องรับโทษในคดีดังกล่าวจำเลยได้กระทำผิดในคดีนี้อีก
|
25 |
-
audio_024.mp3,จำเลยเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องย่อมหมายถึงการรับว่าจำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาก่อนตามที่โจทก์ฟ้องจำเลยตามคำขอท้ายฟ้องด้วยจึงต้องเพิ่มโทษที่จะลงแก่จำเลยอีกหนึ่งในสามตามอาญามาตรา ๙๒ จำเลยรับสารภาพตามฟ้องที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยต้องคำพิพากษาถึงที่สุด
|
26 |
-
audio_025.mp3,คำถามข้อที่ ๘ ความผิดฐานกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน ๑๓ ปีและกระทำอนาจารแก่เด็กอายุไม่เกิน ๑๕ ปีโดยเด็กนั้นยินยอมมารดามีสิทธิ์ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับอัยการหรือไม่หรือมีสิทธิ์ยื่นคำร้องเรียกค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยแทนเด็กหรือไม่ประเด็น
|
27 |
-
audio_026.mp3,มาดูคำตอบมีคำพิพากษาฎีกาที่ ๓๕๕๔ / หกหนึ่งวินิจฉัยว่ากฎหมายมุ่งความรับผิดเมื่อผู้เสียหายอายุไม่เกิน ๑๓ ปีแม้จำเลยจะกระทำโดยผู้เสียหายยินยอมก็ไม่อาจนำมาเป็นเหตุพิจารณาว่ามิใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัยมารดาจึงขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับอัยการได้
|
28 |
-
audio_027.mp3,ส่วนเรื่องคำขอบังคับในส่วนแพ่งตาม ป.วิ.อาณามาตรา ๔๔/๑ เมื่อการล่วงละเมิดทางเพศดังกล่าวเกิดจากการกระทำละเมิดของจำเลยตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๔๒๐ โจทก์ร่วมจึงมีสิธิยื่นคำร้องขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนมาตรา ๔๔/๑ ได้
|
29 |
-
audio_028.mp3,"คำถามข้อต่อไปข้อ ๙ ผู้เสียหายเป็นโจทก์ฟ้องคดีอาญาข้อหา ยักยอก ต่อศาลแขวงและขอให้บังคับจำเลยคืนเงินที่ยักยอกเกิน ๓๐๐,๐๐๐ บาท ผู้พิพากษาคนเดียวนศาลชั้นต้นจะมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีในส่วนแพ่งหรือไม่ คำตอบนะครับ คำพิพากษาฎีกา ๘๑๙๒ / ๒๕๖๐ วินิจฉัยว่า"
|
30 |
-
audio_029.mp3,ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา ๒๕ อนุ ๔ วรรคฟนึ่ง กำหนดว่าผู้พิพากษาคนเดียวมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีแพ่ง ซึ่งราคาทรัพย์สินที่พิพาทหรือจำนวนเงินที่ฟ้องไมเกิน สามแสนบาท ก็ตามแต่ ป.วิ.อาญามาตรา ๔๐ กำห���ดว่า การฟ้องคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาจะฟ้องต่อศาลซึ่งพิจารณาคดีอาญาหรือต่อศาลที่มีอำนาจชำระคดีแพ่งก็ได้
|
31 |
-
audio_030.mp3,การพิจารณาคดีแพ่งต้องเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวีพิจารณาความแพ่ง เจตนารมของกฎหมายดังกล่าว ก็เพื่อคุ้มครองสิทธิขแงผู้เสียหายที่ตตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมให้ได้รับการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนโดยสะดวกและรวดเร็ว ผู้พิพากษาคนเดียวในศาลชั้นต้นก็มีอำนาจพิพากษาคดีส่วนแพ่งได้
|
32 |
-
audio_031.mp3,คำถามข้อ ๑๐ โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นจาม ป.วิ.อาญามาตรา ๒๘๘ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม ป.อาญามาตรา ๒๘๘ ประกอบมาตรา ๗๒ (ฆ่าโดยบันดาลโทสะ) ศาลอุทรณ์พิพากษายืน โจทก์จะฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าผู้อื่นตาม ป.อาญามาตรา ๒๘๘ ได้หรือไม่
|
33 |
-
audio_032.mp3,คำตอบมีคำพิพากษาฏีกาที่ ๑๙๓๙/๒๕๖๑ วินิจฉัยว่า ตามปัญหาเท่ากับศาลชั้นต้นและศาลอุทรณ์พิพากษายกฟ้องในความผิดฐานฆ่าผู้อื่น จามป.อาญามาตรา ๒๘๘ โจทก์ฎีกาว่าไม่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ เป็นข้อเท็จจริงต้องห้ามคู่ความฎีกาตาม ป.วิ.อาญามาตรา ๒๒๐ ข้อนี้ให้แยกเป็นสอง ข้อหานะครับก็คือฆ่าผู้อื่นกับฆ่าผู้อื่นโดยบันดาลโทสะ
|
34 |
-
audio_033.mp3,ฆ่าผู้อื่นเนี่ยมันหนักว่าฆ่าผู้อื่นโดยบัญดาลโทสะโจกท์ฟ้องขอให้ฆ่าผู้อื่นเฉยๆแต่ว่าศาลชั้นต้นพิพากษาว่าเป็นการฆ่าผู้อื่นโดยบัญดาลโทสะ ศาลอุทรณ์ยืนเท่ากับว่ายกศาลชั้นต้นและศาลอุทรณ์ยกฟ้องในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นธรรมดานะครับ ให้ลงแค่บัญดาลโทสะโทษเบากว่า คดีนี้จึงเมื่อโจทก์ฎีกาว่าไม่ใช่กระทำบัญดาลโทสะ ก็คือฎีกาว่าเป็นการกระทำตามมาตรา ๒๘๘ ฐานฆ่าผู้อื่นธรรมดาจึงต้อห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามมาตรา ๒๒๐ เพราะศาลชั้นต้นและศาลอุทรณ์พิพากษายกฟ้องในความผิดตามมาตรา ๒๘๘แล้วนะครับ
|
35 |
-
audio_034.mp3,ข้อ ๑๑ นะครับ การถอนฟ้องคดีอาญา โจทก์จะต้องทำคำร้องขอถอนฟ้องเป็นหนังสือมายื่นต่อศาลหรือไม่ และการขอถอนฟ้องอันสืบเนื่องมาจากข้อตกลงหรือการท้ากันในคดีแพ่งจะถือเป็นการท้ากันในคดีอาญาหรือไม่ ประเด็นแรกถอนฟ้องในคดีอาญาต้องท้เป็นหนังสือไหม ประเด็นที่สองท้ากันในคดีแพ่งจะถือเป็นการท้ากันในคดีอาญาไหม
|
36 |
-
audio_035.mp3,มาดูคำตอบฎีกา๒���๕๔/๒๕๖๐ วินิจฉัยว่า การถอนฟ้องในคดีอาญาหาจำเป็นต้องทำคำร้องเป็นหนังสือมายื่นต่อศาลแต่เพียงวิธีเดียวไม่ทั้ง ก็คือไม่ต้องทำคำร้องเป็นหนังสือยื่นต่อศาลมีวิธีอื่นที่จะสามารถถอนฟ้องได้นะครับ นี้ตาม ป.วิ.อาญามาตรา ๓๕ วรรคหนึ่ง กำหนดว่า คำร้องขอถอนฟ้องในคดีอาญาจะยื่นเวลาใดก่อนมีคำพิพากษาของศาลชั้นต้นก็ได้ ศาลจะมีคำสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ถอนก็ได้ แล้วแต่จะเห็ยสมควร
|
37 |
-
audio_036.mp3,เท่ากับเป็นดุลพินิจของศาลกำหนดให้ถอนฟ้องโดยวิธีใดก็แล้วแต่จะเห็นสมควรนะครับ ทั้งข้อตกลงท้ากันในคดีแพ่งก็ไม่ถือท้ากันในคดีอาญาคดีนี้มันมีการท้ากันในคดีแพ่งก่อนแล้วว่าหากชนะท้าคดีอพ่งนั้นจะมาถอนฟ้องคดีอาญานะครับเป็นการท้าในคดีแพ่ง แล้วมีผลในคดีอาญาหากเป็นไปตามคำท้าจะเป็นผลสือเนื่องให้ถอนฟ้องคดีอาญาเมื่อคดีแพง่นั้นเป็นไปตามคำท้าอล้ว ย่อมสืบเนื่องเป็นผลให้ถอนฟ้องคดีอาญาด้วยนะครับ
|
38 |
-
audio_037.mp3,คำถามข้อ ๑๒ ถ้อยคำของผู้ถูกจับรับว่าเมทแอมเฟตามีนของกลางเป็นของตนที่ได้จำหน่ายให้แก่สายลับ รับว่ายาบ้าเป็ยของตนที่ได้จำหน่ายให้สายลับและรับธนบตรจำนวนดังกล่าวได้มาจากจำหน่ายยส ก็คือเงินนั้นเป็นคนที่ได้มาจากการจำหน่ายยาเป็นถ้อยคำรับสารภาพของผู้ถูกจับว่าตนได้กระทำความผิดอันจะต้องมิให้รับฟังเป็นพยานหลักฐานหรือไม่ ต้องห้ามรับฟังหรือไม่ คดีนี้เป็นความลับหรือไม่
|
39 |
-
audio_038.mp3,มีฎีกา ๕๐๒๘/๒๕๖๐ วินิจฉัยว่าเป็นถ้อยยคำรับสารภาพของผู้ถูกจับว่าตนได้กระทำผิด เป็รคำรับว่าตนได้กระทำผิดนะครับ ห้ามมิให้รับฟังตาม ป.วิ.อาญามาตรา ๘๔ วรรคท้าย
|
40 |
-
audio_039.mp3,คำถามข้อที่ ๑๓ จำเลยที่ ๑อ้างตนเบิกความเป็นพยานปรักปรำหรือก่อให้เกิดความเสียหายแก่จำเลยที่ ๒ หาได้ใช้สิทธิซักค้านจำเลยที่ ๑ คำเบิกความของจำเลยที่ ๑ จะถือว่าเป็นกรณีที่โจทก์อ้างจำเลยเป็นพยานต้องห้ามตาม ป.วิ.อาญามาตรา ๒๓๒ หรือไม่
|
41 |
-
audio_040.mp3,มาดูตรงคำตอบ กาที่ ๖๑๓๔/๒๕๖๐ วินิจฉัยว่ากรณีตามปัญหาเป็นกรณีที่จำเลยที่ ๑อ้างตนเป็นพยาน ไม่ใช่กรณีที่โจทก์อ้างจำเลยเป็นพยานนะครับ จำเลยอ้างตนเองเป็ยพยานนะครับไม่ใช่โจทก์อ้างจำเลยเป็นพยานจึงไม่ต้องห้ามตาม ป.วิ.อาญามาตรา ๓๒๓
|
42 |
-
audio_041.mp3,ต่อไปคำถามข้��ที่ ๑๔ นะครับ คำให้การจำเลยว่าจำเลยขอให้การรับสารภาพ ฐานลักทรัพย์ตามฟ้องโจทก์รับสารภาพลักทรัพย์ตามฟ้องโจทก์ จะถือว่าจำเลยรับด้วยว่าเคยต้องโทษและพ้นโทษคดีที่โจทก์ขอให้เพิ่มโทษด้วยหรือไม่
|
43 |
-
audio_042.mp3,มากดูฎีกาที่ ๕๓๒๘/๒๕๖๑ วินิจฉัยว่า ถือว่าจำเลยรับสารภาพฐานลักพรัทย์ตามฟ้อง ซึ่งเป็นคำรับสารภาพว่าได้กระทำผิดฐานลักทรัพย์ตามฟ้องเท่านั้น รับแค่ฐานลักทรัพย์เท่านั้นครับ มิได้ให้การรับด้วยว่าจำเลยเคยต้องโทษให้พ้นคดีที่โทจก์ขอให้เพิ่มโทษ ไม่ได้รับด้วยว่าต้องโทษและเคยรับโทษในคดีที่ขอให้เพิ่มโทษ โจทก์ต้องนำสืบให้ปรากฎข้อเท็จจริงตามคำฟ้องขอให้เพิ่มโทษด้วย
|
44 |
-
audio_043.mp3,ฎีกานี้แตกต่างจากข้อ ๗ นะครับ ซึ่งในข้อ ๗ เนี่ย ฎีกาที่ ๔๕๒๑/๖๑ เนื่ยจำเลยได้ให้รับการสารภาพตามร้องแต่ฎีกานี้จำเลยรับสารภาพฐานลักทรัพย์นะครับ ต่างกันตรงนี้นะครับ
|
45 |
-
audio_044.mp3,ต่อไปคำถามข้อที่ ๑๕ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๗๙ วรรคสาม รวม ๒ กระทง จำคุกกระทงละ ๕ ปี ศาลอุทรณ์พิพากษายืนจำเลยฏีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้หรือไม่
|
46 |
-
audio_045.mp3,ดูตรงคำตอบนะครับฎีกาที่ ๑๘๙๐/๒๕๖๑ วินิจฉัยว่า ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลยตาม ป.อาญามาตรา ๒๗๙ วรรคแรก รวม ๒ กระทง กระทงละ ๕ ปี รวมจำคุก ๑๐ ปี ศาลอุทรณ์พิพากษายืน และยังคงลงโทษจำคุกจำเลยแต่ละกระทงไม่เกินห้าปี จึงต้องฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.ว.อาญามาตรา ๒๑๘ วรรคหนึ่ง คดีนี้ก็การที่จะพิจารณาว่าต้องห้ามฎีกาหรือไม่ก็พิจารณารายกระทงไปนะครับเมื่อแต่ละกระทงไม่เกินห้าปีก็ต้องห้ามฎีกา
|
47 |
-
audio_046.mp3,ข้อ ๑๖ คำถามราษฎรเป็นโจทก์ฟ้องคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีไม่มีมูลและพิพากษายกฟ้องคดีส่วนอาญา ศาลอุทรณ์พิพากษายืน ศาลชั้นต้นจะมีอำนาจส่วนคดีแพ่งโดยลำพังไว้พิจารณาหรือไม่ ศาลอุทรณืพิพากษายืน ศาลชั้นต้นจะมีอำนาจรับคดีส่วนแพ่งโดยลำพังไว้พิจารณาหรือไม่
|
48 |
-
audio_047.mp3,มาดูคำตอบ ฎีดาที่ ๔๒๙๒/๒๕๖๐ วินิจฉัยว่า เมื่อศาลชั้นต้นที่มีอำนาจพิจารณาเฉพาะคดีอสญา ไส่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีไม่มี่มูลและพิพากษายกฟ้องคดีอาญา อันมีผลเป็นการไม่รับคดีอาญาไว้พิจารณา ศ���ลลชั้นต้นย่อมไม่มีอำนาจรับคดีส่วนแพ่งไว้พิจารณาโดยลำพัง ศาลลชั้นต้นย่อมไม่มีอำนาจรับคดีส่วนแพ่งไว้พิจารณาโดยลำพัง ต้องมีคำสั่งไม่รับฟ้องคดีส่วนแพ่งและคืนค่าขึ้นศาลแก่โจทก์ตาม ป.วิ.อาญามาตร ๑๕๑
|
49 |
-
audio_048.mp3,คำถามข้อที่ ๑๗ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยวินิฉัยว่า จำเลยยังมิได้กระทำการใดทีเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ ฟ้องแย้งของจำเลยด้วยหรือไม่
|
50 |
-
audio_049.mp3,มาดูคำตอบฎีกาที่ ๒๑๒๗/๒๕๖๑ วินิจฉัยว่าศาลชั้นต้นยกฟ้องโจทก์เนื่องจากโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะจำเลยยังไม่ได้กระทำการใดที่เป็นการโต้แย้งสิทธิโจทก์ฟ้องแย้งของจำเลยย่อมต้องตกไปด้วย เพราะการฟ้องแย้งนั้นจะมีได้จะต้องมีฟ้องเดิมและโจทก์เดิมที่จะเป็นจำเลยของฟ้องแย้งอยู่ด้วย
|
51 |
-
audio_050.mp3,ฟ้องตกไปด้วย เพราะว่าฟ้องเดิมนั้นไม่มีตัวโจทก์เดิม ละ ครับ ไม่มีตัวโจท์เดิม ไม่มีฟ้องเดิมอยู่ ฟ้องแย้งจึงตกไปด้วย
|
52 |
-
audio_051.mp3,คำถามข้อที่ ๑๘ คําฟ้องเดิมเป็นเรื่องที่โจทก์เรียกเงินเดือนและเงินประจําตําแหน่งคืน เรียกเงินเดือนและเงินประจําตําแหน่งคืน จําเลยยื่น คําให้การและฟ้องแย้งให้โจทก์เพิกถอนคําสั่งที่ให้จําเลยออกจากราชการและมีคําสั่งให้โจทก์ กลับเข้ารับราชการ ดังนี้ ฟ้องแย้งเกี่ยวกับคําฟ้องเดิมหรือไม่
|
53 |
-
audio_052.mp3,คำตอบ ฎีกาที่ ๗๕๐๙/๒๕๖๐ วินิจฉัยว่า “คําฟ้องเดิมที่เรียกเงินเดือนและเงินประจําตําแหน่งคืนนั้น เป็นเรื่องลาภมิควรได้ เป็นเรื่องลาภมิควรได้ แต่ตามฟ้องที่ให้โจทก์เพิกถอนคําสั่งออกจากราชการและมีให้โจทก์ กลับเข้ารับราชการนั้น เป็นเรื่องข้อโต้แย้งเกี่ยวกับคําสั่งในทางบริหารของ เป็นเรื่องข้อโต้แย้งเกี่ยวกับคําสั่งในทางบริหารโจทก์ จึงเป็นเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมนะครับ เป็นเรื่องอื่น
|
54 |
-
audio_053.mp3,คำถามข้อที่ ๑๙ คําขอท้ายฟ้องของโจทก์ว่าให้จําเลยชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความ แทนโจทก์ ศาลมีอํานาจกําหนดให้จําเลยชดใช้ค่าใช้จ่ายในการดําเนินคดีแก่โจทก์หรือไม่ ขอให้ชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความ ศาลจะมีอำนาจให้จ่ายค่าดำเนินคดีได้มั้ย
|
55 |
-
audio_054.mp3,มาดูคำตอบที่ ฎีกา.๗๕๐๐/๒๕๖๐ วินิจฉัยว่า “ตาม ป.วิ.แพ่ง.มาตรา ๑๔๙ กําหนดว่า ค่าฤชาธรรมเนียม นั้��หมายความรวมถึงค่าใช้จ่ายในการดําเนินคดีด้วย ค่าฤชาธรรมเนียม นั้นหมายความรวมถึงค่าใช้จ่ายในการดําเนินคดีด้วย ศาลชั้นต้นย่อมมีอำนาจกําหนดให้จําเลยชดใช้ค่าใช้จ่าย ในการดำเนินคดีแก้โจทก์ได้ตามตาราง ๗ อดังนี้ ป.วิ.แพ่ง. ๑๖๑ นะครับ
|
56 |
-
audio_055.mp3,คำถามข้อที่ ๒๐. คู่ความแถลงว่า จะจัดทําบันทึกคําเบิกความแทนการซักถามมายื่นต่อศาลและ ส่งให้อีกฝ่ายก่อนสืบพยานภายในระยะเวลาตามกฎหมาย และศาลชั้นต้นอนุญาต แต่โจทก์ส่ง บันทึกคําเบิกความของพยานให้ฝ่ายจําเลยเพียงปากเดียว ส่วนพยานอีก ๒ ปาก โจทก์นำพยานมาเบิกความโดยไม่ได้จัดทําบันทึกเบิกความส่งให้จําเลยตามที่แถลงต่อศาลและศาล อนุญาต คําเบิกความของพยานโจทก์ ๒ ปากดังกล่าว ต้องห้ามมิให้รับฟังหรือไม่
|
57 |
-
audio_056.mp3,ทวนนคำตอบ ฎีกาที่.๔๑/๒๕๖๑ วินิจฉัยว่า “การที่โจทก์ส่งบันทึกคําเบิกความของ ว. ให้ฝ่ายจําเลยเพียง ปากเดียว ส่วนพยานอีก ๒ ปาก โจทก์นําพยานมาเบิกความโดยไม่ได้จัดทําบันทึกคําเบิกความส่งให้จําเลยตามที่แถลงต่อศาลและศาลอนุญาตแต่อย่างใด มิได้มีบทบัญญัติของกฎหมาย ห้ามมิให้รับฟังเป็นพยานหลักฐานแต่ประการใด
|
58 |
-
audio_057.mp3,"แม้การสืบพยานจะไม่เป็นไปตามที่ คู่ความตกลงกัน ก็มิได้ก่อให้เกิดความไม่เที่ยงธรรมแก่ฝ่ายจําเลยทั้งสอง มิใช่เป็นการไม่ปฏิบัติ ตาม ป.วิ.แพ่งมาตรา ๑๐๓/๒, ๑๒๐/๑ และ ๑๒๐/๓ จึงไม่ต้องห้ามรับฟังแต่อย่างใดนะครับ ฎีกานี้ให้ให้ท่านไปมำความเข้าใจ ฎีกาที่ ๔๑/๖๑ ค่อนข้างจะทำความเข้าใจยากนิดหนึ่ง"
|
59 |
-
audio_058.mp3,อ่ามาดูคำถามข้อที่ ๒๑. คดีก่อน โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้โจทก์และจําเลยหย่ากัน ขอฟ้องหย่าและแบ่ง สินสมรส ศาลยกฟ้องเนื่องจากไม่มีเหตุหย่า จึงไม่ได้วินิจฉัยว่าทรัพย์สินใดเป็น สินสมรสที่จะต้องแบ่ง คดีหลัง โจทก์ฟ้องขอให้แยกสินสมรสและให้จําเลยชําระค่าอุปการะ เลี้ยงดู ดังนี้ ฟ้องในคดีหลังเป็นฟ้องซ้ำหรือดําเนินกระบวนพิจารณาซ้ำหรือไม่
|
60 |
-
audio_059.mp3,มาดูคำตอบ ฎีการที่ ๒๘๕๔/๒๕๖๑ วินิจฉัยว่า “ประเด็นในคดีก่อนมีว่า มีเหตุหย่าหรือไม่นะครับ คดีก่อนประเด็นมีว่า มีเหตุหย่าหรือไม่หากศาล พิพากษาให้หย่าจึงจะมีการแบ่งสินสมรส เมื่อศาลพิพากษายกฟ้องเนื่องจากไม่มีเหตุหย่า จึง ไม่ไ��้วินิจฉัยว่าทรัพย์สินใดเป็นสินสมรสที่จะต้องแบ่ง ส่วนคดีหลังมีประเด็นว่า มีเหตุให้แยก สินสมรสหรือไม่ มีเหตุให้แยก สินสมรสหรือไม่
|
61 |
-
audio_060.mp3,อ่ามาดูคำถามข้อที่ ๒๑. คดีก่อน โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้โจทก์และจําเลยหย่ากัน ขอฟ้องหย่าและแบ่ง สินและจําเลยต้องชําระค่าอุปากระเลี้ยงดูหรือไม่ และสินสมรสที่ต้อง แยกได้แก่ทรัพย์สินใด ประเด็นแห่งคดีนี้และคดีก่อนจึงต่างกัน แม้ทรัพย์สินที่อ้างตามฟ้องคดีนี้จะเป็นทรัพย์สินตามฟ้องกับคดีก่อน แต่คดีก่อนศาลยังไม่ได้วินิจฉัยว่าทรัพย์สินใดเป็นสินสมรสที่ต้องแบ่ง ฟ้องโจทก์ในคดีหลังจึงไม่เป็นฟ้องซ้ำหรือดําเนินกระบวนพิจารณาซ้ำนะครับ มีเหตุหย่ากับเหตุแบ่งสินสมรส ประเด็นแห่งคดีนี้และคดีก่อนจึงต่างกัน ไม่เป็นฟ้องซ้ำหรือดําเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ
|
62 |
-
audio_061.mp3,ต่อไปเป็นคำถาที่ ๒๒ การกู้ยืมเงินมีหลักฐานเป็นหนังสือ ผู้กู้จะนําสืบการใช้เงินว่าได้ชําระหนี้แก่ผู้ให้กู้ โดยการนําเงินสดเข้าบัญชีของผู้ให้กู้ โดยไม่มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่ง ลงลายมือ ชื่อผู้ให้ยืมมาแสดง หรือมีหลักฐานแห่งการกู้ยืมได้เวนคืนแล้ว หรือแทงเพิกถอนในหลักฐานการ กู้ยืมแล้วได้หรือไม่ กู้ยืมมีหลักฐานเป็นหนังสือ มีการชำระหนี้โดยการนำเงินสดเข้าบัญชีนะครับ จะนำสืบไดมั้ยนะครับ
|
63 |
-
audio_062.mp3,มีคำตอบที่ ฎีกาที่ ๙๗/๒๕๖๑ วินิจฉัยว่า “การชําระหนี้ผ่านทางธนาคารดังกล่าว โดยไม่ได้ทํานิติกรรม โดยตรงแก่โจทก์ จึงไม่อาจมีการกระทําตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๕๓ วรรคสอง ได้ การที่โจทก์เจ้าหนี้ไม่ได้โต้แย้งไม่ได้รับเงิน โจทก์ไม่ได้โต้แย้งไม่ได้รับเงิน
|
64 |
-
audio_063.mp3,ถือว่าเป็นกรณีที่เจ้าหนี้ยอมรับชําระหนี้อย่างอื่นแทนการ ชําระหนี้ที่ได้ตกลงกันไว้ ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์.มาตรา ๓๒๑ วรรคหนึ่ง จําเลยมีสิทธินําสืบการชําระหนี้ ให้แก่โจทก์ด้วยการนําเงินฝากเข้าบัญชีของโจทก์ได้ นะครับ จำเลยนำสืบได้นะครับว่ามีการฝากเงินเข้าบัญชี เพราะเป็นการชำระหนี้อย่างอื่นนะครับ ชำระหนี้ด้วยอย่างอื่น
|
65 |
-
audio_064.mp3,ต่อไปเป็นคำถามข้อที่ ๒๓ โจทก์ฟ้องให้จําเลยชําระหนี้ตามสัญญากู้เงิน จําเลยให้การว่า จําเลย���ม่ได้รับเงิน ตามสัญญากู้ จําเลยไม่ได้รับเงิน ตามสัญญากู้ สัญญากู้เกิดจากการฉ้อฉลโดยโจทก์บีบบังคับหลอกลวง จําเลยจึงลงลายมือชื่อ โดยไม่ได้มีเจตนาผูกพันตามสัญญากู้ ดังนี้ จําเลยนําสืบพยานบุคคลตามข้อต่อสู้ในคําให้การได้หรือไม่
|
66 |
-
audio_065.mp3,ดูคำตอบครับ ฎีกาที่ ๓๔/๒๕๖๑ วินิจฉัยว่า “สัญญากู้ยืมเงินจะบริบูรณ์ก็ต่อเมื่อมีการส่งมอบเงินที่ยืม ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๕๐ วรรคสอง ตามคําให้การของจําเลยเป็นการปฏิเสธอ้างเหตุความไม่สมบูรณ์ แห่งหนี้
|
67 |
-
audio_066.mp3,เป็นคําให้การที่ชอบด้วย ปอวิแพ่ง มาตรา ๑๗๗ วรรคสอง คดีจึงมีประเด็นถึงความไม่ สมบูรณ์แห่งนี้ การที่จําเลยนําสืบว่าไม่ได้รับเงินตามสัญญากู้ เป็นการนําสืบถึงความไม่สมบูรณ์แห่งหนี้ ตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา ๙๔ วรรคท้าย จําเลยนําสืบได้นะครับ นำสืบว่าไม่ได้รับเงินตามสัญญากู้นะครับ เป็นการถึงความไม่สมบูรณ์แห่งหนี้ ตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา ๙๔ วรรคท้าย
|
68 |
-
audio_067.mp3,คำถามข้อที่ ๒๔ ระยะเวลาในการยื่นคําร้องขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบหลังศาล พิพากษาจะต้องยื่นไม่ช้ากว่า ๘ วัน นับแต่วันที่ได้ทราบข้อความหรือพฤติการณ์อันเป็นมูลแห่ง ข้ออ้างนั้น ตาม ป.วิ. แพ่ง มาตรา ๒๗ หรือไม่
|
69 |
-
audio_068.mp3,มาดูทวนคำตอบครับ ฎีกาที่ ๑๕๖๔/๒๕๖๑ วินิจฉัยว่า “ตามมาตรา ๒๗ วรรคสอง กําหนดให้คู่ความที่เสียหายต้องยื่นไม่ช้ากว่า ๘ วัน นับแต่วันที่ได้ทราบข้อความหรือพฤติการณ์อันเป็นมูลแห่ง ข้ออ้างนั้น ใช้บังคับกับการยื่นคําร้องขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบทุกกรณี ไม่ว่าจะอยู่ในระหว่างพิจารณาหรือหลังจากศาลพิพากษานะครับ
|
70 |
-
audio_069.mp3,แม้จะทราบหลังศาลพิพากษาแล้วก้ต้องไม่ช้ากว่า ๘ วัน นะครับ นับจากวันที่ทราบข้อความที่ผิดระเบียบ ต่อไปคำถามข้อที่ ๒๕ การขออนุญาตให้ผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุอันสมควรที่จะอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้ ตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา ๒๒๔ วรรคท้าย จะต้องยื่นคํา ร้องภายในกําหนดระยะเวลายื่นอุทธรณ์หรือไม่
|
71 |
-
audio_070.mp3,ดูคำตอบครับ ฎีกา ๓๔๙/๒๕๖๑ วินิจฉัยว่า “ผู้อุทธรณ์จะต้องยื่นคําร้องภายในกําหนดเวลายื่นอุทธรณ์ จะต้องยื่นคําร้องขออนุญาตให้รับรองว่าให้อุทธรณ์ภายในกำหนดเวลาที่จะยื่นอุทธรณ์นะครับ
|
72 |
-
audio_071.mp3,ต่อไปคำถามที่ ๒๖ โจทก์ไม่มาศาลในวันนัดพร้อมเพื่อสอบคําให้การจําเลย ไม่มาในวันนัดพร้อมเพื่อสอบคําให้การจําเลย กําหนดวันนัดสืบพยาน โจทก์ ศาลพิพากษายกฟ้อง ชอบหรือไม่
|
73 |
-
audio_072.mp3,ทวนคำตอบครับ ฎีกาที่ ๑.๗๔๖๓/๒๕๖๐ วินิจฉัยว่า “ตาม ป.วิ.อาญา มาตรา ๑๖๖ วรรคหนึ่ง กําหนดว่า ถ้าโจทก์ ไม่มาตามกําหนดนัด ให้ศาลยกฟ้องเสีย ซึ่งคําว่ากําหนดนัดนั้น หมายถึง กําหนดนัดไต่สวนหรือ กําหนดนัดพิจารณา กําหนดนัดไต่สวนนั้นหรือ กําหนดนัดพิจารณา วันนัดพร้อมเพื่อสอบคําให้การจําเลยและกําหนดวันนัดสืบพยานโจทก์
|
74 |
-
audio_073.mp3,จึงมิใช่วันนัดพิจารณาหรือนัดสืบพยานโจทก์ ไม่เข้าหลักเกณฑ์มาตรา ๑๖๖ วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา ๑๘๑ ที่ ศาลยกฟ้องเพราะโจทก์ไม่มาตามกําหนดนัดดังกล่าวจึงเป็นการไม่ชอบ เอาแล้วครับฎีกานี้กลับหลักคำพิพากษาฑีกาที่ ๗๘๔๖/๒๕๕๙ ซึ่งเคยวินิจฉัยว่าการสอบคําให้การตามมาตรา ๑๗๒ วรรค สอง เป็นการพิจารณาอย่างหนึ่ง การที่โจทก์ไม่มาตามวันนัดสอบคําให้การศาลชั้นต้นยกฟ้องได้ตาม มาตรา ๑๖๖ ประกอบมาตรา ๑๘๑
|
75 |
-
audio_074.mp3,ต่อไปเป็นคำถามข้อที่ ๒๗ คดีที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดก่อนวันที่พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งฉบับที่ ๒๗ พ.ศ. ๒๕๕๘ มีผลบังคับ
|
76 |
-
audio_075.mp3,ในชั้นบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึด ผู้ซื้อทรัพย์สินและเจ้าพนักงานบังคับคดีโอนทรัพย์สินที่ขายอันเป็นอสังหาริมทรัพย์ให้แก่ผู้ซื้อแล้ว ต่อมาผู้ซื้อยื่นคำขอฝ่ายเดียวต่อศาลขอให้ออกหมายบังคับคดีให้จำเลยและบริเวณออกไปจากที่ดินและปลูกสิ่งสร้าง หากศาลชั้นต้นยกคำร้อง ผู้ร้องจะขออนุญาตยื่นอุทรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาตามมาตรา ๒๓๓ ทวิได้หรือไม่
|
77 |
-
audio_076.mp3,ฎีกาที่ ๔๙๗๖/๒๕๖๑ วินิจฉัยว่า ศาฃแวขงสุพรรณบุรีได้มีคำพิพาษาและคดีถึงที่สุดก่อนที่ พรบ.แก้ไขเพิ่มเติม ป.วิ.แพ่งฉบับที่ ๒๗ พ.ศ. ๒๕๕๘ มีผลใช้บังคับเมื่อ ๘ พ.พย. ๕๘ แต่การที่ผู้ร้องเป็นผู้ซื้อทรัพย์สินและเจ้าพนักงานบังคับคดีโอนทรัพย์สินที่ขายอันเป็นอสังหาริมทรัพย์ให้แก่ผู้ร้องแล้วยื่นคำขอฝ่ายเดียวต่อศาลขอให้ออกหมายบังคับคดีเพื่อบังคับจำเลยและบริวารของจำเลยที่ไม���ยอมออกจากที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
|
78 |
-
audio_077.mp3,เป็นการยื่นฟ้องกล่าวหาจำเลยและบรืวารของจำเลยขึ้นใหม่ ตาม ป.วิแงมาตรา ๓๓๔ บัญญัติไว้เป็นพิเศษ เมื่อวันที่ ๗ ก.ย. ๖๐ ภายหลัง พรบ.ดังกล่าวมีผลบังคับแล้วซึ่ง ป.วิ.แพ่งมาตรา ๒๔๔/๑ ที่แก้ไขเพิ่มเติมบัญญัติให้คำพิพากษาของศาลอุธรณ์เป็นที่สุด และการฎีกาคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอุธรณ์จะกระทำได้เมื่อได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา ตามมาตรา ๒๔๗ ที่แก้ไขใหม่ ดังนั้นคดีจึงไม่อยู่ในบังคับที่จะนำ ป.วิ.แพ่งมาตรา ๒๒ภ ทวิเดิม ที่ถูกยกเลิกไปแล้ว โดย พรบ.ดังกล่าวมาใช้บังคับได้
|
79 |
-
audio_078.mp3,"คำถามข้อที่ ๒๘ ถามว่าศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกกระทงละ ๑ ปี ศาลอุทรณ์พิพากษาแก้โดยให้ลงโทษปรับด้วยกระทงลงไม่เกิน ๔๐,๐๐๐ บาท แต่ให้รอการลงโทษและคุมปะพฤติจำเลยไว้ โจทก์จะฎีกาขอให้ไม่รอการลงโทษจำคุกแก่จำเลยได้หรือไม่"
|
80 |
-
audio_079.mp3,"ฎีกาที่ ๓๗๓๐/๒๕๖๑ วินิจฉัยว่าศาลชั้นต้นลงโทษจำคำจำเลย ๓ กระทง กระทงละไม่เกิน ๑ ปีรวมจำคุก ๑๕ เดือนแต่ไม่รอการลงโทษ ศาลอุทรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้ลงโทษปรับตัวด้วยกระทงละไม่เกิน ๔๐,๐๐๐ บาท แล้วรอการลงโทษจำคุกและคุมประพฤติจำเลยไว้ จึงเป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทรณ์ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินกระทงละ ๒ ปี และปรับไม่เกินกระทงละ ๔๐,๐๐๐ บาท จึงหามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อาญามาตรา ๒๑๙ โจทก์ฎีกาขอให้ไม่รอการลงโทษเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง"
|
81 |
-
audio_080.mp3,ต่อไปคำถามข้อที่ ๒๙ คดีที่มีการร้องสอด แล้วต่อมาโจทก์ถอนฟ้องจำเลยไป หลังจากนั้นศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อมา หากโจทก์เป็นฝ่ายชนะคดี ศาลพิพากษาบังคับให้เป็นไปตามคำขอของโจทก์หรือเพียงแต่ยกคำร้องสอด
|
82 |
-
audio_081.mp3,ตรงคำตอบ ฎีกาที่ ๔๓๒/๒๕๖๐ วินิจฉัยว่า ผูเร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความฝ่ายที่สามเป็นปฏิปักษ์ต่อโจทก์ตาม ป.วิ.แพ่งมาตรา ๕๗ อนุ ๑ แม้โจทก์จะได้ถอนฟ้องจำเลยไปหลังจากนั้น แต่ศาลชั้นต้นก็ดำเนินกระบวนการพิจารณาต่อมาในฐานะที่โจทก์กับผู้ร้องสอดพิพาทกันในที่ดินพิพาท ดังนี้ เมื่อโจทก์เป็นฝ่ายชนะคดีและคำขอของโจทก์ที่เดิมของบังคับจำเลยขอให้เพิกถอนโฉนดที่ดินพิพาทนั้นอยู่ในสภาพที่เปิดช่องให้บังคับแก่ผู้ร้องสอดผู้เก็บรักษาโฉนดที่ดินไว้ จึงชอบที่จะบังคับให้เป็นไปตามคำขอของโจทก์ มิใช่แต่เพียงยกคำร้องสอดของผู้ร้องสอดที่งสามเท่านั้น
|
83 |
-
audio_082.mp3,ต่อไปคำถามข้อที่ ๓๐ โจทก์ฟ้องว่า จำเลยประเมินผลการปฏิบัติงานของโจทก์ มีคำสั่งย้ายและตัดสิทธิประโยชน์ต่างๆที่โจทก์เคยได้รับโดยมิชอบ ทำให้โจทก์เสียหายขาดโอกาสความก้าวหน้าประโยชน์ต่างๆและให้ใช้ค่าเสียหาย จำเลยฟ้องแย้งว่า โจทก์ร้องเรียนจำเลยไปยังหลายหน่วยงาน เป็นการจงใจทำให้จำเลยเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง ขอให้ใช้ค่าเสียหาย ดังนี้ฟ้องแย้งเกี่ยวกับฟ้องเดิมหรือไม่
|
84 |
-
audio_083.mp3,มีคำตอบฎีกา ๘๑๒๒/๒๕๕๙ วินิจฉัยว่า ตามฟ้องโจทก์นั้น ศาลต้องพิจารณาการกระทำของฝ่ายจำเลยว่าชอบด้วยกฎหมาย หรือระเบียบข้อบังคับหรือไม่ และการประเมินผลงานและการย้ายโจทก์เป็นการละเมิดต่อโจทก์หรือไม่ ส่วนตามฟ้องแย้งของจำเลยเป็นการอ้างข้อเท็จจริงขึ้นมาใหม่ว่า การร้องเรียนนของโจทก์เป็นการละเมิดต่อจำเลย แม้ฟ้องเดิมจะมีคดีอันเกืดจากม฿ลละเมิดรวมอยู่ด้วย แต่ประเด็นตามฟ้องแย้งและฟ้องเดิมไม่เกี่ยวข้องกันไม่อาจพิจารณารวมกันได้ ฟ้องแย้งและฟ้องเดิมไม่เกี่ยวข้องกัน
|
85 |
-
audio_084.mp3,ต่อไปข้อ ๓๑ ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำให้การ โดยไม่ได้ยื่นเสียก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า ๗ วัน อันเป็นการเพิ่มเติมคำให้การขึ้นใหม่ในประเด็นอายุความตามที่จำเลยยื่นคำให้การต่อสู้คดีไว้แล้ว ดังนี้จะถือเป็นการแก้ไขรายละเอียดเล็กน้อย หรือมีเหตุอันสมควรที่ไม่อาจยื่นคำร้องได้ก่อนนั้นหรือเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนหรือไม่
|
86 |
-
audio_085.mp3,มีคําพิพากษาฎีกาที่ ๖๙๕๑ ถึง ๖๙๕๒/๒๕๖๐ วินิจฉัยว่า “จําเลยขอแก้อายุความจากเดิม ๒ ปี เป็น ๕ ปี และ ๒ ปี ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๙๓/๓๓ และ ๑๙๓/๓๔ อันเป็นการเพิ่มเติมคําให้การขึ้นใหม่ แม้จะอยู่ในประเด็นแห่งอายุความ แต่โจทก์ก็สามารถกระทําได้แต่แรก
|
87 |
-
audio_086.mp3,แต่หาได้กระทําไม่ กลับปล่อยให้ล่วงเลยเวลาแล้วจึงยื่นคําร้องขอแก้ไขคําให้การ มีลักษณะเป็นการตั้งประเด็นขึ้นใหม่ทั้งฉบับ มิใช่เป็นการแก้ไขรายละเอียดเล็กน้อยและมิใช่กรณีมีเหตุอันสมควรที่ไม่อาจยื่นคําร้องได้ก่อนนั้น ทั้งประเด็���เรื่องอายุความไม่ใช่ปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย อายุความไม่ใช่ปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย จึงต้องยื่นก่อนวันชี้สองสถานถือก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า ๗ วัน ม.๑๘๐
|
88 |
-
audio_087.mp3,คำถามข้อ ๓๒ คนไร้ความสามารถทำหนังสือมอบอำนาจให้บุคคลอื่นฟ้องคดีอาญาต่อศาลเป็นการกระทำโดยมีอำนาจหรือไม่ หรืเป็นเพียงข้อบกพร่องที่สามารถแก้ไขให้บริบูรณ์ได้หรือไม่ คนไร้ความสามารถทำหนังสือมอบอำนาจให้ผู้อื่นฟ้องคดีต่อศาลนะครับ คดีอาญา ตรงคำตอบ ฎีกา ๓๗๒๗/๒๕๖๑ วินิจฉัยว่า เป็นการกระทำโดยโจทก์ซึ่งเป็นคนไร้ความสามารถไม่มีอำนาจที่จะกระทำได้ ต้องให้ผู้อนุบาลเป็นผู้ทำการแทนตาม ป.วิ.อาญามาตรา ๓ อนุ ๒ และมาตรา ๕ อนุ ๑
|
89 |
-
audio_088.mp3,กรณีไม่ใช่เป็นเรื่องบกพร่องในเรื่องความสามารถของโจทก์และจำต้องแก้ไขข้อบกพร่องนั้นให้บริบูรณ์ภายในกำหนดเวลาอันสมควร ตาม ป.วิ.อาญามาตรา ๕๖ ประกอบ ป.วิ.อาญามาตรา ๑๕ เพราะโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องมาแต่ต้นแล้ว ศาลชอบที่จะยกฟ้องโจทก์ กรณีนี้ไม่ใช่ข้อบกพร่องเรื่องความสามารถแต่เป็นกรณีที่เป็นไม่มีอำนาจฟ้องมาแต่ต้นนะครับ
|
90 |
-
audio_089.mp3,คำถามข้อที่ ๓๓ โจทก์เป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยฟ้องขอเพิกถอนการให้ที่ดินรวม ๓ แปล กล่าวหาว่าจำเลยดูหมิ่นโจทย์ผู้ให้อย่างร้ายแรง อันเป็นการประพฤติเนรคุณ จำเลยให้การต่อสู้ว่าจำเลยมิได้ประพฤติเนรคุณต่อโจทก์และที่ดินบางโฉนดไม่ใช่ที่ดินขิงโจทก์แต่เป็นทรัพย์มรดกของมารดาจำเลย ดังนี้ การพิจารณาสิทธิในการอุทรณ์ในข้อเท็จจริง จะต้องแยกคำนวณราคาที่ดินพิพาทแต่ละแปลงหรือคำนวณรวมกันตามราคาประเมินทั้ง ๓ แปลงหรือเป็นคดีเกี่ยวด้วยสิทธิในครอบครัวหรือไม่
|
91 |
-
audio_090.mp3,คำถามมี ๓ ประเด็นคือ ต้องแยกคำนวณราคาที่ดินแต่ละแปลงหรือไม่ หรือคำนวณรวมกันหรือเป็นคดีเกี่ยวเนื่องสิทธิในครอบครัวหรือไม่ มาดูตรงคำตอบ ๙๙๒๔/๒๕๖๐ วินิจฉัยว่าเป็นคดีพิพาทเกี่ยวด้วยกรรมสิทธิ์ในที่ดินเป็นคดีมีทุนทรัพย์และต้องแยกพิจารณาทุนทรัพย์ที่ดินแต่ละแปลงออกต่างหากจากกัน ส่วนคดี ส่วนคดีเรียกถอนคืนการให้เพราะเหตุผู้รับประพฤติเนรคุณ มิใช่คดีเกี่ยวด้วยสิทธิในครอบครัวจึงต้องห้ามคู่ความอุทร���์ในปัญหาข้อเท็จจริงจาม ป.วิ.แพ่งมาตรา ๒๒๔ วรรคหนึ่ง
|
92 |
-
audio_091.mp3,คำถามข้อที่ ๓๔ การถอนฟ้องคดีแพ่ง วินิจฉัยว่าศาลชั้นต้นจะอนุญาตให้ถอนฟ้องได้ฌฉพาะก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาเท่านั้น เพราะมาตรา ๑๗๕ วรรคหนึ่งกำหนดว่า ก่อนจำเลยยื่นคำให้การโจทก์อาจถอนฟ้องได้โดยยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องต่อศาลชั้นต้นเพื่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้ฯ
|
93 |
-
audio_092.mp3,เพราะตามมาตรา ๑๗๕ วรรค ๑ ก่อนจำเลยยื่นคำให้การโจทก์อาจถอนฟ้องได้โดยการยื่นคำบอกกล่าวเป็นหนังสือ และตามวรรค ๒ กำหนดว่าภายหลังจำเลยยื่นคำให้การแล้วโจทก์อาจยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องต่อศาลชั้นต้นเพื่อนุญาตให้ถอนฟ้องได้การยื่นคำให้การก็ต้องกระทำในระหว่างที่ศาลชั้นต้นพิจารณานั้นเอง
|
94 |
-
audio_093.mp3,ต่อไปเป็นข้อ ๓๕ คำของผู้เสียหายที่เปิกความในชั้นพิจารณาและให้การชั้นสอบสวนว่า จำเลยเคยลักทรัพย์ของผู้เสียหายมาก่อนหน้านี้ จำเลยเคยลักทรัพย์ของผู้เสียหายมาก่อนหน้านี้ จะนำมารับฟังเป็นพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ว่าจำเลยเป็นคนร้ายที่ลักทรัพย์ในคดีที่ถูกฟ้องได้หรือไม่ ก็คือเอาการกระทำความผิดครั้งก่อนมาวินิจฉัยว่าเป็นคนร้ายในคดีนี้ได้ไหม
|
95 |
-
audio_094.mp3,ฎีกาที่ ๔๑๗/๒๕๖๑ วินิจฉัยว่า ไม่อาจนำมารับฟังเป็นผลร้ายแก่จำเลย เพราะว่าเป็นพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้กับความประพฤติในเสื่อมเสียของจำเลยต้องห้ามตาม ป.ว.อาญามาตรา ๒๒๖/๒
|
96 |
-
audio_095.mp3,คำถามข้อที่ ๓๖ ถามว่าคดีอาญา ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา อันนี้โจทก์ฎีกานะครับ จำเลยยื่นคำร้องขอให้การรับสารภาพจะกระทำได้ไหม ระว่างพิจารณาของศาลฎีกาจำเลยยื่นคำร้องขอให้รับสารภาพ จะกระทำได้หรือไม่ ฎีกาที่ ๑๖๘/๒๕๖๑ วินิจฉัยว่าการแก้ไขคำให้จำเลยสามารถยื่นคำร้องได้ก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาเท่านั้น
|
97 |
-
audio_096.mp3,คือขอแก้ไขคำให้การต้องการศาลชั้นต้นพิพากษาเท่านั้นแต่อย่างไรก็ดีการที่จำเลยขอให้การรับสารภาพในชั้นฎีกาถือได้ว่าจำเลยยอมรับข้อเท็จจริงโดยไม่โต้แย้งที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยกระทำผิด แม้จพกระทำไม่ได้เป็นการแก้คำให้การไม่ได้แต่ว่าถือว่าจำเลยยอมรับข้อเท็จจริงโดยไม่โต้แย้งที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยกระทำผิด
|
98 |
-
audio_097.mp3,ต่อไปคำถามข้อที่ ๓๗ คำให้การสอบสวนเพิ่มเ���ิม พนักงงานสอบสวนไม่ได้จัดหาทนายความให้ผู้ต้องหาตาม ป.วิ.อาญามาตรา ๑๓๔/๑ วรรคหนึ่ง จะทำให้คำให้การในชั้นสอบสวนในครั้งแรกที่ชอบด้วยกฎหมายนั้นเสียไปด้วยหรือไม่ ฏีกาที่ ๕๕๘๐/๒๕๖๐ บอกว่าไม่เสียไป วินิจฉัยดังนี้ ไม่ได้ทำให้การในชั้นสอบสวนของจำเลยในครั้งแรกที่ชอบด้วยกฎหมายแล้วนั้นเสียไปด้วยแต่อย่างใด เพียงแต่ทำให้การเพิ่มเติมไม่อาจรับฟังเป็ยพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความผิดของจำเลยเท่านั้นตาม มาตรา ๑๓๔/๔ วรรคท้าย
|
99 |
-
audio_098.mp3,คำถามข้อที่ ๓๘ หนังสือสัญญาขายฝากที่ดินระบุราคาขายฝากและสินไถ่ไว้และผู้ขายฝากได้รับเงินจากผู้รับซื้อฝากเป็นการเสร็จแล้ว ผู้ขายฝากจะนำพยานบุคคลมาสืบว่า ราคาขายฝากที่แท้จริงมิใช่ตามที่ระบุในหนังสือสัญญาขายฝากและได้รับเงินตามสัญญาขายฝากไม่เต็มจำนวนได้หรือไม่
|
100 |
-
audio_099.mp3,คำตอบฎีกาที่๑๕๖/๒๕๖๑ วินิจฉัยว่า “โจทก์ฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมการจดทะเบียนที่ดิน พิพาทระหว่างจําเลยที่ ๑ และที่ ๒ มิใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องร้องขอให้บังคับหรือไม่บังคับตามสัญญาให้ ฟ้องเพิกถอนนิติกรรมการจดทะเบียนที่ดินไม่ได้บังคับตามสัญญาให้ ที่โจทก์กับจําเลยทั้งสองเป็นคู่สัญญา
|
101 |
-
audio_100.mp3,ต่อไปเป็นคำถามข้อที่ ๔๑ ประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย กําหนดว่า ในการเรียกให้ชําระหนี้และ ติดตามทวงถามให้ชําระหนี้ ผู้ประกอบธุรกิจต้องมีหนังสือแจ้งเตียนผู้บริโภคที่ผิดนัดชําระหนี้ ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒๐ วัน ก่อนดําเนินการบังคับชําระหนี้ตามกฎหมาย ผู้ประกอบธุรกิจจะนําพยานบุคคลมาสืบโดยมิได้นําหนังสือทวงถามมาแสดงต่อศาลได้หรือไม่
|
102 |
-
audio_101.mp3,"มีฎีกาที่ ๑๕๖/๒๕๖๑ วินิจฉัยว่า “ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าวเป็น ข้อเท็จจริง ไม่ใช่บทบัญญัติของกฎหมายที่ ป.วิ.แพ่ง.มาตรา ๙๔ บังคับให้ต้องมีพยาน เอกสารมาแสดง ไม่ใช่บทบัญญัติของกฎหมายที่ ป.วิ.แพ่ง.มาตรา ๙๔ บังคับให้ต้องมีพยาน เอกสารมาแสดงสามารถนําพยานเอกสารมาแสดง แม้โจทก์จะมิได้นําหนังสือทวงถามมาแสดงต่อศาล ก็รับฟัง พยานบุคคลแทนพยานเอกสารได้ ไม่ต้องห้ามตามมาตรา ๙๔(ก) นะครับ"
|
103 |
-
audio_102.mp3,ต่อไปเป็นคำถามข้อที่ ๔๒ โจทก์ฟ้องคดีต่อศาลแขวง เรียกค่าเสียหายในมูลละเมิดเป็นเงินจ���านวนไม่เกิน พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันทําละเมิดเป็นต้นไปจนกว่าจะ ชําระเสร็จ ดังนี้ ต้องนําดอกเบี้ยซึ่งคิดคํานวณนับแต่วันทําละเมิดจนถึงวันฟ้องมารวมเป็น จํานวนเงินที่ฟ้องด้วยหรือไม่ ต้องนําดอกเบี้ยซึ่งคิดคํานวณนับแต่วันทําละเมิดจนถึงวันฟ้องมารวมเป็น จํานวนเงินที่ฟ้องด้วยหรือไม่ ต้องนําดอกเบี้ยที่คํานวณนับแต่วันทําละเมิดจนถึงวันฟ้องมารวมด้วยมั้ยนะครับ
|
104 |
-
audio_103.mp3,ต่อไปคําถามข้อที่ ๔๓ ศาลชั้นต้นพิพากษาจําคุกจําเลย ๒ กระทง กระทงละ ๑ ปี โดยมีผู้พิพากษาลง ลายมือชื่อในคําพิพากษาเพียงคนเดียว คําพิพากษาศาลชั้นต้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|