title
stringlengths 2
223
| body
stringlengths 496
195k
| summary
stringlengths 34
1.83k
| type
stringlengths 4
98
⌀ | tags
stringlengths 2
1.52k
⌀ | url
stringlengths 27
112
|
---|---|---|---|---|---|
ใครคือผู้โชคดี 1482 สิทธิ์ ลงทะเบียนชิมช้อปใช้ 9 ต.ค. เต็มเร็วมาก
|
ชิมช้อปใช้, 9 ต.ค. เริ่มตั้งแต่เที่ยงคืน เต็มไวตั้งแต่ 00.14 น. เตือนคนกลุ่มแรกที่ได้รับ SMS ยืนยันตัวตน จับจ่ายครั้งแรก ภายในวันพรุ่งนี้,หลังจากรัฐบาลเปิดให้ประชาชนลงทะเบียน ,ชิมช้อปใช้, เพื่อรับสิทธิ์ตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน 2562 กำหนดจำนวน 10 ล้านคน โดยเปิดให้ลงทะเบียนวันละ 1 ล้านคนต่อวัน โดยจะได้เงินผ่านแอปพลิเคชัน ,เป๋าตัง ,คนละ 1,000 บาท ซึ่งพบว่ามีคนลงทะเบียนครบจำนวนทุกวัน ต่อมาจึงมีการเปิดให้ลงทะเบียนเพิ่มเติมให้เต็ม 10 ล้านคน สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนแล้วแต่ไม่ได้รับสิทธิ์ เนื่องจากผิดเงื่อนไขหรือให้ข้อมูลไม่ถูกต้อง ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น,ล่าสุด วันที่ 9 ตุลาคม 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จำนวนสิทธิ์ ลงทะเบียนชิมช้อปใช้ ที่คงเหลือจำนวน 1,482 สิทธิ์ มีผู้ลงทะเบียนจนเต็มไปแล้ว ตั้งแต่เวลา 00.14 น. ที่ผ่านมา,อย่างไรก็ตาม ข้อกำหนดหนึ่งของโครงการ ,ชิมช้อปใช้, คือให้ประชาชนที่ได้รับ SMS ยืนยันสิทธิ์ต้องเปิดการจับจ่ายครั้งแรกภายในระยะเวลา 14 วัน เพื่อป้องกันระบบตัดคืนเงิน ซึ่งกลุ่มแรกที่จะครบกำหนดคือผู้ได้สิทธิ์ชิมช้อปใช้ในวันแรก 27 ก.ย. ที่ผ่านมา เท่ากับว่ากลุ่มคนดังกล่าวเหลือเวลาอีกเพียงแค่ 1 วัน ในการใช้สิทธิ์ครั้งแรก แต่หากใช้สิทธิ์ครั้งแรกแล้วมีเงินเหลือ สามารถนำไปใช้ยังสถานที่อื่นๆ ภายในจังหวัดที่ลงทะเบียนไว้ได้ จนถึงวันที่ 30 พ.ย. นี้,ข่าวที่เกี่ยวข้องกับ ชิมช้อปใช้,คลัง เตือน ผู้ลงทะเบียน ชิมช้อปใช้ ลอตแรก โว คนช้อปผ่านห้างไม่ถึง 20%,เปิดวิธีค้น ร้านค้าที่เข้าร่วมชิมช้อปใช้ กรุงเทพฯ ต่างจังหวัด หาง่าย ไม่ต้องต่อคิว,ขู่เชือดร้านค้าเอาเปรียบผู้ใช้สิทธิ์ ชิมช้อปใช้ สะพัด 2,000 ล้านบาท
|
1,482 ผู้โชคดี ใช้สิทธิ์กดลงทะเบียน ชิมช้อปใช้ 9 ต.ค. เริ่มตั้งแต่เที่ยงคืน เต็มไวตั้งแต่ 00.14 น. เตือนคนกลุ่มแรกที่ได้รับ SMS ยืนยันตัวตน จับจ่ายครั้งแรก ภายในวันพรุ่งนี้
|
ข่าว,สังคม
|
ชิมช้อปใช้,ข่าวเด่น,ลงทะเบียนชิมช้อปใช้,ยืนยันสิทธิ์,ลงทะเบียน,ข่าวโซเชียล,ข่าวทั่วไป
|
https://www.thairath.co.th/news/society/1678561
|
แม่รับลูกกลับจากร.ร. สลด ชนรถโม่ปูนทับด.ช.ตายสยอง
|
เมื่อเวลา 18.20 น.วันที่ 11 มิ.ย. พ.ต.ต.ณรงค์ เมืองด้วง พนักงานสอบสวน สภ.วิชิต จ.ภูเก็ต ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าเกิดอุบัติเหตุรถโม่ปูนชนรถจักรยานยนต์หน้าห้างแมคโครภูเก็ต ถ.วิชิตสงคราม ต.วิชิต มีผู้บาดเจ็บสาหัส จึงพร้อมด้วยหน่วยพิทักษ์ชีพมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต รุดไปตรวจสอบและให้การช่วยเหลือ,ที่เกิดเหตุเป็นถนนขาออกนอกเมือง มุ่งหน้าไปยังพื้นที่ ต.กะทู้ อ.กะทู้ พบรถโม่ปูนยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ด้านหน้าติดสติกเกอร์คอนกรีตทีพีไอ ทะเบียน 80-8797 ภูเก็ต จอดอยู่ริมถนน บริเวณล้อหลังด้านซ้ายพบร่างเด็กชายสวมชุดนักเรียน นอนจมกองเลือดอยู่ที่พื้นถนน สภาพขาซ้ายฉีกขาดตั้งแต่ช่วงสะโพก คอหัก หน่วยพิทักษ์ชีพเร่งตรวจชีพจรพร้อมกับปั้มหัวใจเป็นการด่วน เนื่องจากชีพจรเต้นอ่อนลง ทราบชื่อคือ ด.ช.ธนภัทร ส่งเสริม อายุ 11 ปี นักเรียนโรงเรียนวิชิตสงคราม ซึ่งได้เสียชีวิตลงขณะนำส่งรพ.วชิระภูเก็ต,ในที่เกิดยังพบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้าดรีมสีฟ้า ทะเบียน 1 กค 8879 ภูเก็ตล้มคว่ำอยู่ริมถนน และพบนางพัชณี ส่งเสริม อายุ 42 ปี มารดาด.ช.ธนภัทร ได้รับบาดเจ็บตามร่างกายเล็กน้อย ยังสามารถพูดคุยรู้เรื่อง หน่วยพิทักษ์ชีพนำส่งรพ.วชิระภูเก็ต ,จากการสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์ ทราบว่าก่อนเกิดเหตุ เห็นนางพัชณี ขี่รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวโดยมี ด.ช.ธนภัทร นั่งซ้อนท้าย มาจากสี่แยกดาราสมุทร มุ่งหน้าไปยังพื้นที่ต.กะทู้ อ.กะทู้ ขณะที่รถโม่ปูนคู่กรณีได้วิ่งตามกันมา เมื่อมาถึงบริเวณสี่แยกไฟแดงห้างบิ๊กซีภูเก็ต รถทั้ง 2 คันจอดติดไฟแดงอยู่ข้างกัน และพอไฟเขียวก็ออกตัวไปพร้อมๆกัน แต่จู่ๆรถจักรยานยนต์เกิดเสียหลักเซเข้ามาหารถโม่ปูน และชนกับล้อหน้าของรถโม่ปูน จนด.ช.ธนภัทรที่ซ้อนท้ายร่วงลงพื้น ถูกล้อหลังของรถโม่ปูนทับและลากร่างไปกับพื้นกว่า 20 เมตรจนเสียชีวิตดังกล่าว,อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสอบสวนข้อเท็จจริงอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนจะแจ้งข้อหาดำเนินคดีกับคนขับรถโม่ปูนต่อไป.
|
แม่ขี่รถจยย.ไปรับลูกชายกลับจากโรงเรียนตอนเย็น จอดติดไฟแดงอยู่ข้างรถโม่ปูนคันใหญ่ พอไฟเขียวออกตัวจยย.เกิดเซเข้าไปหารถโม่ปูน ชนเข้าที่ล้อหน้าจนลูกร่วงลงไป ถูกล้อรถทับแล้วลากร่างไปร่วม 20 เมตร ตายสยอง
|
ข่าว,ทั่วไทย
|
อุบัติเหตุ,ทับเด็ก,ทับนักเรียน,รถโม่ปูน,ธนภัทร ส่งเสริม,สภ.วิชิต,ภูเก็ต,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวสังคม,ข่าวภูมิภาค
|
https://www.thairath.co.th/news/local/504527
|
หุ้น AOT
|
หุ้นที่ซื้อขายสูงสุด AOT ปิด 65 บาท ลบ 1.50 บาท,PTT ปิด 54.25 บาท บวก 0.25 บาท, CPALL ปิด 70 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง, SCB ปิด 144.50 บาท ลบ 4 บาท, TRUE ปิด 6.15 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง,หุ้น AOT ปรับตัวลง หลังสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวปรับลดประมาณการนักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้ลงเหลือ 37.19 ล้านคน จากเดิม 39 ล้านคน กระทบหุ้นสายการบิน ส่งผลให้นักวิเคราะห์ หั่นเป้ากำไรสุทธิปี 61–62 และราคาเป้าหมายหุ้น AOT ลงทันที ขณะที่จำนวนผู้โดยสารต่างชาติเดือน ส.ค. 61 ชะลอตัวเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน จากผลกระทบนักท่องเที่ยวจีนและรัสเซีย,บล.เอเชีย เวลท์ แนะนำ ถือ ปรับราคาเป้าหมายเป็น 70 บาท จากเดิม 75 บาท/หุ้น หลังจากปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 61-62 ลง 2.2% และ 4.1% เป็น 24,011 ล้านบาท และ 27,059 ล้านบาทตามลำดับ จากสมมติฐานจำนวนผู้โดยสารปี 61 และ 62 โตลดลงเหลือ 8.0% และ 7.5% เทียบกับสมมติฐานเดิมที่ 15% และ 10% ตามลำดับ,บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุ กำไรสุทธิในไตรมาส 4/61 (สิ้นสุด ก.ย.61) มีโอกาสจะชะลอลง แต่คาดว่าภาพการฟื้นตัวจะเริ่มเห็นตั้งแต่ Q1/62 (ต.ค.-ธ.ค.61) เป็นต้นไป เพราะย่างเข้าสู่ไฮซีซัน,นอกจากนี้ สี่สนามบินใหม่ที่ได้รับการอนุมัติแล้วจะก่อให้เกิดผลดีต่อการเติบโตในระยะยาวและคาดว่าจะมีการประกาศผู้ชนะสัมปทานบริหารพื้นที่สนามบินเชิงพาณิชย์ได้ ก.พ.62,คงคำแนะนำ ซื้อ ที่ราคาเป้าหมาย 75 บาท,อินเด็กซ์ 51
|
ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 26 ก.ย.61 ปิดที่ 1,749.93 จุด บวก 1.94 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 48,749.68 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 82.20 ล้านบาท
| null |
เงาหุ้น,อินเด็กซ์ 51,ดัชนีหุ้น,หุ้นไทย,มูลค่าการซื้อขาย
|
https://www.thairath.co.th/news/business/stocks-gold/1384780
|
จีนปล่อย ยานสำรวจดาวอังคาร สู่อวกาศสำเร็จ
|
วันนี้ (23 ก.ค.2563) จรวดลองมาร์ช-5 พร้อมด้วยยานสำรวจเทียนเวิ่น-1 ทะยานขึ้นจากฐานปล่อยจรวด บนเกาะไหหนาน เพื่อเริ่มภารกิจเดินทางไปยังดาวอังคาร ที่คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 7 เดือนภารกิจนี้จีนตั้งเป้าหมายที่จะส่งยานไปโคจรรอบดาวอังคารลงจอดและส่งรถสำรวจพื้นผิวดาวอังคารเพื่อเก็บข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งหากประสบความสำเร็จทั้งหมดจีนจะกลายเป็นประเทศแรกที่ส่งยานไปโคจรลงจอดและใช้รถสำรวจพื้นผิวดาวอังคารได้พร้อมกัน ในภารกิจแรกของประเทศภารกิจเทียนเวิ่น-1 นับเป็นการเดินทางสำรวจดาวเคราะห์เป็นครั้งแรกของจีน หลังจากก่อนหน้านี้จีนเคยร่วมมือกับรัสเซีย วางแผนสำรวจดาวอังคารมาแล้ว เมื่อปี 2554 แต่การปล่อยยานล้มเหลวและเมื่อปีที่แล้ว จีนประสบความสำเร็จในการส่งยานสำรวจ ไปลงจอดยังด้านไกลของดวงจันทร์เป็นชาติแรกของโลกมาแล้ว
|
จีนประสบความสำเร็จในการส่งยานอวกาศขึ้นไปสำรวจดาวอังคาร มุ่งภารกิจ โคจร ลงจอดและส่งรถสำรวจพื้นผิวเพื่อเก็บข้อมูลทางวิทยาศาสตร์
|
วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี
|
Long March 5,ลองมาร์ช-5,ดาวอังคาร
|
https://news.thaipbs.or.th/content/294851
|
ยูเนสโก ถวายราชสดุดี เทิดพระเกียรติในหลวง ร.9 ขอสานต่อพระราชปณิธาน (คลิป)
|
ผอ.ยูเนสโก-นานาชาติ ถวายราชสดุดี เทิดพระเกียรติในหลวง ร.9 ยกย่องทรงเป็นมหากษัตริย์นักพัฒนา ที่ทรงส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต พร้อมสานต่อพระราชปณิธาน เราจะไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลัง การศึกษาที่ทั่วถึงจะทำให้ทุกคนมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น,เมื่อเวลา 14.45 น.ของวันที่ 26 ก.ย.60 ตามเวลาประเทศไทย องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือองค์การยูเนสโก และตัวแทนจากนานาชาติ ได้ถวายราชสดุดี เทิดพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวง รัชกาลที่ 9 ของไทย ณ เวทีประชุมสันติภาพนานา ชาติที่กรุงปารีสวันแรก,นางอิรินา โบโควา ผู้อำนวยการยูเนสโก ได้ถวายราชสดุดีเทิดพระเกียติในหลวง รัชกาลที่ 9 ว่า ทรงเป็นมหากษัตริย์นักพัฒนา ที่ทรงส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต ไม่ว่าจะเป็น เรื่องเศรษฐกิจพอเพียงที่นำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ทรงส่งเสริมให้ทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดี และมรดกที่พระองค์พระราชทานไว้ในโลกใบนี้ ถือเป็นมรดกของมวลมนุษยชาติเลยทีเดียว ขณะที่ ยูเนสโกมีความมุ่งมั่นที่จะสานต่อพระราชปณิธานของในหลวง ร.9 โดยเฉพาะในเรื่องการศึกษา ที่ว่าจะไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลัง การศึกษาที่ทั่วถึงจะทำให้ทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น,ทั้งนี้ องค์การพระพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก (พ.ส.ล.) ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงปารีส และสำนักงานผู้แทนถาวรไทยประจำยูเนสโก จัดการประชุมสันติภาพนานาชาติ 2017 (International World Peace) ในหัวข้อ การสร้างสันติภาพในสังคมอย่างยั่งยืน: มรดกของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ระหว่างวันที่ 26-28 กันยายนนี้ ที่สำนักงานใหญ่ยูเนสโก ในกรุงปารีส เมืองหลวงของประเทศฝรั่งเศส,วันอังคารที่ 26 กันยายนนี้ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว เอกอัครราชทูตและผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การยูเนสโก เป็นผู้กล่าวต้อนรับและเปิดการประชุม ขณะที่นางอิรินา โบโควา ผู้อำนวยการใหญ่แห่งองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก และนายไมเคิล วอป ประธานกรรมการบริหารองค์การยูเนสโก พร้อมกับตัวแทนผู้แทนถาวรจากนานาประเทศ รวมทั้งตัวแทนผู้นำพระพุทธศาสนาจากประเทศต่างๆ และประธานองค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก จะกล่าวถวายราชสดุดีและแสดงความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อเป็นการถวายพระเกียรติด้วยการถวายราชสักการะในเวทีนานาชาติ
|
ผอ.ยูเนสโก-นานาชาติ ถวายราชสดุดี เทิดพระเกียรติในหลวง ร.9 ยกย่องทรงเป็นมหากษัตริย์นักพัฒนา ที่ทรงส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต พร้อมสานต่อพระราชปณิธาน จะไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลัง
|
ข่าว,ต่างประเทศ
|
ยูเนสโก,ถวายราชสดุดี,ในหลวง ร.9,พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช,UNESCO
|
https://www.thairath.co.th/news/foreign/1081340
|
คำแถลงผลการพิจารณาข้อเท็จจริง กรณีผู้บริหารองค์กรมีพฤติกรรมเข้าข่ายคุกคามทางเพศ
|
วันนี้ (29 ม.ค.2561) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เผยแพร่ โดยมีเนื้อหาดังนี้คำแถลงผลการพิจารณารายงานการแสวงหาข้อเท็จจริงกรณีผู้บริหารองค์กรสื่อมีพฤติกรรมเข้าข่ายคุกคามทางเพศสืบเนื่องจากกรณีมีกระแสข่าวตามสื่อสังคมออนไลน์ พาดพิงถึงผู้บริหารองค์กรสื่อแห่งหนึ่งว่ามีพฤติกรรมเข้าข่ายคุกคามทางเพศ และมีกลุ่มนักข่าวกลุ่มหนึ่งส่งจดหมายเปิดผนึกเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ เพื่อเรียกร้องให้สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ตรวจสอบข้อเท็จจริง และต่อมาเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2560 คณะกรรมการบริหารสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการแสวงหาข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าว ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิจากบุคคลภายนอกจำนวนหกท่าน และดำเนินกระบวนการแสวงหาข้อเท็จจริงในทางลับเพื่อให้ปราศจากอิทธิพลหรือปัจจัยภายนอกใด ๆ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ใกล้เคียงกับข้อเท็จจริงมากที่สุดภายหลังคณะอนุกรรมการใช้เวลาดำเนินการภายในกรอบเวลา 90 วัน แล้วแจ้งผลให้คณะกรรมการบริหารสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยทราบ เพื่อพิจารณาต่อไปนั้นคณะอนุกรรมการแสวงหาข้อเท็จจริงฯ ได้ส่งรายงานการแสวงหาข้อเท็จจริงให้แก่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2560 โดยระบุว่าได้มีการประชุม และพบผู้ให้ข้อมูลตั้งแต่ผู้เกี่ยวข้องกับการสื่อสารทางสาธารณะต่อกระแสข่าว ผู้ใกล้ชิดกับผู้ถูกกล่าวอ้างถึงทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง ผู้โพสต์ข้อความพาดพิงถึงผู้ถูกกล่าวอ้างถึงทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง ไปจนถึงผู้ถูกกล่าวอ้างถึงฝ่ายชายและผู้ถูกกล่าวอ้างถึงฝ่ายหญิง รวมผู้ให้ข้อมูลทั้งหมด 11 คน และการประชุมและการพบกับผู้ให้ข้อมูลทุกครั้งเป็นไปในทางลับตามกรอบมติที่คณะกรรมการบริหารสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยกำหนดไว้นอกจากนี้ในระหว่างกระบวนการแสวงหาข้อเท็จจริง สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้เปิดโอกาสให้ผู้มีข้อมูล หรือผู้ที่คิดว่าจะได้รับความเสียหาย ให้มายื่นข้อมูลกับสมาคมนักข่าวฯ โดยตรง หรือผ่านตู้ ป.ณ. ที่ได้แจ้งต่อสาธารณะไว้ แต่ก็ไม่ปรากฏผู้ยื่นข้อมูลใด ๆ จากช่องทางดังกล่าว และตลอดระยะเวลาของกระบวนการแสวงหาข้อเท็จจริง ก็ไม่ปรากฏผู้แสดงความจำนงจะร้องทุกข์ต่อสมาคมฯทั้งนี้ คณะอนุกรรมการแสวงหาข้อเท็จจริงฯ ตั้งประเด็นการพิจารณา ได้แก่ 1. การกล่าวอ้างว่ามีการคุกคามทางเพศเกิดขึ้นในที่ทำงาน 2. การสื่อสารการใช้สังคมออนไลน์ในการแพร่กระจายประเด็นและการนำเสนอของสื่อหลัก 3. ข้อเสนอต่อการป้องกันและการแก้ไขปัญหาการคุมคามทางเพศในองค์กรสื่อ และการทำหน้าที่ของสื่อต่อประเด็นนี้คณะกรรมการบริหารสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้ประชุมพิจารณารายงานของคณะอนุกรรมการแสวงหาข้อเท็จจริงฯ เป็นรายประเด็นแล้ว มีมติดังต่อไปนี้ประเด็นการกล่าวอ้างว่ามีการคุกคามทางเพศนั้น มีความเห็นสอดคล้องกับรายงานของอนุกรรมการแสวงหาข้อเท็จจริงฯ ที่ระบุว่า เรื่องที่เกี่ยวข้องกับผู้ถูกกล่าวอ้างฝ่ายชายและผู้ถูกกล่าวอ้างฝ่ายหญิง ได้ถูกนำมาพูดคุยสื่อสารกับบุคคลภายในองค์กรจำนวนหนึ่ง อันเป็นเหตุทำให้เรื่องราวที่น่าจะจบลงระหว่างบุคคลทั้งสอง กลายเป็นเรื่องที่ต้องมีบุคคลอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นความจำเป็นที่องค์กรที่ต้องกำกับดูแลกันเอง เช่น สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย มีหน้าที่ต้องเข้ามาแสวงหาข้อเท็จจริง เป็นเหตุให้มีการตั้งคณะอนุกรรมการแสวงหาข้อเท็จจริงฯ จนได้นำไปสู่ข้อสรุปว่า พบว่ามีองค์กรข่าวแห่งหนึ่งที่บุคคลากรทำงานด้วยความใกล้ชิดสนิทสนม เมื่อยามสนทนากันหรือทำงานร่วมกัน ก็มีการหยอกล้อกันเล่น มีการถูกเนื้อต้องตัวกันบ้างตามประสาคนที่ใกล้ชิด แต่ในช่วงกลางปี 2560 มีเหตุการณ์เป็นประเด็นระหว่างบุคคลสองคน ซึ่งบุคคลหนึ่งได้รับการปลูกฝังมาในเรื่องการให้เคารพต่อผู้ใหญ่ และวัฒนธรรมองค์กรที่ให้ความสำคัญกับผู้บังคับบัญชา จึงมีการดูแลบุคคลอีกคนหนึ่งในลักษณะที่ใกล้ชิดสนิทสนม การให้ความไว้วางใจ ซึ่งมีบางเรื่องที่ความไว้วางใจเป็นเหตุทำให้เกิดความเข้าใจในลักษณะที่เป็นการตีความเข้าข้างตนเองของอีกฝ่ายหนึ่ง จนอาจนำไปสู่ความสุ่มเสี่ยงต่อการคุกคามทางเพศ เพราะต่างตีความเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยมุมมองที่แตกต่างกัน ต่อมาได้มีการพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจและขอโทษต่อกัน ซึ่งในท้ายที่สุดฝ่ายหนึ่งลาออกจากองค์กรข่าวแห่งนั้น ต่อมามีบุคคลที่สามนำเรื่องราวที่ไม่ตรงข้อเท็จจริงไปเผยแพร่สู่สาธารณะ ก่อให้เกิดผลกระทบต่อทั้งสองฝ่าย โดยที่ทั้งสองฝ่ายยืนยันว่าไม่ติดใจที่จะเอาความต่อกันในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างกัน ทั้งยังกังวลแทนอีกฝ่ายจากการได้รับผลกระทบที่รุนแรงที่ได้รับจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นต่อมาประเด็นการสื่อสารการใช้สังคมออนไลน์ในการแพร่กระจายประเด็นและการนำเสนอของสื่อหลักมีความเห็นสอดคล้อง กับรายงานของคณะอนุกรรมการแสวงหาข้อเท็จจริงฯ ที่พบว่า ผู้เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ที่ส่วนใหญ่เป็นนักวิชาชีพสื่อสารมวลชน ไม่ใช้การสื่อสารเชิงปรึกษาหารือ หรือการสอบถามข้อเท็จจริงจากคู่กรณีทั้งสองฝ่าย ทั้งอย่างเป็นทางการหรืออย่างไม่เป็นทางการ แต่กลับใช้วิธีการสอบสวนเรื่องราวหรือเหตุการณ์อย่างไม่ครบถ้วนรอบด้าน แล้วสื่อสารความเห็นสู่สาธารณะผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ทั้งในพื้นที่ในชื่อส่วนบุคคลและชื่อองค์กร จนเป็นเหตุให้มีผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์จำนวนหนึ่งใช้สื่อสังคมออนไลน์สื่อสารขยายเรื่องราวจนเกินเลยไปกว่าข้อเท็จจริงมาก ทั้งในมิติความสัมพันธ์และพฤติกรรมการคุกคามทางเพศ ส่วนการสื่อสารของสื่อหลักพบว่า ส่วนใหญ่ใช้ภาษาที่หวือหวา โดยการเสนอข่าวเชิงกล่าวหาตัดสินพบมากที่สุดในสื่อเว็บไซต์ รองลงมาพบบ้างในสื่อหนังสือพิมพ์รายวัน ขณะที่สื่อโทรทัศน์มีความระมัดระวังในการใช้ภาษาประเด็นข้อเสนอต่อการป้องกันและการแก้ไขปัญหาการคุกคามทางเพศในองค์กรสื่อ และการทำหน้าที่ของสื่อต่อประเด็นนี้นั้น เห็นชอบกับข้อเสนอของคณะอนุกรรมการแสวงหาข้อเท็จจริงฯ ที่ว่า บุคลากรวิชาชีพสื่อ ต้องมีความเชื่อมั่นในกลไกการกำกับดูแลกันเอง และมีวิถีปฏิบัติต่อกลไกอย่างเป็นระบบ รวดเร็วทันกาลและด้วยความเสมอภาค ไม่ว่าผู้ถูกกล่าวหาจะมีตำแหน่งหน้าที่ใด ภายใต้หลักการเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่ากระบวนการสอบสวนและพิจารณาข้อเท็จจริงจะเป็นที่สิ้นสุด โดยเฉพาะไม่พึงทำการสื่อสารโดยตรงหรือโดยนัยทางพื้นที่สาธารณะอย่างขาดข้อเท็จจริงรอบด้านหรืออย่างต่อเติม และตัดสิน อันส่งผลต่อความน่าเชื่อถือในวิชาชีพขณะที่องค์กรสื่อและองค์กรวิชาชีพสื่อ จำเป็นต้องมีการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในการปฏิบัติต่อกันอย่างเคารพในสิทธิแห่งตัวตนและร่างกาย โดยเฉพาะในมิติของความละเอียดอ่อนทางเพศภาวะ ทั้งในพฤติกรรมส่วนตัว ทั้งในการสื่อสารในพื้นที่ส่วนตัวแต่อย่างแสดงตัวตนความเป็นนักวิชาชีพสื่อ ไปจนถึงการสื่อสารในทางวิชาชีพทั้งด้านข่าวและอื่นๆ อีกทั้งยังเสนอให้องค์กรวิชาชีพสื่อ ร่วมกันพัฒนามาตรการหรือแนวทางปฏิบัติในทางจริยธรรม เกี่ยวกับการปฏิบัติอย่างเหมาะสมในทางความสัมพันธ์ในองค์กรวิชาชีพสื่อ วิธีการติดตามเฝ้าระวังการปฏิบัติอย่างเหมาะสมเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเพศที่แตกต่างในองค์กรวิชาชีพสื่อ การปฏิบัติอย่างเที่ยงตรง เหมาะสม ชัดเจนในการสื่อสารทางออนไลน์ การทำหน้าที่ของสื่อเพื่อนำเสนอเนื้อหาในประเด็นทางเพศอย่างระมัดระวัง การนำข้อมูลจากสื่อออนไลน์ไปนำเสนอทางสื่อหลัก ที่หมายถึงสื่อหลักเดิมและสื่อออนไลน์ โดยเฉพาะการใช้สื่อออนไลน์เพื่อเปิดประเด็นหรือสร้างกระแส แล้วเชื่อมโยงหรือนำไปสู่การผลิตซ้ำในสื่อหลัก ที่ส่งผลในเชิงความเสื่อมเสียต่อชื่อเสียงของบุคคลและองค์กรวิชาชีพคณะกรรมการบริหารสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้ประชุมร่วมกันเพื่อพิจารณารายงานสรุปของอนุกรรมการแสวงหาข้อเท็จจริงฯ แล้ว และมีมติเห็นชอบกับข้อสรุปดังกล่าวสมาคมนักข่าวฯ ยังตระหนักดีว่า กรณีนี้ได้ส่งผลกระทบต่อการทำหน้าที่ขององค์กรสื่อสารมวลชน นักวิชาชีพสื่อมวลชนโดยรวม จึงรับข้อเสนอแนะของคณะอนุกรรมการแสวงหาข้อเท็จจริงฯ ต่อการป้องกันและแก้ไขปัญหาการคุมคามทางเพศในองค์กรสื่อและการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน โดยจะส่งผลสรุปและข้อเสนอแนะของอนุกรรมการแสวงหาข้อเท็จจริงให้องค์กรวิชาชีพสื่อ เพื่อดำเนินการตามความเหมาะสม และจะมีการหารือกับองค์กรวิชาชีพสื่อที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการสร้างความเชื่อมั่นในกลไกการกำกับดูแลกันเอง และมีวิถีปฏิบัติต่อกลไกอย่างเป็นระบบ รวดเร็วทันกาล ด้วยความเสมอภาคต่อไปคณะกรรมการบริหาร สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย29 ม.ค.2561
|
สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เผยแพร่ คำแถลงผลการพิจารณาข้อเท็จจริง กรณีผู้บริหารองค์กรมีพฤติกรรมเข้าข่ายคุกคามทางเพศ
|
สังคม
|
สื่อ,ตุกคามทางเพศ,สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย,นักข่าว,สื่อมวลชน,ข่าวไทยพีบีเอส,ThaiPBSnews,ไทยพีบีเอส,ThaiPBS
|
https://news.thaipbs.or.th/content/269752
|
ธารนํ้าใจวันธรรมศาสตร์ เพื่อโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ
|
โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ,ผมก็เหมือนท่านผู้อ่านส่วนใหญ่แหละครับ ที่ติดตามอ่านข่าว ตูน บอดี้สแลม ผู้ริเริ่มโครงการ ก้าวคนละก้าวเพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ ซึ่งออกวิ่งจาก อ.เบตง ใต้สุดของประเทศไทย มุ่งไปสู่อำเภอแม่สายเหนือสุดสยามด้วยความชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง,ชื่นชมในการมีจิตอาสา, การมีใจคิดถึงคนอื่น โดยเฉพาะผู้ที่ด้อยโอกาสกว่า และการมีความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวที่จะปฏิบัติหน้าที่อันแสนยาก (อันได้แก่การวิ่งที่ไกลแสนไกล) ให้สำเร็จลุล่วงตามเป้าหมายให้จงได้,ขณะที่ผมเขียนต้นฉบับวันนี้ ยอดเงินบริจาคที่พี่น้องประชาชนมอบให้แก่ตูน เกิน 500 ล้านบาทไปเยอะแล้ว อาจจะถึง 600 ล้านแล้วก็ได้ ขณะที่ต้นฉบับลงตีพิมพ์,เชื่อได้ว่ายอดบริจาคน่าจะเกิน 700 ล้านบาท ตามจุดมุ่งหมาย เดิมที่เขาตั้งไว้อย่างแน่นอน ซึ่งก็จะสามารถนำไปซื้อเครื่องมือการแพทย์หรือนำไปใช้จ่ายในกิจกรรมของโรงพยาบาลทั้ง 11 แห่ง จนเกิดประโยชน์แก่ผู้ป่วย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้ด้อยโอกาสในต่างจังหวัดได้ในระดับหนึ่ง,สำหรับข้อเขียนของผมวันนี้ ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับโรงพยาบาลเหมือนกัน และก็เป็นการบอกบุญขอเรี่ยไร และขอบริจาคเช่นเดียวกัน,เพราะก็อย่างที่เราทราบ ปัญหาด้านสาธารณสุขยังเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศไทย และงบประมาณที่ใช้เพื่อการสาธารณสุขก็ยังไม่พอเพียงกับปัญหาที่ประเทศของเราเผชิญอยู่,โรงพยาบาลหลายๆแห่งยังคงต้องช่วยเหลือตัวเอง และยังคงต้องการเงินบริจาคสมทบจากผู้ใจบุญใจกุศลที่มีฐานะไม่เดือดร้อน เพื่อมาช่วยในการพัฒนาโรงพยาบาลนั้นๆ,ผมเองพอแก่ตัวมากขึ้น ต้องเข้าโรงพยาบาลบ่อยๆ ล่าสุดก็มี โรงพยาบาลรามาธิบดี และโรงพยาบาล ธรรมศาสตร์ เฉลิมพระเกียรติ ที่ถือเป็นโรงพยาบาลที่ผมไปใช้บริการเป็นประจำ,ทุกครั้งที่ไปก็จะเห็นทั้ง 2 โรงพยาบาลขึ้นป้ายบอกบุญขอความสนับสนุนขอการบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธาติดไว้ในหลายๆจุดที่เดินผ่าน,ของโรงพยาบาลรามาฯ จะมี มูลนิธิรามาธิบดี ซึ่งมีคำขวัญว่า มูลนิธิรามาธิบดีฯ เพื่อสุขภาพที่ดีของคนไทย กับอีกคำขวัญหนึ่ง ให้ด้วยใจ สร้างด้วยใจคำว่าให้ไม่สิ้นสุด เพื่อเชิญชวนประชาชนร่วมบริจาคในโครงการต่างๆ,ท่านผู้ใดจะแวะไปบริจาคที่มูลนิธิรามาธิบดี ในบริเวณโรงพยาบาลรามาธิบดี โดยเฉพาะที่ อาคารสมเด็จพระเทพรัตน์ฯ ก็เชิญได้นะครับ,ส่วนของ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เฉลิมพระเกียรติ นั้น ก็เปิดรับบริจาคเช่นกัน โดยจะตั้งป้ายไว้ชัดเจนในห้องโถงด้านหน้า,โดยเฉพาะในคืนวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม หรือคืนพรุ่งนี้ ซึ่งจะเป็นคืนสุกดิบก่อนวันธรรมศาสตร์ 10 ธันวาคม 2560 ทางโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เฉลิมพระเกียรติ ร่วมกับมหาวิทยาลัยมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และสมาคมธรรมศาสตร์ในพระบรมราชูปถัมภ์จะจัดรายการพิเศษทาง สถานีโทรทัศน์โมเดิร์น ไนน์ ตั้งแต่ 22.00-23.30น.,จะมีการแสดงของศิษย์เก่า มีการสัมภาษณ์ศิษย์เก่า เพื่อรำลึกความหลังพร้อมการขับร้องบรรเลงเพลงมหาวิทยาลัยเหมือนเช่นทุกปี,แต่ปีนี้จะเปิดรับบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธาเพื่อระดมทุนสนับสนุนการจัดตั้ง ห้องผ่าตัดอัจฉริยะธรรมศาสตร์ หรือ Thammasat University Hospital Intelligence Operating Room (TUHiOR) สำหรับโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เฉลิมพระเกียรติขึ้นด้วย,อย่าลืมเปิดดูรายการโทรทัศน์ของช่อง 9 ตั้งแต่ 4 ทุ่มวันพรุ่งนี้เป็นต้นไป และเชิญร่วมบริจาคตามจิตศรัทธาของแต่ละท่านนะครับ,ทุกวันนี้โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯมีผู้ป่วยนอกมารับการตรวจรักษากว่าปีละ 800,000 ราย และผู้ป่วยในกว่า 40,000 ราย ถือว่าเป็นด่านหน้าในการรับผู้ป่วยจากต่างจังหวัดที่จะหลั่งไหลมาสู่ กทม. ทางทิศเหนือโดยตรง,ห้องผ่าตัด อัจฉริยะ ที่มีความทันสมัยสะอาดสะอ้านจึงเป็นสิ่งที่ต้องการ และขอฝากบอกบุญมาถึง ศิษย์เก่าธรรมศาสตร์ ทุกท่าน ตลอดจน ผู้มีจิตกุศล ซึ่งมีความปรารถนาดีที่จะช่วยสังคมอันมีอยู่มากมายในประเทศไทยของเรา มาร่วมบริจาคในคืนวันเสาร์ด้วยนะครับ,กราบเรียนยํ้าอีกครั้งพรุ่งนี้ 4 ทุ่มถึง 5 ทุ่มครึ่ง ร่วมบริจาคกับโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯได้ทางโมเดิร์น ไนน์ หรือช่อง 9 อสมท. ครับ,ซูม
|
ผมก็เหมือนท่านผู้อ่านส่วนใหญ่แหละครับ ที่ติดตามอ่านข่าว ตูน บอดี้สแลม ผู้ริเริ่มโครงการ ก้าวคนละก้าวเพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ ซึ่งออกวิ่งจาก อ.เบตง ใต้สุดของประเทศไทย มุ่งไปสู่อำเภอแม่สายเหนือสุดสยาม
| null |
วันธรรมศาสตร์,ก้าวคนละก้าว,ตูน บอดี้สแลม,เหะหะพาที,ซูม
|
https://www.thairath.co.th/newspaper/columns/1146538
|
ฟ้า ยงวรี กับ ทะเลแปร เจอบทหินที่สุดในชีวิต
|
สวัสดีสวีดัด ทุกชีวิตต้องยืนหยัดและสู้ต่อไป แม้เราจะอยู่ในยุคสงครามโรค (ไวรัสโควิด–19) มาเยือน มาที่อาการคันจาก น้องนุ่น ดูละครเรื่อง ทะเลแปร ทางอมรินทร์ทีวี เอชดี ช่อง 34 สิ่งที่ดูจะเป็นที่พูดถึงมากที่สุด คงหนีไม่พ้นตัวละคร แทต หรือทัตติยา นางเอกของเรื่อง ที่โดนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดมาแบบรอบด้านไม่รู้จักจบสิ้นสักที เรียกคะแนนสงสารจากผู้ชมได้อย่างท่วมท้น หนูนุ่นอยากรู้ว่า คนแสดงเป็นนักแสดงนางเอกน้องใหม่ด้วย เขารู้สึกยังไงบ้างคลิกอ่านเรื่องย่อ ทะเลแปรนางเอกหน้าสวยน้องใหม่ ฟ้า-ยงวรี งามเกษม ที่มารับหน้าที่นางเอกละครโทรทัศน์เต็มตัวเรื่องแรก ก็ประเดิมกับบทสุดหินเลยจ้า พี่ลองถาม ฟ้า มาให้ น้องนุ่น ล่ะจ้าฟ้า บอกว่า สำหรับตัวฟ้าถือว่ายังใหม่มากๆ ชั่วโมงบินก็ยังน้อยมาก ในส่วนของบทแทต หรือทัตติยา ถือเป็นความท้าทายที่หนักแบบสุดๆเลยจริงๆ เพราะว่าเรามีเวลาเตรียมตัวค่อนข้างน้อย ที่จะทำความเข้าใจกับตัวละครตัวนี้ แล้วพอได้ทราบรายชื่อนักแสดงที่เราต้องร่วมแสดงด้วย ถึงขั้นกดดันแบบจริงจังเลยทีเดียว เพราะแต่ละคนดีกรีคือระดับแถวหน้าทั้งนั้นเลย เราก็กังวลจิตตกไปต่างๆ นานา ว่าเราจะเข้าไปเป็นตัวถ่วงในกองถ่ายไหม จะทำให้พี่ๆเขาไม่พอใจหรือเปล่าแต่พอได้เริ่มเปิดกล้องจริงๆ ฟ้าถือว่าฟ้าโชคดีมากๆที่พี่ๆทุกคนเอ็นดู คอยสอน คอยแนะ อดทนกับฟ้าตลอด ตั้งแต่พี่โอ๋ ผู้กำกับ จนถึงพี่ๆนักแสดงทุกคน ฟ้าขอขอบคุณมากๆอีกครั้งนะคะ เพราะถ้าไม่ได้ทุกคนคอยชี้แนะ ฟ้านึกไม่ออกเลยว่าทัตติยาจะออกมาเป็นอย่างไร นอกจากนี้ต้องขอขอบคุณผู้ชมและแฟนๆทุกคนที่คอยเชียร์ และเป็นกำลังใจให้ฟ้าด้วย ดีใจมากๆเวลาออกไปเดินข้างนอกแล้วเขาจำเราได้ เรียก แทตๆ คือยังไม่ต้องจำชื่อฟ้าก็ได้ แค่จำว่าฟ้าคือทัตติยาก็พอแล้ว ซึ่งตอนนี้ฟ้าก็ยังคงต้องพยายามเรียนรู้ และฝึกฝนทักษะการแสดงเพิ่มเติมต่อไปเรื่อยๆค่ะ สัญญาว่าจะทำให้ดีขึ้น ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังแน่นอน ส่วนใครที่ลุ้นให้ทัตติยาลุกขึ้นสู้สักที อย่าเพิ่งถอดใจนะคะ แอบบอกว่าทัตติยาไม่ได้อ่อนแออย่างที่ทุกคนเห็นแน่นอน ละครเรื่อง ทะเลแปรออกอากาศทุกคืนวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 22.00 น. ช่อง 34.
|
เรื่อง ทะเลแปร ทางอมรินทร์ทีวี เอชดี ช่อง 34 สิ่งที่ดูจะเป็นที่พูดถึงมากที่สุด คงหนีไม่พ้นตัวละคร แทต หรือทัตติยา นางเอกของเรื่อง ที่โดนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดมาแบบรอบด้านไม่รู้จักจบสิ้นสักที
|
บันเทิง,ข่าวบันเทิง
|
ทะเลแปร,ฟ้า ยงวรี,นิยาย,ละคร,อมรินทร์ทีวี
|
https://www.thairath.co.th/entertain/news/1784755
|
กกต.จ่อถกยื่นศาลวินิจฉัย ก.ม.ลูกขัด รธน.18 ก.ค.นี้ หลัง สนช.ไม่ปรับแก้
|
เมื่อวันที่ 13 ก.ค.60 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านบริหารกลาง กล่าวถึงการลงมติร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง กกต. ของ สนช.ว่า ขณะนี้กำลังประสานเพื่อจะให้ กกต. ร่วมประชุมกับคณะที่ปรึกษากฎหมายของ กกต.ก่อนในวันที่ 18 ก.ค. เพื่อหารือว่าหลังจากนี้จะส่งศาลรัฐธรรมนูญขอให้วินิจฉัยว่าร่างกฎหมายลูกดังกล่าวชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ และจะใช้ช่องทางใดในการยื่น ทั้งนี้ช่วงดังกล่าวยังอยู่ในระยะเวลา 5 วัน ที่รัฐธรรมนูญกำหนดว่า นับแต่นายกฯ รับร่างกฎหมายจาก สนช.แล้ว ให้รอไว้ก่อน ที่จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อดูว่าจะมีสมาชิก สนช. 1 ใน 10 เข้ายื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความชอบด้วยกฎหมายของร่างกฎหมายหรือไม่ หากไม่มี ก็ให้ดำเนินการนำขึ้นทูลเกล้าฯ ต่อไป,นายสมชัย ยังกล่าวถึงกรณีที่ สนช.และ กรธ. มีแนวทางในการแก้ไขร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองให้ กกต.มีหน้าที่แค่กวดขันพรรคการเมืองในการทำไพรมารีโหวต ไม่สามารถแจกใบเหลือง ใบแดง กับพรรคหรือผู้สมัครที่ไม่ผ่านระบบไพรมารีโหวตได้ ว่า การแก้ไขร่างกฎหมายหากทำให้การปฏิบัติเป็นไปได้ง่ายและสะดวกก็ยินดี แต่อยากฝากถึงผู้ร่างกฎหมายขอให้พิจารณาให้รอบคอบว่า การกำหนดหลักเกณฑ์ต่างๆ ต้องมีบทบัญญัติเพื่อให้เกิดการบังคับใช้ได้ ไม่ใช่ร่างขึ้นมาแล้ว ทำก็ได้ไม่ทำก็ได้ ทำจริงก็ได้ทำปลอมก็ได้ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ควรมีหลักเกณฑ์ใหม่เสียดีกว่า ส่วนกระแสข่าวปัญหาดังกล่าวอาจนำมาสู่การคว่ำร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง เห็นว่าไม่น่าจะกระทบต่อแผนการเลือกตั้ง.
|
กกต.เตรียมถกที่ปรึกษาฯ 18 ก.ค.นี้ เพื่อตัดสินใจจะยื่นศาล รธน.ให้วินิจฉัยกฎหมายลูก กกต.หรือไม่ ชี้แม้ร่างฯ ถูกคว่ำ ส่วนตัวก็เชื่อว่าไม่กระทบเลือกตั้ง
|
ข่าว,การเมือง
|
กกต.,ถกที่ปรึกษา,ร่างพ.ร.บ.กกต.,ขัดรธน.,สมชัย ศรีสุทธิยากร,ข่าวทั่วไป
|
https://www.thairath.co.th/news/politic/1003507
|
คสช. กำชับหน่วยทหาร หนุนงานรัฐบาล
|
วันที่ 23 ก.พ. ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถ.ราชดำเนิน พล.อ.สุชาติ หนองบัว รองเลขาฯ คสช. เป็นประธานการประชุมสำนักงานเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ทั้งนี้ พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวหลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้รับทราบการทำงานของฝ่ายต่างๆ พร้อมกำชับการทำงานของหน่วยทหารในการสนับสนุนการขับเคลื่อนงานของรัฐบาลในทุกส่วน การสร้างการรับรู้ต่อสื่อมวลชนและประชาชนในงานที่รับผิดชอบ โดยให้ชี้แจงและสื่อสารทุกประเด็นปัญหาข้อสงสัยต่างๆ ให้ทุกฝ่ายเข้าใจภายใต้ยุทธศาสตร์ขับเคลื่อน คสช. 9 ข้อ,ส่วนงานด้านกฎหมายได้เตรียมพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.352 ฉบับ โดยแยกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มแรกเป็นร่าง พ.ร.บ.ที่จะเข้าสู่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ กลุ่มที่ 2 คือร่าง พ.ร.บ.ที่กฤษฎีกาพิจารณาแล้วและอยู่ที่หน่วยราชการเตรียมเสนอตามขั้นตอน ส่วนกลุ่มสุดท้ายคือ ร่าง พ.ร.บ.ที่หน่วยราชการกำลังพิจารณาเตรียมเสนอ ครม.และร่าง พ.ร.บ.ที่อยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อยกร่างฯ สำหรับข้อห่วงใยเกี่ยวกับการชุมนุมของกลุ่มต่างๆ ที่ประชุมมีการรับทราบถึงข้อเรียกร้องของบางกลุ่มและเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ดูแลได้เป็นอย่างดี,พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวถึงความเคลื่อนไหวจัดกิจกรรมเวทีปรองดองว่า ศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป หรือ ศปป.เดินหน้าจัด เวทีความคิด ปฏิรูปประเทศไทย เพิ่มเติมอีก 31 แห่ง อาทิ ภาคกลางจำนวน 9 แห่ง เช่น อบต.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง อบต.บางตลาด จ.ฉะเชิงเทรา และอบต.หนองแสง จ.ปราจีนบุรี ในภาคเหนือ จำนวน 14 แห่ง เช่น ศาลาประชาคม อ.เชียงของ จ.เชียงราย ศาลาประชาคม อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ ศาลาประชาคม อ.ภูซาง จ.พะเยา ศาลาประชาคม อ.เมืองปาน จ.ลำปาง ในพื้นที่ภาคใต้ จำนวน 3 แห่ง เช่น อบต.ป่านอน จ.พัทลุง โรงเรียนกันตังรัษฎาศึกษา จ.ตรัง,ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 5 แห่ง เช่น เทศบาลตำบลชนบท อบต.เมืองเก่าพัฒนา อบต.ห้วยแก จ.ขอนแก่น และเทศบาลตำบลขวาว จ.ร้อยเอ็ด โดยประชาชนสามารถติดต่อร้องเรียนหรือสอบถามกิจกรรมของศูนย์ปรองดองฯ ได้ที่สายด่วน 1152
|
คสช. กำชับหน่วยทหารสนับสนุนการขับเคลื่อนงานรัฐบาล ขณะที่ศูนย์ปรองดองฯ เพิ่มเวทีปรองดอง 31 แห่ง
| null |
คสช.,หน่วยทหาร,รัฐบาล,ข่าว,ข่าวการเมือง,กองบัญชาการกองทัพบก,สุชาติ หนองบัว รองเลขาฯคสช.,คณะรักษาความสงบแห่งชาติ,คสช.,ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก,ไทยรัฐออนไลน์
|
https://www.thairath.co.th/content/483011
|
ไพบูลย์ เหน็บ มาร์ค โวย กลัวถูกตรวจสอบฐานสมาชิกปชป.ที่แท้จริง
|
วันที่ 27 ธ.ค.2560 นายไพบูลย์ นิติตะวัน ประธานเครือข่ายประชาชนปฏิรูป กล่าวถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ ระบุพาดพิงตนที่เรียกร้องให้มีการแก้ไขกฎมายพรรคการเมืองในทำนองว่า อาจติดขัดในการตั้งพรรคใหม่ และต้องการสมาชิกของพรรคเก่าไปเป็นสมาชิกของพรรคใหม่จึงเสนอให้มีการรีเชตสมาชิกพรรคนั้น ว่า ตนขอชี้แจงว่า แม้ตนไปยื่นขอเตรียมการจัดตั้งพรรคประชาชนปฏิรูป ในวันที่ 1 ธ.ค. ที่ผ่านมา แต่ กกต.แจ้งว่า ยังรับคำขอไม่ได้ด้วยเหตุติดคำสั่ง คสช. แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคใดๆ เพราะหาสมาชิกผู้ร่วมอุดมการณ์ได้ตามกฎหมายกำหนด คือ ไม่ต่ำกว่า 500 คน ที่พร้อมทุนประเดิม คนละ 1,000 บาทในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งพรรค ซึ่งคนเหล่านี้หากเคยเป็นสมาชิกพรรคการเมืองอื่น ก็ให้ลงนามในหนังสือแจ้งลาออกสมาชิกพรรคการเมืองอื่น ถึงเลขาธิการ กกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง โดยระบุในหนังสือว่า หากปรากฏในสารบบของกกต.ว่า เป็นสมาชิกพรรคการเมืองอื่น ก็ให้มีผลลาออกทันที ที่หนังสือไปถึง เลขา กกต.ตามมาตรา 27 จึงไม่มีเหตุจำเป็นต้องออกมาเรียกร้องให้แก้ไขกฎหมายพรรคการเมืองโดยเหตุดังที่นายอภิสิทธ์ กล่าวอ้าง,นายไพบูลย์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีคำสั่ง คสช.ที่ 53/2560 ก็ไม่ได้เป็นการเอื้อประโยชน์ให้พรรคการเมืองใหม่ ได้เปรียบพรรคการเมืองเดิมแต่อย่างใด ซึ่งเปรียบเทียบกับพรรคเดิมแล้ว ก็ต้องยอมรับว่า อย่างไรพรรคตั้งใหม่ก็ต้องมีขั้นตอนจัดตั้งพรรคที่มากกว่า และมีทรัพยากรต่างๆน้อยกว่า พรรคเดิมอยู่แล้วเป็นธรรมดา แต่พรรคประชาชนปฏิรูป ถือเป็นทางเลือกใหม่ให้ประชาชนที่เบื่อหน่ายต่อพฤติกรรมเดิมๆ ของพรรคเดิม ทั้งที่ พรรคเดิมมีความพร้อมกว่าพรรคใหม่ ทั้งมีสถานะเป็นนิติบุคคลคณะกรรมการบริหาร (กก.บห.) ดังนั้น ถ้าแค่เรื่องการบริหารจัดการภายในพรรค หรือการติดต่อกับสมาชิกของพรรคเดิม ผู้บริหารพรรคเดิมยังออกมาโวยวาย อ้างว่า ทำยากมาก ไม่สะดวก ก็ขอให้ประชาชนพิจารณาดูว่า พรรคนั้นจะเสนอตัวไปบริหารจัดการประเทศที่มีเรื่องที่ต้องจัดการสลับซับซ้อนกว่ามากมายมหาศาลได้อย่างไร,ผมเห็นว่า คำสั่ง คสช.จะทำให้พรรคเดิมง่ายต่อการตรวจสอบยืนยันสถานภาพของสมาชิกพรรคของตัวเองง่ายกว่า และทำให้มีเงินจากค่าบำรุงพรรคเพิ่ม แต่กลับถูกโจมตีไปประเด็นอื่น ต่างๆ นานา หรือว่าพรรคเดิมมีเหตุอื่นที่ต้องการปกปิดประชาชนไว้ เช่น กลัวประชาชนจะรู้ว่าจริงๆ แล้ว ส่วนใหญ่ที่ปรากฏชื่อเป็นสมาชิกพรรคเดิมนั้น เป็นรายชื่อที่หัวคะแนนรวบรวมชื่อมาเท่านั้น คือ สมาชิกเหล่านั้นไม่รู้ไม่เห็นไม่สนใจที่มีส่วนร่วมสนับสนุนในกิจกรรมของพรรคนั้นเลย แต่ชื่อยังไปปรากฏค้างคาอยู่ในทะเบียนสมาชิกพรรคเดิม เลยใช้วิธีเบี่ยงเบนเป็นว่า คำสั่งคสช. ที่ 53/2560 ออกมาเอื้อเวลาพรรคใหม่ให้ได้เปรียบพรรคเดิม คสช.รีเซตหรือเซตซีโร่ สมาชิกพรรคเดิม หรือ คสช.ต้องการยื้อเพื่อเลื่อนการเลือกตั้งบ้าง โดยใช้วาทกรรมเท็จโจมตี คสช. ทั้งที่โดยแท้จริงเพื่ออำพรางความจริงเกี่ยวกับจำนวนสมาชิกพรรคที่ผู้บริหารพรรคเดิมต้องการปกปิดไว้หรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าว
|
ไพบูลย์ โต้ มาร์ค ยัน พรรคปชช.ปฏิรูปพร้อมตั้งไร้ปัญหา เหน็บเหตุโวย กลัวถูกตรวจสอบฐานสมาชิกพรรค ชี้ คำสั่ง53/60 เอื้อประโยชน์พรรคใหญ่ให้ได้เปรียบพรรคใหม่ เหน็บ เหตุโวยวาย กลัวถูกตรวจสอบฐานสมาชิกที่แท้จริง
|
ข่าว,การเมือง
|
ไพบูลย์ นิติตะวัน,เหน็บมาร์ค,ตรวจสอบฐานสมาชิก,ปชป.,พรรคปชช.ปฏิรูป,ข่าวทั่วไป
|
https://www.thairath.co.th/news/politic/1164077
|
ทอฟฟี่ โหด ปิดดีล คลาสเซน หลังคว้า พิคฟอร์ด ทุบสถิติโลกโกลผู้ดี
|
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันที่ 15 มิ.ย. ว่า ทอฟฟี่สีน้ำเงิน เอฟเวอร์ตัน ทีมแกร่งแห่งศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ประกาศเช็กบิลคว้าตัว ดาวี คลาสเซน มิดฟิลด์กัปตันทีมของ อาแจกซ์ อัมสเตอร์ดัม มาร่วมทีมอย่างเป็นทางการด้วยค่าตัว 23.6 ล้านปอนด์พร้อมกับเซ็นสัญญา 5 ปี,ดาวเตะวัย 24 ปีเป็นกำลังหลักในแดนกังหันลมให้กับอาแจกซ์มาโดยตลอด 163 นัดที่ลงสนามและยิงได้ 49 ประตู โดยล่าสุดเจ้าตัวได้จรดปากกาเซ็นสัญญากับเอฟเวอร์ตันอย่างเป็นทางการ ส่งผลให้เขากลายเป็นแข้งรายสองในรอบวันที่เอฟเวอร์ตันประกาศคว้าตัวต่อจาก จอร์แดน พิคฟอร์ด นายด่านอนาคตไกลที่ยอมทุ่มสถิติค่าตัวโกลเมืองผู้ดีถึง 30 ล้านปอนด์จากซันเดอร์แลนด์มาร่วมทีม,ผมเดินไปรอบๆสนามซ้อมและได้คุยกับหลายๆคน ผมรู้สึกดีจริงๆ ผมคุยกับโรนัลด์ คูมัน เกี่ยวกับเอฟเวอร์ตันเมื่อสองสัปดาห์ก่อนหน้านี้ เกี่ยวกับแนวทางที่เขาต้องการเล่นและได้มอบความรู้สึกดีให้กับผม ผมคุยกับเขาเกี่ยวกับสโมสรและทุกอย่างที่เราต้องการประสบความสำเร็จและเขาก็โอเคเลยจริงๆ มันยากที่ออกจากอาแจกซ์แต่ผมคิดว่าทนี่คือก้าวต่อไปที่ดีสำหรับในตอนนี้ ผมผมตั้งตารอกับช่วงเวลาของผมที่นี่
|
เสริมตัวได้อย่างดุดันจริงในวันนี้สำหรับ ทอฟฟี่สีน้ำเงิน เอฟเวอร์ตัน หลังจัดการเช็กบิลคว้าตัว ดาวี คลาสเซน กัปตันทีมของอาแจกซ์ มาร่วมทีมต่อจาก จอร์แดน พิคฟอร์ด ที่พวกเขาทุบสถิติโลกโกลสัญชาติอังกฤษมาก่อนหน้านี้ไม่กี่ชั่วโมง
|
กีฬา,ฟุตบอลยุโรป
|
พรีเมียร์ลีก,เอฟเวอร์ตัน,จอร์แดน พิค ฟอร์ด,ดาวี คลาสเซน,อาแจกซ์ อัมสเตอร์ดัม
|
https://www.thairath.co.th/sport/eurofootball/premiereleague/974227
|
ดีแท้จริง 3 อย่างในแบบ เม นิศาชล
|
ศัลยแพทย์ฝีมือแจ่ม หมอสอง นพ.นพรัตน์ รัตนวราห ผู้บริหารนพรัตน์คอสเมติกคลินิก Nopparat Cosmetic Clinic (NCC) เม นิศาชล จะเล่า 3 เรื่องราวดีแท้จริงในชีวิตสวยๆ ที่บอกเลยว่าน่าอ่านๆ,ก่อนหน้านี้ เม นิศาชล เพิ่งไปร่วมกิจกรรม มอบชีวิตใหม่ให้เต่า สู่สีสันท้องทะเลไทย ที่ทางเครื่องสำอาง BSC COSMETOLOGY ร่วมกับบริษัทอินเตอร์เนชั่นแนล แลบบอราทอรีส์ จัดกิจกรรมดีๆ ปล่อยเต่าทะเลคืนสู่ธรรมชาติ ที่อ่าวมะนาว ประจวบคีรีขันธ์ ไปคุยกันเลยกับนางเอกหน้าใส เม นิศาชล,นักแสดงที่ดีแท้จริง? ต้องมีความรับผิดชอบ ในการเป็นคนที่ถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึกทุกอย่างไปให้คนดู และบวกกับความศรัทธาในการแสดง ศรัทธากับบทละคร ตัวละครที่ได้รับ ถ้าเราเชื่อและเข้าใจในสิ่งที่เราได้รับ คนดูก็จะเชื่อในสิ่งที่เราถ่ายทอดเช่นกัน,การเป็นคนดีที่แท้จริง? ดีให้ถูกที่ถูกเวลา ดีกับใครก็ตามต้องไม่เดือดร้อน และไม่เบียดเบียนตัวเราเองและคนอื่นด้วย เราต้องมีความสุขกับการทำดีให้คนอื่น และตัวเองก็ต้องได้รับความรู้สึกนั้นเช่นกัน, ความสุขที่แท้จริงในชีวิตคนเราคืออะไร? พอใจในสิ่งที่ตนเองมี การที่เราเข้าใจความเป็นจริง เราอยู่กับปัจจุบันได้ เรารับได้ในทุกเรื่องที่เกิดขึ้น มองมันเป็นเรื่องที่ธรรมดาที่ต้องเกิด แม้มีปัญหาแต่เรามักจะหาทางออกได้เสมอ ไม่ช้าก็เร็ว.,
,
|
จ่อคิวฮอตอีกคน สวยครบทั้งรูปร่างหน้าตาฝีมือ ก็ต้องยกให้นางเอกดาวรุ่งคนนี้ เม นิศาชล ต้วมสูงเนิน วันนี้ไม่ได้มาเปิดหัวใจเรื่องรักกับ
|
บันเทิง,ข่าวบันเทิง
|
เม นิศาชล ต้วมสูงเนิน,เม นิศาชล นางเอกช่อง3,เม หมอสอง รักกัน,เม นิศาชล อ้วน รังสิต ละครกลลวงทวงหนี้รัก,กอสซิป
|
https://www.thairath.co.th/entertain/news/1086594
|
แม่ซื้อกับข้าวให้ลูกกิน เจ็บใจสาวอ้วนตีเนียน ฉกหน้าด้านๆจากตะกร้าจยย. (ชมคลิป)
|
วันที่ 9 ก.ย.59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ด.ต.ชรินทร์ ขวัญดำ เจ้าหน้าที่สายตรวจเขต สภ.เมืองกระบี่ เข้าตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ภายหลังจากรับแจ้งมีเหตุลักทรัพย์ เป็นกับข้าว แกงถุงหลายรายการ โดยเหตุเกิดเมื่อเวลา 15.30 น. วานนี้ (8 ก.ย.) ภายในลานจอดรถจักรยานยนต์ ที่ห้างดังกลางเมืองกระบี่ ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด พบภาพคนร้ายเป็นหญิงร่างอ้วน อายุประมาณ 35-40 ปี นุ่งกางเกงแบบสามส่วนสีดำ ใส่เสื้อยืดแขนสั้นลายสีขาว ผมยาวรวบมัด เข้าไปซื้อสิ่งของภายในห้างดังกล่าว ก่อนออกมาที่อาคารจอดรถ และลงมือลักกับข้าวของ นางวาสนา อัครวิเนค อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 120/26 ถ.ท่าเรือ ต.ไสไทย อ.เมืองกระบี่ ที่จอดไว้ภายในอาคารจอดรถ โดยคนร้ายทำทีเข็นรถของตน มาเคียงรถผู้เสียหาย ก่อนเอื้อมมือไปหยิบของหน้ารถ ท่ามกลางผู้คนที่เข้าออกภายในอาคารจอดรถ แล้วขับหลบหนีไปอย่างใจเย็น,นางวาสนา เล่าว่า ตนได้ขับรถจักรยานยนต์ฝ่าสายฝน เพื่อไปซื้อกับข้าวที่ สะพานเจ้าฟ้า ต.ปากน้ำ ภายในเขตเทศบาล ซึ่งห่างจากบ้านกว่า 1 กิโลเมตร หลังจากซื้อเสร็จได้แวะซื้อสิ่งของเพิ่มเติมที่ห้างดังกล่าว โดยวางกับข้าวที่ซื้อมาไว้ตะกร้าหน้ารถ ก่อนจะเข้าไปในห้าง เมื่อกลับออกมาพบว่า กับข้าวที่ซื้อมาหายเกลี้ยง,นางวาสนา เล่าต่ออีกว่า กับข้าวที่หายไป เป็นแกงพริกหมูกรอบ 1 ถุง ผัดเต้าหู้ 1 ถุง ผักกาดดองผัดไข่ 1 ถุง ข้าวไข่เจียว 2 กล่อง ขนมเค้ก 1 กล่อง มูลค่าความเสียหาย 200 บาท ซึ่งตนเตรียมซื้อไว้เพื่อให้ลูกได้กินตอนเลิกเรียน แต่กลับถูกลักไปเสียก่อน ตนไม่เสียดายของที่ถูกลัก แต่เจ็บใจมาก อุตส่าห์ฝ่าสายฝนออกมาซื้อหวังเตรียมไว้ให้ลูกๆ หลังเลิกเรียน แต่ถูกลักไปจนหมด ต้องเสียเวลาขับรถไปซื้อใหม่อีก จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เร่งจับกุมคนร้ายดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว จะได้ไม่ไปก่อเหตุสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นอีก เบื้องต้นผู้เสียหายเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.เมืองกระบี่ เพื่อติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
|
วงจรปิดจับภาพ สาวร่างใหญ่ทำเนียนฉกแกงถุงในตะกร้าหน้ารถ จยย. กลางห้างดังเมืองกระบี่ก่อนชิ่งหนี ด้าน ผู้เสียหาย เจ็บใจ อุตส่าห์ฝ่าฝนออกไปซื้อ หวังให้ลูกกินตอนเลิกเรียน แต่ดันมาถูกขโมย ด้าน ตร.เร่งล่าตัวคนร้ายแล้ว
| null |
ขโมยแกงถุง,สาวร่างใหญ่ขโมยแกงถุง,แกงถุง,ห้างดังเมืองกระบี่,กระบี่,วงจรปิด
|
https://www.thairath.co.th/content/717223
|
ชาวเน็ตชื่นชม แทค ภรัณยู บริจาค 1 แสนช่วยพ่อเด็กวัย 12 ถูกรุมโทรม
|
ยังเป็นประเด็นร้อนในสังคมเวลานี้ สำหรับกรณีข่าวเหตุการณ์เด็กวัยรุ่นรุมโทรมเด็กหญิงวัย 12 ปี และคุณพ่อของเด็กหญิงคนดังกล่าวทำร้ายร่างกายเด็กวัยรุ่นจนสลบ จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียลเวลานี้ ล่าสุดนักแสดงหนุ่ม แทค ภรัณยู โรจนวุฒิธรรม ได้โอนเงินเพื่อช่วยเหลือคุณพ่อของเด็กหญิงคนดังกล่าวด้วย,โดยคุณพ่อของเด็กหญิงคนดังกล่าวได้โพสต์ระบายถึงความเครียดหลังเกิดคดีความกับลูกสาว ทั้งเรื่องงานที่ต้องหยุดทำไปเพื่อไปดำเนินคดีจนรายได้หาย รวมถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ ในบ้าน เรื่องยายที่ป่วยอัมพาต เรื่องสภาพจิตใจของลูกสาวหลังเกิดเรื่อง ฯลฯ ทำให้ตัดสินใจว่าจะเอารถตัวเองเข้าไฟแนนซ์เพื่อหาเงินมาใช้จ่าย แต่ตนไม่ท้อ พร้อมทั้งบอกว่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด,จากเรื่องดังกล่าวก็มีคนเรียกร้องให้เจ้าตัวเปิดรับบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือค่าใช้จ่าย และได้มีเพื่อนสนิทของคุณพ่อเหยื่อวัย 12 โพสต์ภาพและข้อความในเฟซบุ๊กเปิดรับบริจาคเงินให้พ่อของเด็ก โดยมีคนร่วมบริจาคเงินเป็นจำนวนมาก,หนึ่งในนั้นคือหนุ่มแทคที่ได้โอนเงินไปช่วยเหลือเป็นเงินจำนวน 100,000 บาท พร้อมด้วยข้อความ สู้เว้ย เพื่อให้กำลังใจคุณพ่อเด็กหญิงวัย 12 ปี ตามที่เจ้าตัวเคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้ว่าอยากช่วยเหลือ จนเกิดกระแสชื่นชมนักแสดงหนุ่มในโลกโซเชียลฯ กันเพียบ.
|
ชาวเน็ตชื่นชมนักแสดงหนุ่ม แทค ภรัณยู ได้โอนเงินเพื่อช่วยเหลือคุณพ่อของเด็กหญิงวัย 12 ปี ที่กระทืบวัยรุ่นจนสลบ หลังเกิดเหตุการณ์วัยรุ่นรุมโทรมลูกสาว
|
บันเทิง,ข่าวบันเทิง
|
แทค ภรัณยู,แทค ภรัณยู บริจาคเงิน,เด็กถูกข่มขืน,รุมโทรมเด็ก 12,ดาราทำดี,ดารา
|
https://www.thairath.co.th/entertain/news/1450877
|
พิษรีวิว ไต้ฝุ่น-ขวัญ โดนอ่วม (คลิป)
|
ส่วน ขวัญ-อุษามณี พนักงานสอบสวนส่งตัวไปปรับที่ อย. หลังทั้งคู่ถูกออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาเกี่ยวข้องรีวิวสินค้าเครือข่ายเมจิก สกิน ด้านตำรวจแจงขณะนี้ยึดทรัพย์ได้รวม 19 ล้านบาท แนะนำผู้เสียหายสามารถยื่นหลักฐานขอเฉลี่ยทรัพย์ได้ที่ ปปง.,กรณี พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. สนธิกำลังตำรวจและผู้เกี่ยวข้องจากหลายหน่วยงาน บุกทลายและติดตามยึดทรัพย์เครือข่ายผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง อาหารเสริมเมจิกสกิน จากปฏิบัติการครั้งนี้ยังนำไปสู่เหตุการณ์บุกทลายแหล่งผลิต-จำหน่าย สินค้าอาหารเสริม เครื่องสำอางไม่ได้มาตรฐานในตลาดใหม่ดอนเมือง ทำให้มีผู้ถูกจับในข้อหาร่วมกันกรรโชกทรัพย์ผู้ค้าภายในตลาดหลายราย รวมทั้งมีการออกหมายเรียกดารา-นักแสดง-เน็ตไอดอล ชื่อดังมาสอบสวนรับทราบข้อกล่าวหา หลังพบเกี่ยวข้องกับการรีวิวสินค้า,ความคืบหน้า ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 11 มิ.ย. ขวัญ-อุษามณี ไวทยานนท์ ดารานักแสดงสาวชื่อดัง และไต้ฝุ่น เคพีเอ็น-นายกนกฉัตร มรรยาทอ่อน ดารานักร้อง เดินทางเข้าพบ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร.พร้อมทนาย เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียก จากกรณีรับรีวิวสินค้าในเครือเมจิกสกิน ใช้เวลาในการเข้าพบพนักงานสอบสวนนานประมาณ 2 ชั่วโมง หลังเสร็จสิ้น น.ส.อุษามณีกล่าวว่า ในฐานะที่เป็นบุคคลสาธารณะ หลังจากนี้ต้องใช้ชีวิตให้รอบคอบมากขึ้น สำหรับกรณีนี้ตำรวจให้ความรู้ ความกระจ่างมากขึ้น ไม่มีอะไรที่ต้องกังวลทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นไปตามครรลองคลองธรรมในสิ่งที่ถูกต้อง,ด้านนายกนกฉัตรกล่าวว่า เบื้องต้นตนรับสารภาพพร้อมให้ความร่วมมือกับตำรวจ ยอมรับก่อนรับรีวิวสินค้าได้ตรวจสอบและทดลองใช้สินค้าด้วยตัวเอง ประกอบกับมีดาราศิลปินหลายคนรับรีวิว จึงคิดว่าไม่มีอะไร แต่ผลการตรวจพิสูจน์กลับพบสินค้าผิดกฎหมาย รู้สึกตกใจมาก พอทราบเรื่องจึงรีบลบการรีวิวออกจากสื่อโซเชียลทันที รู้สึกหนักใจอยู่บ้างที่ถูกดำเนินคดี หลังจากนี้หากรับรีวิวสินค้าต้องตรวจสอบระมัดระวังให้มากขึ้น,ด้าน พล.ต.อ.วิระชัยกล่าวว่า ดาราทั้ง 2 คน ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ดาราที่เป็นสุภาพสตรี พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาฐานโฆษณาเครื่องสำอางที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญ กรณีรีวิวว่าหน้าใส ไร้สิว ไม่ง้อเข็ม ไม่เจ็บตัว ถือเป็นการโฆษณาที่ทำให้เข้าใจผิดในสาระสำคัญของเครื่องสำอางตาม พ.ร.บ.เครื่องสำอาง พ.ศ.2558 ม. 41 วรรค 2 (1) มีอัตราโทษตาม ม. 84 จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ในคดีนี้ผู้ต้องหารับสารภาพ เป็นความผิดที่มีโทษปรับและจำคุกไม่เกิน 1 ปี เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา มีอำนาจเปรียบเทียบปรับ พนักงานสอบสวนจึงทำหนังสือส่งตัว ให้ไปทำการเปรียบเทียบปรับที่ อย. ส่วนดาราผู้ชาย พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหา โฆษณาคุณประโยชน์คุณภาพสรรพคุณของอาหารอันเป็นเท็จหรือเป็นการหลอกลวงให้เกิดความหลงเชื่อโดยไม่สมควร ตาม ม.40 ม.70 แห่ง พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ.2522 อัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หลังการสอบสวนจะส่งตัวไปที่ศาลแขวงพระนครใต้พิจารณาโทษ,สำหรับผู้ต้องหาในคดีเครือข่ายเมจิกสกิน ขณะนี้พนักงานสอบสวนดำเนินการยึดทรัพย์และส่งไปยัง ปปง. รวม 19 ล้านบาท จึงขอให้ผู้เสียหายที่มีหลักฐานความเสียหาย มายื่นขอเฉลี่ยทรัพย์ได้ที่ ปปง.ตั้งแต่บัดนี้ ส่วนใครที่เสียหายจากการใช้ผลิตภัณฑ์ สามารถฟ้องร้องดำเนินคดีกับผู้ผลิตและผู้จำหน่ายได้ เร็วๆนี้จะมีมาตรการดำเนินการกับกลุ่มผู้ผลิตเครื่องสำอางที่ไม่ได้มาตรฐานรายอื่นๆ ต่อไป พล.ต.อ.วิระชัยกล่าว,มีรายงานว่าสำหรับดารา-นักแสดงอีก 3 รายประกอบด้วย ปันปัน-น.ส.สุทัตตา อุดมศิลป์ ดีเจเพชรจ้า-นายวิเชียร กุศลมโนมัย และนิวเคลียร์-น.ส.หรรษา จึงวิวัฒนวงศ์ ที่พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหา โฆษณาเครื่องสำอางด้วยข้อความที่เป็นเท็จหรือเกินความจริง ตาม พ.ร.บ.เครื่องสำอาง พ.ศ.2558 ได้ขอเลื่อนพบพนักงานสอบสวนไปเป็นวันที่ 13 มิ.ย.ให้เหตุผลว่าติดภารกิจ,ที่ศาลแขวงพระนครใต้ เวลา 15.00 น. วัน เดียวกัน พนักงานอัยการคดีศาลแขวง 4 ยื่นฟ้องไต้ฝุ่น เคพีเอ็น-นายกนกฉัตร มรรยาทอ่อน นักแสดงที่รีวิวผลิตภัณฑ์อาหารเสริมในเครือเมจิกสกินต่อศาลในความผิดฐาน โฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพหรือสรรพคุณของอาหารอันเป็นเท็จ เป็นการหลอกลวงให้เกิดความหลงเชื่อโดยไม่สมควร อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.อาหาร ปี 2522 ม.40 ม.70 เหตุเกิดที่แขวงสีลม เขตบางรัก กทม.,ศาลอ่านอธิบายฟ้องให้จำเลยฟังและอธิบายสิทธิหน้าที่ตามกฎหมายตลอดจนแนวทางในการบรรเทาความเสียหายแก่ผู้เสียหายให้จำเลยทราบสอบถามแล้วจำเลยไม่ต้องการทนายความ ให้การรับสารภาพตลอดข้อหา พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ.2522 มาตรา 40 ม.70 จำคุก 1 ปีและปรับ 30,000 บาท จำเลยรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา เป็นเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา ม.78 คงจำคุก 6 เดือนและปรับ 15,000 บาท จำเลยไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน เห็นสมควรให้โอกาสกลับตนเป็นพลเมืองดี โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 1 ปี
|
ไต้ฝุ่น เคพีเอ็น ถูกศาลพิพากษาจำคุก 1 ปี ปรับ 3 หมื่นบาท เจ้าตัวรับสารภาพลดโทษเหลือจำคุก 6 เดือน ปรับ 1.5 หมื่นบาท โทษจำคุกรอลงอาญา 1 ปี
|
ข่าว,ทั่วไทย
|
ไต้ฝุ่น เคพีเอ็น,ขวัญ อุษามณี,รีวิวสินค้า,เมจิกสกิน,ศาลพิพากษา,รอลงอาญา,ข่าวหน้า1
|
https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1589756
|
ฝ้าย แอมฟายน์ มอบตัวรีวิวเมจิกสกิน ชี้โฆษณาอาหารเสริม ต้องส่งศาล (คลิป)
|
วันที่ 12 มิ.ย. นางสาวณัฐหทัย แสงเพชร หรือ ฝ้าย แอมฟายน์ ศิลปินนักร้อง เดินทางเข้าพบ พลตำรวจเอกวิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคณะพนักงานสอบสวน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาฐานโฆษณาเครื่องสำอางเกินจริง ตาม พ.ร.บ.เครื่องสำอางฯ หลังพนักงานสอบสวนพิจารณาแล้วว่า เข้าข่ายกระทำผิดกรณีที่รับงานรีวิวเครื่องสำอาง ประเภทเซรั่มให้กับเครือบริษัทเมจิกสกิน และถูกนำไปเผยแพร่ตามโซเชียลมีเดีย,จากนั้นได้มี ไซร่า มิเรอร์ เน็ตไอดอล เดินทางเข้าพบ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพนักงานสอบสวน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา กระทำผิดในการรีวิวสินค้าเครือเมจิกสกิน เป็นรายที่ 2 ของวันนี้,พลตำรวจเอกวิระชัย เผยว่า จะใช้แนวทางการดำเนินคดีเดียวกันกับขวัญ อุษามณี และ ไต้ฝุ่น KPN ที่มารับทราบข้อกล่าวหาเมื่อวานนี้ หากเป็นคดีความผิดเกี่ยวกับเครื่องสำอาง เมื่อสอบปากคำแล้วผู้เข้าข่ายความผิดให้การรับสารภาพ และพร้อมเปรียบเทียบปรับ พนักงานสอบสวนจะทำเรื่องไปยังสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. เพื่อให้ไปชำระเงิน และให้นำเอกสารการชำระเงินมามอบให้พนักงานสอบสวน เพื่อทำเรื่องสั่งไม่ฟ้อง,แต่หากเป็นคดีที่เกี่ยวกับอาหารเสริม ก็ต้องให้พนักงานสอบสวนคุมตัวไปส่งฟ้องด้วยวาจาที่ศาลแขวงพระนครใต้ต่อไป ซึ่งผลคำพิพากษาเมื่อวานนี้ ศาลตัดสินลดโทษกึ่งหนึ่ง และให้รอลงอาญาไว้ สำหรับในวันนี้มีดารา 2 คน เน็ตไอดอล 1 คน และศิลปินนักร้อง 1 คน ที่ต้องมารับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งจนถึงขณะนี้มีเพียงดารา 1 คน ติดต่อขอเลื่อนเข้าพบพนักงานสอบสวนเนื่องจากติดธุระอยู่ในต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่ขอเลื่อนเข้าพบ พนักงานสอบสวนจะพิจารณาจากเหตุผล และระยะเวลาที่ขอเลื่อน หากไม่มีการชี้แจงใดๆ จะให้พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกเป็นครั้งที่ 2 และหากยังไม่มาพบก็จะดำเนินการออกหมายจับต่อไป
|
ถึงคิว ฝ้าย แอมฟายน์ นักร้องสาว เข้าพบ รองผบ.ตร. รับทราบข้อหา รับงานรีวิว เครื่องสำอาง เมจิกสกิน ชี้ถ้าเป็นกรณีโฆษณาอาหารเสริม ต้องส่งฟ้องศาล พิพากษาภายในวันเดียว
|
ข่าว,ทั่วไทย
|
เมจิกสกิน,โฆษณาเมจิกสกิน,ดารามอบตัว,รีวิวเมจิกสกิน,ฝ้าย แอมฟายน์,ข่าวทั่วไป
|
https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1589970
|
หนุ่มเมืองเพชรแค้นถูกน้าเขยด่า คว้าปืนยิงจนร่างพรุน ตายคาบ้าน
|
เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 3 พ.ค. 2562 ร.ต.ท.สารัช เภาศรี ร้อยเวร สภ.เมืองเพชรบุรี รับแจ้งเหตุมีบุคคลถูกยิงเสียชีวิต ภายในบ้านพักเลขที่ 97 หมู่ 13 บ้านบ่อโพรง ตำบลหนองขนาน อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี จึงรายงานให้ พ.ต.อ.สมเดช ฐิตวัฒนะสกุล รอง ผบก.ภจว.เพชรบุรี ทราบ พร้อมประสานตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดเพชรบุรี แพทย์เวรโรงพยาบาลพระจอมเกล้าจังหวัดเพชรบุรี และเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างสรรเพชญธรรมสถานเพชรบุรี,ที่เกิดเหตุบริเวณลานหน้าบ้านพบร่างผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย ทราบชื่อคือนายรัฐศักดิ์ เจริญศักดิ์สิริกุล อายุ 45 ปี ชาวบ้าน หมู่ 3 ต.ท่าแร้งออก อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี ใกล้เคียงพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 ซุปเปอร์ จำนวน 8 ปลอก และกระสุนที่ยังไม่ได้ยิง 1 นัด ตกกระจายอยู่ แพทย์ชันสูตรศพพบถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าบริเวณหลังหูซ้าย แก้มขวา มุมปากขวา หัวไหล่ขวา ท้ายทอย ใต้ราวนมขวา หน้าท้องขวา สะโพกขวา แห่งละ 1 แผล และที่หน้าท้อง อีก 2 แผล,สอบถามนางขวัญเรือน ฟักเถื่อน อายุ 43 ปี ภรรยาผู้ตายเล่าว่า ผู้ก่อเหตุ คือ นายอภิวัฒน์ ฟักเถื่อน หรือบอล อายุ 31 ปี ซึ่งเป็นหลานชายของตน โดยก่อนเกิดเหตุนายบอลได้ขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาในบ้านซึ่งตั้งอยู่ใกล้กัน และเบิ้ลเครื่องยนต์ส่งเสียงดัง นายรัฐศักดิ์ผู้ตาย ซึ่งเป็นน้าเขยจึงได้เดินไปด่าทอเพื่อให้หยุดเบิ้ลรถ และมีปากเสียงทะเลาะกันรุนแรง จากนั้นนายรัฐศักดิ์ได้เดินกลับเข้าบ้าน ต่อมานายบอลได้เดินตามมา และใช้อาวุธปืนยิงนายรัฐศักดิ์จำนวนหลายนัด นายรัฐศักดิ์พยายามวิ่งหนีจนรอบบ้านและมาล้มลงที่ลานดินหน้าบ้าน นายบอลวิ่งตามมา ตนได้ร้องขอไม่ให้ยิงแต่นายบอลได้ใช้ปืนยิงซ้ำที่ศีรษะของนายรัฐศักดิ์อีก 1 ครั้งจนเสียชีวิตก่อนจะขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่าฟีโน่สีแดงดำ ขับหลบหนีไป
|
หนุ่มเมืองเพชร หลานเขยแค้นถูกน้าเขยด่า ปมเหตุเบิ้ลเครื่องรถ จยย.เสียงดัง คว้าปืน 9 มม.กระหน่ำยิงพรุนทั้งร่าง พยายามวิ่งหนีตาย แต่คนร้ายตามมายิงศีรษะซ้ำจนตายคาบ้าน
|
ข่าว,อาชญากรรม
|
ยิงกันตาย,กระหน่ำยิง,หนุ่มเมืองเพชร,ยิงน้าเขย,เพชรบุรี,อ.บ้านแหลม,ข่าวทั่วไป
|
https://www.thairath.co.th/news/crime/1560095
|
เตรียมเปิดให้ชม พระเมรุมาศวันละ 1 แสนคนเริ่ม 2-30 พ.ย.นี้
|
วันนี้ (27 ต.ค.2560) นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า จากการประชุมคณะอนุกรรมการบริหารจัดการนิทรรศการงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสม เด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ครั้งที่ 3/2560 ว่า ที่ประชุมหารือถึงการเตรียมความพร้อมการจัดนิทรรศการงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ ได้กำชับให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่โดยในวันที่ 2 พ.ย.นี้ เวลา 07.00 น.สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จพระราชดำเนิน เป็นองค์ประธานเปิดนิทรรศการ ที่ท้องสนามหลวง สำหรับนิทรรศการจัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-30 พ.ย.นี้ เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 07.00-22.00 น.จะเปิดให้ประชาชนเข้าชมรอบละ 3000 - 5000 คน และใช้เวลา รอบละ 45 นาที - 1 ชั่วโมง คาดว่าแต่ละวันจะมีผู้เข้าชม 100000 คน สำ หรับประชาชนที่เข้าชมนิทรรศการ จะได้รับแจกแผ่นพับพระเมรุมาศที่จัดพิมพ์ทั้งหมด 3 ล้านฉบับ และโปสการ์ดที่ระลึกภาพพระเมรุมาศ 9 แบบ 3 ล้านแผ่นสำหรับนิทรรศการงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ จัดขึ้นเพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิ คุณผ่านพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจและโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และเปิดโอกาสให้เด็ก เยาวชน และประชาชนได้เรียนรู้ขนบธรรมเนียมโบราณราชประเพณีของไทยที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาอันล้ำค่าของไทยที่มีการสืบทอดและอนุรักษ์ไว้มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งจะได้เข้าชมพระเมรุมาศและอาคารประกอบที่จัดสร้างอย่างสมพระเกียรติทั้งนี้ผู้ที่จะเข้าชมต้องผ่านจุดคัดกรองรวม5 จุด โดย 3 จุดเป็นของประชาชนทั่วไปคือ บริเวณหน่วยบัญชาการรักษาดินแดนถนนท่าช้าง และถนนด้านพระแม่ธรณีบีบมวยผม ส่วนผู้พิการต้องผ่านจุดคัดกรองหลังกระทรวงกลาโหม ส่วนพระสงฆ์เข้าทางด้านหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ทั้งนี้ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จะจัดรถโดยสารให้บริการฟรีใน 6 เส้นทาง ตั้งแต่เวลา 05.00 น. ถึง 23.00 น. เส้นทางละ 10 คัน รอบละ 60 คัน ได้แก่ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ-สนามหลวง หัวลำโพง-สนามหลวง วงกลมรอบเกาะรัตนโกสินทร์-สนามหลวง เอกมัย-สนามหลวง สายใต้ใหม่-สนามหลวง และหมอชิต-สนามหลวง ส่วนทางเรือจะให้บริการตั้งแต่เวลา 06.00 น. - 22.30 น. ที่ท่านิเวศน์วรดิฐ และท่าราชนาวิกสภา ผู้ให้บริการเรือด่วน เรือเมล์ได้ขยายเวลารองรับการเดินทางเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนด้วย
|
เตรียมเปิดให้ประชาชนเข้าชมนิทรรศการพระเมรุมาศ วันที่ 2-30 พ.ย.นี้ โดยแบ่งเป็นรอบละ 5000 คน คาดเฉลี่ยวันละ ประมาณ 100000 คน โดยจัดแผ่นพับพระเมรุมาศที่จัดพิมพ์ 3 ล้านฉบับ และโปสการ์ดที่ระลึกภาพพระเมรุมาศ 9 แบบ 3 ล้านแผ่นให้กับผู้เข้าชม
|
สังคม
|
ThaiPBSnews,ไทยพีบีเอส,ข่าวไทยพีบีเอส,พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ,ในหลวง รัชกาลที่9,กระทรวงวัฒนธรรม,สนามหลวง,พระเมรุมาศ,พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
|
https://news.thaipbs.or.th/content/267261
|
พบแล้ว 1 ศพ โจ๋มั่วสุมต้มน้ำใบกระท่อมโดดน้ำหนี ตร. อีก2ยังสูญหาย
|
จากกรณีวานนี้ (23 ธ.ค.) วัยรุ่น 9 คนรวมตัวต้มพืชใบกระท่อม ภายในสวนยางพารา ริมคลองท่าหิน หมู่ที่ 10 ต.กลาย อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ถูกตำรวจชุดสืบสวน สภ.ท่าศาลา ล้อมจับ และได้กระโจนหนีลงคลองกว้างประมาณ 200 เมตร ซึ่งวัยรุ่น 6 คนสามารถข้ามไปได้ แต่อีก 3 คนจมหายในคลอง,ล่าสุด วันที่ 24 ธ.ค. เวลา 11.00 น. ร.ต.ท.จเร พูลแก้ว รอง สว.(สอบสวน) สภ.ท่าศาลา รับแจ้งชาวบ้านได้นำศพวัยรุ่นชายชาว อ.สิชล อายุ 19 ปี ขึ้นมาจากคลองที่เกิดเหตุ สวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงขาสั้นสีดำ จากการชันสูตรเบื้องต้นของแพทย์ ไม่พบบาดแผลตามร่างกาย คาดเสียชีวิตเนื่องจากจมน้ำ และขาดอากาศหายใจ,นายชนิน ขำสุข อายุ 54 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 9 ต.เปลี่ยน อ.สิชล กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ชาวบ้านได้นำเบ็ดราวขึงปูพรมในลำคลอง กระทั่งเบ็ดได้เกี่ยวชายเสื้อผู้เสียชีวิต ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 80 เมตร จึงได้ลากศพขึ้นฝั่ง และแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนอีก 2 คนที่สูญหายคาดว่าน่าจะเจอ,ขณะที่ ปภ.นครศรีธรรมราช พร้อมอาสาสมัครหน่วยกู้ภัยใต้เต็กตึ๊ง อาสาสมัครประชาร่วมใจ อาสาสมัครกู้ภัยท่าศาลา จากพื้นที่ อ.สิชล และ อ.ท่าศาลา และชุดประดาน้ำ ยังคงค้นหาผู้สูญหาย 2 คน คือ นายคนิสร ศรีสว่าง อายุ 23 ปี และนายไกรวิทย์ เสียงใหญ่ อายุ 20 ปี ส่วนความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป.
|
พบแล้ว 1 ศพ โจ๋มั่วสุมต้มน้ำใบกระท่อมในสวนยาง อ.ท่าศาลา โดดลงคลองหนี ตร. สูญหายอีก 2 จนท.ชุดประดาน้ำยังคงค้นหา
| null |
โจ๋โดดน้ำหนีตำรวจ,โจ๋มั่วสุมต้มน้ำใบกระท่อม,ค้นหาศพโจ๋โดดน้ำหนีตำรวจ,ศพโจ๋โดดคลอง,วัยรุ่นโดดคลอง
|
https://www.thairath.co.th/content/820518
|
โพล ชี้ผู้ต้องหายาล้นคุก เพราะไม่รู้ก.ม. ขาดตัวช่วย
|
วันที่ 23 ก.ย. ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) มูลนิธิสถาบันวิจัยความสุขชุมชนและความเป็นผู้นำ เปิดเผยผลสำรวจเบื้องต้นและข้อเสนอเชิงนโยบาย เรื่อง เปิดใจอดีตผู้ต้องขังคดียาเสพติดและเครือญาติ ทำไมผู้ต้องขังคดียาเสพติดจึงล้นคุก จำนวน 804 ตัวอย่างจากทุกสาขาอาชีพ โดยเมื่อพิจารณาในกลุ่มผู้ถูกศึกษาที่เป็นอดีตผู้ต้องขังคดียาเสพติดและมีเครือญาติเป็นผู้ต้องขังคดียาเสพติด พบว่า ร้อยละ 25.4 เป็น อดีตผู้ต้องขัง คดียาเสพติด ในขณะที่ร้อยละ 74.6 มีญาติเป็นผู้ต้องขังคดียาเสพติด,สำหรับที่น่าสนใจคือ มุมมองที่แตกต่างกันระหว่าง กลุ่มอดีต ผู้ต้องขังคดียาเสพติด กับ กลุ่มคนที่มีญาติเป็นผู้ต้องขังคดียาเสพติด ในเรื่อง สาเหตุผู้ต้องขังคดียาเสพติดล้นคุก โดยพบว่า อดีตผู้ต้องขังร้อยละ 36.7 และ คนมีญาติเป็นผู้ต้องขังร้อยละ 23.9 ระบุ เป็นเพราะไม่รู้กฎหมาย จึงยอมจำนน รองลงมาคือ อดีตผู้ต้องขังร้อยละ 33.3 เทียบกับ คนมีญาติเป็นผู้ต้องขังร้อยละ 25.0 ระบุ เพราะถูกยัด สร้างหลักฐานเท็จ ไม่มีโอกาสเห็นหลักฐานที่นำมาสรุปความผิด,นอกจากนี้ อดีตผู้ต้องขังร้อยละ 26.7 และคนมีญาติเป็นผู้ต้องขังร้อยละ 17.0 ระบุ ขาดที่พึ่งด้านกฎหมาย อดีตผู้ต้องขังร้อยละ 26.7 และ คนมีญาติเป็นผู้ต้องขังร้อยละ 30.7 ระบุ มีทางเลือกน้อยในการลงโทษ สังคมตีตราลงโทษ กฎหมายลงโทษ นโยบายรัฐลงโทษ ในขณะที่ อดีตผู้ต้องขังร้อยละ 26.7 และ คนมีญาติเป็นผู้ต้องขังร้อยละ 29.5 ระบุ ความยากจน ความอยากรวย ขาดการศึกษา หวังรอดตายในคุก เป็นสาเหตุผู้ต้องขังคดียาเสพติดล้นคุก ที่น่าพิจารณาคือ อดีตผู้ต้องขังร้อยละ 16.7 และคนมีญาติเป็นผู้ต้องขังร้อยละ 28.4 ระบุ ขาดคนช่วยเหลือเพราะทุกคนกลัวเกี่ยวข้อง และอดีตผู้ต้องขังร้อยละ 13.3 เทียบกับ คนมีญาติเป็นผู้ต้องขังร้อยละ 18.2 ระบุ เจ้าหน้าที่รัฐ เร่งรัดสรุปความผิดนอกจากนี้ อดีตผู้ต้องขังร้อยละ 10.0 และคนมีญาติเป็นผู้ต้องขังร้อยละ 3.4 ระบุกฎหมายรุนแรงเกินไปทำให้ผู้ต้องขังคดียาเสพติดล้นคุก เมื่อสอบถามถึงแนวทางแก้ไข พบมุมมองที่แตกต่างกัน คือ อดีตผู้ต้องขังร้อยละ 36.7 และ คนมีญาติเป็นผู้ต้องขังร้อยละ 50.0 ระบุ ควรมี สหวิชาชีพ ด้าน กฎหมาย สังคมสงเคราะห์ จิตวิทยา แรงงาน ยุติธรรม เข้าถึงผู้ต้องหา หน้าใหม่เมื่อถูกจับกุม,ในขณะที่ ร้อยละ 40.0 ของอดีตผู้ต้องขัง และร้อยละ 37.5 ของคนมีญาติเป็นผู้ต้องขังระบุ ควรเผยแพร่สาระสำคัญข้อกฎหมายให้ประชาชนรู้อย่างต่อเนื่อง โดยอดีตผู้ต้องขังร้อยละ 30.0 และ คนมีญาติเป็นผู้ต้องขังร้อยละ 27.3 ระบุ แยกกลุ่มให้ชัด ผู้เสพ ออกจากผู้ค้า หากเกิดข้อผิดพลาดการแยกกลุ่ม เจ้าหน้าที่รัฐต้องมีความผิด,นอกจากนี้ อดีตผู้ต้องขังร้อยละ 26.7 และคนมีญาติเป็นผู้ต้องขังร้อยละ 9.1 ระบุ ควรผ่อนปรน ผู้ต้องขัง ชราภาพ และอดีตผู้ต้องขังร้อยละ 23.3 แต่ คนมีญาติเป็นผู้ต้องขังเพียงร้อยละ 5.7 ระบุ ควรแก้กฎหมายผ่อนปรน ครอบครองเพื่อเสพ และอดีตผู้ต้องขังร้อยละ 16.7 ในขณะที่คนมีญาติเป็นผู้ต้องขังร้อยละ 13.6 ระบุ ควรให้โอกาส ผู้เสพ ไม่เป็นภัยผู้อื่น บำบัดไม่ต้องเข้าเรือนจำ โดยอดีตผู้ต้องขังร้อยละ 13.3 และ คนมีญาติเป็นผู้ต้องขังร้อยละ 28.4 ระบุ ควรส่งตัวผู้ต้องขังต่างชาติ กลับประเทศเพื่อลดปัญหาผู้ต้องขังล้นคุก,อย่างไรก็ตาม ที่น่าเป็นห่วงคือ ทัศนคติต่อระยะห่างทางสังคมของประชาชนทั่วไป ต่อผู้เสพยาเสพติด โดยพบว่า อดีตผู้ต้องขังร้อยละ 30.8 และร้อยละ 11.5 ยินดีให้ผู้เสพอยู่ในบ้านเดียวกันหรือ อยู่บ้านติดกัน แต่ในกลุ่มคนมีญาติเป็นผู้ต้องขังเพียงร้อยละ 8.1 และร้อยละ 5.8 และยิ่งในกลุ่มประชาชนทั่วไปเหลือเพียงร้อยละ 3.4 และ ร้อยละ 2.3 ที่ยินดีให้ผู้เสพอยู่ในบ้านเดียวกันหรืออยู่บ้านติดกัน โดยประชาชนทั่วไปเกินครึ่งหรือร้อยละ 54.2 ให้ออกไปอยู่นอกชุมชน แต่ จำนวนมากหรือร้อยละ 40.1 ยังยินดีให้อยู่ในชุมชนเดียวกันได้,ดร.นพดล กล่าวต่อว่า ถึงเวลาแล้วที่ต้องมีการแก้ปัญหานี้อย่างจริงจังต่อเนื่องโดยสาเหตุหลักอยู่ที่ชาวบ้านไม่รู้กฎหมายจึงยอมจำนน ขาดตัวช่วย ทุกคนกลัวเกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่รัฐต้นน้ำของกระบวนการยุติธรรมเร่งรัดจับกุม ฟันธงความผิด โดยในช่วงต้นน้ำของกระบวนการยุติธรรมส่วนใหญ่มีแต่เจ้าหน้าที่รัฐสายอำนาจนิยม คือ กลุ่มบังคับใช้กฎหมาย ฝ่ายปกครองและกลุ่มใช้อำนาจแรงในการเข้าถึงผู้ต้องหา,รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องน่าจะพิจารณามุมมองของ อดีตผู้ต้องขังและคนมีญาติเป็นผู้ต้องขังที่ระบุว่า ควรมีสหวิชาชีพ ด้านกฎหมาย สังคมสงเคราะห์ จิตวิทยา แรงงาน ยุติธรรม เข้าถึงผู้ต้องหาหน้าใหม่เมื่อถูกจับกุมและแก้ปัญหาครบวงจร ลดผู้ต้องขังล้นคุก และควรนำยุทธศาสตร์เสริมสร้าง การรับรู้ ความเข้าใจ ความเชื่อมั่นและการสนับสนุนของสาธารณชนต่อแนวทางการแก้ปัญหาผู้ต้องขังคดียาเสพติดล้นคุกควบคู่ไปด้วย เพราะกระแสและทัศนคติของสาธารณชนทั่วไปต่อระยะห่างทางสังคมในความสัมพันธ์กับผู้เสพยังอยู่ในแดนลบอยู่ ต้องทำให้เข้ามาอยู่ในแดนบวกมากขึ้น ด้วยนำ กรณีผู้เสพที่กลับตัวเป็นคนดีสู่สังคมทำประโยชน์ต่อตัวเอง ครอบครัวและชุมชนมาให้รับรู้รับทราบโดยทั่วกัน ผอ.สำนักวิจัยซูเปอร์โพล กล่าว
|
โพล ชี้ผู้ต้องหายาล้นคุก เพราะไม่รู้ก.ม. ถูกฟันธงความผิด จึงยอมจำนน แนะแยกให้ชัดผู้เสพออกจากผู้ค้า หากเกิดข้อผิดพลาด เจ้าหน้าที่รัฐต้องมีความผิด
|
ข่าว,สังคม
|
ซูเปอร์โพล,ผู้ต้องหา,กฎหมาย,ผู้ต้องหายาเสพติด,นพดล กรรณิกา,การศึกษา
|
https://www.thairath.co.th/news/society/1078602
|
โย ยศวดี โพสต์ภาพคู่แฟนใหม่ เอ อัญชลี โผล่คอมเมนต์แซวน้องสาว
|
สมเป็นเดือนแห่งความรักจริงๆ เพราะช่วงนี้เหล่าคนดังโชว์ความหวานหนักมาก มีทั้งเปิดตัวแฟน บางคู่ก็ขอแต่งงาน ล่าสุดนางแบบก้านยาว โย ยศวดี หัสดีวิจิตร โพสต์ภาพคู่กับแฟนหนุ่มคนใหม่ในวันวาเลนไทน์ แต่เอามือปิดหน้าไว้ ซึ่งหนุ่มคนนี้น่าจะเป็นคนที่เจ้าตัวเคยให้สัมภาษณ์เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมาว่าคุยๆ กันอยู่ แต่ยังไม่อยากเปิดตัวจนกว่าจะมั่นใจจริงๆ เปิดอีกทีคือแต่งงานไปเลยซึ่ง โย ยศวดี เขียนแคปชั่นฮาๆ ถึงหนุ่มที่อยู่ข้างๆ ในรูปว่า Love in my pain in my #ass #happyvalentinesday baby นี่ละความรัก 55 งานนี้เลยมีแฟนๆ แซวหนักมากว่าลงรูปอีก อยากเห็นหน้าชัดๆ เขาคนนี้เป็นใคร ส่วน เอ อัญชลี พี่สาวของโย รีบเข้ามาคอมเมนต์แซวว่า เปิดตัวแล้วเหรอออถึงแม้จะยังไม่เห็นหน้าตาของหนุ่มข้างกายของ โย แบบชัดๆ แต่เห็นแค่นิดเดียวก็ดูรู้ว่าหล่องานดีแน่ๆ จ้า อิอิ.
|
โย ยศวดี โพสต์ภาพคู่กับแฟนหนุ่มคนใหม่ในวันวาเลนไทน์ แต่เอามือปิดหน้าไว้ งานนี้เลยมีแฟนๆ แซวหนักมาก ส่วน เอ อัญชลี พี่สาวของโย รีบเข้ามาคอมเมนต์แซว
|
บันเทิง,ข่าวบันเทิง
|
โย ยศวดี,โย ยศวดี แฟน,โย ยศวดี แฟนใหม่,โย ยศวดี ความรัก,คู่รักดารา,ข่าวบันเทิง,อินสตาแกรมดารา
|
https://www.thairath.co.th/entertain/news/1773696
|
กลุ่มวิศกรเพื่อชาติ-หอการค้าไทย คาดวัสดุก่อสร้างจ่อปรับราคารับโครงการ 2 ล้านล้าน
|
การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของประเทศ 7 ปี วงเงิน 2 ล้านล้านบาท หลายฝ่ายเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับประเทศระยะยาว แต่อาจมีผลกระทบตามมา โดย รศ.ต่อตระกูล ยมนาค ประธานกลุ่มวิศกรเพื่อชาติ บอกว่า การเร่งผลักดันโครงการ 2 ล้านล้านบาทจะทำให้อุตสาหกรรมก่อสร้างขาดแคลนแรงงาน เนื่องจากเป็นโครงการที่เกิดเร็ว ผู้ประกอบการเตรียมตัวไม่ทัน นอกจากนี้ยังทำให้วัสดุก่อสร้างปรับราคาสูงขึ้นด้วยขณะที่ กลินท์ สารสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี เทรดดิ้ง จำกัด และกรรมการเลขาธิการหอการค้าไทย กล่าวว่า การลงทุนโครงการ 2 ล้านล้าน อาจส่งผลให้แนวโน้มราคาวัสดุก่อสร้างปรับราคาขึ้นบ้าง ในช่วงสั้นแต่ไม่ถึงขั้นขาดแคลน และเห็นว่าผู้รับเหมาไม่ควรวิตกซื้อสินค้าไปกักตุน สอดคล้องกับความเห็นของนายอิสระ บุญยัง นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร ที่ระบุว่า แม้ความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างเพิ่มขึ้น แต่กำลังผลิตในประเทศสามารถผลิตเพิ่มได้ เนื่องจากโรงงานหลายแห่งยังผลิตไม่เต็มกำลัง รวมทั้งสามารถนำเข้าจากต่างประเทศได้สำหรับวัสดุก่อสร้างที่มีแนวโน้มปรับราคาสูงขึ้น เช่น ปูนซิเมนต์ ทราย หิน เหล็ก ซึ่งปัจจัยส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับราคาตลาดโลก นายอิสระกล่าวอีกว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือปัญหาขาดแคลนแรงงาน ที่ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ อาจทำให้เกิดการแย่งชิงแรงงาน หรือจำเป็นต้องนำเข้าแรงงานจากต่างประเทศในทุกระดับมากขึ้น
|
แผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานครั้งใหญ่ของประเทศ วงเงิน 2 ล้านล้านบาท นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร และประธานกลุ่มวิศกรเพื่อชาติ ระบุว่า จะทำให้ปริมาณความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างเพิ่มขึ้น จนวัสดุก่อสร้างบางรายการปรับราคา และจะทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนแรงงาน ทั้งวิศกร สถาปนิก ผู้รับเหมาและแรงงานก่อสร้าง
|
เศรษฐกิจ
|
กลุ่มวิศกรเพื่อชาติ,ปรับราคา,วัสดุก่อสร้าง,หอการค้าไทย,โครงการ 2 ล้านล้าน
|
https://news.thaipbs.or.th/content/158381
|
โอบาม่ามีคะแนนนิยมนำ ในรัฐสวิงสเตท
|
นายบารัค โอบาม่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวปราศัยที่เมืองคองคอร์ด รัฐนิวแฮมเชียร์ ว่า 4 ปีของผลงานย่อมเป็นที่ประจักษ์ร่วมกันถึงความคืบหน้า ดังนั้นการมาที่นี่เพื่อบอกว่า มีงานอีกหลายอย่างที่เขาจะต้องทำต่อไปอีก 4 ปี โดยหลังจากนี้ประธานาธิบดีโอบาม่าจะเดินสายไปที่รัฐฟลอริด้า โอไฮโอ้และโคโลราโด้ด้านนายมิตต์ รอมนีย์ เปิดปราศัยภายในรัฐไอโอว่า ซึ่งเนื้อหาส่วนใหญ่มุ่งไปที่การโจมตี โดยนายรอมนีย์กล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงของประธานาธิบดีโอบาม่าเป็นแค่คำพูดสวยหรู แต่เครื่องพิสูจน์ที่เป็นผลงานจริงกลับหาไม่พบการเปลี่ยนแปลง พร้อมเรียกร้องชาวรัฐไอโอว่าให้ช่วยลงคะแนนให้ตนเอง โดยนายรอมนีย์ จะเดินทางไปหาเสียงต่อไปที่เวอร์จิเนียและเพนซิลวาเนีย ทั้งนี้ ผลสำรวจคะแนนนิยมหรือโพลล่าสุดของหลายสำนักออกมาตรงกันว่าในหลายรัฐสวิงสเตทส์ ประธานาธิบดีโอบาม่าจากพรรคเดโมแครตยังคงนำนายรอมนีย์จากพรรครีพับลิกัน
|
คู่ชิงประธานาธิบดีสหรัฐฯเร่งหาเสียง ก่อนที่จะถึงวันเลือกตั้ง 6 พฤศจิกายนนี้ โดยผลสำรวจความนิยมหรือโพลในหลายรัฐที่มีผลต่อการแพ้ชนะอย่างยิ่งหรือรัฐสวิงสเตท ปรากฏว่าสูสีกันอย่างมาก
|
ต่างประเทศ
|
U.S.Election 2012,รอมนีย์,เลือกตั้งสหรัฐฯ,โอบาม่า
|
https://news.thaipbs.or.th/content/123381
|
นิตยสารสหรัฐฯ ชวนคุยประเด็น ห้องน้ำ จากประเทศพัฒนาแล้วสู่ประเทศโลกที่สาม
|
การมีห้องน้ำสาธารณะและห้องน้ำเดี่ยวเพื่อคนข้ามเพศก็เป็นเรื่องยากเย็นและกลายเป็นข้อถกเถียง นอกจากนี้ผู้เขียนชี้ว่าห้องน้ำไม่ใช่แค่เรื่องการปลดทุกข์ แต่เป็นเรื่องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ด้วย19 ม.ค. 2559 ถึงแม้ว่าการเรียกร้องเรื่องเกี่ยวกับห้องน้ำสาธารณะอาจจะดูเป็นเรื่องน่าขันและดูไม่จริงจัง แต่บทความของโจ สก็อต บรรณาธิการฝึกหัดจากนิตยสาร Yes ในสหรัฐฯ ซึ่งนำเสนอเรื่องราวการมีส่วนร่วมแก้ไขปัญหาของพลเมือง ระบุว่าปัญหาเรื่องสุขาสาธารณะเป็นปัญหาในชีวิตประจำวันที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตของผู้คนทุกคนไม่ว่าจะโดยตรงหรือทางอ้อมสก็อตชี้ว่าเรื่องของห้องน้ำสาธารณะมีความเกี่ยวข้องกับชีวิตของผู้คนซึ่งนอกจากเรื่องระบบสุขาภิบาลที่เอื้อต่อสุขภาวะที่ดีลดความเสี่ยงของการแพร่เชื้อโรคแล้วยังเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ด้วย ดังนั้นแล้วการกีดกันหรือบีบบังคับทางเพศสภาพต่อเรื่องการใช้ห้องน้ำที่มีการแบ่งแยกเพศเพียงสองเพศจึงถือเป็นการสร้างอคติกีดกันทางอ้อม และเรื่องของห้องน้ำนี้ก็มีการเปิดประเด็นอภิปรายเพื่อหาออกร่วมกันในสังคมน้อยมาก บทความของสก็อตจึงนำเสนอเรื่องราวของกลุ่มคนในพื้นที่ต่างๆ ที่ต่อสู้เรียกร้องในประเด็นนี้ถึงแม้ว่าในบางเมืองอย่างเมืองซีแอตเทิล รัฐฟิลาเดลเฟีย หรือเมืองแวนคูเวอร์ ในประเทศแคนาดา มีโครงการริเริ่มในเรื่องห้องน้ำเดี่ยวทั้งห้องน้ำส่วนตัวและห้องน้ำสาธารณะเพื่ออำนวยความสะดวกต่อกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ (LGBT) แต่ก็มีคนบางกลุ่มต่อต้านพวกเขาด้วยข้ออ้างอย่างเช่นว่านายกเทศมนตรีควรจะเอาเวลาไปเน้นจัดการปัญหาอื่นๆ มากกว่าเรื่องนี้สก็อตมองว่า การโต้ตอบความก้าวหน้าเหล่านี้กระทำไปด้วยความกลัวและความเกลียดชัง โดยยกตัวอย่างกรณีที่เกิดขึ้นคล้ายๆ กันในเมืองฮิวสตัน รัฐเท็กซัส ซึ่งมีการเสนอ กฤษฎีกาเพื่อสิทธิความเท่าเทียมในฮิวสตัน (Houston Equal Rights Ordinance หรือ HERO) ที่หนึ่งในนั้นคือการเสนอให้มีห้องน้ำรวมสำหรับทุกเพศ แต่ก็มีกลุ่มที่ต่อต้านกฎหมายนี้โดยทำวิดีโอโฆษณาอ้างว่าจะทำให้เกิดการล่วงละเมิดทางเพศมากขึ้นในห้องน้ำสาธารณะ สุดท้ายแล้วกฎหมาย HERO ก็ไม่ผ่านการพิจารณาบทความของสก็อตระบุว่า ฝ่ายต่อต้านในรัฐฟลอริดาและวอชิงตันต่างก็ใช้วิธีการสร้างความตื่นกลัวในแบบเดียวกับของเมืองฮิวสตัน และมีการหารือกันในเรื่องนี้น้อยมาก แต่ก็เป็นไปได้ที่จะเกิดการถกเถียงกันมากขึ้นเนื่องจากกำลังมีกรณีเรื่องห้องน้ำเกิดขึ้นกับโรงเรียนทั่วประเทสสหรัฐฯ เช่น ในชิคาโกมีนักกิจกรรมชื่อฮาร์เปอร์ แซคคาเรียส นักกิจกรรมเรื่องห้องน้ำพยายามเจรจาต่อรองกับผู้บริหารของโรงเรียนเพื่อให้มีการจัดตั้งห้องน้ำปลอดภัยและเหมาะสมกับกลุ่มนักเรียนที่เป็นคนข้ามเพศ ซึ่งแซคคาเรียสมองว่าต้องมีการคุ้มครองคนข้ามเพศในเรื่องนี้เพราะห้องน้ำเป็นสถานที่ซึ่งพวกเขามีความเสี่ยงเพราะห่างไกลจากสายตาของครูสก็อตได้ยกตัวอย่างความเสี่ยงดังกล่าวในกรณีของโรงเรียนโอลิมเปีย รัฐวอชิงตัน ที่มีนักเรียนซึ่งเป็นคนข้ามเพศตกเป็นเป้าถูกทำร้ายขณะอยู่ในห้องน้ำในช่วงปีการศึกษา 2557-2558 และเนื่องจากไม่มีพยานอยู่ในห้องน้ำ จึงทำให้ผู้ที่ทำร้ายพวกเขาไม่โดนลงโทษ แซคคาเรียสเล่าถึงกรณีนี้ว่ากลุ่มคนข้ามเพศจำนวนมากหลีกเลี่ยงการเข้าห้องน้ำด้วยการไม่ดื่มน้ำเลยตลอดทั้งวันหรืออั้นปัสสาวะไว้ตลอด 7 ชั่วโมงในโรงเรียนครูใหญ่ของโรงเรียนเดียร์ฟิลด์ที่แซคคาเรียสไปหารือด้วยเห็นด้วยกับทางออกที่เขาเสนอคือการให้มีห้องน้ำแบบเดี่ยวสำหรับทุกเพศและควรจะมีการกระจายข่าวนี้แบบปากต่อปากเพื่อไม่ให้มีคนแห่ไปใช้ห้องน้ำที่มีความเป็นส่วนตัวนี้ โดยที่การพูดคุยนี้ต้องเป็นความลับระหว่างนักเรียนที่เป็นคนข้ามเพศกับครูใหญ่เพราะส่วนมากแล้ว เด็กๆ มักจะไม่ให้พ่อแม่รู้อัตลักษณ์ทางเพศของพวกเขาในกรณีของโรงเรียนโอลิมเปียก็เช่นกัน เหตุการณ์ทำร้ายนักเรียน 2 คน ทำให้กลุ่มนักเรียนอภิปรายถกเถียงกันในเรื่องนี้จนไปถึงหูของผู้ปกครองและมีการต่อสู้ร่วมกันกับนักเรียนและการประชุมบอร์ดของผู้ปกครองจนทำให้ได้ห้องน้ำที่ไม่มีการแบ่งแยกทางเพศมาได้นอกจากเรื่องการคุ้มครองคนข้ามเพศแล้วแซคคาเรียสยังมองอีกว่าห้องน้ำสำหรับทุกเพศเป็นสิ่งแรกๆ ที่ทำให้เด็กนักเรียนได้เห็นและเข้าถึงเรื่องเพศสภาพหรือเพศสภาวะที่ต่างจากความคุ้นชินแบบเดิม การได้เห็นหรือเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็จะยิ่งทำให้นักเรียนสามารถเปิดรับเพื่อนของพวกเขาที่เป็นคนข้ามเพศได้ดีขึ้นแค่การเปลี่ยนป้ายหน้าห้องน้ำก็อาจจะเป็นการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมแบบยกแผงได้ สก็อตระบุในบทความแล้วสถานการณ์ห้องน้ำในประเทศที่ถูกมองว่าเป็น ประเทศกำลังพัฒนา ล่ะหนึ่งในเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษของสหประชาชาติ (Millennium Development Goals หรือ MDG) ที่ตั้งไว้ตั้งแต่เมื่อปี 2543 คือการปรับปรุงระบบสาธารณสุขด้านการขับถ่ายให้ดีขึ้น อย่างไรก็ตามรายงาน MDG ล่าสุดยอมรับว่ายังคงมีประชากรโลก 2400 ล้านคน (1 ใน 3 ของโลก) ที่ยังคงใช้สุขาที่ยังไม่มีการปรับปรุงดีพอ และ 1 ใน 8 ของประชากรโลกทั้งหมดยังขับถ่ายในที่โล่งแจ้งซึ่งส่งผลให้เกิดการแพร่กระจายของโรคระบาดในวงกว้างในบทความมีการยกตัวอย่างกรณีของอินเดียซึ่งเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องระบบสุขาภิบาลที่ไม่ดี มีประชากรเด็กเสียชีวิตจากโรคท้องร่วงจำนวน 130000 คน ในปี 2556 จากการสำรวจของมหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์ โดย ที อาร์ รากุนันดาน ที่ปรึกษาขององค์กรริเริ่มด้านกระบวนการตรวจสอบในอินเดียที่เป็นกลุ่มตรวจสอบการทุจริตและประสิทธิภาพของโครงการรัฐในอินเดียกล่าววิพากษ์วิจารณ์วัฒนธรรมสุขาในอินเดียเช่นกันเขาบอกว่าถึงแม้จะมีการสร้างห้องน้ำจำนวนหลายล้านแห่งจากโครงการของรัฐบาล แต่วัฒนธรรมการขับถ่ายของชาวอินเดียจำนวนมากก็ยังคงไม่ยอมใช้ห้องน้ำแบบปิดซึ่งเป็นปัญหาด้านการศึกษาในสิงคโปร์มีองค์กรสนับสนุนการพัฒนาสุขาภิบาลห้องน้ำในชื่อว่าองค์กรห้องน้ำโลก (World Toilet Organization หรือ WTO) ซึ่งเป็นองค์กรเอ็นจีโอก่อตั้งโดยแจ็ค ซิม หรือที่เรียกตัวเองในชื่อว่า มิสเตอร์ทอยเล็ต (Mr.Toilet) ชายผู้นี้พูดเรื่องการขับถ่ายอย่างตรงไปตรงมาและพยายามใช้จิตวิทยาแบบทุนนิยมในการรณรงค์การใช้ห้องน้ำอย่างถูกสุขอนามัย เช่น เรื่องการออกแบบห้องน้ำที่ดึงดูดใจคนจากต่างวัฒนธรรมและมีโครงการให้การศึกษาเรื่องการใช้สุขาแก่ผู้คนและสร้างความน่าเชื่อถือให้กับคนทำงานด้านสุขาภิบาลจากการจัดให้มีวิทยาลัยห้องน้ำโลก (World Toilet College หรือ WTC) ที่จัดให้มีนักเรียน 1000 คนในอินเดียเข้าเรียนฟรีทางการอินเดียเองก็วางเป้าหมายให้มีระบบสุขาภิบาลแบบถ้วนหน้าภายในปี 2562 แต่รากุนันดานก็เตือนว่าเป้าหมายนี้จะไม่สามารถสำเร็จได้ถ้าไม่มีความร่วมมือจากประชาชนแม้แต่ ประเทศโลกที่หนึ่ง ก็ยังมีปัญหาห้องน้ำสาธารณะถึงแม้ในประเทศกำลังพัฒนาจะมีปัญหาด้านสุขาภิบาลในอีกแบบหนึ่ง แต่บทความของสก็อตก็ชี้ว่าในสหรัฐฯ เองก็มีปัญหาเรื่องของสุขาภิบาลอยู่เช่นกันโดยยกตัวอย่างกรณีที่เกิดขึ้นในซานฟรานซิสโก ปี 2557 กรณีที่บันไดเลื่อนรถไฟใต้ดินพังเพราะมีของเสียจากคนเข้าไปติดอยู่อุปกรณ์ภายในมากเกินไป ในซีแอตเทิลก็มีการทำความสะอาดของเสียจากคนและสัตว์โดยทางเทศบาลรวม 14309 ครั้งในปี 2557-2558 และการกำหนดนโยบายของลอสแองเจลลิสในปี 2558 ก็มีการพยายามแก้ปัญหาเรื่องห้องน้ำโดยหน่วยงานเกี่ยวกับความยากจนและคนไร้บ้านซึ่งจัดเป็นวาระระดับต้นๆ ของปี ในเมืองนิวยอร์กซิตี้ก็มีการออกคู่มือนำทางเพื่อแนะนำห้องน้ำสาธารณะที่ ซ่อน อยู่ตามจุดต่างๆ ของเมืองปัญหาอีกอย่างหนึ่งในเมืองต่างๆ ของสหรัฐฯ คือแทนที่จะสร้างห้องน้ำสาธารณะแต่กลับผลักภาระการจัดหาห้องน้ำไปให้กับกิจการของเอกชน อย่างเช่นสตาร์บัคส์ แต่ก็มีบางเมืองที่สามารถจัดการกับปัญหาเรื่องห้องน้ำสาธารณะได้ดีอย่างเช่นซานฟรานซิสโกที่มีโครงการห้องน้ำเคลื่อนที่ไปยังจุดต่างๆ รวมถึงจุดที่มีประชากรคนไร้บ้านจำนวนมาก หรือเมืองพอร์ตแลนด์ในรัฐโอเรกอนที่เป็นโครงการราคาถูกกว่าในการสร้างห้องน้ำด้วยเหล็กกล้าที่ป้องกันการฉีดพ่นกราฟิตี้ และเน้นให้คนที่ทำงานในเมืองสามารถใช้ล้างมือได้แต่ไม่ให้ใช้อาบน้ำบทความของสก็อตระบุว่าปัญหาหนึ่งของห้องน้ำสาธารณะในสหรัฐฯ คือการที่คนกลัวว่าห้องน้ำเหล่านี้จะเป็นที่ปิดลับซึ่งถูกนำไปใช้ในการลับลอบค้ายาหรือค้าประเวณี ซึ่งความหวาดกลัวเหล่านี้ครอบงำผู้คนจนทำให้ไม่กล้าปล่อยให้ห้องน้ำสาธารณะมีความเป็นส่วนตัวมากนัก ถึงแม้ว่าส่วนหนึ่งจะเกิดเหตุการณ์เหล่านั้นขึ้นจริงแต่ก็มีการแก้ปัญหาด้วยวิธีการต่างๆ เช่น ห้องน้ำสาธารณะของพอร์ตแลนด์มีการใช้ไฟสีน้ำเงินเพื่อทำให้หาเส้นเลือดยากขึ้น (แก้ปัญหากรณีผู้เสพยาแบบใช้เข็มฉีด) แต่ก็ยังมีการวิจารณ์ทั้งในแง่บวกและแง่ลบจากประชาชนอย่างไรก็ตาม สถานที่ตั้งของห้องน้ำก็มีความสำคัญในการแก้ปัญหานี้ จากการที่เมืองซานดิเอโกติดตั้งห้องน้ำใกล้กับสถานที่ๆ มีคนพลุกพล่านอย่างสนามกีฬาเบสบอลใกล้สวนสาธารณะ ทำให้มีโอกาสที่จะถูกใช้ก่ออาชญากรรมน้อยลงสก็อตย้ำในบทความว่าห้องน้ำยังเป็นเรื่อง ศักดิ์ศรีของทุกคน ไม่เพียงแค่กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศในประเทศโลกที่หนึ่งเท่านั้น แต่รวมถึงประชาชนในอินเดียมีต้องเผชิญภาวะวิกฤตด้านสุขาภิบาลด้วยเพราะทุกคนล้วนต้องขับถ่าย แต่มันเป็นสิทธิพิเศษของคนส่วนหนึ่งเท่านั้นที่จะมีสถานที่ขับถ่ายที่ปลอดภัยได้ ห้องน้ำเป็นสถานที่และพื้นที่ส่วนบุคคลแต่ก็เป็นที่ต้องการอย่างมาก สก็อตระบุในบทความToilets: Its Time to Air Out the Issue Yes Magazine 15-01-2016
|
บทความจาก Yes Magazine ชวนคุยเรื่องห้องน้ำและระบบสุขาภิบาล ซึ่งเป็นปัญหาที่ไม่เพียงเกิดขึ้นในประเทศอย่างอินเดียเท่านั้น แม้แต่ในสหรัฐฯ
|
คุณภาพชีวิต,ต่างประเทศ,สิทธิมนุษยชน,วัฒนธรรม
|
LGBT,LGBTIQ,คนข้ามเพศ,สาธารณสุข,สุขา,สุขาภิบาล,ห้องน้ำ,ห้องน้ำสาธารณะ
|
https://prachatai.com/journal/2016/01/63574
|
ก.แรงงาน จัดหนักของขวัญปีใหม่ ขึ้นค่าจ้าง-เพิ่มค่าทำฟัน-คืนสิทธิ ม.39
|
ให้ได้รับสิทธิประโยชน์ตามเดิม,วันที่ 28 ธ.ค. 59 พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล รมว.แรงงาน พร้อมด้วยปลัดกระทรวงแรงงาน และอธิบดีทุกกรม ร่วมแถลงมอบของขวัญปีใหม่ 2560 ให้แก่ลูกจ้าง นายจ้าง และสถานประกอบการ โดย พล.อ.ศิริชัย กล่าวว่า ในปี 2560 ได้เตรียมของขวัญไว้ 9 ชิ้น คือ 1. การปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ใน 69 จังหวัด จะได้ปรับค่าจ้างขึ้นเป็นวันละ 305-310 บาท ส่วนอีก 8 จังหวัด ยังคงอัตรา 300 บาทเท่าเดิม,2. การเพิ่มค่าทันตกรรมให้ผู้ประกันตน จากปีละ 600 บาท เป็น 900 บาท โดยไม่ต้องสำรองจ่าย 3. การให้บริการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคให้ผู้ประกันตนด้วยการตรวจร่างกายคัดครองโรค โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ในสถานพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิฯ 4. คืนสภาพให้ผู้ประกันตน มาตรา 39 ที่สิ้นสภาพ เพราะขาดส่งเงินสมทบกว่า 9 แสนคน ได้รับสิทธิประโยชน์ตามเดิม,5. การส่งเสริมการจัดตั้งสหกรณ์ออมทรัพย์ในสถานประกอบกิจการ โดยน้อมนำพระราชดำรัสและปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมาปฏิบัติ เพื่อให้ผู้ใช้แรงงานทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง,6. ส่งเสริมการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน เพื่อให้คนทำงานมีมาตรฐานฝีมือแรงงาน และได้รับค่าจ้างที่สูงขึ้นสอดคล้องกับอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแรงงาน 7. สนับสนุนผู้ประกอบกิจการ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานฝีมือแรงงงาน ให้แก่ผู้ประกอบกิจการที่ได้รับการรับรองมาตรฐานฝีมือแรงงานของตนเอง สาขาระดับละ 10,000 บาท เพื่อส่งเสริมให้มีการจัดทำมาตรฐานฝีมือแรงงานของสถานประกอบกิจการ 8. เปิดจุดบริการตรวจสภาพรถฟรี 77 จุดทั่วประเทศ ช่วงเทศกาลปีใหม่,9. การส่งแรงงานกลับบ้านในช่วงปีใหม่ โดยจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ให้ความรู้เรื่องประกันสังคม พร้อมมอบของที่ระลึกในการส่งแรงงานกลับบ้านในช่วงปีใหม่ ระหว่างวันที่ 29–30 ธ.ค.,ด้าน นายสุรเดช วลีอิทธิกุล เลขาธิการประกันสังคม (สปส.) กล่าวว่า ในส่วนของการคืนสิทธิผู้ประกันตน มาตรา 39 ที่ส่งเงินสมทบด้วยตนเองฝ่ายเดียว และขาดส่งเงินสมทบ ทำให้สิ้นสภาพกว่า 9 แสนคน คณะกรรมการประกันสังคมได้มีมติเห็นชอบ ร่าง พ.ร.บ.ประกันสังคมการกลับเป็นผู้ประกันตนที่สิ้นสภาพ พ.ศ ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการตราเป็นกฎหมายเพื่อประกาศบังคับใช้ในปี 60,ส่วนการเพิ่มสิทธิด้านทันตกรรม ตั้งแต่ 1 ม.ค. ผู้ประกันตนสามารถสามารถใช้สิทธิถอนฟัน อุดฟัน ขูดหินปูน และผ่าฟันคุด จากเดิม ปีละ 600 บาท เพิ่มเป็น 900 บาท โดยไม่ต้องสำรองจ่าย รวมทั้งการตรวจสุขภาพช่องปาก แต่หากเกินอัตราที่กำหนด ต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง คาดว่าต้องใช้งบประมาณราว 2 พันล้านบาท,ขณะที่ การให้สิทธิตรวจสุขภาพประจำปีเพื่อคัดกรองโรค โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพียงยื่นบัตรประชาชนและบัตรรับรองสิทธิประกันสังคม ใช้สิทธิได้ที่หน่วยบริการในจังหวัดที่ผู้ประกันตนทำงาน ได้แก่ โรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข สังกัดภาครัฐอื่นๆ และภาคเอกชน ที่อยู่ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ อาทิ ฝากครรภ์ ดูแลหลังคลอด การสร้างภูมิคุ้มกัน วัคซีนป้องกันคอตีบ บาดทะยัก ไข้หวัดใหญ่ ในกลุ่มเสี่ยง 7 โรคเรื้อรัง คัดกรองเบาหวาน ความดัน โลหิตจาง ภาวะเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด มะเร็งปากมดลูก เอชไอวี คาดใช้งบปีละ 1.8 พันล้านบาท.
|
กระทรวงแรงงาน มอบของขวัญปีใหม่ลูกจ้าง-นายจ้าง 1 ม.ค. ขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 69 จังหวัด 305-310 บาท ให้สิทธิผู้ประกันตนตรวจสุขภาพฟรี เพิ่มค่าทำฟัน 900 บาท ไม่ต้องสำรองจ่าย พร้อมคืนสิทธิผู้ประกันตน ม.39 สิ้นสภาพกว่า 9 แสนคน
| null |
กระทรวงแรงงาน,ขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ,ผู้ประกันตน ม.39,มอบของขวัญปีใหม่,ตรวจสุขภาพฟรี
|
https://www.thairath.co.th/content/823662
|
เกิดเหตุวุ่นวายระหว่างครอบครัว เมอร์ด็อก ชี้แจง กมธ.สภาอังกฤษ
|
ในระหว่างที่นายเจมส์ และ นายรูเพิร์ท เมอร์ด็อก กำลังชี้แจงอยู่นั้นจู่ ๆ ชายคนหนึ่งได้วิ่งถลาเข้าไปหานายรูเพิร์ท เมอร์ด็อก และ สาดโฟมสีขาวใส่เขาสร้างความตกตะลึงให้คนที่อยู่ในห้อง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรีบนำตัวชายคนดังกล่าวออกไปนอกอาคาร โดยชายคนนี้ทราบชื่อภายหลังว่า จอนนี มาร์เบิ้ล เป็นนักแสดงตลกอิสระ ก่อนก่อเหตุเขาได้เขียนข้อความในทวิตเตอร์ว่า สิ่งที่เขาทำลงไปถือเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่เขาเคยทำมาในการชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฏรของอังกฤษ นายรูเพิร์ท เมอร์ด็อก ในฐานะเจ้าของเครือข่ายสื่อมวลชนทั้งในอังกฤษและอีกหลายประเทศทั่วโลกให้การว่า เขาไม่ควรต้องรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะเขาไม่เคยรับรู้เรื่องการดักฟังโทรศัพท์มาก่อน และ คนที่เขาไว้วางใจได้ทำให้เขาผิดหวัง นอกจากนี้กิจการของเขามีอยู่มากมายทั่วโลกซึ่งหนังสือพิมพ์นิวส์ออฟเดอะเวิลด์ คิดเป็นสัดส่วนแค่ร้อยละ 1 ของกิจการทั้งหมดเท่านั้นขณะที่นายเจมส์ เมอร์ด็อก บุตรชายได้ขอโทษทุกคนที่ตกเป็นเหยื่อของการดักฟังโทรศัพท์ โดยระบุว่า เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้ และถือเป็นครั้งแรกในรอบ 40 ปีของรูเพิร์ท เมอร์ด็อก ที่จะต้องมาชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฏรของอังกฤษเช่นเดียวกับรีเบคก้าบรูคส์ อดีตผู้บริหารของหนังสือพิมพ์นิวส์ออฟเดอะเวิลด์ ที่ระบุว่า ไม่เคยรู้เรื่องการดักฟังโทรศัพท์มาก่อนจนเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาเธอทราบเรื่องนี้จากอีเมล์ และ ได้ส่งมอบหลักฐานให้ตำรวจเมื่อวันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมาส่วนในสหรัฐฯแม้จะยังไม่มีหลักฐานว่าสื่อมวลชนที่อยู่ในอาณาจักรของเมอร์ด็อก ได้ใช้วิธีดักฟังโทรศัพท์เพื่อล้วงข้อมูลจากครอบครัวของผู้เสียชีวิตจากเหตุวินาศกรรมเมื่อสิบปีก่อนหรือไม่ แต่นายนอร์มัล ซีเจล อัยการในนครนิวยอร์ ซึ่งเป็นตัวแทนของครอบครัวผู้เสียชีวิตได้ยื่นจดหมายขอเข้าพบผู้อำนวยการ หน่วยสืบสวนสอบสวนกลาง หรือ เอฟบีไอ อธิบดีกรมอัยการ และ คณะกรรมาธิการฝ่ายยุติธรรมของสภาผู้แทนราษฏร เพื่อสอบถามถึงรายละเอียดในการสอบสวนเรื่องนี้ก่อนหน้านี้หนังสือพิมพ์ เดลี่ มิร์เรอร์ ของอังกฤษซึ่งเป็นคู่แข่งกับหนังสือพิมพ์นิวส์ออฟเดอะเวิลด์ รายงานว่า หนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าวได้จ่ายเงินสินบนให้ตำรวจนิวยอร์ก เพื่อดักฟังโทรศัพท์ของครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุวินาศกรรม
|
นายรูเพิร์ท เมอร์ด็อก เจ้าของหนังสือพิมพ์นิวส์ออฟเดอะเวิลด์ในอังกฤษ พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงต่างปฏิเสธ ว่าไม่รู้เห็นเรื่องการดักฟังของหนังสือพิมพ์ และในระหว่างที่ครอบครัวเมอร์ด็อก ชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฏรของอังกฤษ มีชายคนหนึ่งได้ก่อเหตุวุ่นวายในห้องประชุม
|
ต่างประเทศ
|
กรรมาธิการสภาผู้แทนราษฏรของอังกฤษ,ครอบครัวเมอร์ด็อก,นสพ.นิวส์ออฟเดอะเวิลด์,นสพ.เดลี่มิร์เรอร์,รีเบคก้า บรูคส์,รูเพิร์ท เมอร์ด็อก
|
https://news.thaipbs.or.th/content/23951
|
อย่ามาเสี้ยม เซส ปัดข่าวเป็นแกนนำขับไล่ น้ามู
|
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานวันที่ 3 พ.ย. ว่า ,เซส ฟาเบรกาส, มิดฟิลด์ สิงโตน้ำเงิน เชลซี สโมสรดังประจำพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ออกมาปฏิเสธข่าวลือที่ว่าตนเป็นแกนนำพาเพื่อนร่วมทีมต่อต้าน ,โชเซ มูรินโญ, กุนซือใหญ่ ภายในห้องแต่งตัว,ในช่วงนี้ สิงโตน้ำเงิน กำลังอยู่ในช่วงที่โดนกดดันอย่างหนัก หลังจากทีมแพ้เป็นนัดที่ 6 จากเกมลีก 11 นัดแรกของฤดูกาลนี้ ซึ่งเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา พ่ายให้กับ ลิเวอร์พูล คาบ้าน 1-3 ส่งผลให้อยู่ในอันดับที่ 15 ของตาราง ซึ่ง แกรี ริชาร์ดสัน พิธีกรของ บีบีซี เรดิโอ ไฟว์ ไลฟ์ ได้ออกมาอ้างข้อมูลวงในที่เผยว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างมูรินโญกับนักเตะในทีม อยู่ในช่วงตกต่ำสุดๆ จนถึงขนาดมีนักเตะบางคนประกาศว่า จะยอมให้ทีมแพ้ ดีกว่าจะเก็บชัยชนะให้กับกุนซือรายนี้,หลังจากนั้นไม่นาน ซีเครด ฟุตบอลเลอร์ เว็บไซต์ลูกหนังของอังกฤษ ออกมาเผยว่า ฟาเบรกาส มิดฟิลด์เลือดกระทิง คือหัวโจกในการพาเพื่อนร่วมทีมขับไล่กุนซือชาวโปรตุกีส โดยมีปมมาจากความไม่พอใจที่เจ้านายของตนเองปฏิบัติกับ อีวา การ์เนโร อดีตแพทย์สาวของสโมสร เมื่อช่วงต้นฤดูกาลที่ผ่านมา,อย่างไรก็ตาม ล่าสุดนักเตะได้ออกมาปฏิเสธรายงานดังกล่าวผ่านทางทวิตเตอร์ของตนเอง โดยระบุว่า ผมอยากจะขอชี้แจงตรงนี้สักหน่อย เกี่ยวกับข่าวที่พวกคุณได้เห็นผ่านทางเว็บไซต์อื่นๆ ผมยังคงมีความสุขมากกับเชลซี และผมก็ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้จัดการทีมอยู่,บางทีตอนนี้อาจจะมีใครบางคนพยายามทำลายความมั่นคงของทีมจากภายนอกอยู่ก็เป็นได้ แต่ผมเชื่อมั่นแบบสุดๆ ว่า เราจะสามารถพลิกสถานการณ์กลับมาอยู่บนเส้นทางที่ดีได้อีกครั้งหนึ่ง
|
เซส ฟาเบรกาส มิดฟิลด์ สิงโตน้ำเงิน เชลซี ออกมาปฏิเสธข่าวลือ ตั้งตนเป็นแกนนำพาเพื่อนร่วมทีมต่อต้าน โชเซ มูรินโญ กุนซือใหญ่…
| null |
พรีเมียร์ลีก,เซส ฟาเบรกาส,โชเซ มูรินโญ,อังกฤษ,สิงโตน้ำเงิน,เชลซี,ข่าวกีฬา,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์
|
https://www.thairath.co.th/content/536836
|
จดหมายจากคน (คุก) รักทักษิณ : สภาพที่ต้อง รับสารภาพ (2)
|
แต่จัดย่อหน้าใหม่เพื่อความสะดวกในการอ่าน ทั้งนี้ ขอขอบคุณผู้ต้องขังผู้รวบรวมจดหมายซึ่งไม่อาจเปิดเผยชื่อได้ ไว้ ณ ที่นี้ด้วย นคร สังสุวรรณ์ ถูกจับกุมตัวเมื่อวันที่ 19 พ.ค.53 และศาลอาญากรุงเทพใต้ พิพากษาให้จำเลยมีความผิดตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มาตรา 9(2) (4) 10 11 18 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 55 78 วรรคหนึ่ง พระราชบัญญัติควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. 2530 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง 42 พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498 มาตรา 6 22 23 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปชุมนุมหรือมั่วสุมหรือการกระทำการใด อันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยภายในพื้นที่ที่ประกาศกำหนด จำคุก 1 ปี ฐานร่วมกันใช้เส้นทางคมนาคมหรือยานพาหนะใดๆ เข้าหรือออกในเส้นทางที่กำหนดในพื้นที่ที่มีการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย จำคุก 1 ปี ฐานมีเครื่องวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครองโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย จำคุก 2 ปี ฐานมียุทธภัณฑ์ไว้ในความครอบครองโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย จำคุก 6 เดือน ฐานมีเครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 6 เดือน ฐานรับของโจร จำคุก 2 ปี รวมจำคุก 6 ปี 12 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์ แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 3 ปี 6 เดือน ริบวิทยุคมนาคมของกลางเพื่อให้ไว้ใช้ในราชการของสำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ กรมไปรษณีย์โทรเลข 0000000 เรื่อง ขอความเมตตาในการช่วยเหลือเยียวยาดูแลผู้ถูกจับในเหตุการณ์สลายการชุมนุม เรียน พณฯ ท่านนายก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทราบ ผมนคร สังสุวรรณ์ (เนย) xxxxxxxxxxxxxxxxxx จ.ราชบุรี โดนจับวันที่ 19 พ.ค.53 คดี พรก.ฉุกเฉิน วิทยุสื่อสาร รับของโจร หมายเลขประจำตัวผู้ต้องขัง xxxx/53 แดน 8 อายุ 33 ปี เริ่มแรกผมอยู่ที่ผ่านฟ้าแยกคอกวัว เป็นการ์ด น.ปช. ของ ส.จ.สุทัศน์ แฟนชื่อเปิ้ล เป็นแกนนำ น.ป.น ภาพตะวันตก ตอนสลายการชุมนุมผ่านฟ้า ผมก็อยู่ในเหตุการ แล้วก็ย้ายมาราชประสงค์ ผมก็มาตั้งเต็นท์ที่หน้าสยามพารากอน ผมก็เป็นการ์ดเฝ้าเต็นท์ ทำครัวเลี้ยงคนที่ผ่านไปมา จนวันที่ 19 พ.ค.53 เวลา 12.00 น. มีการสละ การชุมนุม ผมกับ ส.จ.สุทัศน์หนีไปอยู่ในวัดปทุม แล้วก็ไม่เจอกันเลย ผมอยู่ในวัดปทุมมีบุกคนไม่ทราบนามเข้ามาทำร้ายร่างกายพวกเสื้อแดงที่ใส่ชุด การ์ด หรือมีบัตร น.ป.ช. ผมก็โดนทำร้าย ก็หนีออกมาจากพวกที่ทำร้าย บ้างคนโดนมีดฟัน พวกที่ทำร้ายส่วนมากเป็นคนงานก่อสร้างหลังวัดปทุม คอยทำร้ายร่างกายหรือใช้มีดดาบฟัน ไม่ให้ออกไปทางนั้น หลังวัด บ้างคนโดนทำร้ายและถูกจับตัวส่งให้ทหาร ผมจึงหนีออกทางหน้าวัด เพราะผมโดนพวกไม่ทราบนามทำร้ายร่างกายใช้มีดดาบไล่ฟัน ขืนอยู่ในวัดคงตาย หนีออกจากวัดปทุม เวลา 12.00 น. ผมก็แอบเผาบัตร น.ป.ช. และชุดการ์ด ช่วงที่หนีออกมาเป็นเวลาที่มีพนักงานดับไฟมา ผมจึงเดินไปถาม เขาบอกว่าออกได้ปลอดภัย ผมก็เดินออกไปผ่านสยามพารากอนเกือบถึงแยกมาบุญครอง ทหารที่แอบซุ้มออกมาประ 20 นาย บนสะพาน ผมจึงวิ่งไปแอบในเต็นท์ที่มีสิ่งของวางกระจุยกระจาย ทหารเห็นก็ตรงเข้ามาเอาปืนจี้และทำร้ายร่างกายผม และให้ผมถือถุงสีดำที่ไม่ทราบว่ามีอะไรไปด้วย พอให้ผมถือถุงไปก็ให้ผมเดินนำหน้า ทหารเดินตามหลัง เอาปืนจี้ตามหลังไปจนถึงที่มีทหารตั้งด่านบนสะพาน และส่งตัวผมให้พวกทหารด้วยกันและให้เปิดถุง จึงรู้ว่ามี ระเบิด 2 ลูก วอร์ดำปิดเครื่องไว 1 เครื่อง มือถือ 40 เครื่อง และเลยจากด่านทหารประมาณ 50 เมตร มีเป็นด่านตำรวจ ส.น.ปทุมวัน ทหารนำตัวผมไปส่งตำรวจ พร้อมของกลางและถ่ายรูปไว้ พอไปถึงโรงพักเย็นวันที่ 19 พ.ค.53 เวลา 14.00 น. ทางเพื่อไทย ส่งทนายคุณลดาวัลย์มาบอกให้ประติ ปฏิเสธ ทุกข้อกล่าวหา ผมก็ทำตามจนเข้ามาเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ผมก็รอและสู้คดีอยู่ประมาณ 6 เดือน ทางเพื่อไทยก็ไม่เคยส่งทนายความมาแนะนำหรือให้คำปลึกศา จนผมขอทนายศาล ช่วงมีเวลานั้นผมป่วยโรคเก่ากับมาเป็นอีก ผมขาดยากิน ยาทีบีที่เคยกินอยู่ข้างนอกก็ไม่ได้กิน อาการจึงทรุดโทรม ผมมีไข้ทุกวัน ไอเป็นเลือด ไปศาลก็ไม่ค่อยไหว เป็นนักเข้าจนที่สุดผมใกล้จะตายจึงยอมรับสรภาพคดีว่าผมแค่ตกงาน ไปอยู่แค่ 2 วัน และของกลางทั้งหมดผมรับว่าไม่ไวครอบคลอง ไม่ใช้ของผมแต่ศาลก็ให้สู้คดีได้ทุกขอกล่าวหา ผมไม่รู่กฎหมาย ไหนจะป่วยหนัก ไหนจะอยู่ในเรือนจำต้องทำงาน มียอดทุกวัน คนป่วยจะตายก็ต้องทำงาน ผมตัดสินทั้งหมด 7 ปี รับสารภาพเหลือ 3 ปี 6 เดือน ตอนนี้ก็ติดมา 1 ปีแล้ว มีผู้ต้องขังที่โดนจับมาประมาณ 60 คน 20 คนโดนทำร้ายร่างกาย หรือโดนยิงด้วยลูกปืนยาง ไม้ตี ดาบฟัน เจ็บร่างกาย ส่วนตัวผมโดนทหารซ่อมก็จุกพอสมควร บ้างคนในนี้หาว่าพวกเสื้อแดงสร้างปันหา ทำให้ไม่ได้อภัยโทษพวกผมโดนทั้งร่างกายและจิตใจ 1 ปีแล้วอยากให้พวกผมที่เหลืออยู่ได้รับการเยียวยาจากทางพรรเพื่อไทย ผม น.ป.ช. ทุกคนรู้สึกน้อยใจ ที่มีแต่ข่าวว่าเยี่ยวยาคนเจ็บ คนตาย แต่ข้างนอกออกข่าวช่วยที่คนข้างทุกทุกอาทิตย์ คนที่เจ็บโดนทำลาย โดนยัดข้อกล่าวหา ไม่มีญาติ ไม่รู้จักคนใหญ่คนโต ไม่สนิดกับ ส.ส. หรือแกนนำ นี้หรือที่ว่าเสื้อแดงไม่ทิ้งกัน แต่พวกผมทุกคนก็มีญาติกันทุกคน กระจายก็ทั่วทุก 72 จังหวัด ญาติพี่น้องรู้สึกว่าทางเพื่อไทย แกนนำ ท่านทักษิณ ชินวัตร ควรหันหลังมาดูแลพวกผมบ้าง ผมรอมา 1 ปีแล้วจึงเขียนจดหมายไปขอความเมตตาและความเป็นทำจากไพร่อย่างพวกผม ญาติก็รู้สึกว่าทางแกนนำ พ.ท ท่านทักษิณ ชินวัตร ไม่เคยให้ความสำคัญและความหวังกับพวกผมเลย สิ่งที่พวกผมต้องการ 1 เรื่องงาน 2 สิทธิทางคดี นักโทษการเมืองการเป็นอยู่ของพวกผม 3 การกินอยู่อดๆ ยากๆ หิวโหย ต้องเข้าแถวกินหลวงบ้างวันกินข้าวเปล่า ถ้าไปไม่ทัน เหตุผลยอดงาน ไม่มีเวลาพักเที่ยง ส่วนตัวผมตั้งแต่ตัดสินแล้วก็ไปนอนโรงพยบาล 3 เดือน ขีดยา 60 เข็ม ตอนนี้กินยาอีก 6 เดือนคงจะหาย อยากให้ดูแลทางบ้านผมบ้าง จน 1 ปี พ่อแม่ไม่เคยมาเยี่ยม ไม่มีเงิน อายุมากแล้ว ตอนนี้ผมต้องกินยารักษาตัว อยากให้ช่วยเรื่องงาน เรื่องการกินอยู่ และเรื่องนิรโทษกรรมคดี น.ป.ช ทุกคน ขอให้ท่านดูแลพวกผมบ้าง ไม่ใช้ดูแลแต่คนเจ็บกับคนตายข้างนอก แล้วคนในคุกที่ทั้งเจ็บตัว ติดคุก โดนยัดข้อกล่าวหา ไม่มีทนาย ไม่ได้รับการดูแล พวกผมทุกคนโทษไม่เท่ากัน บางคน 6 เดือน บ้างคน 1 ปี บ้างคน 3 ปี พวกผมรู้สึกน้อยใจที่ขาดการดูแลต้องเพิ่งตัวเอง รักและเคารพอย่างสูง ขอแสดงความนับถือ จาก น.ป.ช. พี่น้องหัวใจแดง ขอความเมตตาช่วยเหลือจากท่าน รอมา 1 ปี แล้ว นคร สังสุวรรณ์ (เนย) แดน 8
|
หมายเหตุ กองบรรณาธิการได้รับจดหมายชุดนี้มาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2554 เผยแพร่โดยมีจุดประสงค์เพื่อเป็นพื้นที่ให้ผู้ต้องขังได้สื่อสารกับสังคม โดยได้คงตัวหนังสือไว้ตามต้นฉบับจริง
|
การเมือง,สิทธิมนุษยชน
|
การสลายการชุมนุม 10 เม.ย. – 19 พ.ค. 2553,จดหมายจากคน(คุก)รักทักษิณ,ทักษิณ ชินวัตร,นคร สังสุวรรณ์,นปช.,พ.ร.ก.ฉุกเฉิน,เสื้อแดง
|
https://prachatai.com/journal/2011/12/38200
|
กรมโยธาธิการฯ ลุยสอบรีสอร์ตภูทับเบิก พบส่วนใหญ่สร้างไม่ได้มาตรฐาน
|
วันที่ 19 ตุลาคม นายเกียรติศักดิ์ จันทรา วิศวกรใหญ่ พร้อมผู้เชี่ยวชาญด้านอาคาร กรมโยธาธิการและผังเมืองประชุมร่วมกับนายไกรสร กองฉลาด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ กรมป่าไม้ กรมพัฒนาชุมชน ท้องถิ่น และกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในพื้นที่ตำบลวังบาล อำเภอหล่มเก่า เพื่อเดินหน้ายกร่างข้อบัญญัติท้องถิ่น เกี่ยวกับการควบคุมการก่อสร้างอาคาร ภายหลังผังเมืองรวมจังหวัดเพชรบูรณ์ จะประกาศใช้ในสิ้นปี 2558,นายเกียรติศักดิ์ กล่าวว่า ภายหลังลงพื้นที่ตรวจสอบการก่อสร้างบ้านพักและรีสอร์ตบนภูทับเบิก พบว่าส่วนใหญ่ไม่ได้มาตรฐานด้านโครงสร้างความปลอดภัย มีการก่อสร้างบริเวณหน้าผา ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดดินสไลด์ ตัวบ้านพักวางไว้บนฐานแบบไม่ยึดตอม่อ และก่อสร้างไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย เสี่ยงต่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว พร้อมสอบถามมาตรการระหว่างรอประกาศผังเมืองรวม เพราะผู้ประกอบการยังคงเดินหน้าก่อสร้างต่อเนื่อง,โดยนายอำเภอวังบาล ชี้แจงว่า จากการประชุมร่วมของผู้ว่าราชการจังหวัดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเมื่อ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา กรมป่าไม้และกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ หรือกรมประชาสงเคราะห์เดิม ซึ่งเป็นผู้บริหารจัดการพื้นที่ ยังไม่ได้ข้อสรุปร่วม แต่เบื้องต้น ได้ให้ผู้ก่อสร้าง 62 แห่ง ต้องขอแบบรับรองการอนุญาตก่อสร้างจากกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ เพื่อยื่นต่อ อบต.วังบาล ให้เข้าไปตรวจสอบพื้นที่ก่อสร้างและโครงสร้างอาคารว่าปลอดภัยหรือไม่ นอกจากนี้ยังให้กรมพัฒนาสังคมฯเร่งสำรวจแนวเขต 12,000 ไร่ ให้ชัดเจนว่าส่วนไหนใช้ทำเกษตร ส่วนไหนแบ่งสำหรับก่อสร้าง,อย่างไรก็ตามในวันที่ 22 ตุลาคมนี้ อธิบดีกรมป่าไม้จะลงพื้นที่ตรวจสอบและประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางดำเนินการที่ชัดเจนอีกครั้ง,ด้านนายก อบต.วังบาล ยอมรับว่า สิ่งปลูกสร้างของภูทับเบิกทั้งหมดไม่ได้มาตรฐานตามหลัก โดยหลังจากผังเมืองรวมและกฎหมายควบคุมอาคารประกาศใช้ ก็จะให้วิศวกรโยธาเข้าสำรวจทั้งหมด และสั่งให้ปรับปรุงให้เป็นไปตามมาตรฐาน ส่วนผู้ประกอบการจะปฏิบัติตามหรือไม่ก็คงเป็นหน้าที่ของท้องถิ่นที่ต้องไปบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งก็อยากฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือด้วย,ขณะที่ตัวแทนหน่วยทหารในพื้นที่ เสนอให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบมาตรฐานบ้านพักและรีสอร์ต 62 แห่งจาก 72 แห่ง ทันที เพราะจากการหารือเบื้องต้น ผู้ประกอบการยินดีปรับปรุงให้ได้ตามมาตรฐาน ดีกว่าต้องรื้อแล้วสร้างใหม่,ด้าน รองผู้ว่าราชการจังหวัด สั่งให้โยธาธิการจังหวัดตั้งทีมวิศวกรเข้าสำรวจให้แล้วเสร็จภายในสองสัปดาห์ โดยมุ่งเน้นเพียงประเด็นมาตรฐาน โครงสร้างอาคาร ไม่เกี่ยวข้องกับการขออนุญาตก่อสร้างถูกต้องหรือไม่,หลังการประชุมเสร็จสิ้น รองผู้ว่าราชการจังหวัด ให้สัมภาษณ์ว่า ในวันที่ 22 ตุลาคมนี้ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และอธิบดีกรมป่าไม้จะลงพื้นที่ภูทับเบิก เพื่อหาแนวทางดำเนินการในประเด็นการขออนุญาตก่อสร้างถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ โดยต้องยอมรับว่าเป็นปัญหาที่หมักหมมมานานจนบานปลาย เพราะกฎหมายที่บังคับใช้อยู่โทษค่อนข้างเบา,อีกประเด็นคือในส่วนของมาตรฐานการก่อสร้าง ในระหว่างรอกฎหมายผังเมืองรวมประกาศใช้ ที่ประชุมมีมติให้โยธาจังหวัดตั้งคณะทำงานคัดเลือกวิศวะเข้าตรวจสอบความมั่นคง ปลอดภัย เพื่อป้องกันเหตุที่อาจเกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยว ตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป หากบ้านพักหรือรีสอร์ตแห่งใดไม่ได้มาตรฐานก็จะขอความร่วมมือให้ดำเนินการปรับปรุงแก้ไข แต่หากไม่ยอมปรับปรุง ก็คงต้องรอใช้กฎหมายผังเมือง เพราะไม่มีเครื่องมือดำเนินการได้ ดังนั้นขอให้ฝ่ายบริหารกำหนดนโยบายที่ชัดเจนลงมาด้วย
|
กรมโยธาธิการฯ ลงพื้นที่ตรวจสอบ การก่อสร้างรีสอร์ตบนภูทับเบิก จ.เพชรบูรณ์ พบส่วนใหญ่ก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน ด้าน รองผู้ว่าฯ สั่งให้โยธาธิการจังหวัด ตั้งทีมวิศวกรเข้าสำรวจ ให้แล้วเสร็จภายในสองสัปดาห์
|
ข่าว,ทั่วไทย
|
ภูทับเบิก,รีสอร์ต,บ้านพักตากอากาศ,เพชรบูรณ์,กรมโยธาธิการและผังเมือง,อาคาร,ก่อสร้าง,ไม่ได้มาตรฐาน,ผู้ประกอบการ,รื้อถอน,สร้างใหม่,ความมั่นคง,ปลอดภัย,นักท่องเที่ยว,ข่าว,ข่าวทั่วไทย,ข่าวภูมิภาค,ไทยรัฐออนไลน์
|
https://www.thairath.co.th/news/local/533439
|
เปิดผลศึกษา ไม่พบรายการเด็กเล็กในทีวีดิจิตอลช่องเด็ก ไม่ต่างฟรีทีวี 7 ปีก่อน
|
มีเดียมอนิเตอร์ สำรวจผังรายการ-เนื้อหาทีวีดิจิตอล ช่องเด็ก ระบุไม่พบรายการเรต ป (ปฐมวัย) เช่นเดียวกับการศึกษาฟรีทีวี 6 ช่อง เมื่อ 7 ปี ที่แล้ว28 ส.ค. 2557 มีเดียมอนิเตอร์เผยแพร่ผลการศึกษาผังและเนื้อหารายการทีวีดิจิตอล ช่องเด็ก เยาวชน และครอบครัว 3 สถานี ได้แก่ 1) ช่อง 3 Family 2) MCOT Family และ 3) Loca ระหว่างวันที่ 5-12 มิถุนายน 2557 พบรายการสำหรับกลุ่มผู้ชมทั่วไปมากถึง 65% รายการสำหรับเด็กเยาวชน และครอบครัว พบเพียง 35% ไม่พบรายการเรตติ้ง ป ในทุกช่องสถานี (ป เนื้อหาเหมาะสมสำหรับเด็กปฐมวัย 3-5 ปี) ส่วนเรตติ้ง ด พบน้อยมาก (ด เนื้อหาเหมาะสมสำหรับเด็กวัย 6-12 ปี) โดยผลการศึกษาครั้งนี้ไม่ต่างจากผลการศึกษาเมื่อปี 2550มีเดียมอนิเตอร์ระบุต่อว่า ส่วนเนื้อหาที่ส่งเสริมพัฒนาการตามช่วงวัย 4 ด้าน (สังคม – สติปัญญา-จิตใจและอารมณ์-ร่างกาย) นั้น ยังขาดเนื้อหาที่ส่งเสริมพัฒนาการด้านร่างกาย ทั้งพบเนื้อหาที่อาจไม่เหมาะสมในเรื่อง เพศ ภาษา ความรุนแรง การพนัน และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ขณะที่เกณฑ์การจัดระดับเนื้อหาของ กสทช. ยังไม่ครอบคลุมเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมเรื่องการพนัน บริโภคนิยม ศาสนา ความเชื่อ และเรื่องเหนือจริงผลการศึกษาจำแนกตามรายสถานี ได้ดังนี้จากเวลาออกอากาศทั้งหมด 117.5 ชม./สัปดาห์ พบรายการสำหรับกลุ่มผู้ชมทั่วไปมากที่สุด คือ 67.8% หรือ 79.7 ชม./สัปดาห์ รองลงมาคือ เด็กโต (6 – 12 ปี) พบ 13.9% หรือ 16.3 ชม./สัปดาห์ ครอบครัว พบ 11% หรือ 13 ชม./สัปดาห์ วัยรุ่น (13-18 ปี) พบ 4.3% หรือ 5 ชม./สัปดาห์ ที่พบน้อยที่สุดคือ รายการสำหรับเด็กเล็ก (3 – 5 ปี) มีสัดส่วนเพียง 3% หรือ 3.5 ชม./สัปดาห์เมื่อวิเคราะห์ตามเกณฑ์เนื้อหาที่ส่งเสริมพัฒนาการตามช่วงวัย พบใน 16 รายการ รูปแบบ ส่วนใหญ่เป็นการ์ตูน และเกมโชว์ ด้านกลุ่มเป้าหมาย พบเป็นรายการสำหรับกลุ่มเด็กโตมากที่สุด คือ 13 รายการ เด็กเล็ก 2 รายการ และวัยรุ่น 1รายการ ด้านพัฒนาการ พบเนื้อหาส่งเสริมพัฒนาการด้านจิตใจและอารมณ์มากที่สุด คือ 12 รายการ (1 รายการ พบได้มากกว่า 1 พัฒนาการ) รองลงมา คือพัฒนาการด้านสติปัญญาพบ 9 รายการ ส่วนพัฒนาการด้านสังคมพบ 3 รายการ ด้านร่างกายพบเพียง 2 รายการตามลำดับ จากเวลาออกอากาศทั้งหมด 168 ชม./สัปดาห์ พบรายการสำหรับกลุ่มผู้ชมทั่วไปมากที่สุด คือ 74.2% หรือ 124.8 ชม./สัปดาห์ รองลงมา คือ เด็กโต (6 – 12 ปี) พบ 21.5% หรือ 36.1 ชม./สัปดาห์) วัยรุ่น (13-18 ปี) พบ 2.5% หรือ 4.2ชม./สัปดาห์ ครอบครัวพบ1.8% หรือ 3 ชม./สัปดาห์ ไม่พบรายการสำหรับกลุ่มเด็กเล็กเมื่อวิเคราะห์ตามเกณฑ์เนื้อหาที่ส่งเสริมพัฒนาการตามช่วงวัย พบ 19 รายการ รูปแบบส่วนใหญ่เป็นการ์ตูนและวาไรตี้ด้านกลุ่มเป้าหมายพบเป็นรายการสำหรับเด็กโตมากที่สุด คือ 15 รายการ สำหรับวัยรุ่น 4 รายการ ไม่พบรายการสำหรับกลุ่มเด็กเล็ก ด้านพัฒนาการ พบเนื้อหาส่งเสริมพัฒนาการด้านสังคมมากที่สุด คือ14 รายการ รองลงมาคือด้านสติปัญญา 12 รายการ ด้านจิตใจและอารมณ์ 10 รายการ ส่วนพัฒนาการด้านร่างกายพบเพียง 2 รายการจากเวลาออกอากาศทั้งหมด 168 ชม./สัปดาห์ พบรายการสำหรับกลุ่มผู้ชมทั่วไปมากที่สุด คือ 53.8% หรือ 90.4 ชม./สัปดาห์ รองลงมาคือ วัยรุ่น (13-18 ปี) พบ 27.5% หรือ 46.1 ชม./สัปดาห์เด็กโต (6 – 12 ปี) พบ 13.9% หรือ 23.3 ชม./สัปดาห์ เด็กเล็ก (3 – 5 ปี) พบ 4% หรือ 6.7 ชม./สัปดาห์ที่พบน้อยที่สุด คือ รายการสำหรับครอบครัว พบเพียง 0.9% หรือ 1.5 ชม./สัปดาห์เมื่อวิเคราะห์ตามเกณฑ์เนื้อหาที่ส่งเสริมพัฒนาการตามช่วงวัย พบ 16 รายการ รูปแบบรายการส่วนใหญ่เป็นการ์ตูนและเรียลลิตี้ ด้านกลุ่มเป้าหมาย พบรายการสำหรับเด็กโตมากที่สุด คือ 9 รายการ วัยรุ่น 5 รายการ และเด็กเล็กมีเพียง 2 รายการ ส่วนด้านพัฒนาการ พบการส่งเสริมด้านสติปัญญามากที่สุด คือ 11 รายการ รองลงมาเป็นพัฒนาการด้านสังคม 9 รายการ พัฒนาการด้านจิตใจและอารมณ์ 3 รายการ ส่วนด้านร่างกาย พบเพียง 2 รายการมีเดียมอนิเตอร์ เสนอด้วยว่า พบการนำเสนอเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม เรื่องเพศ ภาษา ความรุนแรง การพนัน และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ดังนี้ช่อง 3 Family พบ 1 รายการ เป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในเรื่องการพนัน ได้แก่ ฉากตัวละครชายนั่งล้อมวงเล่นไพ่โดยซูมให้เห็นอย่างชัดเจน และไม่แสดงคำเตือนช่อง MCOT Family พบ 12 รายการ เป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในเรื่องเพศมากที่สุด รองลงมาคือ ความรุนแรง เช่น เนื้อหาเพลงฉ่อยที่สื่อเรื่องเพศ ตัวการ์ตูนผู้ใหญ่ตบหน้าเด็กก่อนจะให้ข้อคิดและเตือนสติช่อง LOCA พบ 5 รายการ เป็นเรื่องเพศมากที่สุด รองลงมาคือ การใช้ภาษา และปรากฏภาพเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เช่น มิวสิควิดีโอเสนอภาพตัวละครหญิงสวมเครื่องแต่งกายน้อยชิ้น มีฉากตัวละครถือแก้วเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และในรายการละครมีตัวละครชายใช้สรรพนามเรียกตัวละครหญิงว่า มึงมีเดียมอนิเตอร์ ระบุว่า เมื่อพิจารณาตามแนวทางการจัดระดับความเหมาะสมของโทรทัศน์ตามประกาศ กสทช. ควบคู่กับหลักเกณฑ์ของ Ofcom องค์กรจัดสรรและกำกับดูแลสื่อของสหราชอาณาจักร พบว่า ประกาศของ กสทช. ยังไม่ครอบคลุมเนื้อหาที่ห้ามนำเสนอในรายการสำหรับเด็กและเยาวชน หรือผู้ชมที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ตามหลักเกณฑ์ของ Ofcom กล่าวคือ1) ความเชื่อเรื่องผีสาง คาถาอาคม และเรื่องเหนือจริง2) เนื้อหาที่ขัดต่อสวัสดิภาพทางร่างกายจิตใจและศักดิ์ศรีของผู้ร่วมรายการที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี3) กรรมวิธีประกอบอาชญากรรมที่นำมาเป็นตัวอย่างได้4) รายการทางศาสนาที่แสวงหาผลประโยชน์จากความอ่อนไหวของผู้ชมส่วนพฤติกรรมที่สนับสนุนการพนัน พบว่า ในประกาศ กสทช. เรื่อง การจัดระดับความเหมาะสมของเนื้อหารายการ ไม่ได้ระบุถึงการห้ามเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับการพนันในรายการสำหรับกลุ่มเด็กเยาวชน (ป ด) และกลุ่มทั่วไป (ท) แต่ระบุว่า การชี้นำหรือให้ข้อมูลหรือแสดงออกเพื่อจูงใจหรือสนับสนุนให้เกิดการเล่นการพนัน ให้จัดไว้ในระดับ ฉ คือ ให้ออกอากาศในช่วงเวลา 24.00-05.00 น.ของวันถัดไปเมื่อเปรียบเทียบกับผลการศึกษาของมีเดียมอนิเตอร์ เรื่อง เรตติ้งรายการโทรทัศน์ : ประสิทธิภาพและข้อจำกัด (ในฟรีทีวี 3 5 7 9 11 และ TITV เมื่อ 1-7 ตุลาคม 2550) ที่พบว่า ทุกช่องสถานีที่ศึกษา ไม่มีรายการเรตติ้ง ป ส่วนเรตติ้ง ด มีสัดส่วนน้อยมาก ถึง ไม่มีเลย ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษา ครั้งนี้ จึงสรุปได้ว่า แม้จะมีการจัดให้มีช่องทีวี สำหรับเด็ก เยาวชนและครอบครัว แต่ช่องทีวีเหล่านี้กลับไม่ทำตามพันธกิจในการนำเสนอเนื้อหาที่เหมาะสมสำหรับเด็กโดยเฉพาะวัยปฐมวัย (3-5 ปี) และให้ความสำคัญน้อยมากในการนำเสนอเนื้อหาที่เหมาะสมสำหรับเด็กวัย 6-12 ปีทั้งนี้ มีเดียมอนิเตอร์ ระบุข้อเสนอจากงานศึกษา ดังนี้1. ข้อเสนอแนะต่อสถานี- ควรนำเสนอรายการที่มีการส่งเสริมพัฒนาการให้ครอบคลุมทุกด้านและทุกกลุ่มเป้าหมายผู้ชม อย่างคำนึงถึงความเท่าเทียมและโอกาสของเด็กและเยาวชนทุกกลุ่มในสังคม เช่น กลุ่มคนพิการ กลุ่มชาติพันธุ์- ควรระมัดระวังเนื้อหาที่แสดงออกถึงความรุนแรง ผิดศีลธรรม ผิดกฎหมาย หรือใช้ภาษาที่หยาบคาย2. ข้อเสนอแนะต่อ กสทช.- ควรเปิดเผยข้อมูลผังรายการของแต่ละสถานี โดยเฉพาะในส่วนที่แสดงรายละเอียดสำคัญ เช่น กลุ่มเป้าหมาย เนื้อหา และรูปแบบรายการ- ควรออกระเบียบเกี่ยวกับแนวทางในการผลิตรายการ คือ 1) ให้มีเนื้อหาพัฒนาการตามช่วงวัยของเด็กและเยาวชน ที่ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย 2) นำเสนอเนื้อหาให้คำนึงถึงความเท่าเทียมของเด็กทุกกลุ่มในสังคม-กำหนดแนวปฏิบัติในส่วนของเนื้อหาที่อาจไม่เหมาะสม เพิ่มเติมจาก เรื่องเพศ ภาษาและความรุนแรง ให้ครอบคลุมเนื้อหาเกี่ยวกับ การพนัน อบายมุข เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ค่านิยมการบริโภคนิยม
|
มีเดียมอนิเตอร์ สำรวจผังรายการ-เนื้อหาทีวีดิจิตอล ช่องเด็ก ระบุไม่พบรายการเรต ป (ปฐมวัย) เช่นเดียวกับการศึกษาฟรีทีวี 6 ช่อง เมื่อ 7 ปี ที่แล้ว 28 ส.ค.
|
คุณภาพชีวิต
|
ทีวีดิจิตอล,ปฏิรูปสื่อ,ปฐมวัย,ฟรีทีวี,มีเดียมอนิเตอร์,รายการเด็ก,เนื้อหารายการทีวี
|
https://prachatai.com/journal/2014/08/55273
|
พัทธะปิตตะ สมุนไพร8ชนิด รักษาตับแข็ง สรรพคุณวิเศษ ต้มกิน5เดือนหาย
|
วันที่ 28 ต.ค.59 ผู้สื่อข่าวได้ไปพบกับ ดร.นพ.ฉัตรชัย สวัสดิไชย นายแพทย์ระดับ 9 ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม รพ.พระปกเกล้า จ.จันทบุรี ผู้บุกเบิกด้านการแพทย์แผนไทย มาตั้งแต่ปี 2548 จนมาสู่งานวิจัยที่พิสูจน์ได้จริงทางการแพทย์แผนไทย และวิถีการดูแลสุขภาพแบบดั้งเดิม ถือเป็นภูมิปัญญาแห่งชาติ ภูมิปัญญาของท้องถิ่นที่มีการถ่ายทอดองค์ความรู้ สืบต่อกันมายาวนาน ,ทั้งนี้ ดร.นพ.ฉัตรชัย สวัสดิไชย ได้ผลักดันจนกระทรวงสาธารณสุขยอมรับและมีนโยบายสนับสนุน ให้นำการแพทย์แผนไทยมาเปิดรักษาในโรงพยาบาล โดยหนึ่งในโรงพยาบาลที่ประสบความสำเร็จ จนเป็นที่รู้จักในมาตรฐานการรักษา ด้วยวิถีทางการแพทย์แผนไทย คือ คลินิกแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก รพ.พระปกเกล้า จ.จันทบุรี ซึ่ง ดร.นพ.ฉัตรชัย เจ้าของรางวัลบุคคลดีเด่นแห่งชาติ ด้านการแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และการแพทย์ทางเลือก ประจำปี พ.ศ. 2556 ได้บุกเบิกคลินิก ผลงานการวิจัย การรักษาโรคด้วยสมุนไพรชิ้นโบแดง ในการรักษาคนไข้ที่หมดหวังและหายได้ คือ โรคตับแข็ง,สำหรับโรคตับแข็ง เป็นโรคเรื้อรัง เกิดจากเนื้อตับมีการอักเสบ เกิดเนื้อเยื่อพังผืดรัดแข็ง มีคนไทยเสียชีวิตประมาณ 21,833 รายต่อปี มักพบในเพศชายและอยู่ในวัยแรงงาน ส่วนใหญ่มักมีประวัติเกี่ยวข้องกับการดื่มสุรา มักมีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง ท้องโต แน่นท้อง ขาบวม กินไม่ได้,จากการศึกษาใช้ยาสมุนไพรตำรับ พัทธะปิตตะ รักษาโรคนี้ ซึ่งมีสมุนไพร 8 ชนิดเป็นหลัก เช่น หัวเต่ารั้ง หัวเต่าเกียด กำแพง 7 ชั้น หัวข้าวเย็นเหนือ หัวข้าวเย็นใต้ เป็นต้น แต่อาจเปลี่ยนสมุนไพรบางตัวให้เหมาะสมกับผู้ป่วยบางคน โดยต้มยา 1 ห่อต่อ 1 สัปดาห์ กินติดต่อกันเป็นเวลา 8 สัปดาห์ ผลการรักษาปรากฏว่า ท้องและขายุบบวม ผลตรวจเลือดพบการทำงานของตับดีขึ้น และดีขึ้นจนเข้าสู่ระดับปกติในเดือนที่ 5,นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายสิบโรค ที่สมุนไพรสามารถรักษาให้หายได้ ไม่แพ้ยาแผนปัจจุบัน ซึ่งหากผลการวิจัยทดลอง การนำตัวยาสมุนไพรมาต้มและตกผลึก บรรจุเป็นรูปแบบของแคปซูล มาให้ผู้ป่วยรับประทานแทนยาหม้อต้มเป็นผลสำเร็จแล้ว จะลดการสั่งยารักษาโรคจากต่างประเทศ ได้ปีละนับพันล้านบาท แต่ต้องมีการส่งเสริมการปลูกพืชสมุนไพรแซมกับสวนผลไม้มากขึ้น เพื่อให้พอเพียงกับการนำมาทำยาสมุนไพรรักษาโรคในรูปแบบใหม่ โดยเฉพาะสมุนไพร ที่คนไทยกินกันเป็นประจำอยู่แล้ว หรือ เรียกว่าสมุนไพรในครัว ได้แก่ ขมิ้นชัน ข่า ที่งานวิจัยพบว่า เป็นสมุนไพร ที่มีการรองรับแล้วว่าเป็นยาช่วยย่อย ช่วยไม่ให้เกิดการท้องอืดท้องเฟ้อ เนื่องจากเป็นตัวในการช่วยย่อยอาหาร และรักษาลำไส้ได้เป็นอย่างดี รวมถึงพืชสมุนไพร ที่นำมาปลูกเป็นไม้ประดับในบ้าน ยังนำมารักษาโรคได้อีกหลายชนิด,การรักษาโรคของคลินิกแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก รพ.พระปกเกล้า จ.จันทบุรี เปิดทำการรักษาตามวัน และเวลาราชการ ที่สำคัญสามารถใช้สิทธิในการเบิกจ่ายค่ายา เหมือนกับการรักษาแบบเดียวกับระบบการแพทย์แผนปัจจุบัน
|
รพ.พระปกเกล้าจันทบุรี วิจัยสมุนไพรไทย พัทธะปิตตะรักษาผู้ป่วยตับแข็งแล้วกว่าพันราย มีนายแพทย์ระดับ9 ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านเวชกรรม รางวัลบุคคลดีเด่นแห่งชาติเป็นหัวเรี่ยวหัวแรง ใช้ได้ผลไม่แพ้ยาแผนปัจจุบัน ที่สำคัญไร้ผลข้างเคียง
| null |
พัทธะปิตตะ,รักษาตับแข็ง,โรคตับแข็ง,สมุนไพรรักษาตับแข็ง,ยาสมุนไพร,ตับแข็ง,รพ.พระปกเกล้า,ฉัตรชัย สวัสดิไชย,สมุนไพรไทย,จันทบุรี
|
https://www.thairath.co.th/content/767162
|
โสมชบาจ๊ะจ๋า 23/02/61
|
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯเยือนสหราชอาณาจักร วันที่ 25 ก.พ. ถึง 1 มี.ค. ศกนี้,มีเหลนย่าเป็นชาย กำลังหัดพูด คุณหญิงประณีตศิลป์ วัชรพล ได้ชื่นใจกับเหลนคนใหม่ เมื่อหลานยายคนโต จิตสุภา คลอดลูกสาว น้องโซเฟีย ให้มารดาเปรี้ยวเก๋ ยิ่งลักษณ์ วัชรพล คุณยายป้ายแดง หัดเปลี่ยนผ้าอ้อม ป้อนนมหลานคนแรก--คุณยายยุ้ย อย่าเผลอป้อน blue label แล้วกัน,ตอนลูกสาวคนโตแต่งงาน 4 ปีก่อน นเรศ งามอภิชน ชวนครอบครัวไปสร้างกุศล สมทบทุนมูลนิธิไทยรัฐ 1 ล้านบาท พอลูกสาวคนรองแต่งงาน นอกจากจะมอบเงินให้ศิริราช 10 ล้าน ยังไปมอบให้มูลนิธิไทยรัฐอีกเท่าเดิม,พิศาล ธาราพิพัฒน์ เตรียมควงแบรนด์แอมบาสเดอร์กาแฟมอคโคน่า อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ ไปงาน Moccona Unlock Yourself ปลดล็อกกับมอคโคน่า ด้วยเทคโนโลยี Aroma Lock ล็อกความหอมจากกาแฟคั่วบดแท้ 100% พร้อมเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาใหม่ 27 ก.พ. เวลา 17.05 น. ที่ เซ็นทรัลเวิลด์,ไม่ต้องขึ้นดอย สิริเกศ จิรกิติ ชวน ม.ล.ดิศปนัดดา ดิศกุล แห่งมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ยกไฮไลต์จากดอยตุง มาให้คนกรุงเทพฯ ได้ชิมอาหารพื้นเมืองจาก ครัวตำหนัก พร้อมสินค้าราคาพิเศษ และกิจกรรม ในงาน กาดดอยตุง 23 ก.พ. - 4 มี.ค. ที่เซ็นทรัล ชิดลม,นำก๋วยเตี๋ยวเรือต้นตำรับมาให้อร่อย ที่เพนนินซูล่า พลาซ่า กลางกรุงกว่า 30 ปีแล้ว คุณใหม่-สุนงค์ สาลีรัฐวิภาค เตรียมเปิดโฉมใหม่ มี.ค. นี้ แต่ใครรอไม่ไหว ให้ไปชิมได้ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือคุณใหม่ ที่ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เพลส สุขุมวิท 21 ไปก่อน,หลังจาก ภากร ปีตธวัชชัย รับตำแหน่งเอ็มดีคนใหม่ตลาดหลักทรัพย์ฯ วิมลพรรณ ปีตธวัชชัย ซึ่งถูกถามบ่อย ว่าเป็นอะไรกันจะตอบอย่างภูมิใจว่าเป็นหลาน ไม่ใช่ลูก,องค์กร สถาบันต่างๆ เริ่มทยอยเปิดหลักสูตรสำหรับผู้บริหารระดับสูง ล่าสุด รศ.ดร.เสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ แห่ง ม.หอการค้าไทย เพิ่งหายตาลาย จากการคัดชื่อ TEPCoT 11 เพราะจากพันกว่าคน ต้องคัดเหลือ 400 ซึ่ง 400 คนนี้ โปรไฟล์ปึ้กไม่แพ้กัน แต่รับได้แค่ 130 คน --คัดกันขนาดนี้ ใครคิดแค่ไปเรียนหาเพื่อน ก็น่าเสียดายและน่าโกรธ แทนคนที่ไม่มีโอกาส เพราะเป็นหลักสูตรเข้ายาก ชนะเลิศทุกแห่งในขณะนี้ ขอบอก.,โสมชบา
|
มีเหลนย่าเป็นชาย กำลังหัดพูด คุณหญิงประณีตศิลป์ วัชรพล ได้ชื่นใจกับเหลนคนใหม่ เมื่อหลานยายคนโต จิตสุภา คลอดลูกสาว น้องโซเฟีย ให้มารดาเปรี้ยวเก๋ ยิ่งลักษณ์ วัชรพล คุณยายป้ายแดง หัดเปลี่ยนผ้าอ้อม
| null |
จิตสุภา วัชรพล,ยิ่งลักษณ์ วัชรพล,น้องโซเฟีย,โสมชบาจ๊ะจ๋า,โสมชบา,อื่นๆ
|
https://www.thairath.co.th/lifestyle/woman/hisoceleb/1211080
|
Someday Everyday ร้านข้าวแกงฝีมือเชฟมิชลินผู้ปลุกปั้น Nahm
|
หลังวางมือจาก Nahm ร้านอาหารไทยระดับมิชลิน เชฟเดวิด ทอมป์สัน ชาวออสเตรเลีย และเชฟปริญญ์ ผลสุข พ่อครัวคนสนิท ออกมาสร้างชื่อของตัวเองกับอาหารไทยในรูปแบบที่แตกต่างไป โดยยกครัวความอร่อยแบบ ข้าวแกง มาขึ้นร้าน ณ Warehouse 30 แต่รสชาติข้าวแกงระดับเชฟมิชลินจะเป็นอย่างไร พิเศษแค่ไหน เราบอกได้เพียงว่าข้าวแกงธรรมดานี้ ไม่ธรรมดา Someday Everyday (ซัมเดย์ เอฟวรีเดย์) ร้านข้าวแกงหน้าตาเก๋ไก๋โมเดิร์นที่นำโดยเชฟปริญญ์ ตั้งอยู่ด้านหน้า Warehouse 30 ข้าง Maison Chatenet ซึ่งต้องขอบคุณ ดวงฤทธิ์ บุนนาค ที่ทำให้โปรเจกต์นี้สำเร็จขึ้นมาได้ พร้อมกับการตกแต่งภายในที่น่าสนใจ สบายตัวสบายตากว่าร้านข้าวแกงติดแอร์ทั่วไป มองภายนอกอาจไม่รู้ แต่นี่คือร้านข้าวแกงระดับติดดาวมิชลินThe Vibeด้านหน้าร้านเป็นกระจกใสแผงใหญ่ เผยให้เห็นรายละเอียดของบาร์กับข้าว ป้ายราคาแผ่นหราติดผนัง และครัวเปิดที่อยู่ถัดเข้าไปด้านใน ส่วนที่นั่งรับประทานข้าวอยู่ชั้น 2 ให้อารมณ์โรงอาหารเบาๆ แต่กว้างขวางและโดดเด่นด้วยโคมไฟซิกเนเจอร์ ลายเซ็นของชายที่ชื่อดวงฤทธิ์ บรรยากาศสบายๆ ภายใน Warehouse 30ด้วยความที่เป็นร้านข้าวแกง การบริการที่นี่จึงเป็นแบบร้านข้าวแกงให้จิ้มเลือกกับข้าวที่เคาน์เตอร์ จากนั้นหยิบใส่ถาดไม้และยกไปจ่ายเงินที่แคชเชียร์ แล้วยกขึ้นไปเองที่โต๊ะชั้นบน น้ำเปล่ามีบริการให้ฟรี และเมื่อรับประทานเสร็จก็ยกจานชามและถาดไปวางไว้ที่จุดพักจานเป็นอันจบอยากรับประทานกับข้าวกี่อย่าง เลือกกันได้เลยThe Dishesเมนูอาหารส่วนใหญ่ แน่นอนว่าเป็นกับข้าวที่เราคุ้นเคยกันดี แต่บางอย่างก็หารับประทานได้ยาก ส่วนเรื่องของรสชาตินั้น เชฟปริญญ์ยืนหยัดความเป็นรสอาหารไทยจัดจ้าน หมดห่วงเรื่องความเป็นข้าวแกงไฮโซติดรสฝรั่งไปได้เลย ทั้งยังใช้วัตถุดิบคุณภาพ และมีเมนูหมุนเวียนตามความเหมาะสม โดยราคาข้าวราดแกงของที่นี่เริ่มต้นที่ 90 บาท กับข้าวจานละ 100 บาท เครื่องเคียงอย่างละ 60 บาท และของหวานอย่างละ 50 บาทผักโสภณผัดลูกชิ้นกุ้งกับข้าวสำหรับคนไม่รับประทานเผ็ดที่เราอยากแนะนำเพราะหารับประทานนอกบ้านได้ยากคือ ผักโสภณผัดลูกชิ้นกุ้ง (100 บาท) เมนูนี้คนไทยโดยเฉพาะบ้านที่มีเชื้อสายจีนน่าจะคุ้นเคยกันดี ผักโสภณส่วนใหญ่เรามักจะเห็นในสภาพที่ผ่านการแปรรูปเป็นผักดอง แต่ขอให้ได้ลองชิมผักโสภณสดๆ ที่นำไปผัดดูแล้วคุณอาจติดใจ เมนูนี้เชฟปริญญ์เลือกจับคู่กับลูกชิ้นกุ้ง คู่แท้สุดคลาสสิกสำหรับผักโสภณที่ร้านทั่วไปนำไปผัด ก้านผักสดกรอบ มีรสขมนิดๆ เสริมกลิ่นด้วยกระเทียมทุบแกะเปลือก รับประทานสลับกับอาหารจานอื่นจะช่วยตัดรสชาติได้ดี (บนซ้าย) หมูแดด (บนขวา) แกงระแวงเนื้อ (ล่าง) ซี่โครงหมูต้มมะดันผัดเผ็ดไก่ใส่หน่อไม้ (100 บาท) หน่อไม้ดองฝานบางกำลังดีผัดกับพริกเหลือง ใบกะเพรา และไก่ชิ้น รสจัดจ้านและเผ็ดร้อน รับประทานกับข้าวสวยแค่นี้ก็เอาอยู่ ใครมองหาแกงราดข้าวสวยร้อนๆ โปรดลอง แกงระแวงเนื้อ (100 บาท) หลายคน (รวมถึงผู้เขียน) ไม่คุ้นเคยกับแกงชื่อนี้มาก่อน หน้าตามีความขลุกขลิก มันแผล็บ และโดดเด่นด้วยขมิ้นกับพริกชี้ฟ้า เนื้อสัมผัสของแกงใกล้เคียงแกงเขียวหวาน แต่น้ำขลุกขลิกแบบพะแนง โรยหน้าด้วยขมิ้น แม้แลดูเผ็ดร้อน แต่รสชาติไม่ชวนหน้าแดง ให้ทั้งความเค็ม เผ็ด หวานผสมกัน ตักเนื้อพร้อมแกงขลุกขลิกราดข้าวแล้วลองชิมด้วยตัวเองดูได้เลย หมูแดดชิ้นเบิ้มๆ และกับข้าวที่หารับประทานนอกบ้านได้ยากอีกเมนูที่น่าสนใจคือ ซี่โครงหมูต้มมะดัน (100 บาท) ซุปใสรสเปรี้ยวนำช่วยตัดเลี่ยนที่ได้ความเปรี้ยวมาจากใบมะดัน เคี้ยวทั้งใบพร้อมกระดูกอ่อนก็ยิ่งดี หรือใครจะลองเมนูเบสิกๆ อย่าง ไข่พะโล้ (100 บาท) เมนูภาคบังคับสำหรับร้านข้าวแกงทั่วราชอาณาจักรเช่นเดียวกับที่ Someday Everyday แต่ไฮไลต์ไม่ได้อยู่ที่น้ำพะโล้หรือเท็กซ์เจอร์เหนียวกรุบของตัวไข่ด้านนอก แต่กลับเป็นไข่แดงยางมะตูมที่เจาะแล้วเยิ้มได้ใจ ตักรับประทานพร้อมซดน้ำพะโล้ได้เพลินอย่าบอกใครเชียวที่นี่ยังมีจานเครื่องเคียงให้มาแบ่งกันเคี้ยวเล่น ซึ่งเราขอเทใจให้กับ หมูแดด (60 บาท) หมูแดดเดียวเสียบไม้ทอดหน้าตาแสนธรรมดา แต่ได้ชิมแล้วต้องอยากสั่งเพิ่มอีกสัก 5 ไม้ สัดส่วนของหมูและมันมาในอัตราส่วนที่พอดี กัดเข้าไปแล้วได้เนื้อติดมันและมันติดเนื้อ ผิวนอกแห้ง แต่ด้านในมีความนุ่ม บอกแล้วว่าสั่งไม้เดียวไม่น่าจะพอ ล้างปากด้วยเหนียวเปียกลำไย วุ้นใบเตย หรือทองหยิบทองหยอดดี?แม้จะเป็นร้านข้าวแกง แต่ก็ครบเครื่องความเป็นอาหารไทย ปิดท้ายด้วยขนมหวาน เหนียวเปียกลำไย (50 บาท) ขนมไทยแสนอร่อยที่แนะนำให้สั่งพร้อมอาหารตั้งแต่แรก เนื่องจากหมดไวมาก ด้วยความที่เป็นเหนียวเปียกลำไย ทำด้วยข้าวเหนียวดำที่ให้สัมผัสละมุนลื่นคอ ภายใต้ความนุ่มก็ยังมีสัมผัสกรุบนิดๆ ตามฉบับเสน่ห์ข้าวเหนียวดำ ส่วนลำไยหวานฉ่ำ ผสมกับความเค็มอ่อนๆ จากกะทิ หรือจะลอง วุ้นใบเตย (50 บาท) ที่เหมาะสำหรับคนไม่ปลื้มรสหวาน ได้ความกรอบของมะพร้าวขูดและความกรอบของวุ้นเข้าปากไปเต็มๆ เหมาะสำหรับการล้างปากฟินๆ แบบไทยWhat You Should KnowSomeday EverydayOpen: เปิดบริการวันพุธ-อาทิตย์ เวลา 11.00-20.00 น.Address: Warehouse 30 ถนนเจริญกรุง ซอย 30 แขวงบางรัก เขตบางรัก กรุงเทพฯBudget: 100-300 บาทContact: www.facebook.com/somedayeverydayrestaurantMap:พิสูจน์อักษร:
|
สัมผัสรสชาติอาหารไทยสไตล์ข้าวแกงที่ปรุงและดูแลคุณภาพโดย เดวิด ทอมป์สัน และปริญญ์ ผลสุข สองเชฟมิชลินสตาร์ผู้เคยอยู่เบื้องหลังร้านอาหารไทย Nahm ที่คว้ามิชลินสตาร์มาครอง และช่วยกระพือให้อาหารไทยโด่งดังไปทั่วโลกข้าวแกงบ้านๆ รสดีบรรจงทำจากฝีมือเชฟมิชลิน บางเมนูหารับประทานยาก บวกกับบรรยากาศโมเดิร์น ในราคาไม่เกินร้อยกว่าบาท
| null | null |
https://thestandard.co/someday-everyday/
|
อย่าประมาท
|
ประกาศมหาสงกรานต์ ปี 2562 วันมหาสงกรานต์ ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน เวลา 15 นาฬิกา 14 นาที 24 วินาที จันทรคติตรงกับวันอาทิตย์ ขึ้น 10 ค่ำ เดือน 5 ปีกุน,นางสงกรานต์นามว่า นางทุงสะเทวี ทรงพาหุรัด ทัดดอกทับทิม อาภรณ์แก้วปัทมราช (ทับทิม) ภักษาหารอุทุมพร (ผลมะเดื่อ) หัตถ์ขวาทรงจักร หัตถ์ซ้ายทรงสังข์ เสด็จนั่งมาเหนือหลังครุฑเป็นพาหนะ,เกณฑ์พิรุณศาสตร์ พฤหัสบดี เป็นอธิบดีฝน บันดาลให้ฝนตก 500 ห่า ตกในเขาจักรวาล 200 ห่า ตกในป่าหิมพานต์ 150 ห่า ตกในมหาสมุทร 100 ห่า ตกในโลกมนุษย์ 50 ห่า,เกณฑ์ธาราธิคุณ ชื่อปฐวี (ธาตุดิน) น้ำอุดมสมบูรณ์ดี เกณฑ์นาคราชให้น้ำ ปีกุน นาคราชให้น้ำ 5 ตัว ทำนายว่า ฝนต้นปีงาม กลางปีน้อย แต่ปลายปีมากแล เกณฑ์ธัญญาหาร ชื่อวิบัติ ข้าวกล้าในไร่นาจะเกิดกิมิชาติ คือ มีด้วงแมลงรบกวน ข้าวกล้าจะได้ผล 1 ส่วน เสีย 5 ส่วน,วันเถลิงศก วันอังคารที่ 16 เมษายน เวลา 19 นาฬิกา 12 นาที จันทรคติตรงกับวันอังคาร ขึ้น 12 ค่ำ เดือน 5 ปีกุน,ส่วนแนวโหราศาสตร์ที่ทำนายทายทัก บ้านเมืองจะเกิดยุทธสงคราม จะฆ่าฟันกัน จะนิราศจากกัน จะฉิบหายเป็นอันมากแลฯ,นั่นก็ว่าไปตามตำรา สารพัดมุมมอง พี่น้องประชาชนจึงต้องใช้วิจารณญาณในการรับชมรับฟังอย่างมีสติ ไม่ควรตื่นตระหนกวิตกกันจนเกินเหตุ เพราะหมอดูก็มักคู่กับหมอเดาตลอดกาล,แต่ที่แน่ๆ เมื่อถึงห้วงประเพณีสงกรานต์ ถือเป็นธรรมเนียมที่พี่น้องประชาชนไม่ว่าไปทำมาหากินอยู่สารทิศใดต้องเดินทางกลับภูมิลำเนาถิ่นฐานบ้านเกิด,ร่วมทำบุญปีใหม่ไทย อุทิศส่วนกุศลให้แก่บรรพบุรุษที่ล่วงลับ สรงน้ำพระ รดน้ำดำหัว ขอพรพ่อแม่ปู่ย่าตายาย ผู้หลักผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต,พร้อมทั้งพบปะสังสรรค์รวมญาติ ฉลองวันครอบครัว แบบปีละหนคนกันเอง,ยิ่งปีนี้รัฐบาลประกาศให้วันศุกร์ที่ 12 เมษายน เป็นวันหยุดพิเศษ บวกกับวันหยุดชดเชยปิดท้ายสงกรานต์ ทำให้มีวันหยุดยาวตั้งแต่ 12-16 เมษายน,แถมวันจันทร์ที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา เป็นวันหยุดชดเชยวันจักรีหลายคนเลยถือโอกาสลางาน 3 วัน ช่วงฟันหลอ หยุดลากยาวตั้งแต่วันเสาร์ที่ 6 เมษายน ไปถึงวันอังคารที่ 16 เมษายน สิริรวมเบ็ดเสร็จ 11 วันรวดซวด,ฉลองมหาสงกรานต์ แฮปปี้ระเบิดเถิดเทิง ชนิดลืมบ้าน ลืมที่ทำงานกันไปเลย,และก็ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ต้องย้ำเตือนกันทุกครั้ง ก็คือเรื่องความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน อันตรายจากอุบัติเหตุที่มียอดคนเจ็บคนตายพุ่งสูงปรี๊ดทุกปี,แม้ปีนี้รัฐบาล โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม เน้นย้ำให้ทุกส่วนราชการรณรงค์เข้มงวดมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัย ประกาศบังคับใช้กฎหมายโทษขั้นสูงสุดกับพวกเมาแล้วขับ ขับรถเร็วและประมาท จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต,วางมาตรการป้องปราม มุ่งหวังที่จะให้ประชาชนเดินทางไปฉลองความสุขกับครอบครัวด้วยความปลอดภัย,แต่สุดท้ายก็อยู่ที่คนกุมพวงมาลัยขับรถนั่นแหละ ถ้าประมาทอาจเผชิญความตาย จำไว้นะโยม,พ่อลูกอิน
|
เทศกาลแห่งความสุขประเพณีสงกรานต์ ฉลองปีใหม่ไทย 13 เมษายนกำลังเวียนมาบรรจบครบรอบอีกครั้ง
|
ข่าว,การเมือง
|
วันสงกรานต์,นางสงกรานต์,โหราศาสตร์,ปีใหม่ไทย,เมาแล้วขับ,สำนักข่าวหัวเขียว,พ่อลูกอิน,ข่าวทั่วไป
|
https://www.thairath.co.th/news/politic/1541498
|
น้อยใจแฟน ม.2 หนุ่มสวนยางวัย 24 ใช้ลวดผูกคอดับหน้าบ้าน
|
วันที่ 3 พ.ค. ร.ต.อ.สิทธิโชค บัวแดง พนักงานสอบสวน สภ.เชียงคำ อ.เชียงคำ จ.พะเยา ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า มีเหตุผูกคอตายในบ้านพัก กลางสวยางพาราบ้านใหม่นาสา ต.ฝายกวาง อ.เชียงคำ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น แล้วพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ชีพ กู้ภัย สยามรวมใจ ไปตรวจสอบ,ที่เกิดเหตุ พบร่างชายไทย ผูกคอกับขื่อหน้าบ้านพัก ด้วยเส้นลวดขนาดใหญ่ มือทั้ง2ข้างจับเส้นลวดที่ลำคอไว้แน่น เจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ จึงใช้คีมตัดเส้นลวด และนำศพมาชันสูตร ทาบชื่อผู้เสียชีวิต คือ นายพะยอม เพื่อนฝูง อายุ 24 ปี ชาว จ.พะเยา จากการชันสูตรไม่พบร่องรอยบาดแผลหรือถูกทำร้ายแต่อย่างใด,จากการสอบถามคนงานกรีดยาง ที่สนิทกับนายพะยอม ทราบว่านายพะยอม ได้บ่นให้ฟังเรื่องของ ด.ญ.ฟ้า (นามสมมติ) นักเรียนชั้น ม.2 ซึ่งเป็นแฟนสาว เรื่องชอบเอาแต่ใจตัวเอง และไม่สนใจ นายพะยอม ทำให้คิดมาก พยายามปรับความเข้าใจกัน แต่ ด.ญ.ฟ้า ไม่ยอมฟัง จนทะเลาะกันอย่างรุนแรง ทำให้ไม่มีจิตใจจะทำงาน จากนั้นก็แยกย้ายกันไป มาพบอีกที ก็เป็นศพดังกล่าว,เบื้องต้นสันนิษฐานว่า นายพะยอม เกิดอาการน้อยใจ คิดมากเรื่องทะเลาะกับแฟนสาว จึงตัดสินใจผูกคอตายประชดรัก ในขณะที่ทางญาติของนายพะยอม ก็ไม่ได้ติดใจอะไร จึงนำร่างไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป.
|
หนุ่มกรีดยางชาวพะเยา ช้ำรัก ทะเลาะแฟนสาวนักเรียน ม.2 น้อยใจใช้ลวดผูกคอดับหน้าบ้านพักกลางสวนยาง
|
ข่าว,ทั่วไทย
|
ฆ่าตัวตาย,ผูกคอตาย,พะเยา,หนุ่มสวนยาง,น้อยใจแฟน,ข่าวทั่วไป
|
https://www.thairath.co.th/news/local/north/1272451
|
บิ๊กตู่ เผยโผ ครม.ยังไม่เสร็จ ชี้เปลี่ยนโรดแม็ปขึ้นอยู่สถานการณ์
|
เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.59 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงความชัดเจนในการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า วันนี้ยังไม่จำเป็นต้องปรับ ครม.ทั้งหมด ตนเพียงแต่มอบหมายให้มีผู้รักษาการในตำแหน่งที่ว่างลง โดยมอบหมายให้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี รักษาการตำแหน่ง รมว.ยุติธรรม ไปพลางก่อน และให้ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมช.ศึกษาธิการ ทำหน้าที่รักษาการ รมว.ศึกษาธิการ ส่วนการปรับในตำแหน่งอื่นๆ นั้น ตนจะเป็นผู้ดำเนินการในเวลาที่เหมาะสม ,ส่วนที่มีการถามว่ารัฐมนตรีใหม่นั้น จะต้องมาจากทหารหรือไม่ ตนขอบอกว่าไม่จำเป็นต้องเป็นทหารแต่ต้องเข้ามาทำงานได้ ในส่วนตำแหน่งรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมนั้น ก็จะรอแต่งตั้งพร้อมกับตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงอื่นในคราวเดียวกัน โดยขณะนี้ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่รักษาการ รมว.ดิจิทัลฯ อยู่ ซึ่งงานต่างๆ ยังคงเดินหน้า สำหรับกรณีที่มีข่าวว่าจะมีการปรับย้าย พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์นั้น เห็นว่าเขายังทำงานดี งานเดินหน้าอยู่,เมื่อถามว่า ทำบัญชีรายชื่อผู้ที่จะเข้ามารับหน้าที่ใน ครม.เสร็จเรียบร้อยและนำขึ้นทูลเกล้าฯ แล้วหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ยัง,นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงโรดแม็ปว่า เรื่องโรดแม็ปที่สงสัยกันว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่นั้น ขอให้ไปดูสถานการณ์และติดตามความก้าวหน้ากันต่อไป ไม่ใช่เป็นเพราะรัฐบาลอยากจะเปลี่ยนหรืออยากจะทำ
|
นายกฯ เผยปรับ ครม.รอเวลาเหมาะสม เหตุทำโผไม่เสร็จ ชี้เปลี่ยนโรดแม็ปขึ้นอยู่กับสถานการณ์
| null |
ปรับ ครม.,โผ ครม.,โรดแม็ป,ครม.ประยุทธ์ 4,ประยุทธ์ จันทร์โอชา
|
https://www.thairath.co.th/content/804417
|
ยกนิ้วให้ กะเทยไทยหัวใจแมน ซิ่ง จยย. จับหนุ่มวิ่งราวสาวชราฟินแลนด์
|
เมื่อวันที่ 6 พ.ย. 58 ร.ต.อ.วัชชิระ สุขกุล รอง สวป.สภ.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า สามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาวิ่งราวทรัพย์นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้ บริเวณกลางซอยพรประภานิมิตร 32 หมู่ 2 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วย พ.ต.ท.พีรพัศ สอนบุตรดี รอง ผกก.ป. พ.ต.ท.นราวิชญ์ รอดกสิกรรม สวป. นำกำลังตำรวจไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุเป็นถนนดินลูกรังล้อมรอบด้วยไร่มันสำปะหลัง พบพลเมืองดีกำลังควบคุมตัวผู้ก่อเหตุ ทราบชื่อ นายวินัย อินทรสิงห์ อายุ 30 ปี อาชีพช่างเหล็กโรงงานแห่งหนึ่ง พร้อมของกลาง กระเป๋าสะพายแบบหญิง ภายในมีเงินสดจำนวนหนึ่ง โทรศัพท์มือถือ รวมถึงเอกสารสำคัญ และรถจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟ 125 ไอ สีดำ ทะเบียน 1กภ-7048 ชลบุรี ที่ใช้ก่อเหตุ โดยมี Mrs.Anneli Javinek อายุ 74 ปี สัญชาติฟินแลนด์ ผู้เสียหายชี้ตัวให้จับกุม,นายสัมฤทธิ์ คงสำราญ อายุ 34 ปี สาวประเภทสอง ซึ่งเป็นพลเมืองดีที่ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาให้การว่า ปกติ Mrs.Anneli มีบ้านพักอยู่ในซอย และมักจะวิ่งออกกำลังกายในละแวกดังกล่าวเป็นประจำ ก่อนเกิดเหตุเห็น นายวินัย กำลังก่อเหตุกระชากกระเป๋า แต่เหยื่อต่อสู้สุดฤทธิ์ และคว้าสร้อยสแตนเลสของ นายวินัย แล้วกระชากอย่างแรงจนรถจักรยานยนต์ล้มลง จากนั้นผู้เสียหายถอดกุญแจรถแล้วขว้างทิ้งเข้าไปในไร่มันสำปะหลัง คนร้ายจึงยรีบเข็นรถหลบหนี นายสัมฤทธิ์พร้อมแฟนหนุ่มและนายจ้างที่เห็นเหตุการณ์ รีบขี่รถจักรยานยนต์ตามและสามารถควบคุมตัวไว้ได้ ก่อนโทรศัพท์แจ้งตำรวจ,ด้าน นายวินัย ให้การรับสารภาพว่า ปกติทำงานเป็นช่างเหล็กอยู่ตามโรงงานทั่วไป แต่ภายหลังไม่ค่อยมีงานจึงทำให้ไม่มีเงินใช้จ่าย เลยตัดสินใจก่อเหตุ และเพิ่งทำเป็นครั้งแรก เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
|
ช่างเหล็กกระชากกระเป๋าหญิงชราชาวฟินแลนด์ ขณะวิ่งออกกำลังกาย เตรียมซิ่งหนี แต่โดนเหยื่อกระชากสร้อยจน จยย.ล้ม คว้ากุญแจขว้างทิ้ง สาวเทียมพลเมืองดีวัย 34 ปี พร้อมแฟนหนุ่มผ่านมา ซิ่งจักรยานยนต์ตามรวบตัวผู้ต้องหาได้ทันควัน
|
ข่าว,ทั่วไทย
|
ชิงทรัพย์,กระชากกระเป๋า,ชิงทรัพย์ต่างชาติ,พีรพัศ สอนบุตรดี,วิ่งราว,วิ่งราวกระเป๋า,วิ่งราวคนออกกำลังกาย,บางละมุง,ชลบุรี,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวทั่วไทย
|
https://www.thairath.co.th/news/local/537670
|
อิสสระ จวกพรรคทหารจอมดูด หยันประชารัฐถอดแบบประชานิยม แม้ว
|
อิสสระ เผยพลังดูด ส.ส.ภาคอีสานยังไม่คึกคัก เหตุสับสนเลื่อนเลือกตั้ง เชื่อพรรคทหารมุกเดิม เรียกคุยทำเนียบฯ ดูดร่วมก๊วน จวกประชารัฐถอดแบบประชานิยมยุค ทักษิณ ใช้เงินหลวงพีอาร์ ล่าคะแนนเสียงในพื้นที่,เมื่อวันที่ 27 เม.ย.61 นายอิสสระ สมชัย อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตแกนนำ กปปส.กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวการลงพื้นที่ดูดนักการเมืองไปร่วมงานกับพรรคทหารว่า บรรยากาศในพื้นที่ภาคอีสานเรื่องพลังดูดพรรคทหารตอนนี้ยังไม่คึกคัก เพราะส่วนตัวเชื่อว่าคงใช้วีธีเรียกตัวไปคุยที่ส่วนกลาง เหมือนกรณีให้อดีต ส.ส.ไปหาที่ทำเนียบรัฐบาลเเบบก่อนหน้านี้มากกว่า อย่างไรก็ตามที่ยังไม่คึกคักเพราะว่า ในพื้นที่ยังสับสน ไม่มั่นใจว่าจะมีเลือกตั้งเมื่อไหร่ อย่างไร และจะเลื่อนกันอีกไหม ในพื้นที่ก็มีคุยกันว่าอ้าวจะเลื่อนออกไปจาก ก.พ.ปี 62 อีกเเล้ว ตนก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร ทำให้ในพื้นที่ตอนนี้สับสนกันมาก ประกอบกับ คสช.ยังไม่ปลดล็อกให้ทำกิจกรรมได้ สัญญาณตอนนี้จึงไม่หวือหวา แต่ถ้าเขาลงมาเเรงจริงๆ ก็คงต้องสู้ไม่มีทางอื่น,เที่ยวนี้เอาจริงๆ เป็นการสู้กับอำนาจรัฐในการเลือกตั้งครั้งหน้า ถึงเเม้นายกฯ กับ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ยังเเบ่งรับเเบ่งสู้ก็ตาม และไม่ว่าพรรคใหม่ที่มาหนุนทหารจะเปิดเเนวรุกในอีสานอย่างไร ก็สู้อยู่เเล้ว เรื่องที่ชัดเจนเวลานี้ คือ การเดินหน้าปูพรมประชารัฐระยะที่ 3 ตอนนี้ล่าสุดโครงการกองทุนหมู่บ้าน ให้หมู่บ้านละ 3 เเสนบาท เเม้ใช้ชื่อไม่เหมือนเเต่ชัดเจนว่า รูปแบบวิธีการนั้นใช่การประชานิยมมาโฆษณา ประชาสัมพันธ์ใช้เงินหลวง เงินงบประมาณเอาเปรียบคู่ต่อสู้เหมือนสมัย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ หวังผลคะเเนนเสียงคนในพื้นที่ทั่วประเทศ แต่จากที่ติดตามตนเห็นปัญหาความไม่ชอบมาพากลของการใช้จ่ายสักเท่าไรนัก ถ้าได้ข้อมูลเพิ่มเติมเมื่อไหร่จะรีบเปิดเผยให้ทราบทันที นายอิสสระ กล่าว
|
อิสสระ เผยพลังดูด ส.ส.ภาคอีสานยังไม่คึกคัก เหตุสับสนเลื่อนเลือกตั้ง เชื่อพรรคทหารมุกเดิม เรียกคุยทำเนียบฯดูดร่วมก๊วน จวกประชารัฐถอดแบบประชานิยมยุค ทักษิณ ใช้เงินหลวงพีอาร์ ล่าคะแนนเสียง
|
ข่าว,การเมือง
|
อิสสระ สมชัย,ประชาธิปัตย์,ปชป.,กปปส.,พรรคทหาร,ข่าวทั่วไป
|
https://www.thairath.co.th/news/politic/1267082
|
หนุ่มโคราชเครียดเมียหนี ดื่มเหล้าประชด 3 วันติด ไม่กินข้าว ช็อกดับ
|
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 4 ก.ค. 59 ร.ต.อ.กุศล แก้วสารพัดนึก รอง สว.สอบสวน สภ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ได้รับแจ้งเหตุว่ามีคนนอนตายอยู่ที่บริเวณลานดินหน้าบ้าน ใน ต.หนองบัวตะเกียด อ.ด่านขุนทด จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น จากนั้นพร้อมด้วย พ.ต.ท.ครองชัย ตาลประดิฐษ์ รอง ผกก.สอบสวน ตร.ชุดสายสืบ และหน่วยกู้ภัยปริสุทฺโธ (ฮุก 31) รุดไปตรวจสอบ,ที่เกิดเหตุ พบศพหนุ่มวัย 50 ปี สภาพศพสวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีฟ้าอ่อน แถบคอสีเหลือง กางเกงยีนส์ขายาวสีกรมท่า ใส่รองเท้าแตะหูคีบ นอนคว่ำหน้าอยู่บริเวณลานดินหน้าบ้านดังกล่าว ซึ่งเป็นบ้านของผู้ตายเอง,จากการสอบถามมารดาของผู้ตายที่มีบ้านอยู่ติดกัน ทราบว่าผู้ตายเป็นคนที่ชอบดื่มสุราเป็นประจำ ล่าสุดได้ทะเลาะกับภรรยาอย่างรุนแรง จนภรรยาทนไม่ไหว หนีไปอยู่กับลูก ที่ทำงานรับจ้างอยู่ใน กทม. เมื่อ 3 วันก่อน จนผู้ตายเกิดความเครียด เอาแต่ดื่มเหล้า ไม่ยอมทานอาหาร คาดจะแกล้งประชดเมีย แต่เกิดช็อกตาย,จากนั้นให้หน่วยกู้ภัยนำศพส่ง รพ.ด่านขุนทด เพื่อชันสูตรศพหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย ก่อนมอบศพให้กับญาตินำไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป.
|
หนุ่มนครราชสีมา เครียดทะเลาะเมีย ก่อนเมียหนีไปอยู่กับลูกที่กรุงเทพฯ ดื่มเหล้าประชด 3 วันติด ข้าวปลาไม่ทาน สุดท้ายช็อกดับอยู่หน้าบ้าน…
| null |
ดื่มเหล้าจัด,ช็อกดับ,หนุ่มเครียด,เมียหนี,ดื่มเหล้าประชด,ด่านขุนทด,นครราชสีมา,ข่าว,ข่าวทั่วไทย,ข่าวภูมิภาค,ไทยรัฐออนไลน์
|
https://www.thairath.co.th/content/654761
|
ลูกซองเป่า 9 นัด หนุ่มชาวไร่ดับ ตร.คาดถูกตามล้างแค้น
|
เมื่อเวลา 00.20 น. วันที่ 11 ต.ค. ร.ต.ท.สุรวุฒิ ยศบุตร พงส.สภ.บ้านด่านลานหอย จ.สุโขทัย รับจากศูนย์วิทยุงานป้องกันเทศบาลตำบลตลิ่งชัน ว่ามีเหตุยิงกันตายที่บ้านเลขที่ 104 ม.5 ต.ตลิ่งชัน อ.บ้านด่านลานหอย จึงรายงาน พ.ต.อ.บรรจบ เขียวสะอาด ผกก.ทราบ จากนั้นรุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วยฝ่ายสืบสวน และ เจ้าหน้าที่กู้ภัยบริเวณหลังบ้านที่เกิดเหตุ จนท.พบศพ นายณรงค์ มั่นอินทร์ อายุ 56 ปี เจ้าของบ้าน สวมเสื้อแขนยาวลายสกอตกางเกงขายาว รองเท้าแตะ นอนหงายจมกองเลือดอยู่ มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองเข้าที่หน้าอกซ้ายเป็นรูพรุนจำนวน 9 รู โดยมี น.ส.สัมผัส อยู่ท้วม อายุ 53 ปี ภรรยาผู้ตาย นั่งกอดศพร่ำไห้อยู่,สอบสวนภรรยาผู้ตาย ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุช่วงค่ำ ผู้ตายพร้อมภรรยาเพิ่งกลับจากเข้าไปตัดไม้รวกในไร่ ซึ่งห่างออกไปประมาณครึ่ง กม. จากนั้นก็หุงหาอาหารและชวนญาติๆ ซึ่งบ้านอยู่ติดกันมานั่งกินข้าวพร้อมดื่ม สุราไปด้วย จนกระทั่งตกดึก ผู้ตายลุกไปปัสสาวะในป่าหลังบ้าน ก็มีเสียงดังคล้ายเสียงปืนดังขึ้น 1 ครั้ง ญาติๆ จึงรีบวิ่งไปดูก็พบว่า นายณรงค์ ถูกยิงเสียชีวิตแล้ว,เบื้องต้นได้ตรวจสอบบริเวณป่าหลังบ้าน พบว่ามีร่องรอยของคนร้ายซึ่งเหยียบต้นหญ้าจนราบและขี้โคลนเต็มไปหมด ส่วนประเด็นการสังหารในครั้งนี้ จนท.ตั้งไว้ 2 ประเด็นคือ ขัดผลประโยชน์ หรือ คู่อริเก่าตามฆ่าล้างแค้น ซึ่งจะได้มอบหมายให้ชุดสืบสวน ดำเนินการต่อไป.
|
หนุ่มชาวไร่สุโขทัยกลับจากทำงาน นั่งดื่มเหล้ากับครอบครัว ก่อนขอตัวไปปัสสาวะป่าหลังบ้าน เมียได้ยินเสียงปืนดัง รีบวิ่งไปดูพบ สามีเสียชีวิตคาที่ ตำรวจคาดน่าจะมาจากความขัดแย้งส่วนตัว
|
ข่าว,ทั่วไทย
|
ยิงหนุ่มชาวไร่,ยิงหนุ่มชาวไร่ดับ9นัด,ยิงหนุ่มสุโขทัย9นัดดับ,ณรงค์ มั่นอินทร์,สัมผัส อยู่ท้วม,ขัดผลประโยชน์,บ้านด่านลานหอย,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวทั่วไทย,ยิงโหด,ฆาตกรรม,ลูกซองเป่าดับ,ปืนลูกซอง,ฆ่าล้างแค้น
|
https://www.thairath.co.th/news/local/531480
|
ศอ.บต.ช่วย 17 นักศึกษาใต้ กู้เงิน กยศ.เรียนต่อได้
|
ศอ.บต.ช่วย 17 นักศึกษาชายแดนใต้ ที่ได้ทุนเรียนเภสัชกรรมศาสตร์ และทันตแพทยศาสตร์ จบจากมหาวิทยาลัยในประเทศอินโดนีเซีย ได้เรียนเพิ่มเติมทางวิชาชีพ รวมทั้งฝึกงานในมหาวิทยาลัยของไทย พร้อมทั้งประสานงานให้มีสิทธิกู้ยืมเงินจากกองทุนเงินให้กู้ยิมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ได้แล้ว,เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. นายศุภณัฐ สิรันทวิเนติ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ศอ.บต. เปิดเผยว่า ตามที่ ศอ.บต. ได้ดำเนินการติดตามดูแลให้การช่วยเหลือ และจัดประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในและต่างประเทศ เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือนักศึกษาไทย ที่ได้รับทุนการศึกษาของ Muhammadiyah สาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดยเฉพาะนักศึกษาที่จบการศึกษาในสาขาเภสัชศาสตร์ และทันตแพทยศาสตร์,เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้ว จะต้องได้รับการเทียบวุฒิ และรับรองคุณวุฒิการศึกษาจากสภาวิชาชีพของแต่ละสภา และเข้าศึกษาต่อเพิ่มเติมในมหาวิทยาลัยของไทย ในรายวิชา ที่ทางสภาวิชาชีพได้กำหนดเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 2 ปี พร้อมฝึกปฏิบัติงานต่อไปภายหลังสำเร็จการศึกษา ,ขณะนี้ ศอ.บต.ได้ประสานให้การช่วยเหลือ นักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาจากอินโดนีเซียแล้ว เพื่อให้สามารถเข้าศึกษาต่อเพิ่มเติมในมหาวิทยาลัยของไทยได้ จำนวน 17 คน ,นอกจากนี้ กองกิจการต่างประเทศ ศอ.บต. ได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจากนักศึกษา ที่เข้าศึกษาต่อเพิ่มเติมในมหาวิทยาลัยของไทย แจ้งว่านักศึกษาประสบปัญหาค่าใช้จ่ายในการลงทะเบียนเรียน เนื่องจากค่าใช้จ่ายในแต่ละเทอมมีค่าใช้จ่ายสูง ฐานะทางเศรษฐกิจของครอบครัวไม่ค่อยดี ทำให้ไม่สามารถจุนเจือสนับสนุนตรงนี้ได้,นอกจากนี้ นักศึกษาได้แจ้งเพิ่มเติมอีกว่า หากสามารถขอกู้เงินจากกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ได้ จะสามารถแบ่งเบาภาระของครอบครัวได้ ซึ่งนักศึกษาได้แสดงความจำนงขอกู้ยืมเงิน กยศ. ผ่านมหาวิทยาลัยแล้ว ,แต่มหาวิทยาลัยแจ้งว่า คุณสมบัติของผู้ขอกู้ไม่ตรงตามเงื่อนไขที่กำหนดว่า นักศึกษาต้องไม่เคยเป็นผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีในสาขาใดๆ มาก่อน จึงทำให้นักศึกษาไม่สามารถขอกู้ยืมจาก กยศ. ได้,ดังนั้น กองกิจการต่างประเทศ ศอ.บต. จึงทำหนังสือถึงปลัดกระทรวงการคลังให้พิจารณาผ่อนปรนคุณสมบัติหรือเงื่อนไขบางรายการให้กับนักศึกษาให้ได้รับสิทธิ และสามารถขอกู้ยืมเงินได้ ,ขณะนี้กองกิจการต่างประเทศ ศอ.บต. ได้รับการประสานทางวาจาว่า มติที่ประชุม กยศ. เห็นชอบตามที่เสนอและอนุมัติผ่อนปรนเงื่อนไขเพื่อให้นักศึกษาสามารถกู้ยืมได้ โดยมติได้อนุมัติเฉพาะนักศึกษาทั้ง 17 ราย หากมีนักศึกษาที่จบใหม่จะขอกู้ จะต้องมีหนังสือแจ้งเพื่อพิจารณาเป็นครั้งคราวต่อไป ขณะนี้ กยศ. ได้นำมติผลการประชุมส่งกลับไปยังกระทรวงการคลัง เพื่อมีหนังสือตอบกลับมายัง ศอ.บต.แล้ว นายศุภณัฐกล่าว.
|
ศอ.บต.ช่วย 17 นักศึกษาชายแดนใต้ ที่ได้ทุนเรียนเภสัชกรรมศาสตร์ และทันตแพทยศาสตร์ จบจากมหาวิทยาลัยในประเทศอินโดนีเซีย ได้เรียนเพิ่มเติมทางวิชาชีพ รวมทั้งฝึกงานในมหาวิทยาลัยของไทย พร้อมประสานให้มีสิทธิกู้ยืม กยศ. ได้
|
ข่าว,สังคม
|
ศอ.บต.,กยศ.,นักศึกษาชายแดนใต้,อินโดนีเซีย,ศึกษาต่อ
|
https://www.thairath.co.th/news/society/975195
|
เอมี่ กลิ่นประทุม ตอบหลังถูกชาวเน็ตถาม ควรไปเที่ยวญี่ปุ่นดีมั้ย
|
เพราะตอนนี้เชื้อไวรัสโควิด-19 เรียกได้ว่าเป็นอีกโรคร้ายแรงที่ติดต่อกันได้ง่าย และก็แพร่ระบาดไปทั่วโลกแล้ว และประเทศญี่ปุ่นก็เป็นอีกพื้นที่เสี่ยงที่ควรจะงดเดินทางไป แต่ล่าสุด มีชาวเน็ตเข้ามาคอมเมนต์ถามนักแสดงสาว เอมี่ กลิ่นประทุม ในอินสตาแกรมของเจ้าตัวที่โพสต์รูปคู่กับสามีและขอบคุณที่พาไปเที่ยวพักผ่อน โดยชาวเน็ตคนดังกล่าวบอกว่า มีความกังวลเพราะจะไปเที่ยวญี่ปุ่นในต้นเดือนมีนาคมนี้ การเดินทางปลอดภัยใช่มั้ย ไม่น่ากลัวใช่มั้ย ซึ่งสาวเอมี่ก็ได้ตอบว่ามี่ว่าทุกทีก็น่ากลัวหมด โดยเฉพาะสนามบิน สิ่งที่เราต้องทำคือดูแลตัวเองมากๆ ทำร่างกายให้แข็งแรง อย่า weak กินวิตามิน อัดวิตามินซีเยอะๆ ในเรื่องของการเดินทาง น่ากลัวมั้ย ก็น่ากลัวแหละค่ะ เราต้องดูว่าเราไปไหน พยายามไม่ไปอยู่ในสถานที่แออัด ตลอดการเดินทางมี่ใส่ mask ตลอดเวลา แม้บนเครื่องเลยล้างมือบ่อยมากกกกก ฉีดแอลกอฮอล์ซ้ำอีกเสมอ จับอะไรมา ก็ล้างมือก่อนเลย พยายามอย่ามาถูหน้า ขยี้ตา อย่างพวกโทรศัพท์มือถือบางครั้งเราวางไว้ ต้องคอยเช็ด คอยถู ตลอด รถเข็น ที่บิดประตู ทุกอย่าง จับอะไรก็ให้ล้างมือส่วนการตัดสินใจ มี่ว่าอยู่ที่เราแล้ว ไม่กล้าตัดสินใจให้ แต่การเที่ยว ความสนุกก็ลดลงแหละค่ะ เพราะเราต้องระมัดระวังทุกอย่าง แต่ถ้าดูแลตัวเองให้ดู รวมไปถึงผู้เดินทางกับเราในทริป มี่ก็ว่าโอเคหลังจากที่สาวเอมี่ตอบคำถามดังกล่าวไป ชาวเน็ตคนดังกล่าวก็ได้เข้ามาคอมเมนต์ขอบคุณสำหรับคำตอบ พร้อมกับบอกว่าเป็น FC ของนักแสดงสาวอีกด้วย แต่ก็มีชาวเน็ตบางคนบอกให้สาวเอมี่กักตัวอยู่ที่บ้าน เพื่อเฝ้าระวังและป้องกันให้คนอื่นด้วย
|
เอมี่ กลิ่นประทุม ตอบหลังมีชาวเน็ตมาถามความคิดเห็นว่าควรไปเที่ยวญี่ปุ่นดีมั้ย น่ากลัวจริงรึเปล่า
|
บันเทิง,ข่าวบันเทิง
|
ไวรัสโควิด-19,ไวรัสโคโรนา,เอมี่ กลิ่นประทุม,ดาราเที่ยวญี่ปุ่น,ข่าวบันเทิง,อินสตาแกรมดารา
|
https://www.thairath.co.th/entertain/news/1781626
|
กล้าได้กล้าเสีย : นี่เป็นแค่บทเริ่มต้นเท่านั้น
|
ที่สุดองค์คณะศาลรัฐธรรมนูญก็ได้มีคำวินิจฉัยให้,นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ, หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ให้พ้นจากสมาชิกภาพสิ้นสุดการเป็นผู้แทนราษฎร,มีผลตั้งแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ไม่มีบทลงโทษให้เว้นวรรคทางการเมือง หรือถอนสิทธิเลือกตั้ง,ยังทำหน้าที่หัวหน้าพรรคและสามารถสมัครเลือกตั้งในทุกระดับได้,เท่าที่ประมวลจากคำวินิจฉัยแล้วโดยสรุปก็คือศาลได้พบข้อพิรุธหลายประเด็นไม่ว่าจะเป็นการยกเลิกบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด เพราะยังไม่ได้แจ้งกระทรวงพาณิชย์เรื่องการจดแจ้งและรายชื่อผู้ถือหุ้น,ถือว่านายธนาธรยังมีชื่อถือหุ้นสื่อดังกล่าวระหว่างที่เสนอชื่อในรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.บัญชีของพรรคอนาคตใหม่,การขึ้นเช็คที่ใช้เวลาดำเนินการนานถึง 128 วัน ทั้งที่ปกติใช้เวลาระหว่าง 42-45 วันเท่านั้น รวมถึงเรื่องการโอนหุ้นที่ไม่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียม,แต่การโอนหุ้นระหว่างแม่กับลูกจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมมาตลอด ถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติที่ทำให้ชวนสงสัย,ก็เอาคร่าวๆ แค่นี้มาประกอบเพื่อให้เห็นภาพ,ตีวงเข้ามาอีกนิดก็คือมี ข้อพิรุธหลายประการ เชื่อว่า นายธนาธรยังถือ ,หุ้นสื่อ, อยู่ จึงมีผลให้สมาชิกภาพการเป็น ส.ส.ต้องสิ้นสุดลง,หลังจากศาลรัฐธรรมนูญได้แถลงเสร็จเรียบร้อยแล้ว นายธนาธรได้แสดงความคิดเห็นส่วนตัวด้วยการโต้คำพิพากษา 5 ข้อ,สรุปก็คือคำวินิจฉัยที่ออกมานั้น, อยู่บนฐานข้อสันนิษฐานมากกว่าข้อเท็จจริง,และจะดำเนินงานทางการเมืองต่อไป เพราะยังมีงานให้ทำอีกมาก พร้อมกับปลุกใจลูกพรรคและผู้สนับสนุนทำงานให้หนักมากขึ้น,หลุดจากศาลรัฐธรรมนูญแล้วก็ต้องไปดูกันต่อว่า กกต.จะรับลูกเพื่อดำเนินการต่อไปอย่างไร ด้วยประเด็นที่ว่าเมื่อรู้ว่าไม่มีคุณสมบัติในการลงเลือกตั้งแต่ก็ยังลงสมัคร อีกทั้งในฐานะหัวหน้าพรรคแต่ไปลงนามชื่อรับรองการลงสมัครของคนอื่นๆ,นี่ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ กกต.จะต้องมีการพิจารณาว่าจะมีการลงโทษถึงขึ้นถอนสิทธิเลือกตั้งหรือไม่,มีโทษทางอาญาหรือไม่?,ตามมาอีกเรื่องหนึ่งซึ่ง กกต.ได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญไปแล้วคือ การปล่อยกู้เงิน 194 ล้านให้พรรคอนาคตใหม่ว่ามีความผิดหรือไม่,แต่ประเด็นนี้เป็นเรื่องของพรรคการเมือง ไม่ใช่เรื่องเฉพาะบุคคล หากพบว่าเป็นความผิดตามกฎหมาย,โทษหนักสุดก็คือ ยุบพรรค ?,เหตุและผลที่เกิดขึ้นนั้นแม้นายธนาธรที่มีความผิดแค่พ้นจากสมาชิกภาพการเป็น ส.ส. แต่หากขั้นต่อไปมีการชี้ผลว่าต้อง ,ยุบพรรค,นั่นแหละจะทำให้พรรคอนาคตใหม่เกิดปัญหาตามมาแน่,เพราะเป็นเรื่องของพรรคแล้ว ไม่ใช่เรื่องเฉพาะตัว ถือเป็นเรื่องใหญ่มีผลกระทบต่อเนื่องอย่างปฏิเสธไม่ได้,ดูจากปฏิกิริยาของนายธนาธรเห็นได้ว่าไม่ยอมรับคำตัดสินเนื่องจากไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยดังกล่าวด้วยการยกเหตุผลต่างๆมาอ้างหลายข้อ,นั่นน่าจะเป็นคำตอบว่า เขาไม่ยอมจำนน แน่,สายล่อฟ้า
|
ข้อพิรุธเป็นเหตุ? ที่สุดองค์คณะศาลรัฐธรรมนูญก็ได้มีคำวินิจฉัยให้นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ให้พ้นจากสมาชิกภาพสิ้นสุดการเป็นผู้แทนราษฎร
| null |
กล้าได้กล้าเสีย,สายล่อฟ้า,ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ,พรรคอนาคตใหม่,ศาลรัฐธรรมนูญ,ถือหุ้นสื่อ,พ้นสภาพ ส.ส.
|
https://www.thairath.co.th/news/politic/1709085
|
จาตุรนต์ ชี้ ยากตั้งรัฐบาลแห่งชาติ
|
วันที่ 12 ก.ค. 58 เมื่อเวลา 11.30 น. นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรมว.ศึกษาธิการ กล่าวถึงกระแสข่าว สปช.เสนอให้มีรัฐบาลแห่งชาติ ว่า การมีรัฐบาลแห่งชาติในขณะที่ คสช. ยังมีอำนาจเบ็ดเสร็จอยู่อย่างนี้ ตามรัฐธรรมนูญชั่วคราวอย่างนี้ มันก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แม้รัฐบาลปัจจุบันจะทำงานโดยขาดคนที่มีความรู้ ความสามารถ มีประสบการณ์ มาทำงาน ไม่เปิดให้มีการแสดงความเห็นต่างได้ และก่อให้เกิดความเสียหายมาก ทั้งทางเศรษฐกิจ การต่างประเทศ และการปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน หรือ แม้จะเชิญให้หลายๆฝ่ายมาร่วมรัฐบาล ก็เชื่อว่า ไม่มีใครยินดีเข้าร่วม เพราะเป็นการปกครองที่หลายฝ่ายไม่ยินยอมเข้าร่วม จึงยังเป็นไปไม่ได้ ในช่วงนี้ไม่ว่า จะเป็นการตั้งรัฐบาลแห่งชาติ หรือ การหาคนเข้าไปเป็นสมาชิกสภาขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศ หรือ องค์กรอื่นใดภายใต้การสังกัด คสช. พรรคการเมือง นักการเมือง ที่เป็นฝ่ายประชาธิปไตย คงไม่สามารถเข้าร่วมได้ เมื่อเป็นอย่างนั้นก็ยังเชื่อว่า ผู้ที่มีความรู้ ความสามารถจำนวนไม่น้อย ก็คงไม่ต้องการเข้าร่วมสังฆกรรมด้วย,นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ไม่ทราบว่า คิดกันอย่างไร คงเป็นเพราะเห็นปัญหารุมเร้ามากๆ รัฐบาลปัจจุบันขาดคนที่มีความสามารถ ที่จะรับมือกับปัญหาที่รุมเร้าเข้ามาได้ คนปล่อยข่าวก็ไม่ทราบว่า เป็นใคร ความจริงปล่อยข่าวลักษณะนี้ เป็นเรื่องที่ใหญ่กว่าการปล่อยข่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โอนเงินไปต่างประเทศ แต่ขณะเดียวกัน อาจจะเกิดจากเจตนาดี ที่อยากเห็นการแก้ปัญหา เพียงแต่ว่า เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ จึงเป็นไปได้ยากการเกิดรัฐบาลแห่งชาติ ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ยังควบคุมอำนาจเบ็ดเสร็จ จะเกิดขึ้นได้เมื่อ คสช.คลายอำนาจ มีการหารือร่วมกับทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียมกัน แต่ว่าแนวความคิดให้มีรัฐบาลแห่งชาติ ต้องทำความเข้าใจกันว่า ไม่ใช่เรื่องที่ให้เป็นประโยชน์ในระยะยาว ถ้าจะทำต้องแค่ชั่วคราว ระยะสั้นๆ ก็อาจเป็นประโยชน์ได้ ต้องทำเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนผ่านส่งมอบประชาธิปไตยให้ประชาชน มากกว่าหวังตั้งขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาประเทศทั้งหลายทั้งปวงของประเทศ เพราะจะมีปัญหาเรื่องการตรวจสอบอีก,เมื่อถามว่า ถ้าการตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด อะไรคือทางออกที่ดีที่สุด ในการแก้ปัญหาที่รุมเร้ารัฐบาล นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ขั้นแรกสุดก็คือ ต้องเปิดให้มีการแสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้อย่างกว้างขวาง เปิดให้ผู้เห็นต่างได้แสดงความคิดเห็นได้อย่างเต็มที่ ไม่ปิดกั้นเสรีภาพ และส่งเสริมให้มีการหารือในลักษณะเท่าเทียมกันมากขึ้น ที่ผ่านมา การพูดคุยที่เปิดให้มีบ้าง ยังมีลักษณะเป็นการหารือที่ไม่เท่าเทียม ฝ่ายหนึ่งมีอำนาจเบ็ดเสร็จ มีเงื่อนไขบีบคั้นอีกฝ่ายหนึ่ง ไม่ให้แสดงความเห็นได้อย่างเต็มที่ ปัญหาใหญ่ คือ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้รับรู้ปัญหาที่แท้จริง ไม่ได้รับรู้ว่า ประชาชนคิดเห็นอย่างไร เพราะมีแต่คนที่จะเอาใจ ตามใจนายกฯ เท่านั้น ภาวะอย่างนี้เป็นอันตรายมากกับประเทศชาติ จะทำให้นายกฯ และหัวหน้า คสช.เดินผิดทิศผิดทางได้,นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ขณะนี้เป็นการสะสมปัญหาที่ไม่ได้มีการเอามาพูดกันอย่างตรงไปตรงมา มีมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มีปัญหามากขึ้นในอนาคต ไม่มีการวิเคราะห์หาต้นเหตุปัญหาในอดีต จึงไม่มีการหาทางป้องกันปัญหาในอดีตให้เกิดขึ้นมาอีก เพราะฉะนั้น ถ้ายังเดินกันอย่างนี้ต่อไป อนาคตข้างหน้าประเทศไทย จะพบวิกฤติยิ่งกว่าเดิม
|
จาตุรนต์ ชี้ ยากเกิดรัฐบาลแห่งชาติ หลังรัฐบาลเจอปัญหารุมเร้าหนัก เชื่อ ไม่มีใครยินดีร่วมสังฆกรรม ตราบใด คสช. ยังมีอำนาจเบ็ดเสร็จ ชี้ปัญหาใหญ่ บิ๊กตู่ ไม่ได้รับรู้ปัญหาที่แท้จริง
| null |
จาตุรนต์,รัฐบาลแห่งชาติ,เกิดยาก,รัฐบาล,รุมเร้าหนัก,ปัญหา,สังฆกรรม,คสช.,จาตุรนต์ ฉายแสง,อดีตรมว.ศึกษาธิการ,สปช.,อำนาจเบ็ดเสร็จ,พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี,ปฏิรูปประเทศ,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวการเมือง
|
https://www.thairath.co.th/content/511078
|
อดีตนักบาสทีมนิวยอร์คฯถูกปล่อยตัวแล้วหลังถูกขังนาน 20 เดือน
|
แพล็กซิโก เบอร์เรสส์ วัย 34 ปี อดีตผู้เล่นของ 2 ทีมดัง ในศึกอเมริกันฟุตบอลเอ็นเอฟแอลอย่างทีม พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส และนิวยอร์ค ไจแอนท์ได้โอกาสครั้งที่ 2 ในการกลับมาใช้ชีวิตอย่างคนปรกติ หลังจากมีคำสั่งปล่อยตัวเขาออกจากเรือนจำ โดยเบอร์เรสส์ ตั้งเป้าจะกลับไปอยู่ที่ ฟลอริดา ร่วมกับครอบครัว ไม่ว่าจะเป็น ทิฟฟานี ภรรยา เอลียาห์ บุตรชายวัย 3 ขวบ และ จิโอวานนา บุตรสาววัย 1 ขวบโดยช่วงปลายปี 2008 เบอร์เรสส์ ถูกตำรวจในนิวยอร์กจับกุม หลังจากที่เขาพกอาวุธปืนเข้าไปใน ไนท์คลับแห่งหนึ่ง จนปืนลั่นใส่ขาของเขาเอง หลังจากนั้น เบอร์เรสส์ ถูกตั้งข้อหา พกอาวุธปืนไปในที่สาธารณะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายขึ้น และถูกสั่งจำคุกนาน 20 เดือนอย่างไรก็ตาม เบอร์เรสส์ เตรียมได้รับข่าวดีเพิ่มเติมเมื่อ แอนดี้ รีด หัวหน้าโค้ชของทีม ฟิลลาเดลเฟีย อีเกิลส์ พร้อมจะให้โอกาส เบอร์เรสส์ กลับสู่วงการเอ็นเอฟแอล อีกครั้ง เหมือนกับที่ให้โอกาส ไมเคิ่ล วิค ที่พ้นโทษออกจากเรือนจำเมื่อปี 2009 โทษฐานทารุณกรรมต่อสัตว์ และต่อมา วิค กลายเป็นกำลังสำคัญให้ทีม ได้สิทธิ์ไวด์คาร์ท ในฤดูกาลที่แล้ว
|
แพล็กซิโก เบอร์เรสส์ อดีตผู้เล่นของนิวยอร์ก ใจแอนท์ ถูกปล่อยตัวออกจากเรือนจำแล้ว หลังจากถูกกุมขังนาน 20 เดือนด้วยข้อหาพกพาอาวุธในที่สาธารณะ
|
กีฬา
|
ขัง,นักบาส,นิวยอร์ค,ปืน
|
https://news.thaipbs.or.th/content/14532
|
ฝ้ายแดง น่าปลูกสรรพคุณดี
|
ลดความร้อนของร่างกายได้ เมล็ดสดหรือตากแห้งบดเป็นผงกินรักษาโรคหนองในดี แต่มีข้อห้าม คือ สตรีที่มีครรภ์ห้ามกินอย่างเด็ดขาด เนื่องจากจะทำให้เกิดอาการแท้งลูกได้,ฝ้ายแดง หรือ GOSSYPIUM ARBOREUM LINN. อยู่ในวงศ์ MALVACEAE มีถิ่นกำเนิดในเอเชียเขตร้อนทั่วไป และกระจายปลูกในประเทศแอฟริกามากมาย ดอกเป็นสีแดงเข้มหรือสีเหลืองอ่อน ใจกลางดอกเป็นสีม่วงแดง เวลามีดอกจะดูงดงามมาก ดอกออกเดือนพฤษภาคม-มิถุนายนของทุกปี ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด มีต้นขายที่ ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ หลายแผงหลายเจ้า ราคาอยู่ที่ขนาดของต้น,ครับ หนังสือ สมุนไพรไม้ดอกไม้ประดับหายาก เล่มที่ 5 ของ นายเกษตร ไม่วางขายที่ไหนหมดแล้วหมดเลย ราคาเล่มละ 600 บาท บวกค่าส่งกลับเล่มละ 30 บาท ส่งธนาณัติซื้อสั่งจ่าย คุณนงลักษณ์ ศรีอัชรานนท์ ตู้ ปณ.48 ปณ.สามแยกลาดพร้าว กทม. 10901 หรือสอบถามผลิตภัณฑ์สมุนไพร ว่านชักมดลูกแคปซูล แก้คาวปลา มดลูกกระชับ ดับกลิ่นเหม็นในสตรี แก้ต่อมลูกหมากอักเสบ ไส้เลื่อนในบุรุษ, น้ำมัน 12 ประดง ใช้ภายนอก ฆ่าเชื้อสมานแผล แก้เริม งูสวัด สะเก็ดเงิน แพ้เหงื่อ, ยาแก้ริดสีดวงจมูกแคปซูล น้ำมูกไหลมีกลิ่นเหม็น, ครีมโลดทนง รักษาสิวฝ้า รูขุมขนตีบลง, คอลลาเจนบริสุทธิ์ เป็นผงทาหน้าช่วยให้ผิวหน้ากระชับ, กระเทียมโทน ผสมสมุนไพรอื่นแคปซูล แก้หืดหอบ แก้ถุงลมโป่งพอง, ดีบัวแคปซูล ขยายหลอดเลือดไปเลี้ยงสมอง หัวใจ, ตรีผลาแคปซูล ลดไขมันในเส้นเลือด ลดไตรกลีเซอไรด์, ยาต้มคลายเส้นไม้เท้าเฒ่าอาลี แก้ปวดเมื่อย แก้เกาต์, เพชรสังฆาตแคปซูล แก้ริดสีดวงทวารดีมาก, ยาบำรุงไตแคปซูล ไม่ใช่รักษาไต, ยาลดเบาหวานแคปซูล มีส่วนผสมสมุนไพรกว่า 5 อย่าง และอื่นๆ โทร.0–2275–2692 ครับ.,นายเกษตร
|
ตำรา ยาแผนไทยระบุว่า รากและเปลือกของรากต้น ฝ้ายแดง นำไปตากแห้งบดเป็นผงชงกับน้ำร้อนดื่มเป็นยาช่วยขับปัสสาวะ บีบมดลูกขับน้ำคาวปลาในสตรีดีมาก ใบสดแก่หรืออ่อนตำละเอียดผสมตำรับยาเช่นยาเขียว กินเป็นยาแก้ไข้
|
ข่าว,ทั่วไทย
|
เกษตรกรบนแผ่นกระดาษ,นายเกษตร,ฝ้ายแดง,สรรพคุณฝ้ายแดง,สมุนไพร,เกษตร
|
https://www.thairath.co.th/news/local/1058504
|
เบี้ยเลี้ยงหาย
|
ตำรวจ สภ.บัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา เขียนมาขอความช่วยเหลือเรื่องการจ่ายเงินเบี้ยเลี้ยงของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ในสังกัดตำรวจภูธรนครราชสีมา,บอกว่า ทุกเดือนทาง บก.ภ.จ.นครราชสีมา มีคำสั่งขอกำลังสนับสนุนภารกิจถวายความปลอดภัยที่ตำหนักทิพย์พิมาน อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา,สับเปลี่ยนหมุนเวียนครั้งละ 3-4 โรงพัก แต่ละครั้งจะต้องเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ 4 วัน,รวมเดินทางไป–กลับ,ทุกๆครั้งที่มีคำสั่งให้ไปทำงาน จะมีการเบิกจ่ายเบี้ยเลี้ยง เป็นเงินค่าเดินทาง 240 บาทต่อวัน,ค่าเช่าที่พัก 300 บาทต่อวัน ซึ่งจะต้องเบิกจ่ายล่วงหน้ากันไปตามระเบียบ,แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นในโรงพัก สภ.บัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา,ตำรวจที่ไปทำงานไม่เคยได้รับเงิน แม้แต่บาทเดียว,สอบถามเจ้าหน้าที่การเงินแล้ว ให้คำตอบว่า เงินส่วนนี้ กองบังคับการตำรวจภูธรนครราชสีมา จะโอนเข้าบัญชีหัวหน้าชุดที่จะนำกำลังทั้งหมดไปถวายความปลอดภัยในแต่ละครั้ง,จ่ายเงินมาเต็มจำนวน,แต่มีข้อแม้ว่า เมื่อเบิกแล้วจะต้องนำเงินจำนวนดังกล่าวไปให้เจ้าหน้าที่การเงิน จะนำเงินส่วนนี้โอนไปให้ ภ.จ.นครราชสีมา,แยกเป็น 75 เปอร์เซ็นต์ เพื่อจ่ายเป็นค่าน้ำและอาหาร,ส่วนที่เหลือ 25 เปอร์เซ็นต์ จะมีนายตำรวจรับเอาเงินส่วนนี้ไปทั้งหมด,ทำให้เงินเบี้ยเลี้ยง ไม่เคยตกถึงมือตำรวจที่ต้องไปทำงาน,ตำรวจที่เดือดร้อนบอกว่า นายบางคนอาจมองว่า เบี้ยเลี้ยงที่ได้มาเป็นเงินที่น้อยนิด ไม่มีค่าอะไร,แต่เป็นเงินที่พึงได้ ตำรวจสงสัยว่า ทำไม นายตำรวจ มีสิทธิ์อะไรเอาเงินส่วนนี้ไปใช้คนเดียว,ไม่ทราบว่า โรงพักอื่นใน บก.ภ.จ.นครราชสีมา จะเป็นเหมือนกันหรือไม่,ขอให้ช่วยเป็นสื่อกลางสอบถามผู้บังคับบัญชา ที่มีส่วนเกี่ยวข้องการเบิกจ่ายเบี้ยเลี้ยง,ตำรวจชั้นผู้น้อย สภ.บัวใหญ่ เดือดร้อน.,เพลิงพยัคฆ์,[email protected]
|
มีปัญหาเป็นเรื่องความเดือดร้อนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่อยู่ในหน่วยงานในสังกัดกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา
| null |
เลขที่ 1 วิภาวดีฯ,เพลิงพยัคฆ์,สภ.บัวใหญ่,ตำรวจ,เงินเบี้ยเลี้ยง,ข่าวทั่วไป
|
https://www.thairath.co.th/news/local/northeast/1065352
|
สลด สาวน้อยโดนหนุ่มใหญ่วางยา มีเซ็กซ์วิตถาร จน หยุดหายใจ ก่อนสิ้นชีพ
|
เศร้า สาวน้อยรัสเซีย ถูกหนุ่มใหญ่วางยา มีเซ็กซ์วิตถาร BDSM SEX จนหยุดหายใจ วงจรปิดมัด ขณะหนุ่มรายนี้อุ้มร่างหมดสติสาวเคราะห์ร้ายออกจากอพาร์ตเมนต์,เมื่อ 28 ส.ค.61 เว็บไซต์มิร์เรอร์ รายงานและเผยแพร่คลิปนาทีสุดสะเทือนใจ บันทึกภาพเหตุการณ์ขณะนายวลาดิสลาฟ คันชิน ชายรัสเซียวัย 43 ปี อุ้มร่างหมดสติของสาวน้อยวัย 14 ปี ชื่อมาเรีย คาลูจีนา ออกมาจากอพาร์ตเมนต์ของเขา ในกรุงมอสโก ก่อนจะพบว่าเด็กสาวมาเรียได้เสียชีวิต ในสภาพนอนไร้ลมหายใจอยู่บนพื้นบริเวณทางเข้าประตู,แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจรัสเซียเชื่อว่า มาเรีย เสียชีวิตจากการถูกวางยา และคาดว่าเธอได้รับยาเสพติดอย่างหนัก ก่อนจะถูกนายคันชินมีเพศสัมพันธ์อย่างวิตถาร ที่เรียกว่า BDSM SEX ขณะที่แหล่งข่าวยังเผยว่า มาเรียได้หยุดหายใจหลังมีเพศสัมพันธ์ BDSM SEX,อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ไม่แน่ชัดว่าเหยื่อสาวเคราะห์ร้ายเสียชีวิตไปแล้วหรือไม่ ขณะถูกนายคันชินอุ้มออกมาจากอพาร์ตเมนต์ และมีภาพปรากฏในกล้องวงจรปิด ขณะเดียวกัน จากการตรวจสภาพร่างกายของสาวน้อยมาเรีย ไม่พบว่าเธอถูกกระทำทารุณหรือรุนแรงจากการมีเพศสัมพันธ์จนทำให้เสียชีวิต ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้พบยาเสพติด มีสาร clopheline ซึ่งจะออกฤทธิ์ร้ายแรงถ้าผสมลงในแอลกอฮอล์ จากการตรวจค้นนายคันชิน.
|
เศร้า สาวน้อยรัสเซีย ถูกหนุ่มใหญ่วางยา มีเซ็กซ์วิตถาร BDSM SEX จนหยุดหายใจ ขณะวงจรปิดมัด ขณะหนุ่มรายนี้อุ้มร่างหมดสติออกจากอพาร์ตเมนต์
|
ข่าว,ต่างประเทศ
|
BDSM SEX,วางยา,มีเซ็กซ์วิตถาร,รัสเซีย,สาวน้อยวัย 14 ดับ
|
https://www.thairath.co.th/news/foreign/1363942
|
นร.ขี่ จยย.ซ้อน 3 เสียหลักพุ่งชนท้ายรถบรรทุกเสาปูน ดับคาที่
|
นักเรียนชั้น ม.1 ม.2 ขับขี่รถจักรยานยนต์ จะตามเพื่อนไปไหว้ศาลหลักเมือง เสียหลักชนท้ายรถบรรทุกเสาปูนที่จอดข้างทาง ทั้งรถทั้งคนกระเด็นเข้าไปอยู่ใต้ท้องรถเสียชีวิตคาที่ทั้ง 3 คน เพื่อนๆ ญาติพี่น้องร้องไห้ระงม,เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 23 มกราคม พ.ต.ต.ณัฐวุฒิ สิงพา พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองกำแพงเพชร รับแจ้งว่ามีรถชนที่ถนนสายบ้านหนองกอง-นาบ่อคำ หมู่ 10 ต.นาบ่อคำ อ.เมือง จ.กำแพงเพชร ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบรถบรรทุก 6 ล้อ ทะเบียน 70-1793 ตาก บรรทุกเสาปูนจอดอยู่ข้างทาง ใต้เสาปูนที่ยื่นออกมาจากท้ายรถกว่า 3 เมตรพบศพนอนเรียงราย 3 ศพ,ทราบชื่อต่อมาว่า น.ส.นิลาวรรณ ใจรัมย์ อายุ 15 ปี ชาวบ้าน หมู่ 10 ด.ช.ธนากร เหง้าโอสา อายุ 14 ปี ชาวบ้านหมู่ 4 และ ด.ญ.รุจิรา พันธ์โสรี อายุ 14 ปี ชาวบ้าน หมู่ 10 ทั้ง 3 คนอยู่ ต.นาบ่อคำ เป็นนักเรียนของโรงเรียนนาบ่อคำวิทยา ระดับชั้น ม.1 และ ม.2 สภาพศพแต่ละคนใบหน้ามีบาดแผลฉกรรจ์ บางคนคอหัก โดยทั้ง 3 คนมีบาดแผลที่ศีรษะและตามลำตัว ใต้ท้องรถยังพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีน้ำเงิน ทะเบียน ขคจ 901 กำแพงเพชรพังยับเยิน 1 คัน,โดยที่เกิดเหตุมีญาติๆ และเพื่อนของนักเรียนที่เสียชีวิตยืนร้องไห้ด้วยความเสียใจ จำนวนมาก จากการสอบถาม ด.ญ.เอ (นามสมมติ) เพื่อนนักเรียนร่วมชั้นของผู้ตาย เปิดเผยว่า วันนี้โรงเรียนหยุดจึงนัดกันจะไปไหว้เจ้าพ่อหลักเมืองที่ตัวเมืองกำแพงเพชร โดยมากันทั้งหมด 19 คนขับขี่รถจักรยานยนต์กันมาแต่พวกตน 16 คนล่วงหน้าไปก่อน คันที่พวกผู้ตายตามมามี ด.ช.ธนากร เป็นคนขับ น.ส.นิลาวรรณ นั่งมาด้านหน้า และ ด.ญ.รุจิรา นั่งซ้อนท้ายมา พร้อมกับโทรศัพท์สอบถามว่าไปถึงไหน ตนตอบว่าใกล้ถึงตัวเมืองแล้วจากนั้นก็วางสายไป มาทราบข่าวก็มีเพื่อนๆ โทรไปบอกว่าทั้ง 3 ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตแล้วจึงพากันกลับมาดู,ด้าน นายสมโภช รุ่งศรี อายุ 33 ปี ชาวบ้าน ต.ไม้งาม อ.เมือง จ.ตาก คนขับรถบรรทุกเสาปูน เปิดเผยว่า ตนบรรทุกเสามาจาก จ.ตาก จะมาส่งในหมู่บ้านจึงได้จอดข้างทางหน้าร้านขายก๋วยเตี๋ยวแวะกินข้าว ขณะที่กำลังนั่งกินข้าวก็ได้ยินเสียงดังโครม เมื่อหันไปดูก็พบว่ามีรถจักรยานยนต์เสียบเข้าไปอยู่ใต้เสาปูนแล้ว เช่นเดียวกับชาวบ้านในละแวกนั้นก็บอกว่า ตอนที่ชนไม่มีใครเห็นเพราะเร็วมาก หลังจากชนแล้วจึงพากันออกมาดูและแจ้งตำรวจให้มาตรวจสอบ,ทางตำรวจคาดว่าผู้ตายทั้ง 3 คนคงขับรถเร็วมาก เพื่อจะตามเพื่อนไปให้ทัน แต่รถเสียหลักพุ่งเข้าชนแท่งเสาปูนที่ยื่นออกมาก่อน เนื่องจากที่ปลายเสาปูนมีรอยเลือดติดอยู่ จากนั้นทั้งรถทั้งคนกระเด็นเข้าไปใต้ท้องรถจนเสียชีวิตคาที่ หลังดูที่เกิดเหตุแล้วได้ให้หน่วยกู้ภัยข่าวภาพกำแพงเพชร นำศพส่งโรงพยาบาลกำแพงเพชรให้แพทย์ชันสูตรพลิกศพอีกครั้ง ก่อนมอบศพให้ญาติๆ นำกลับไปบำเพ็ญกุศล ส่วนนายสมโภช คนขับรถบรรทุกเสาปูนได้นำตัวไปสอบสวน.
|
นักเรียนชั้น ม.1 ม.2 ขับขี่รถจักรยานยนต์ จะตามเพื่อนไปไหว้ศาลหลักเมือง เสียหลักชนท้ายรถบรรทุกเสาปูนที่จอดข้างทาง ทั้งรถทั้งคนกระเด็นเข้าไปอยู่ใต้ท้องรถเสียชีวิตคาที่ทั้ง 3 คน เพื่อนๆ ญาติพี่น้องโศกเศร้าเสียใจ
| null |
นร.ขับรถชนรถบรรทุก,จยย.ชนรถบรรทุก,รถบรรทุกเสาปูน,ณัฐวุฒิ สิงพา,กำแพงเพชร,สมโภช รุ่งศรี,ต.นาบ่อคำ,ข่าว,ข่าวทั่วไทย,ไทยรัฐออนไลน์
|
https://www.thairath.co.th/content/567072
|
เกษตรพันธสัญญา: บ่วงบาศผูกขาดปากท้อง และหนทางหลุดพ้น
|
ปัจจุบันอาหารที่เราบริโภคกันอยู่มักผ่านกระบวนการผลิตเชิงอุตสาหกรรมที่ ใช้วิธีการเชื่อมโยงผลผลิตจากไร่นาและคอกฟาร์ม มาสู่โต๊ะอาหารของเราผ่านระบบเกษตรพันธสัญญาซึ่งครอบคลุมวัตถุดิบและอาหาร ปรุงสุกหลากหลายชนิด จนอาจกล่าวได้ว่าระบบเกษตรพันธสัญญาเป็นระบบที่ควบคุมปากท้องของเราแทบจะ ทั้งหมดทั้งสิ้นแล้ว เว้นก็แต่เพียงเกษตรกรที่สามารถผลิตอาหารได้เอง หรือผู้บริโภคที่สามารถซื้อหาอาหารได้จากตลาดการเกษตรท้องถิ่นเท่านั้นที่ ปากท้องยังมิได้ตกอยู่ภายใต้อำนาจของบรรษัทซึ่งควบคุมระบบนี้หากจะวิเคราะห์ระบบเกษตรพันธสัญญาว่าสามารถผูกขาดปากท้องของผู้บริโภค อย่างกว้างขวางและลึกซึ้งได้อย่างไรจำเป็นต้องเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของฝ่าย ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทั้ง 4 ฝ่าย ได้แก่ ผู้บริโภค บรรษัท รัฐ และเกษตรกร โดยกระบวนการของเกษตรพันธสัญญาได้ผลิตอาหารมาป้อนผู้บริโภคซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยที่ผู้บริโภคแทบไม่รู้ตัวว่ากำลังตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของบรรษัทจนไม่อาจ ปลดแอกตนเองและมีทางเลือกอื่นเพื่อเสริมความมั่นคงด้านอาหารทั้งในแง่ราคา และคุณภาพอาหารกระบวนการของระบบนี้ประกอบไปด้วย 12 ขั้นตอน คือ 1.การกำหนดเป้าหมาย 2.ต้นทุนและเงื่อนไขทางเศรษฐกิจที่มี 3.ข้อมูลข่าวสารประกอบการตัดสินใจ 4.การสร้างระบบความสัมพันธ์ 5.อำนาจต่อรองระหว่างฝ่ายต่างๆ 6.ระบบวิธีการผลิตอาหาร 7.การจัดการทรัพยากรในกระบวนการผลิต 8.ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นระหว่างผลิต 9.การกำหนดมาตรฐานและราคาอาหาร 10.การกระจายสินค้า 11.การแลกเปลี่ยน 12.การสร้างภาพลักษณ์ โดยกระบวนการนี้จะหมุนเวียนเป็นวงจรที่เริ่มต้นและดำเนินไปจนจบวงจรแล้วเกิด ขึ้นซ้ำๆ ซากๆ จนผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหลายชาชินไปกับการผูกขาดครอบงำของระบบณ จุดเริ่มต้นของเรื่อง ผู้บริโภคล้วนต้องการอาหารที่มีคุณภาพและมีราคาถูก บรรษัทมีเป้าหมายอยู่ที่การแสวงหากำไรเข้าตัวให้มากที่สุด โดยที่รัฐก็ต้องการจัดเก็บภาษีจากบรรษัทและอยากให้เกิดผลผลิตจำนวนมาก เพื่อนำไปเป็นผลงานในฐานะผู้มีหน้าที่ส่งเสริมการประกอบการโดยมีการอุปถัมภ์ ค้ำชูกันทั้งในระดับนักการเมืองและข้าราชการประจำ ส่วนเกษตรกรก็กำลังแสวงหาวิธีการพาตัวเองออกจากความยากจนที่ต้องเผชิญอยู่ในปัจจุบัน ผู้บริโภคส่วนใหญ่ไม่สามารถผลิตอาหารได้เองเพราะจะเสียโอกาสในการทำงานที่ ได้ผลตอบแทนดีกว่า และไม่มีที่ดิน ไร่นา บรรษัทเล็งเห็นว่าหากจะสร้างผลกำไรให้ได้มากที่สุดจะต้องมีการผูกขาดความ สามารถในการผลิตมาอยู่ที่ตัวเอง จึงได้พยายามอย่างมากในการครอบครองปัจจัยการผลิตทางการเกษตรไม่ว่าจะเป็น พันธุกรรมพืชและสัตว์ ในรูปตัวอ่อนสัตว์และเมล็ดพันธุ์พืช หรือแม้กระทั่งการถือครองที่ดิน โดยที่ภาครัฐก็มิได้มีการสงวนอนุรักษ์ปัจจัยการผลิตเหล่านั้นให้เกษตรกร และเกษตรกรเองก็อยู่ในภาวะยากจน มีหนี้สิน ไม่มีปัจจัยการผลิตเป็นของตัวเอง ทั้งที่ดิน พันธุ์พืชและสัตว์ ปุ๋ย ยา ฯลฯ หากเกษตรกรต้องการจะผลิตก็ต้องเข้ามาหาทุนที่ถือครองปัจจัยการผลิตเหล่านี้ไม่น่าแปลกใจที่ผู้บริโภคทั้งหมดจะไม่มีองค์ความรู้เกี่ยวกับอาหารที่ตัว เองกินว่ามีการเดินทางมาถึงปากได้อย่างไร เช่นเดียวกับเกษตรกรที่มีเหตุผลในการตัดสินใจเลือกเข้าสู่ระบบเกษตรพันธ สัญญา ก็เพราะปริมาณข้อมูลสนับสนุนด้านดีของเกษตรพันธสัญญาที่บรรษัทโหมประชา สัมพันธ์ และจัดจ้างให้มีการทำวิจัยสนับสนุนอย่างมากมายมหาศาล และรัฐเองก็มีเจ้าหน้าที่ซึ่งอยู่ภายใต้การครอบงำด้วยข้อมูลเหล่านั้น หรือบางกรณีรัฐเองก็เข้ามาส่งเสริมให้เกษตรกรเข้าสู่ระบบพันธสัญญา โดยที่เกษตรกรมีข้อมูลเท่าทันสถานการณ์น้อยมากเนื่องจากในสื่อต่างๆ รวมถึงข้อมูลจากรัฐ มีแต่ด้านดีไม่มีด้านลบเป็นเรื่องน่าเศร้าที่ผู้บริโภคมิเคยล่วงรู้ว่าอาหารที่กินเป็นหยาด เหงื่อ และคราบน้ำตาของใครบ้าง เนื่องจากเกษตรกรเมื่อเข้ามาอยู่ในระบบแล้วก็จะเหลือตัวเองคนเดียวที่ผูกพัน อยู่กับบรรษัท ด้วยผลจากลักษณะของสัญญาออกที่แบบโดยบรรษัท และมีเงื่อนไขกีดกันมิให้เกษตรรวมกลุ่มกันเข้าทำสัญญากับบรรษัท เพื่อให้อำนาจในการต่อรองของเกษตรกรน้อยลง ไม่แข็งข้อ และรัฐก็มิได้เข้ามามีบทบาทเสริมอำนาจต่อรองให้เกษตรกร หรือแก้ไขข้อสัญญา หรือการกระทำที่ไม่เป็นธรรมให้กับเกษตรกรจะด้วยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ผู้บริโภคก็ได้กลายมาเป็นผู้สนับสนุนหลักในการผลิตที่ขูดรีดต่อเกษตรกร ด้วยเหตุที่การผลิตของเกษตรพันธสัญญาอยู่ในรูปแบบเกษตรเชิงเดี่ยวที่ต้อง พยายามผลิตเพียงอย่างเดียวให้ได้ปริมาณมากที่สุด เพื่อให้ได้เงินมากที่สุดพอที่จะมาหักหนี้แล้วเหลือกำไรบ้าง โดยบรรษัทเป็นผู้กำหนดปริมาณ รูปแบบ และมาตรฐานการผลิต ซึ่งภาระในการทำตามมาตรฐานตกอยู่กับเกษตรกร ไม่ว่าจะเป็นการสร้างโรงเรือน เล้า กระชัง การใส่ยา ใส่ปุ๋ย การให้อาหาร ฯลฯ โดยมาตรฐานทั้งหลายไม่ได้มีการตรวจสอบควบคุมโดยรัฐว่าเป็นการสร้างภาระให้ เกษตรกรมากเกินไปหรือไม่ กลับกันมีหลายกรณีที่รัฐกลายเป็นส่วนหนึ่งในการบีบบังคับเกษตรกรให้ทำตามที่ บรรษัทกำหนดทั้งที่มาตรฐานบางอย่างไม่จำเป็น เช่น การปรับโรงเรือน การให้ยา อาหาร ที่มากเกิน แต่เป็นผลดีกับบรรษัทเพราะบรรษัทเป็นผู้ขายของให้กระแสตื่นตัวเรื่องสิ่งแวดล้อมได้กระตุ้นให้เราอุดหนุนสินค้าที่เป็นมิตร ต่อสิ่งแวดล้อม แต่การบริโภคอาหารจากระบบนี้ เป็นการทำเกษตรกรรมเชิงเดี่ยวที่สร้างผลกระทบรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อมและฐาน ทรัพยากรเนื่องจากเกิดมลพิษและทำให้ความอุดมสมบูรณ์เสื่อมโทรมลงอย่างรวด เร็ว ในหลายกรณีพบว่ากลุ่มทุนอยู่เบื้องหลังการสนับสนุนให้เกษตรกรรุกเข้าไปทำ เกษตรพันธสัญญาในพื้นที่สงวน หรือทรัพยากรสาธารณะ เช่น การรุกเขาปลูกข้าวโพดและอ้อย การยึดลำน้ำเพื่อเลี้ยงปลาในกระชัง การสร้างมลภาวะจากโรงเรือนเลี้ยงหมูหรือไก่ ทั้งนี้จะเห็นว่ารัฐจะดำเนินการแข็งขันกับกรณีคนชายขอบที่ผลิตเพื่อยังชีพ แต่กับกรณีการผลิตในเชิงพาณิชย์เหล่านี้รัฐกลับทำเหมือนเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ปล่อยให้มีการทำลายสิ่งแวดล้อมโดยไม่ลงโทษหรือปรับผู้ก่อมลพิษ เพื่อให้มีการปรับการผลิตให้อยู่บนหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืนหาก เกิดความเสียหาย ขาดทุน เป็นเรื่องที่เกษตรกรรับไป บรรษัทไม่ร่วมแบกรับด้วย เมื่อเกิดปัญหาเช่น น้ำท่วม พืชเน่า สัตว์ตาย กลายเป็นรัฐต้องยื่นมือเข้ามาช่วย หรือประกันราคาความเสี่ยงทั้งหลาย ข้ออ้างที่ว่าระบบเกษตรพันธสัญญาได้ดึงบรรษัทเข้ามาร่วมแบกรับความเสี่ยงจึง ไม่จริง ทั้งนี้เกษตรกรและผู้บริโภคก็ยังต้องอยู่กับความเสี่ยงและร่วมกันแบกรับภาระ แทนบรรษัทต่อไปสิ่งที่น่าวิตกของผู้บริโภคในปัจจุบัน คือ ไม่รู้ต้นทุนและคุณภาพของอาหารเลย เนื่องจากตั้งแต่ต้นทางจนปลายทางของอาหารนั้น บรรษัทมีอำนาจในการบังคับซื้อขายใน ราคา และ มาตรฐาน ที่บรรษัทตั้งเอาไว้เนื่องจากมีช่องทางตลาด และผูกขาดอำนาจ ความรู้ ในมาตรฐานเชิงเทคนิคเอาไว้กับตัวเอง และบางกรณีหน่วยงานรัฐเองก็ไม่ชี้แจงข้อมูลความรู้เชิงเทคนิคให้เกษตรกรทราบ ทำให้ถูกกดราคาผลผลิตอย่างไม่เป็นธรรม เช่น อัตราเนื้อแดงในหมู อัตราความปนเปื้อนในข้าวโพด หรือค่าความหวานในน้ำตาลอ้อย ฯลฯ หลายครั้งเกษตรกรรมอินทรีย์ของเกษตรกรรายย่อยก็ถูกขัดขวางด้วยกลไกมาตรฐาน ที่ฉ้อฉลอย่างไรก็ดี มีผู้บริโภคจำนวนมากที่มีข้อมูลมากพอที่จะเลือกทางอื่นให้กับปากท้องตน แต่กลับไม่มีทางเลือกอื่นในการซื้ออาหาร ด้วยเหตุที่เมื่อการผลิตสำเร็จเป็น พืช หรือสัตว์ ที่พร้อมจะขาย บรรษัทก็มีอำนาจในการบังคับซื้อและห้ามเกษตรกรขายให้แก่ผู้อื่น หรือเอาออกไปขายเอง หากเกษตรกรฝ่าฝืนจะมีการหยิบเอาข้อสัญญามาบีบบังคับฟ้องร้อง ทำให้ทางเลือกในด้านการตลาดของเกษตรน้อยมาก ต้องตกอยู่ในการบังคับของบรรษัท เช่น จะมาจับสัตว์เมื่อไหร่ (จับช้าเกษตรกรก็จะขาดทุนไปเรื่อยเพราะต้องให้อาหารแต่สัตว์หรือพืชไม่โต ขึ้น) หากสินค้าล้นตลาดบรรษัทก็ไม่มารับซื้อ ให้เกษตรกรไปดิ้นรนหาตลาดเอาเอง ทำให้เกษตรกรต้องยอมขายขาดทุนเพื่อไม่ให้เจ๊งมากไปกว่านี้ โดยรัฐมองอยู่ห่างๆ แต่ไม่เข้ามาช่วยเหลือแต่อย่างใดความรุนแรงที่ผู้บริโภคทั้งหลายต้องจำนนอยู่กับระบบเกษตรพันธสัญญา ก็คือ การซื้ออาหารแพง แต่มีคุณภาพต่ำ เนื่องจากในท้ายที่สุด เกษตรกรจำต้องขายผลผลิตให้บรรษัทและยอมรับค่าตอบแทนที่ไม่เพียงพอต่อการใช้ หนี้ หรือบางกรณีก็ได้น้อยมาก จนมาคิดเป็นวันแล้วน้อยกว่าค่าจ้างขั้นต่ำอยู่มากมาย ผลประโยชน์เหล่านั้นกลายเป็นผลกำไรสะสมของบรรษัทและผู้ถือหุ้นทั้งหลาย โดยที่รัฐก็ยินดีที่บริษัทมีผลกำไรเพราะจะได้เก็บภาษีมาเป็นงบประมาณประจำปี เพื่อนำไปทำนโยบายประชานิยมเพื่อเรียกคะแนนเสียงเข้าพรรคต่อไป ทำให้เกษตรกรตกอยู่ในวงเวียนแห่งหนี้สินซ้ำซากจำเจไม่มีทางออก เนื่องจากเกษตรกรขายอาหารโดยตรงให้กับผู้บริโภคไม่ได้ เพราะติดสัญญาผูกมัดกับบรรษัทซึ่งเป็นเจ้าหนี้ความโหดร้ายที่สุดของบรรษัท ก็คือ การสร้างความชอบธรรมให้กับระบบเกษตรพันธสัญญามาครอบงำความคิดจิตใจของผู้ บริโภค เกษตรกร และรัฐ อย่างอยู่หมัด ก็ด้วยกลยุทธทางการตลาดที่เน้นการทุ่มงบประมาณโฆษณาประชาสัมพันธ์สร้าง ภาพลักษณ์ ที่ดีให้กับ สินค้า ยี่ห้อ และองค์กรตน ทำให้เกษตรกรต้องตกเป็นจำเลยสังคมเมื่อราคาอาหารแพง และรัฐก็ไม่กล้าเข้าไปดำเนินการกับบรรษัทเพราะติดภาพของการเข้าไปรบกวนการทำ ธุรกิจของบรรษัท ส่วนผู้บริโภคจำนวนมากก็กลับรู้สึกผูกพัน คุ้นเคย เมื่อได้ซื้อสินค้าและใช้บริการทั้งหลายจากบรรษัท จนมิได้ตระหนักรู้ถึงการผูกขาดที่ตนเผชิญอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันจากผลการศึกษาดังกล่าวจะเห็นว่า ผู้บริโภคและเกษตรกรต้องแบกรับ ความเสี่ยง อยู่ฝ่ายเดียว และบรรษัทยังได้ ขูดรีด ผลประโยชน์ไป ด้วยการอาศัยระบบความสัมพันธ์ที่อยู่บนพื้นฐานของความ ไม่เป็นธรรม เนื่องด้วยบรรษัทอยู่ในสถานะเหนือกว่าทั้ง ภาพลักษณ์ ทุน ความรู้ และความสัมพันธ์ที่มีร่วมกับรัฐ ทำให้ผู้บริโภคและเกษตรกรไม่สามารถต่อรองได้ เนื่องจากอยู่ในภาวะโดดเดี่ยว และรัฐก็มิได้เข้ามาแทรกแซงเพื่อสร้างความเป็นธรรมใดๆ ทั้งสิ้นหากจะทำให้ผู้บริโภคและเกษตรกรหลุดพ้นจากบ่วงบาศดังกล่าวจำเป็นต้องมีการ ปรับทิศทางการพัฒนาระบบเกษตรกรรมเสียใหม่ โดยมีเป้าหมายอยู่ที่การทำให้ ผู้บริโภคกับเกษตรกรพึ่งพากันเองได้ ขั้นแรกจะต้องมีการประกันการเข้าถึงปัจจัยการผลิตของเกษตรกรอย่างเพียงพอต่อ การผลิตเพื่อยังชีพและผลิตเพื่อขาย สร้างสมดุลของข้อมูลประกอบการตัดสินใจให้ผู้บริโภคและเกษตรกรรู้ทัน สถานการณ์และรู้ทางเลือกต่างๆ ในการผลิตและบริโภคสร้างการรวมกลุ่มของผู้บริโภคและเกษตรกรเพื่อนำไปสู่การต่อรองกับบรรษัท หรืออาจจะเรียกร้องกดดันให้รัฐเข้ามาแทรกแซงวงจรผูกขาด เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในระบบความสัมพันธ์ ทำให้ผู้บริโภคสามารถอุดหนุนสินค้าของเกษตรกรที่มาจากทางเลือกในการ เกษตรกรรมอย่างหลากหลาย อันจะเป็นผลดีต่อการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืนนอกจากนี้กระบวนการผลิตที่มีความเสี่ยงนั้นจะต้องดึงบรรษัทเข้ามาแบกรับ ความเสี่ยงร่วมกับผู้บริโภคและเกษตรกรในทุกขั้นตอน หรืออาจเปลี่ยนมาใช้รูปแบบสัญญาหุ้นส่วนภายใต้สหกรณ์การผลิตและการบริโภค โดยรัฐจะต้องใช้อำนาจตามกฎหมายเข้ามาควบคุมเรื่องกระบวนการผลิต มาตรฐานของอาหาร และราคาสินค้า ให้เกิดความเป็นธรรมทั้งต่อตัวเกษตรกรและคุ้มครองผู้บริโภคไปด้วยเมื่อถึงปลายฤดูกาลผลิตจะต้องมีการสร้างตลาดทางเลือก เช่น ตลาดเกษตรอินทรีย์ ตลาดอาหารปลอดภัย ที่เกษตรกรและผู้บริโภคมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทาง สิ่งสำคัญอีกประการคือรัฐต้องพัฒนาระบบโลจิสติกส์เพื่อเพิ่มช่องทางการขนส่ง การคงคลัง และการขายสินค้าให้เกษตรกรและผู้บริโภคสามารถเชื่อมโยงเข้าหากันได้ง่ายขึ้นทั้งนี้การควบคุมตรวจสอบการโฆษณาประชาสัมพันธ์ทั้งหลายของบรรษัทมิให้มี การบิดเบือนข้อมูลการกดขี่ขูดรีดเกษตรกร และหลอกลวงผู้บริโภค ก็เป็นสิ่งที่รัฐต้องดำเนินการอย่างเข้มแข็งแนวทางการแก้ไขปัญหาทั้ง 12 ประเด็น ด้วยมาตรการทางกฎหมายสามารถทำได้ดังต่อไปนี้ การคุ้มครองสิทธิเกษตรกรและสิทธิผู้บริโภคไว้ในกฎหมายอย่างชัดเจน (บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ หรือ ร่าง พ.ร.บ.เกษตรกรรมยั่งยืน ที่กำลังยกร่างตามมติคณะรัฐมนตรี) ส่งเสริมการเข้าถึงปัจจัยการผลิตเพียงพอ การคุ้มครองสิทธิในการเข้าถึงปัจจัยการผลิต (เช่น ข้อบัญญัติท้องถิ่น พ.ร.บ.ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ พ.ร.บ.การเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ร.บ.การจัดรูปที่ดินเพื่อการเกษตร พ.ร.บ.ปุ๋ย พ.ร.บ.กักพืช พ.ร.บ.พันธุ์พืช พ.ร.บ.อาหารสัตว์) เปิดช่องทางให้เกษตรกรทันสถานการณ์ การควบคุมมิให้บริษัทให้ข้อมูลเท็จ และให้รัฐรับผิดชอบหากสนับสนุน (พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร พ.ร.บ.เศรษฐกิจการเกษตร พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค) สร้างกลไกถ่วงดุลและแทรกแซงการทำสัญญาต่างๆ ให้เกษตรกรได้รับความเป็นธรรม เพื่อการสร้างระบบความสัมพันธ์ที่มีอำนาจเสมอภาคกันมากขึ้น ให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมายในการฟ้องเพิกถอนข้อสัญญาสำเร็จรูป และสัญญาบังคับเซ็น (ประมวลแพ่งฯ พ.ร.บ.ข้อสัญญาไม่เป็นธรรม) สร้างเสริมเกษตรกรให้เข้มแข็ง เป็นอิสระ มีอำนาจต่อรอง โดยการส่งเสริมให้เกษตรกรรวมกลุ่มและต่อรองได้ผ่านกลไกทั้งในระดับชุมชน ระดับกลุ่มผลผลิต และนโยบายรัฐ ผ่านกลไกต่อรองทุกรูปแบบ เช่น สหกรณ์ สภาเกษตรกร หรือคณะอนุกรรมการพิเศษ (พ.ร.บ.สหกรณ์ฯ พ.ร.บ.สภาเกษตรกร) สร้างทางเลือกเกษตรกรสามารถทำการผลิตให้มีความปลอดภัย สอดคล้องกับสภาวะแวดล้อมต่างๆ มีความสะอาด โดยมีการควบคุมการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรให้เป็นไปตามกฎหมาย และไม่ปล่อยให้บรรษัทสร้างมาตรฐานพิเศษมาเพิ่มภาระให้เกษตรกรเกินจำเป็น (กฎหมายปศุสัตว์ กฎหมายเกี่ยวกับมาตรฐานการผลิตสินค้าเกษตรและอาหาร ข้อตกลงสุขอนามัยขององค์การการค้าโลก) ควบคุมและสนับสนุนให้เกิดการจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืน โดยการบังคับใช้กฎหมายสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มงวด และมีมาตรการทางเศรษฐศาสตร์สนับสนุนการผลิตที่ยั่งยืน (สิทธิชุมชนในการจัดการทรัพยากร พ.ร.บ.คันและคูน้ำ พ.ร.บ.ชลประทานราษฎร์ พ.ร.บ.ชลประทานหลวง) สร้างระบบหุ้นส่วนในการแบ่งปันภาระความเสี่ยงร่วมอย่างเท่าเทียมกัน โดยการปรับปรุงระบบสัญญาและมีกลไกควบคุมตรวจตราให้บรรษัทร่วมแบกรับภาระความ เสี่ยงกับเกษตรกร และไม่ผลักภาระต้นทุนไปให้ผู้บริโภคแบกรับ หรืออาจสร้างระบบประกันความเสี่ยงร่วมที่บรรษัทต้องเข้าร่วมจ่ายเงินสมทบ เข้ากองทุนประกันความเสี่ยง (พ.ร.บ.ข้อสัญญาไม่เป็นธรรม พ.ร.บ.ซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า)รัฐเข้ามาทำหน้าที่ตามกฎหมาย เพื่อให้ความเชื่อมั่นแก่เกษตรกรว่าจะคงมาตรฐานในการตรวจสอบคุณภาพอย่างเป็น ธรรม ไม่กลั่นแกล้งเกษตรกรรายย่อย เพื่อควบคุมให้อาหารมีคุณภาพ รัฐอาจขอดูต้นทุนจากบรรษัทเพื่อป้องกันการกด/ขึ้นราคาสินค้าตามอำเภอใจ และอาจมีมาตรการการส่งเสริมศักยภาพของเกษตรกร/ผู้ประกอบการรายย่อยให้แข่ง ขันได้ (พ.ร.บ.อาหารฯ พ.ร.บ.มาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ร.บ.ปศุสัตว์ ข้อตกลงสุขอนามัย WTO พ.ร.บ.ควบคุมราคาสินค้าฯ) รัฐเข้าควบคุมป้องกันการมีอำนาจเหนือระบบการขนส่ง คงคลัง และกระจายสินค้า ด้วยการลดการผูกขาดช่องทางโลจิสติกส์ของบรรษัท เพื่อสร้างความมั่นคงด้านอาหาร การสร้างหลักประกันว่าประชาชนจะสามารถเข้าถึงด้านอาหารได้แม้ในยามวิกฤต (ร่างพ.ร.บ.ความมั่นคงด้านอาหาร) รัฐต้องป้องกันการผูกขาดและมีอำนาจเหนือตลาดของบรรษัท เพื่อประกันเสรีภาพในการแลกเปลี่ยนและแข่งขันอย่างเป็นธรรม โดยการบังคับใช้กฎหมายการแข่งขันที่เป็นธรรมอย่างจริงจัง และมีมาตรการสนับสนุนผู้ประกอบการ กลุ่มสหกรณ์เกษตร และเกษตรกรรายย่อย รวมถึงการจัดตั้งตลาดทางเลือก เช่น ตลาดนัดอินทรีย์ (พ.ร.บ.การแข่งขันเป็นธรรมฯ พ.ร.บ.อ้อยและน้ำตาล พ.ร.บ.การค้าข้าว) พยายามสร้างกระบวนการเปิดโปงข้อมูลข่าวสารที่บรรษัทปิดบัง บิดเบือนความจริง เพื่อให้เกษตรกรและผู้บริโภคทั้งหลายหลุดพ้นจากการครอบงำ โดยรัฐอาจใช้อำนาจในการบังคับเปิดเผยข้อมูลและพฤติกรรมบนพื้นฐานของธรรมาภิ บาล และอาจสนับสนุนสารคดีเปิดโปงความจริงที่ถูกอำพรางในรูปแบบสื่อต่างๆ (พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ร.บ.การโฆษณา เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น)เนื่องจากเกษตรกรรมเป็นรากฐานของความมั่นคงด้านอาหารที่เป็นหลักประกัน คุณภาพชีวิตของประชาชนทั้งประเทศ เพราะทุกคนก็ล้วนแล้วแต่เป็นผู้บริโภค ที่ต้องมีความสัมพันธ์กับระบบเกษตรกรรมอย่างหลีกเลี่ยงมิได้
|
ภาพประกอบจาก Dunechaser (CC BY-NC-SA 2.0) ปัจจุบันอาหารที่เราบริโภคกันอยู่มักผ่านกระบวนการผลิตเชิงอุตสาหกรรมที่ ใช้วิธีการเชื่อมโยงผลผลิตจากไร่นาและคอกฟาร์ม
|
คุณภาพชีวิต,เศรษฐกิจ
|
ทศพล ทรรศนกุลพันธ์,เกษตรพันธสัญญา
|
https://prachatai.com/journal/2012/03/39567
|
มารี เบิร์นเนอร์ เคลียร์หลังเจอข่าวมีปัญหา กัน นภัทร เพราะแม่ไม่ปลื้ม
|
หลังจากที่มีเพจออกมาชี้เป้า ว่าสาเหตุที่ทำให้คู่รัก กัน นภัทร และ มารี เบิร์นเนอร์ ต้องสะดุด นั้น เป็นเพราะมีเรื่องที่ว่าคุณแม่ของฝ่ายชายไม่ปลื้มฝ่ายหญิง และอยากให้คบหากับหญิงสาวอีกคนที่เล็งเอาไว้งานนี้เลยทำให้ชาวเน็ตเข้ามาคอมเมนต์แสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้กันอย่างมากมาย จนทำให้นางเอกสาว มารี เบิร์นเนอร์ ต้องออกมาโพสต์เพื่อยืนยันว่าเรื่องที่เพจดังกล่าวโพสต์นั้นไม่เป็นความจริง โดยสาวมารีโพสต์ข้อความนี้กลางดึกว่าไม่มีมือที่สาม ไม่มีผู้หญิงอีกคนค่ะ ทุกครั้งที่เจอคุณพ่อกับคุณแม่ของพี่กันก็รู้สึกอบอุ่นเสมอ เป็นครอบครัวที่น่ารัก ครอบครัวนี้มีแต่ความอบอุ่น พ่อแม่ทุกคนรักลูก ลูกทุกคนรักพ่อแม่ ไม่มีใครหวังร้ายต่อใครคำวิจารณ์แรงๆ ที่เกิดขึ้น มันไม่มีผลดีอะไรต่อใคร อยากให้กำลังใจใคร ให้ได้ค่ะ แต่การทำให้คนใดคน หนึ่งหมดกำลังใจไม่ได้ช่วยสร้างกำลังใจให้อีกคนค่ะ พร้อมแคปชั่นว่า ขอบคุณทุกคนที่เข้าใจนะคะ
|
มารี เบิร์นเนอร์ โพสต์เคลียร์ข่าวลือกลางดึก หลังเพจดังปล่อยข่าวรักมีปัญหาเพราะแม่ฝ่ายชายไม่ปลื้ม
|
บันเทิง,ข่าวบันเทิง
|
มารี เบิร์นเนอร์,กัน นภัทร,นภัทร อินใจเอื้อ,กัน มารี เลิก,กัน มารี,ดาราเลิกกัน 2563,อินสตาแกรมดารา
|
https://www.thairath.co.th/entertain/news/1849548
|
ศาลปกครองยกฟ้อง ยิ่งลักษณ์ คดีทำน้ำท่วมปี 54 ชี้ระบายน้ำตามระบบสากลแล้ว
|
มีมาตรการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ16 ก.ค. 2557 เมื่อเวลา 10.00 น. รายงานว่า ที่ศาลปกครอง ถนนแจ้งวัฒนะ ศาลปกครองกลางอ่านคำพิพากษา ในคดีหมายเลขดำที่ ส.23/2555 ที่ นางสุทธิรักษ์ ทองวานิช พร้อมชาวบ้านใน จ.นครปฐม รวม 10 ราย ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี (ดำรงตำแหน่งขณะนั้น) ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์การเกษตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมชลประทาน กระทรวงหมาดไทย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และกระทรวงการคลัง เป็นผู้ถูกฟ้อง ที่ 1-11ในคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดของหน่วยงานทางปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ อันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย จากกรณีที่ผู้ถูกฟ้องที่ 1-11 บริหารจัดการน้ำผิดพลาด ทำให้มวลน้ำจำนวนมหาศาลได้ไหลสู่พื้นที่ต่ำออกสู่ทะเล ผ่านแม่น้ำท่าจีน แม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำบางปะกง นอกจากนั้น ผู้ถูกฟ้องคดีได้ปิดกั้นประตูระบายน้ำ วางสิ่งกีดขวางทางน้ำ เป็นเหตุให้น้ำไม่ไหลไปตามทิศทางตามธรรมชาติ ทำให้น้ำท่วมขังบริเวณ จ.นครปฐม ทั้งยังส่งกลิ่นเน่าเหม็นและทรัพย์สินของผู้ฟ้องคดีได้รับความเสียหาย ขอให้ผู้ถูกฟ้องคดีชดใช้ค่าเสียหาย จำนวนกว่า 3.7 ล้านบาท และจัดทำแผนป้องกันน้ำท่วมโดยระหว่างการพิจารณาคดี นายวิชัย ชัยพัฒนศักดิ์ ผู้ฟ้องที่ 9 ได้ขอถอนฟ้อง จึงเหลือแค่ผู้ฟ้องที่ 1-8 และ 10 เท่านั้นศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ช่วงระหว่างเดือน มิ.ย.-ต.ค.54 ประเทศไทยเกิดพายุโซนร้อนและมรสุมจำนวนหลายลูก รวมทั้ง เกิดน้ำทะเลหนุนสูง ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมอย่างรุนแรง สร้างความเสียหายให้กับสถานที่ต่าง ๆ และบ้านเรือนประชาชนเป็นจำนวนมาก รวมทั้งที่พักอาศัยของผู้ฟ้อง โดยมีปริมาณน้ำสะสมในเขื่อนต่าง ๆ อาทิ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ และเขื่อนอื่น ๆ มากที่สุดในรอบหลายปีผู้ถูกฟ้องมีความพยายามในการระบายน้ำในระดับสูงสุดตามระบบสากลแล้ว แต่ขณะเดียวกันก็มีประตูระบายน้ำหลายแห่งพังทลาย ส่งผลให้ปริมาณน้ำจำนวนมหาศาลไหลจากภาคเหนือลงสู่ภาคกลาง รวมทั้ง นิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ ก็ถูกน้ำท่วมด้วย ระหว่างนั้นผู้ถูกฟ้องก็ได้ดำเนินมาตรการเพื่อป้องกันน้ำไม่ให้เข้าท่วมพื้นที่ กทม. ซึ่งเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศ และการวางแนวกระสอบทรายขนาดใหญ่ หรือบิ๊กแบ็คเป็นระยะทางยาว ตั้งแต่สถานีตำรวจดอนเมืองไปจนถึงประตูระบายน้ำคลอง 2 รวมทั้ง การยกระดับถนนสูง 6 เมตร ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อบริเวณที่พักอาศัยของผู้ฟ้อง ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ อ.นครไชยศรี และอ.สามพราน โดยตรง เพราะน้ำบริเวณดังกล่าวสามารถไหลลงสู่คลองทวีวัฒนา ก่อนที่จะเข้า จ.นครปฐม และไหลลงสู่แม่น้ำท่าจีนได้ จึงเป็นการวางแนวป้องกันน้ำฝั่งตะวันออก และเพื่อป้องกันไม่ให้กระทบพื้นที่ กทม.ชั้นใน และพื้นที่เศรษฐกิจ เพื่อผลประโยชน์โดยรวมของประเทศ มิใช่การเลือกปฏิบัติที่จะป้องกันพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งขณะที่ ผู้ถูกฟ้องก็ได้ดำเนินการมาตรการเยียวยาให้กับผู้ได้รับผลกระทบจำนวน 5000 บาทต่อหลังคาเรือนแล้ว รวมทั้ง มาตรการเยียวยาตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีและคำสั่งอื่น ๆ การกระทำของผู้ถูกฟ้องจึงยังไม่เป็นการละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 และไม่เป็นการละเลยต่อหน้าที่ตามกฎหมายที่กระทำล่าช้าเกินสมควร และไม่มีเหตุต้องชดใช้ค่าเสียหาย จึงพิพากษายกฟ้องภายหลังการอ่านคำพิพากษา นางอภิญญา ชูสว่าง ผู้ฟ้องคดีที่ 3 ให้สัมภาษณ์ว่า เคารพในคำพิพากษาของศาล แต่ในฐานะประชาชนผู้เสียหายเห็นว่า รัฐบาลไม่ได้ช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่ เงินช่วยเหลือที่บ้านเรือนถูกน้ำท่วมเสียหาย ตนก็ไม่ได้รับแต่อย่างใด รวมทั้งเห็นว่า รัฐบาลบริหารจัดการน้ำไม่ถูกต้องบ้านดิฉันถูกน้ำท่วมสูงถึง 1.50 เมตร ภายในระยะเวลาแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น ทำให้เก็บข้าวของอพยพหนีออกมาไม่ทัน หากเกิดจากน้ำท่วมโดยธรรมชาติ ไม่น่าจะรวดเร็วขนาดนี้ อีกทั้ง บ้านดิฉันยังถูกน้ำท่วม ก่อนที่จะสร้างแนวเสริมคันกั้นน้ำด้วย สาเหตุทั้งหมดเป็นเพราะการบริหารจัดการน้ำที่ผิดพลาดของรัฐบาล นางอภิญญา กล่าวด้านนายไอศูรย์ วิภูอัศธาดา ผู้รับมอบอำนาจจากทนายความผู้ฟ้องคดี เปิดเผยว่า หลังจากนี้คงจะต้องปรึกษากับทนายความและผู้ฟ้องคดีอีกครั้ง ว่าจะอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดหรือไม่ต่อไป
|
ศาลปกครองยกฟ้องคดีชาวบ้านนครปฐม ฟ้อง ยิ่งลักษณ์ และพวก บริหารน้ำพลาด ทำให้เกิดน้ำท่วมใหญ่ ปี 54 ชี้มาตรการของรัฐบาลป้องกันไม่ให้กระทบพื้นที่เศรษฐกิจ เพื่อผลประโยชน์โดยรวมของประเทศ
|
การเมือง,สิ่งแวดล้อม
|
น้ำท่วม,น้ำท่วม 2554,ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร,ศาลปกครอง
|
https://prachatai.com/journal/2014/07/54604
|
คมนาคม พร้อมนำเครื่องบิน รับ 100 คนไทยในอู่ฮั่น หนี ไวรัสโคโรน่า
|
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยถึงสถานการณ์ ไวรัสโคโรน่า ว่า ในส่วนของกระทรวงคมนาคม ได้เตรียมพร้อมไว้แล้ว หากรัฐบาลโดยกระทรวงต่างประเทศ ประสานมายังคมนาคมเพื่อให้นำเครื่องบิน ของบริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) ไปรับคนไทยในประเทศจีน หนีโรคระบาดปอดอักเสบ ไวรัสโคโรน่ากลับประเทศไทยโดยขั้นตอนก่อนที่จะไปรับคนไทยกลับมา รัฐบาลคงต้องมีการหารือร่วมกัน ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น กระทรวงต่างประเทศ กระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธาณสุข เพื่อเตรียมมาตรการรองรับ โดยเฉพาะต้องมีสถานที่และบุคลากรแพทย์ เพื่อให้คนไทยที่กลับมาพักเพื่อเฝ้าระวังและสังเกตอาการนายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ดีดี. เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากผู้บริหารสายการบินไทยสมายล์ (THAI Smile) ว่า ได้รับการประสานงานจากกระทรวงการต่างประเทศ ให้เตรียมพร้อม อาจจะต้องมีการทำการบินไปรับคนไทยที่ตกค้างที่เมืองอู่ฮั่น สาธารณรัฐประชาชนจีน จากสถานการณ์การระบาดของไวรัสปอดอักเสบโคโรน่า โดยเบื้องต้นทราบว่ามีคนไทย ที่ตกค้างอยู่ประมาณ 100 คน ดังนั้น ขนาดของเครื่องบินไทยสมายล์ จึงมีความเหมาะสมที่จะทำการบินในภารกิจดังกล่าวอย่างไรก็ตาม ยังไม่ได้มีการยืนยันชัดเจนว่าไทยสมายล์ หรือ การบินไทย จะต้องทำการบินภารกิจดังกล่าว หรือจะเป็นภารกิจของกองทัพอากาศ เนื่องจากการจะทำการบินไปรับผู้โดยสารตกค้างนั้น จะต้องมีการประสานงานทางการจีนเพื่อให้ได้ SLOT การบินที่ชัดเจน ทั้งเที่ยวบินขาไปและขากลับ เพื่อให้เกิดความราบรื่นในการปฏิบัติภารกิจ
|
คมนาคมพร้อมรับคนไทยในจีน หนี ไวรัสโคโรน่า กลับบ้าน พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดพื้นที่รองรับเฝ้าระวัง ขณะที่การบินไทยยอมรับ มีการประสานสายการบินสแตนด์บาย รับคนตกค้าง 100 คน
|
ข่าว,สังคม
|
ไวรัสโคโรน่า,ไวรัสโคโรน่า 2020,โคโรน่าไวรัส,ปอดอักเสบ,ปอดอักเสบอู่ฮั่น,โรคปอดอักเสบจากจีน,ไวรัสอู่ฮั่น,ข่าวทั่วไป
|
https://www.thairath.co.th/news/society/1756685
|
ช้างศึกยู-15 ต้านไม่ไหว พ่ายบาร์ซายับที่สเปน
|
เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2562 ที่สนามโยอัน กัมเปร์ ภายในลา มาเซีย อะคาเดมี่ เป็นการแข่งขันฟุตบอลนัดอุ่นเครื่องระหว่าง ทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี พบกับ ทีมเยาวชนบาร์เซโลนา รุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี,โดยเกมนี้เล่นกันท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมาตลอดทั้งเกม ภายใต้อุณหภูมิ 10 องศาเซลเซียส ซึ่งแข่งขันครึ่งละ 40 นาที ซึ่งผลการแข่งขันปรากฎว่า ทีมเยาวชนบาร์เซโลน่า รุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี เอาชนะ ทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี ไป 9-0,หลังเกม ซัลบาดอร์ บาเลโร การ์เซีย เฮดโค้ช กล่าวว่า นักเตะชุดนี้เป็นนักเตะที่ดีที่สุดในรุ่นของ ลา มาเซีย ซึ่งอีกไม่กี่ปีข้างหน้านักเตะเหล่านี้จะก้าวขึ้นไปเป็นกำลังสำคัญของทีมชุดใหญ่ การแข่งขันวันนี้จะเป็นประสบการณ์ที่ดีสำหรับนักเตะของเรา ในการอุ่นเครื่องที่สเปน 4 นัด เกมนี้เป็นเกมที่ยากที่สุด ซึ่งในเกมต่อไปสปีดบอลของเราต้องดีขึ้น และผมเชื่อมั่นว่าเราจะได้ผลการแข่งขันที่ดีอย่างแน่นอนครับ,สำหรับโปรแกรมอุ่นเครื่องของทีม ช้างศึกU15 ที่ประเทศสเปน นัดต่อไป วันที่ 4 เมษายน 2562 พบกับ กิโรนา รุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี ที่สนามรูดาเรเนส เวลา 00.00 น. ตามเวลาประเทศไทย
|
ช้างศึกจูเนียร์ ทีมชาติไทยชุดยู-15 ได้ประสบการณ์มหาศาล หลังแพ้ให้กับ บาร์เซโลนา ชุดยู-15 ไปขาดลอย 0-9 ในเกมอุ่นเครื่องที่สเปน
|
กีฬา,ไทยรัฐเชียร์ไทยแลนด์
|
ช้างศึกยู-15,บาร์เซโลนายู-15,ทีมชาติไทย,บาร์เซโลนา
|
https://www.thairath.co.th/sport/trcheerthai/1536841
|
กาฬสินธุ์แล้งหนัก ต้นข้าวขาดน้ำ เมล็ดข้าวลีบเสียหาย ทำให้ผลผลิตออกน้อย
|
เมื่อวันที่ 5 พ.ย.62 สถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยเฉพาะพื้นที่นอกเขตชลประทานพบว่ากำลังประสบปัญหาภัยแล้งเนื่องจากไม่มีฝนตกลงมาในพื้นที่ สภาพอากาศตอนกลางวันก็ร้อนจัดทำให้ปริมาณน้ำตามแหล่งเก็บน้ำต่างๆ เริ่มลดลง พืชผลทางการเกษตรก็เริ่มได้รับผลกระทบ โดยพบว่าในพื้นที่นาข้าวของชาวบ้านในเขตตำบลกลางหมื่น อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ พบว่า ขณะนี้ ต้นข้าวออกรวงและอีกไม่กี่สัปดาห์ก็จะสามารถเก็บเกี่ยวได้แล้ว แต่กลับพบว่าต้นข้าวขาดน้ำทำให้ยืนต้นตายเป็นบริเวณกว้าง และพบว่าเมล็ดข้าวก็ลีบทั้งรวงทำให้ผลผลิตได้รับความเสียหาย,โดยชาวบ้านบอกว่าพื้นที่นาข้าวต้องรอน้ำฝนเพียงอย่างเดียว ในช่วงที่ต้นข้าวออกรวงกลับพบว่าน้ำมีไม่เพียงพอ ทำให้ต้นข้าวก็เริ่มยืนต้นตาย อีกทั้งเมล็ดข้าวก็ลีบเนื่องจากไม่มีน้ำหล่อเลี้ยงต้นข้าว ซึ่งตอนนี้หากมีน้ำก็ไม่สามารถทำให้เมล็ดข้าวกลับมาปกติได้ เนื่องจากอายุต้นข้าวก็ใกล้พร้อมจะเก็บเกี่ยวแล้ว ชาวบ้านจะต้องเกี่ยวคัดเอาแต่ที่เมล็ดข้าวที่สมบูรณ์เพื่อนำไปขาย จึงทำให้ผลผลิตไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย ทำให้อาจจะขาดทุนได้เนื่องจากปัญหาภัยแล้งทำให้เมล็ดข้าวลีบ เสียหายเป็นจำนวนมาก ซึ่งอยากให้ทางรัฐบาลได้ช่วยเหลือชาวนาที่ประสบปัญหาภัยแล้งด้วย.
|
พื้นที่นาข้าวของชาวบ้านในเขต ต.กลางหมื่น อ.เมืองกาฬสินธุ์ ต้นข้าวออกรวงกำลังจะเก็บเกี่ยวได้แล้วแต่กลับพบต้นข้าวขาดน้ำทำให้ยืนต้นตายเป็นบริเวณกว้าง จนเมล็ดเล็กลีบเสียหายเหตุจากน้ำฝนไม่เพียงพอ
|
ข่าว,ทั่วไทย
|
นาข้าว,ภัยแล้ง,ข้าวขาดน้ำ,นาข้าวเสียหาย,ต.กลางหมื่น,กาฬสินธุ์,ฝนตกน้อย,ข่าวทั่วไป
|
https://www.thairath.co.th/news/local/northeast/1697928
|
สุดสลด พ่อคลุ้มคลั่งหลังถอยรถทับลูกชายดับอนาถ
|
เมื่อวันที่ 2 เม.ย. 58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจ สน.หลักสอง รับแจ้งเหตุ พ่อถอยรถกระบะทับลูกชายตัวเองเสียชีวิต เร่งเดินทางตรวจสอบพร้อม เจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง แพทย์เวรโรงพยาบาลศิริราช เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุหลังรับแจ้งว่า มีผู้ถูกรถยนต์ทับเสียชีวิต ที่บ้านหลังหนึ่งในซอยเพชรเกษม 68 แยก37,ในที่เกิดเหตุ พบผู้เสียชีวิตเป็นเด็กผู้ชาย อายุ 1 ขวบ นอนเสียชีวิตอยู่บริเวณประตูทางเข้าบ้าน ใกล้กันพบรถกระบะ มิตซูบิชิ ไทรทัน ทะเบียน ชร 3224 กรุงเทพมหานคร จอดในลักษณะหันหน้ารถเข้าสู่ตัวบ้าน,สอบถาม น.ส.เสาวลักษณ์ รินแก้ว แม่ของเด็ก ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ นายวิชัย เพิ่มสา สามีและพ่อของเด็ก ได้ขับรถกลับมาบ้าน โดยมีลูกชายนั่งมาด้วย จากนั้นลูกชายได้ลงจากรถมาก่อน ทำให้นายวิชัย เข้าใจว่า ลูกชายเข้าไปในบ้านแล้ว ขณะเดียวกันนั้น ลูกชายได้เดินย้อนออกไปนอกบ้านอีกครั้งทางด้านหลังรถ ทำให้นายวิชัยมองไม่เห็นลูกชาย ว่าอยู่ท้ายรถ และเกิดถอยรถทับลูกชายจนเสียชีวิต เป็นเหตุให้นายวิชัยเกิดเสียใจมาก จนขาดสติใช้มีดปาดคอตัวเองกระทั่งได้รับบาดเจ็บ ถูกนำส่งโรงพยาบาลศิริราช,ทั้งนี้ด้าน พล.ต.ต.อมร ยังมี สวป.สน.หลักสอง เปิดเผยกับ ทีมข่าวไทยรัฐ ออนไลน์ ถึงอุบัติเหตุสลดดังกล่าวว่า เกิดจากพ่อของหนูน้อยวัย 1 ขวบ 10 วัน ดังกล่าวหลังจากขี่รถจักรยานยนต์พาเมียและลูกชาย กลับมาจากข้างนอกถึงบ้านแล้ว ภรรยาแยกเข้าไปห้องน้ำภายในบ้านพัก ขณะที่นายวิชัยก็ได้ไปขยับรถยนต์ของตนเองที่จอดขวางประตูบ้านทำให้ไม่สามารถปิดประตูบ้านได้ โดยคิดว่าบุตรชายเข้าบ้านไปแล้ว ไม่ทราบว่ายืนอยู่ด้านหลังรถคันดังกล่าว เมื่อนายวิชัยติดเครื่องยนต์ถอยรถออกมาก็ไม่เห็นว่าบุตรชายยืนอยู่ด้านหลัง ทำให้ถอยรถทับลูกชายวัย 1 ขวบ 10 วัน เสียชีวิต นายวิชัยเสียใจมาก ร้องไห้ตะโกนร้องอย่างบ้าคลั่ง พร้อมทั้งพยายามใช้มีดปาดคอฆ่าตัวตายตามบุตรชาย จนได้รับบาดเจ็บเจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องรีบนำตัวส่ง รพ.เพชรเกษม ล่าสุด อาการปลอดภัยแล้ว ,อย่างไรก็ตาม ตำรวจจะได้สอบปากคำ นายวิชัยที่โรงพยาบาลเพชรเกษมอีกครั้ง หากพบว่ามีการกระทำโดยประมาท จะต้องแจ้งข้อกล่าวหา กระทำการโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต.
|
สลด พ่อถอยรถกระบะทับลูกชายวัย 1 ขวบ 10 วัน เสียชีวิตคาที่ เกิดคลุ้มคลั่ง เสียใจ หวังฆ่าตัวตายตามลูกชาย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่นำส่ง รพ.อาการปลอดภัยแล้ว
|
ข่าว,ทั่วไทย
|
สุดสลด,เสียชีวิตคาที่,เสียใจ,ฆ่าตัวตาย,ลูกชาย,ปลอดภัย,ข่าวทั่วไทย,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ถอยรถทับลูก,รถทับเด็ก,เด็กตาย,พ่อขับรถประมาท,ถอยรถไม่ระวัง,รถกระบะทับเด็ก,คลุ้มคลั่ง,มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง,ขับรถประมาท
|
https://www.thairath.co.th/news/local/490784
|
โบ๊ท-ธารา ขึ้นแท่นพระเอกประกบ เม-นิศาชล ละคร แสงเทียน ดราม่าครบรสถ่ายทอดเรื่องโขน
|
เช่นเดียวกับนางเอกหน้าสวย เม–นิศาชล ต้วมสูงเนิน ถึงแม้จะมีพื้นฐานรำแต่เจอรำโขน ทำเอาเครียดทุกครั้งก่อนถ่าย แต่เรื่องเคมีพระนางถึงจะประกบคู่กันครั้งแรกก็หายห่วงเพราะเข้ากันได้ดี ฝึกรำเข้าคู่จนรักอินเลิฟ สำหรับละครชุดแม่ของดิน ตอน แสงเทียน เป็นละครเทิดพระเกียรติ เรื่องราวเกี่ยวกับนักแสดงโขนพระราชทาน ระหว่าง สิบทิศ และ เพลงพิณ ที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กและมีอดีตในใจที่ทำให้ เพลงพิณต้องหวาดกลัว สิบทิศ,แต่แล้วทั้งคู่ก็ได้รับคัดเลือกมาร่วมแสดงโขนพระราชทานชุด นางลอย ทำให้ต้องกลับมาเจอกันอีกครั้งและต้องซ้อมการแสดงด้วยกัน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็เริ่มดีขึ้นและพัฒนาแต่ก็มีอุปสรรคมากมายเกิดขึ้น ทั้ง สุทิน พ่อของสิบทิศ ที่คอยขัดขวาง, ศิวาพี่ชายของสิบทิศ, รวมถึง ราเมศร์ หนุ่มที่มาตามจีบ เพลงพิณ และเพื่อนสนิทของเพลงพิณอย่าง มิ่งขวัญ ที่ดันมาผิดใจกัน เมื่อเรื่องราวต่างๆมากมาย,จากความหวาดกลัวสู่ความรักของหนุ่มสาวต้องพบเจอปัญหาที่ขัดขวางและการแสดง โขนพระราชทาน ศิลปะนาฏศิลป์สมบัติของไทยที่ทั้งสองต้องทำออกมาให้ดีที่สุด เรื่องราวทั้งหมดจะลงเอยอย่างไร ร่วมด้วยนักแสดงมากฝีมือ อาทิ ต้อม–รัชนีกร, ศักราช ฤกษ์ธำรง, บีน–วีระกิตต์, เบสท์–ชนิดาภา ฯลฯ และแนะนำนักแสดงน้องใหม่ อาทิ โบนัส–นภสร เอกพันธ์กุล ดีกรีเชียร์ลีดเดอร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซีเจมส์– ธรรมวิทย์ รัฒนาภรณ์ ผู้พกความตั้งใจ มาเต็มที่ และอองตวน ปินโต นักชกไทยไฟต์ชื่อดังที่ใจอ่อนมารับเชิญเล่นละคร เป็นครั้งแรก งานนี้ได้ กังฟู–นิติวัฒน์ ชลวณิชสิริ รับ หน้าที่กำกับ ติดตามชมได้ใน ละครชุดแม่ของดิน ในตอน แสงเทียน ออกอากาศทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี 19.15 น. และวันศุกร์ 18.45 น. ทางช่อง 3 เริ่มวันพฤหัสบดีที่ 13 ต.ค.นี้.
|
เรียกได้ว่าเป็นพระเอกเต็มตัวครั้งแรกสำหรับ โบ๊ท–ธารา ทิพา ผู้จัด หนุ่ม–กฤษณ์ ศุกระมงคล แห่ง เมคเกอร์ เค เลยจัดบทดราม่าหนักๆให้พระเอกน้องใหม่ในละครชุดแม่ของดิน ตอน แสงเทียน แถมจัดคอร์สเรียนโขนอย่างหนักชุดใหญ่
| null |
โบ๊ท ธารา,ธารา ทิพา,เม นิศาชล,นิศาชล ต้วมสูงเนิน,แสงเทียน,แม่ของดิน,โขนพระราชทาน
|
https://www.thairath.co.th/content/747567
|
จ่อขึ้นค่าเอฟทีอีก 10 สตางค์ต่อหน่วย-ส่งผลค่าไฟฟ้าแพงขึ้นเดือนหน้า
|
วันนี้(19 เม.ย.2560) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน จะประชุม และประกาศค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ หรือเอฟที อัตราใหม่ที่จะใช้ระหว่างเดือนพ.ค.- ส.ค.นี้ โดยมีโอกาสที่จะเพิ่มขึ้นมากกว่า 10 สตางค์ต่อหน่วย หรือติดลบน้อยลง จากปัจจุบันที่ค่าเอฟทีติดลบอยู่ที่ 37.29 สตางค์ต่อหน่วย หรือเมื่อรวมค่าไฟฟ้าฐาน ปัจจุบันจัดเก็บอยู่ที่เฉลี่ยประมาณ 3.38 บาทต่อหน่วย ซึ่งหมายถึงค่าไฟฟ้าจะแพงขึ้น ตั้งแต่เดือนหน้า นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน เปิดเผยว่า ราคาก๊าซที่เป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้า สัดส่วนมากถึงร้อยละ 65 ของการผลิตไฟฟ้าทั้งหมดปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 233 บาทต่อล้านบีทียู ขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนคงที่ 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ สภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวจะทำให้มีปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่ม ขึ้น รวมถึงต้นทุนจากพลังงานหมุนเวียน และการปิดซ่อมแหล่งก๊าซยาดานาในเมียนมา เมื่อวันที่ 25- 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่ต้องใช้น้ำมันเตาผลิตไฟฟ้า 30 ล้านลิตร ทำให้ไม่สามารถตรึงค่าเอฟทีได้ แต่จะปรับเท่าใดขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของบอร์ดอีกครั้ง ซึ่งจะทยอยปรับให้กระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด ด้าน นายกรศิษฏ์ ภัคโชตานนท์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. คาดการณ์่ว่า ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด หรือ พีก จะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนเม.ย.-พ.ค.นี้ ที่ 32000 เมกะวัตต์ ดังนั้นจึงต้องเตรียมแผนรับมือไว้ โดยเตรียมก๊าซธรรมชาติเหลว หรือ แอลเอ็นจีเพิ่มขึ้นอีก 400 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน จากเดิมรับอยู่ที่ 700 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน แต่การนำเข้าแอลเอ็นจีเพื่อผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น จะส่งผลกระทบต่อค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นตามไปด้วยอย่างแน่นอน เพราะปัจจุบันการผลิตไฟฟ้ายังต้องพึ่งพาก๊าซธรรมชาติเป็นหลัก
|
คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน จ่อขึ้นค่าไฟฟ้าเอฟทีเพิ่มมากกว่า 10 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลค่าไฟแพงขึ้น คาดอาจเริ่มต้นเดือนพ.ค.-ส.ค.นี้ ประเมินความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด หรือ พีก จะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนเม.ย.-พ.ค.นี้ที่ 32000 เมกะวัตต์
|
เศรษฐกิจ
|
ThaiPBSnews,ไทยพีบีเอส,ข่าวไทยพีบีเอส,คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน,นายวีระพล จิรประดิษฐกุล,การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
|
https://news.thaipbs.or.th/content/261735
|
ใครครอบครอง? บ้านตากอากาศสร้างไม่เสร็จบนเกาะสมุย อยู่สูงเกือบถึงยอดเขา
|
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 11 ก.ค. 60 พล.ต.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะหัวหน้าชุดปฏิบัติการ เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ชุดพยัคฆ์ไพร จากกรมป่าไม้ เจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ่อผุด วางแนวทางการปฏิบัติ หลังจากเมื่อวานนี้ พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 ลงพื้นที่ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ประชุมปฏิบัติการทวงคืนผืนป่าเกาะสมุย และเจ้าหน้าที่ได้นำเฮลิคอปเตอร์กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม บินสำรวจพื้นที่พบว่า บางแปลงมีการก่อสร้างบ้านพักตากอากาศขนาดใหญ่บนเนินเขาสูง จึงมีการวางแนวทางเข้าตรวจสอบทางภาคพื้นดินในช่วงบ่ายวันนี้ โดย พล.ต.พรศักดิ์ กำชับเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยเร่งดำเนินการตรวจสอบที่ดินบนเนินเขาสูงบนเกาะสมุยที่มีการเข้าทำประโยชน์ว่ามีเอกสารสิทธิถูกต้องหรือไม่ ให้แล้วเสร็จภายในเวลา 45 วัน เพื่อเป็นการป้องกันกลุ่มนายทุนบุกพื้นที่ของรัฐทำประโยชน์,ด้าน นายชีวะภาพ ชีวะธรรม หัวหน้าชุดพยัคฆ์ไพร เปิดเผยว่า บ่ายวันนี้พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้เกาะสมุย DSI และทหาร นำกำลังเข้าตรวจสอบบ้านพักตากอาการหรูบนเขาบ้านปลายแหลม ม.5 ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย ซึ่งมีการก่อสร้างหลายหลัง บนเนื้อที่กว่า 15 ไร่ มูลค่าหลายร้อยล้านบาท แต่จากการตรวจสอบพบว่า พื้นที่การก่อสร้างถูกทิ้งร้าง ไม่มีการดำเนินการน่าจะประมาณ 1 ปีเศษ ไม่พบผู้ดูแลพื้นที่ และเป็นจุดที่ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง ด้านบนของพื้นที่มีแนวเขตติดกับพื้นที่ป่าอยู่สูงเกือบถึงยอดเขา เบื้องต้น เจ้าหน้าที่บันทึกการตรวจสอบพื้นที่และจับพิกัดแนวเขต ซึ่งหลังจากนี้ต้องร่วมกับ DSI ประสานไปยังเจ้าพนักงานที่ดินเกาะสมุย เพื่อตรวจสอบที่ดินแปลงดังกล่าวว่าเป็นของใคร หรือของบริษัทใด เพื่อตรวจสอบเอกสารสิทธิถือครองที่ดินว่ามีการถือครองที่ดินโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ก่อนจะมีข้อสรุปในการดำเนินการต่อไป.
|
ชุดพยัคฆ์ไพร นำกำลังเจ้าหน้าที่หลายหน่วยตรวจบ้านตากอากาศมูลค่า 100 ล้าน กำลังก่อสร้างบนเกาะสมุย พื้นที่สูงเกือบถึงยอดเขา พบถูกทิ้งร้างประมาณ 1 ปี เร่งติดตามตัวเจ้าของถามหาเอกสารสิทธิ
|
ข่าว,ทั่วไทย
|
บ้านตากอากาศ,เกาะสมุย,รุกที่ป่า,ทวงคืนผืนป่า,สุราษฎร์ธานี,ข่าวทั่วไป
|
https://www.thairath.co.th/news/local/south/1001282
|
ระทึก เปเรซ รถคว่ำ เปิดหัว ฮังกาเรียน กรังด์ปรีซ์
|
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันที่ 24 ก.ค. การแข่งขันรถสูตรหนึ่งชิงแชมป์โลก 2015 สนามที่ 10 รายการ ฮังกาเรียน กรังด์ปรีซ์ ที่สนาม ฮังการอริง เซอร์กิต ประเทศฮังการี ระยะทางต่อรอบ 4.381 กิโลเมตร เป็นการแข่งขันรอบทดสอบสนามวันแรก,โดยวันนี้เกือบมีเหตุการณ์สลดใจเหมือนคราวที่ จูลส์ เบียงคี นักขับจากค่ายเฟอร์รารี ที่เกิดอุบัติเหตุระหว่างแข่งขันจนเสียชีวิตอีกครั้ง ภายหลังที่ เซอร์จิโอ เปเรซ นักขับจากทีม ฟอร์ซ อินเดีย กำลังขับเพื่อทดสอบสนามครั้งแรกโดยผ่านไปรอบที่ 11 รถของเขาเกิดเสียหลักพลิกคว่ำ แต่โชคช่วยที่เจ้าตัวไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใดก่อนที่เจ้าตัวจะลุกออกมาจากรถและเดินกลับอย่างปลอดภัยทำเอาแฟนมอเตอร์สปอร์ตถึงกับลุ้นระทึกทีเดียว,ส่วนผลการทดสอบสนามครั้งแรกปรากฎว่า ลูอิส แฮมิลตัน ตีนผีเมืองผู้ดีจากค่ายเมอร์เซเดส ทำเวลามาเป็นอันดับ 1 ที่ 1.23.949 นาที นำหน้า ดาเนียล คัฟยาด นักขับชาวรัสเซียจาก เรดบูลล์ เพียง 0.351 วินาทีเท่านั้น ขณะที่ แดเนียล ริกเคียร์โด แชมป์เก่าชาวออสเตรเลีย สังกัด เรดบูลล์ ทำเวลามาเป็นอันดับ 3 ที่ 1.24.451 นาที ด้าน นิโค รอสเบิร์ก ทีมเมทแฮมิลตัน ชาว เยอรมัน ทำเวลามาอันดับที่ 4 ที่ 1.24.668 นาที ตามมาด้วย คิมี ไรโคเนน นักขับชาวฟินแลนด์ สังกัด เฟอร์รารี ทำเวลามาเป็นอันดับ 5 ที่ 1.25.134 นาที,สำหรับการทดสอบสนามครั้งสุดท้าย จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ ก่อนจะแข่งขันรอบไฟนอลในวันที่ 26 กรกฎาคมที่จะถึง,คลิกชมคลิป,
|
เกือบเกิดเหตุการณ์สุดช็อกของวงการเอฟวันอีกครั้ง หลัง เซอร์จิโอ เปเรซ นักขับจากทีม ฟอร์ซ อินเดีย รถเสียหลักคว่ำแต่ยังดีที่เจ้าตัวปลอดภัยในศึก ฮังกาเรียน กรังด์ปรีซ์ รอบทดสอบสนามวันแรก
| null |
รถสูตรหนึ่ง,ฟอร์มูลาร์ วัน,เซอร์จิโอ เปเรซ,จูลส์ เบียงคี,ลูอิส แฮมิลตัน,ดาเนียล คัฟยาด,แดเนียล ริกเคียร์โด,นิโค รอสเบิร์ก,คิมี ไรโคเนน,ข่าวกีฬา,ไทยรัฐออนไลน์
|
https://www.thairath.co.th/content/513952
|
ตำรวจจับผู้ต้องหา คดียิงนายกอบต.กรอกสมบูรณ์ จ.ปราจีนบุรี
|
ความคืบหน้ากรณี นายกู้เกียรติ แสงจันทร์ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 3 ตำบลกรอกสมบูรณ์ อำเภอศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี และนายจำรัส หอมชิต ใช้ปืนยิง นายนฤชิต สัมฤทธิ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบล หรือ อบต.กรอกสมบูรณ์ เสียชีวิตภายในงานทอดผ้าป่าที่โรงเรียนกรอกสมบูรณ์วิทยาคารโดยหลังจากนั้นนายกู้เกียรติ เข้ามอบตัว ส่วนนายจำรัส ได้รับบาดเจ็บจากการใช้ปืนยิงตอบโต้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมตัวได้ที่ รพ.โสธราเวช จังหวัดฉะเชิงเทรา ขณะรักษาอาการล่าสุดนายพรศักดิ์ อินสะอาด คนติดตาม นายนฤชิต ผู้เสียชีวิต ที่ใช้อาวุธปืนยิงตอบโต้อีกฝ่าย ได้เข้ามอบตัวกับ พลตรำวจตรีอัครชัย พงษ์ศิริ ผู้บังคับการตำรวจภธรจังหวัดปราจีนบุรี เพื่อสู้คดี โดยระบุว่าเหตุที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องการทะเลาะวิวาทกันด้านพลตำรวจตรี อัครชัย ระบุว่า สำหรับนายกู้เกียรติ และ นายจำรัส คนสนิท ได้ตั้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นถึงแก่ความตาย สำหรับนายพรศักดิ์ ที่เข้ามอบตัวล่าสุด ได้ตั้งข้อหาพยายามฆ่า โดยจะนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดนำฝากขังที่ศาลจังหวัดปราจีนบุรีในเช้าวันนี้ (26 มี.ค.2556)พร้อมให้ความเป็นธรรมในการสอบสวนทั้ง2ฝ่าย ส่วนสาเหตุสังหารครั้งนี้ตั้งไว้คือการเมืองท้องถิ่นที่ใกล้ครบวาระ และล่าสุดที่ได้ข้อมูลคือการขัดแย้งเรื่องชู้สาวของคู่กรณีทั้ง2ฝ่าย
|
คดียิงนายกองค์การบริหารส่วนตำบลกรอกสมบูรณ์ จังหวัดปราจีนบุรี เสียชีวิต ล่าสุด ตำรวจสามารถติดตามตัวผู้ต้องหาของทุกฝ่ายได้ พร้อมนำตัวส่งฝากขัง ที่ศาลจังหวัดปราจีนบุรี
|
อาชญากรรม
|
กรอกสมบูรณ์,ตำรวจ,นายกอบต.,ปราจีนบุรี,ผู้ต้องหา,ยิง,เสียชีวิต
|
https://news.thaipbs.or.th/content/157014
|
ความลับที่ Aesop ไม่เคยบอกเรื่องที่มาของอ่างล้างมือในร้าน และชื่อเก๋ๆ ของน้ำมันหอมระเหย
|
หลายคนอาจยังไม่ทราบว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังการสร้างสรรค์งานดีไซน์รูปลักษณ์ให้กับแบรนด์ Aesop มาเป็นเวลานาน คืออินทีเรียดีไซเนอร์ชาวอังกฤษชื่อ ไอลส์ ครอว์ฟอร์ด (Ilse Crawford) เจ้าของหนังสือ Sensual Home หากพิจารณาจากชื่อหนังสือก็พอจะเดาออกว่าเธอเป็นคนประเภทที่ให้ความสำคัญอย่างลึกซึ้งกับคำว่าบ้านและบรรยากาศเป็นอย่างมาก ซึ่งเธอคนนี้เองเป็นผู้กำหนดว่าภายในร้านของ Aesop จะต้องมีอ่างล้างมือ ซึ่งไม่เคยมีแบรนด์ไหนตกแต่งร้านแนวนี้มาก่อน ใครคือไอลส์ ครอว์ฟอร์ด ไอลส์ ครอว์ฟอร์ด เป็นอินทีเรียดีไซเนอร์ที่มีแบ็กกราวด์ด้านความคิดและความรู้สึกต่อบรรยากาศรอบตัวที่ไม่ธรรมดา เธอเป็นคนที่มีความเชื่อเกี่ยวกับการออกแบบภายในว่าไม่ได้เป็นเพียงแค่รูปลักษณ์อย่างเดียว เพราะจากประสบการณ์สมัยวัยรุ่นที่เคยทำงานพาร์ตไทม์ในผับ เธอสังเกตว่าบรรยากาศภายในผับเอื้อให้คนพูดคุยและใช้เวลาสนุกสนานด้วยกัน ซึ่งคอนทราสต์กับอีกประสบการณ์เมื่อเธอมีเหตุต้องไปดูแลคุณแม่ที่นอนป่วยที่โรงพยาบาล เธอสังเกตว่าทั้งคุณหมอและนางพยาบาลมักปฏิบัติกับคุณแม่ของเธอแข็งกระด้างเหมือนไม่ใช่มนุษย์ มันจึงทำให้เธอเกิดเครื่องหมายคำถามว่า จะเป็นเพราะบรรยากาศของโรงพยาบาลหรือเปล่า ที่ทำให้หมอและนางพยาบาลไม่รู้สึกผิดที่ทำแบบนั้นกับคนไข้ จากการสังเกตเลยทำให้เธอเริ่มให้ความสนใจบรรยากาศที่ส่งผลต่อความรู้สึก และส่งผลกระทบไปถึงพฤติกรรมที่คนเราปฏิบัติต่อกัน นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอมุ่งมั่นเรียนด้านสถาปนิก เธอคือหนึ่งในผู้ก่อตั้งนิตยสาร ELLE Decoration เล่มแรกของอังกฤษพอเรียนจบ ไอลส์ ก็ได้รับเชิญไปร่วมก่อตั้งนิตยสาร ELLE Decoration และทำงานที่นั่น 9 ปีเต็ม (ทำนิตยสารทั้งหมด 71 ฉบับ) เมื่อรู้สึกอิ่มตัว และมองว่างานแมกกาซีนไม่ตอบโจทย์เธออีกต่อไป เธอเลยออกมาสร้าง StudioIlse ขึ้นเพื่อออกแบบงานของเธอเอง ซึ่งสตูดิโอดังกล่าวได้รับเลือกให้ออกแบบร้าน Aesop สาขาแรกของประเทศอังกฤษ และเป็นเธออีกเช่นกันที่ปลูกฝังแนวคิดให้กับแบรนด์ Aesop ว่าภายในร้านต้องมีอ่างล้างมือ หลังการเบรนสตรอมกันระหว่างคุณ Dennis Paphitis ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Aesop กับไอลส์ จนค้นพบว่าสกินแคร์ของแบรนด์ไม่ได้เน้นที่คำว่า Products แต่โฟกัสเรื่องการดูแลผิวมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นการดูแลตั้งแต่ตื่นนอนยันเข้านอน ทำให้ไอลส์อยากดึงเอาความรู้สึกนั้นออกมา และออกไอเดียว่าภายในร้านควรมีอ่างล้างมือ จะได้ให้ฟีลลิ่งเหมือนอยู่บ้านนั่นเองไอลส์ กับความลับของกลิ่นหอมไอลส์ มักสรุปความคิดของตัวเธอเองผ่านการเขียนหนังสือ ที่เธอค้นพบว่าช่วยพัฒนาฝีมือการออกแบบได้ดี นั่นจึงเป็นที่มาของหนังสือชื่อ Sensual Home ที่โดนใจแบรนด์ Aesop ด้วยคำว่า Home Sweet Home เพราะคำนี้ปกติจะสื่อถึงความอบอุ่นของบ้าน แต่ Home Sweet Home ในที่นี้หมายถึง Sweet To Touch การให้สัมผัสที่ดี Sweet To See มองเห็นแล้วรู้สึกสวยงามสบายตา Sweet To Listen เปิดเพลงสร้างบรรยากาศที่ดี Sweet To Taste มีการรับประทานอาหารที่อร่อย และ Sweet To Smell การมีกลิ่นหอมอบอวล ซึ่งประการสุดท้ายนี่เองที่กลายมาเป็น Aesop Oil Burner Blend ที่มีความลึกซึ้งทั้งชื่อกลิ่นและแรงบันดาลใจ แต่เดิมมีอยู่ 3 กลิ่น ได้แก่ Anouk Catherine และ Isabelle และล่าสุดเพิ่งออกใหม่ในชื่อ Beatrice Oil Burner Blend ความน่าสนใจอยู่ที่ชื่อกลิ่นของน้ำมันหอมระเหยทั้งหมด เป็นชื่อที่ตั้งตามชื่อนักแสดงหญิงชาวฝรั่งเศส 4 คน ผู้มีคาแรกเตอร์แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่สิ่งที่มีเหมือนกับคือเสน่ห์ที่กินกันไม่ลง ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวของสาวนักคิดและการสร้างสรรค์บรรยากาศภายในบ้านด้วยการใช้กลิ่นหอมๆ ของน้ำมันหอมระเหยเป็นตัวผลักดัน เพื่อให้บ้านของคุณเป็น Home Sweet Home อย่างแท้จริง ภาพ:Aesop StudioIlse พิสูจน์อักษร:
|
อินทีเรียดีไซเนอร์ชาวอังกฤษ ไอลส์ ครอว์ฟอร์ด (Ilse Crawford) เจ้าของหนังสือ Sensual Home คือผู้ที่กำหนดว่าภายในร้านของ Aesop ต้องมีอ่างล้างมือ ซึ่งไม่เคยมีแบรนด์ไหนตกแต่งร้านแนวนี้มาก่อน ล้วงลึกที่มาของแนวกลิ่นน้ำมันหอมระเหย Aesop Oil Burner Blend ที่ตั้งชื่อตามนักแสดงหญิงชาวฝรั่งเศส ที่แตกต่างกันด้วยคาแรกเตอร์และฝีมือการแสดงที่ไม่เป็นรองใคร
| null | null |
https://thestandard.co/aesop-store-design/
|
ต่อเรือไฟฟ้า 7 ลำวิ่งรับส่งคลองผดุง
|
กทม.ให้บริการฟรี-คาดได้ผู้รับจ้าง ก.พ.-ตั้งเป้าได้เรือวิ่ง ส.ค.นี้,นายไวทยา นวเศรษฐกุล ผอ.สำนักงานระบบขนส่ง สำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) กทม. เปิดเผยถึงโครงการเดินเรือคลองผดุงกรุงเกษมว่า ขณะนี้มีผู้ใช้บริการเรือคลองผดุงฯในวันธรรมดาเฉลี่ยวันละ 400 คน วันหยุดเฉลี่ยวันละ 100 คน ผู้ใช้บริการส่วนใหญ่ทำงานในหน่วยงานที่อยู่ติดคลองผดุงฯ เช่น ทำเนียบรัฐบาล กระทรวงพลังงาน เวลาที่มีผู้ใช้บริการมากสุดจะเป็นช่วงเช้าก่อนเข้าทำงานและช่วงเย็นหลังเลิกงาน สำหรับความถี่ของการเดินเรือในปัจจุบัน คือ วันจันทร์-ศุกร์ จะเดินเรือทุกๆ 15 นาที ตั้งแต่ 06.00- 19.00 น. ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ หรือวันหยุด จะเดินเรือทุกๆ 30 นาที ตั้งแต่เวลา 08.00-19.00 น. ปัจจุบันมีเรือให้บริการ 8 ลำ 1 ในนั้นเป็นเรือไฟฟ้า ซึ่งบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด หรือเคที ได้นำเรือที่ให้บริการเดินเรือที่คลองภาษีเจริญ ขนาด 40 ที่นั่ง เครื่องยนต์ดีเซลมาดัดแปลงเป็นเรือไฟฟ้า และมีหลังคาต่ำลง เนื่องจากสะพานข้ามคลองผดุงฯมีลักษณะต่ำ,นายไวทยากล่าวอีกว่า ปีงบประมาณ 2562 สจส.มีโครงการจัดซื้อเรือไฟฟ้าจำนวน 7 ลำ เป็นเรือขนาด 30 ที่นั่ง พร้อมจ้างเดินเรือในคลองผดุงฯเป็นเวลา 3 ปี รวมงบประมาณ 117 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างร่างขอบเขตของงาน หรือร่างที่โออาร์ โดยจะนำปัญหาหรือข้อบกพร่องเรือไฟฟ้าของเคทีที่ได้ดัดแปลงจากเครื่องยนต์ดีเซลมาพิจารณาด้วย คาดว่าจะได้ผู้รับจ้างช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ตั้งเป้าต่อเรือให้แล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคม 2562 ทั้งนี้ การเดินเรือคลองผดุงฯยังให้บริการประชาชนฟรี เพื่อส่งเสริมการเชื่อมต่อการเดินทางของประชาชน ล้อ ราง เรือ และคลองผดุงฯจะเป็นคลองแห่งแรกในกรุงเทพฯที่เดินเรือโดยใช้พลังงานไฟฟ้าเพื่อลดมลพิษทางอากาศ.
|
ขณะนี้มีผู้ใช้บริการเรือคลองผดุงฯในวันธรรมดาเฉลี่ยวันละ 400 คน วันหยุดเฉลี่ยวันละ 100 คน ผู้ใช้บริการส่วนใหญ่ทำงานในหน่วยงานที่อยู่ติดคลองผดุงฯ เช่น ทำเนียบรัฐบาล กระทรวงพลังงาน
|
ข่าว,ทั่วไทย
|
คลองผดุงกรุงเกษม,เรือโดยสาร,เรือคลองผดุงกรุงเกษม,เรือไฟฟ้า,เรือข้ามฟาก
|
https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1473194
|
ยังยิ้มได้ เบนเตเก ปัดข่าวเตรียมชิ่งหงส์ช่วงซัมเมอร์
|
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันที่ 14 เม.ย.ว่า คริสเตียน เบนเตเก กองหน้าจอมอาภัพของลิเวอร์พูล ออกมายืนยันอย่างชัดเจนว่ายังคงมีความสุขดีกับการค้าแข้งในถิ่นแอนฟิลด์ ถึงแม้จะไม่ค่อยได้รับโอกาสลงสนามมากนักก็ตาม และพร้อมที่จะอยู่พิสูจน์ตัวเองต่อไปโดยไม่ย้ายไปไหนอย่างแน่นอน ,หัวหอกชาวเบลเยียมถูก เบรนแดน ร็อดเจอร์ส อดีตกุนซือชาวไอร์แลนด์กระชากตัวมาจาก แอสตัน วิลลา ด้วยค่าตัวสูงถึง 32 ล้านปอนด์ เมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา แต่กลับไม่สามารถเค้นฟอร์มเก่งกลับมาได้ และไม่ค่อยได้รับโอกาสมากเท่านัก ภายใต้การคุมทัพของ เยอร์เกน คลอปป์ ในปัจจุบัน กระทั่งมีข่าวลือออกมาเป็นระลอกว่าเจ้าตัวพร้อมเปิดหมวกลาถิ่นแอนฟิลด์ เพื่อโอกาสในการลงสนามอย่างสม่ำเสมอ ,อย่างไรก็ตาม ศูนย์หน้าวัย 25 ปี ได้ออกมาปฏิเสธข่าวลือในการย้ายทีมทั้งหมด อีกทั้งยืนยันอย่างชัดเจนว่ายังคงมีความสุขดีในการค้าแข้งกับทีมดังแห่งย่านเมอร์ซีย์ไซด์ และพร้อมที่จะอยู่ต่อสู้ในการแย่งตำแหน่งตัวจริงต่อไปในฤดูกาลหน้า ,แน่นอนว่านั้ไม่ใช่ฤดูกาลที่ดีสำหรับผมที่นี่ ผมไม่ค่อยได้ลงเล่นอย่างที่ต้องการซึ่งมันเป็นเรื่องที่น่าผิดหวัง แต่คุณก็ต้องยอมว่ามันคือส่วนหนึ่งของฟุตบอล ,ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่สิ่งที่ต้องการ แต่ผมก็ยังมีความสุขกับทีม การได้ลงเล่นในสโมสรแห่งนี้ถือเป็นสิ่งที่มีเกียรติและน่าตื่นเต้น และตอนนี้ผมผมก็หวังว่าจะได้มีโอกาสพิสูจน์ตัวเองต่อไป ,สำหรับ คริสเตียน เบนเตเก ยังคงตกเป็นข่าวกับหลายทีมดังในยุโรปไม่ว่าจะเป็น เวสต์แฮม ยูไนเต็ด, เอฟเวอร์ตัน, แอตเลติโก มาดริด และ เอฟซี ปอร์โต.
|
กองหน้าจอมอาภัพของทีมหงส์แดง ออกมายืนยันว่ายังคงมีความสุขดีในการค้าแข้งบนถิ่นแอนฟิลด์ ถึงแม้จะผิดหวังกับผลงานในฤดูกาลแรกก็ตาม และพร้อมสู้สำหรับโอกาสในการแย่งตำแหน่งตัวจริงกับเพื่อนร่วมทีม
| null |
คริสเตียน เบนเตเก,ลิเวอร์พูล,หงส์แดง,พรีเมียร์ลีก,ข่าว,ข่าวกีฬา,ไทยรัฐออนไลน์
|
https://www.thairath.co.th/content/605936
|
จับยาบ้า 2 ล้านเม็ด - ไอซ์ 83 กก.
|
วันนี้ (1 ส.ค. 2562 ) พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวราขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมตรวจสอบและแถลงข่าวการจับยาเสพติดรายใหญ่ ของกองกำกับการสืบสวนนครบาล 8 ที่สามารถสืบสวนขยายผล เครือข่ายยาเสพติด ที่มีการลำเลียงยาเสพติดมาพักไว้ในหมู่บ้านหรู ที่มีการเช่าไว้เพื่อเก็บยาเสพติดโดยเฉพาะ ก่อนที่จะลำเลียงลงไปยังทางภาคใต้ และส่งจำหน่ายยังประเทศที่สามโดยเมื่อเวลาประมาณ 04.00 น. ของวันที่ 31 ก.ค. สามารถจับกุม นางสาวศุภลักษณ์ เอี่ยมทวี อายุ 26 ปี พร้อมของกลางยาไอส์ 2 กิโลกรัม ได้บริเวณริมถนนภายในหมู่บ้านสินวงศ์การ์เด้น ถนนเลียบคลองทวีวัฒนา แขวงหลักสอง เขตบางแค กรุงเทพ มหานคร ขณะ ขับรถยนต์ยี่ห้อ นิสสัน รุ่น อัลเมร่า สีขาว นำยาเสพติดประเภทยาไอซ์ จำนวน 2 กก. มาวางไว้เพื่อส่งให้กับลูกค้าภายในหมู่บ้านดังกล่าว โดยการนำยาเสพติดไปวางไว้บริเวณใกล้เคียงบ้านพักและนัดหมายให้ลูกค้ามารับ บริเวณพงหญ้าริมถนนภายในหมู่บ้านสินวงศ์การ์เด้นหลังเข้าจับกุมและตรวจสอบสิ่งของที่อยู่ในถุงพลาสติกดังกล่าว พบว่าเป็นยาไอซ์ จำนวน 2 กก. และได้สืบสวนขยายผลไปทำการตรวจยึดได้ยาบ้า ยาไอซ์และคีตามีน เพิ่มเติมได้ที่บ้านเลขที่ 2 ซอยอัสสัมชัญ 13 แขวงบางไผ่ เขตบางแค กรุงเทพมหานคร พบยาบ้ากว่า 2.1 ล้านเม็ด ยาไอซ์ ประมาณ 83 กก. ยาเค ( คีตามีน ) 25 กก.พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ระบุว่า ยาเสพติดชุดนี้เป็นของเครือข่ายยาเสพติดทางภาคเหนือที่มีการลำเลียงมาไว้เผื่อเป็นจุดพักยา ก่อนที่จะลำเลียงไปยังพื้นที่จังหวัดภาคใต้ เผื่อนำออกไปจำหน่ายยังประเทศที่3 ขณะที่บางส่วนจะออกมาจำหน่ายอย่างสถานบันเทิง โดยขณะนี้ชุดสืบสวนได้มีการสืบสวนขยายผลต่อเพื่อจับกลุ่มนายทุนเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่รายนี้
|
ตำรวจสืบสวนนครบาล 8 จับ เครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ หลังพบนำยาบ้ากว่า 2 ล้านเม็ด และไอซ์กว่า 84 กิโลกรัมมาซุกซ่อนในบ้านพักย่าน บางแค
|
อาชญากรรม
|
ยาเสพติด,ประเทศที่สาม,ยาบ้า,ยาไอซ์,สืบสวนนครบาล8
|
https://news.thaipbs.or.th/content/282277
|
ห้ามต้องฟัง ลุงตู่ เตือนหลานๆ อย่าเล่นพนันบอลเด็ดขาด
|
แล้วก็นำมาสู่การออกกำลังกาย ย้ำถ้าติดพนันยิ่งกว่าโจรปล้น ยังเป็นหนี้เป็นสินตามมาอีกเพียบ,วันที่ 16 มิ.ย.61 สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ที่เริ่มไปเมื่อวันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา เป็นวันแรก ว่า ไม่ได้ดูฟุตบอลนัดเปิดสนาม และไม่ได้มีทีมในดวงใจ ทีมไหนเก่งก็เชียร์ทีมนั้น,ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 หลายฝ่ายห่วงว่าจะมีการเล่นการพนันบอลโลกกันมากขึ้น ว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานเรื่องการเล่นการพนันบอลโลก ได้กำชับไปยัง ผวจ. นายอำเภอในทุกพื้นที่แล้ว รวมถึงมีการประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย ว่าจะต้องดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะเรากลัวว่าประชาชนจะเดือดร้อน ไม่ว่าจะเป็นเด็ก เยาวชน หรือผู้ใหญ่ พอหลุดเข้าไปในวงจรนี้แล้วก็อันตราย การพนันไม่ได้ทำให้ใครรวย มีแต่จะทำให้เกิดความเดือดร้อนและเสียหายไปถึงครอบครัว จึงไม่อยากให้มีการเล่นการพนัน เพราะจะเป็นหนี้เป็นสิน เดือดร้อนกันไปหมด และจะทำให้มีปัญหาฉกชิงวิ่งราวตามมาอีก,ช่วงค่ำ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการศาสตร์พระราชา เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนตอนหนึ่งว่า เมื่อเข้าสู่ช่วงเทศกาลฟุตบอลโลก อยากให้ใช้โอกาสนี้ส่งเสริมให้เยาวชนของเราได้ติดตาม เพื่อเป็นแรงบันดาลใจนำมาพัฒนาตนเอง และวงการฟุตบอลของบ้านเรา แต่สิ่งที่จะต้องตามมาควบคู่กันเปรียบเสมือนเหรียญ 2 ด้าน คือ การเล่นการพนัน ตนเป็นห่วง เราต้องช่วยกันตักเตือนให้สติ ไม่มีใครรวยจากการพนันได้ เอาแค่สนุกสนาน ดูให้สนุก เชียร์ทีมที่ตัวเองชอบ แล้วก็นำมาสู่การออกกำลังกาย อย่าไปเล่นเลยการพนัน ไม่มีใครรวยจากการพนัน ขอย้ำอีกที ยิ่งกว่าโจรปล้นอีกแล้วก็เป็นหนี้เป็นสินเขา มีการติดตามทวงหนี้ แล้วก็เป็นภาระแก่เจ้าหน้าที่ในการดำเนินคดีลงโทษอีกมากมาย และหลายคนก็จะเสียโอกาสโดยเฉพาะเด็กนักเรียน เยาวชน,ขอฝากเตือนสติพวกเราทุกคน เยาวชน ลูกหลานอย่าไปเกี่ยวข้องเล่นการพนัน ต้องช่วยกัน ไม่อย่างนั้นทุกคนก็กลับมาโทษรัฐบาล เจ้าหน้าที่ก็ทำงานไม่ไหวหรอก ต้องช่วยกันให้เหลือคนทำผิดให้น้อยลงหน่อย เราก็ได้กวาดล้าง ได้ดำเนินคดีได้อย่างจริงจัง โบราณเขาสอนไว้นะครับว่า ไฟไหม้บ้าน 10 ครั้งยังไม่เท่าเสียพนันเพียงครั้งเดียว ก็อยากหยิบยกมาเป็นอุทาหรณ์สอนใจ ขอให้ทุกคนมีความสุขในการชมฟุตบอลโดยไม่เล่นการพนัน พล.อ.ประยุทธ์กล่าว,ร่วมกิจกรรมทายผลแชมป์บอลโลก 2018 ลุ้นรางวัลรวมมูลค่า 32 ล้านบาท และอื่นๆ อีกมากมาย ,ที่นี่, วันนี้ ถึง 14 ก.ค. 61
|
บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เตือนเยาวชน อย่าเล่นการพนันฟุตบอลโลก 2018 ให้สติ ไม่มีใครรวยจากการพนัน เอาแค่สนุกสนาน ดูให้สนุก เชียร์ทีมที่ตัวเองชอบเป็นพอ
|
กีฬา,ฟุตบอลโลก
|
บิ๊กตู่,พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา,สวัสดีบอลโลก,ฟุตบอลโลก,ฟุตบอลโลก 2018
|
https://www.thairath.co.th/sport/worldcup/1309324
|
เกมเมอร์ไทยลุยเบอร์ลิน ทำดีที่สุดแล้วในรายการ PES2015 World Final
|
ตั้งหน้าตั้งตารอเวลาที่น้องบอส เด็กไทยคนล่าสุดที่โกอินเตอร์เข้าแข่งขัน E-Sports ระดับโลก กับรายการ PES2015 World Final ที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี โดยการแข่งขันมีทั้งหมด 4 กลุ่ม คัดเอา 2 ทีมที่มีคะแนนดีที่สุดเข้ารอบ Knock Out ซึ่งน้องบอสอยู่ในกลุ่ม 1 มี 7 ทีมประกอบไปด้วย ผู้เล่นที่ผ่านการคัดเลือกจาก PES League จำนวนทั้งหมด 500,000 คน ซึ่งคนที่ว่าคือ ocnAlex28 จากประเทศสาธารณรัฐเช็ก ที่เหลือก็จะมี xamenosk จากกรีซ, Serdar จาก เยอรมนี, MarioDGT จากเปรู, arthurSimf จากรัสเซีย, usmakabyle จากฝรั่งเศส และน้องบอสจากประเทศไทย,ซึ่งผลการแข่งขันที่ออกมา น้องบอสของเราชนะ 2 เสมอ 0 แพ้ 4 มี 6 คะแนน มาเป็นอันดับ 5 ของกลุ่ม 1 ตกรอบแรกของการแข่งขัน PES2015 World Final ซึ่งผลการแข่งขันของกลุ่ม 1 ทั้งหมดมีดังนี้ครับ,bossui 1 – 2 Serdar,
bossui 1 – 2 usmakabyle
,bossui 1 – 2 ocnAlex28
,xamenosk 0 – 1 bossui
,arthurSimf 4 – 1 bossui
,MarioDGT 1 – 2 bossui,ถึงแม้ว่าน้องบอส จะทำได้เพียงแค่รอบแรกของการแข่งขัน ก็ถือว่าน่ายกย่องไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะการเดินทางไปแข่งครั้งนี้ไม่เพียงแค่แบกรับคำว่าตัวแทนประเทศไทย แต่ยังแบกชื่อของตัวแทนทวีปเอเชียเข้าแข่งขันด้วย ซึ่งผลที่ออกมาอาจจะไม่สมหวัง แต่ก็คิดไว้เสมอว่าเราทำเต็มที่กับมันแล้ว ไม่ง่ายที่เกมระดับโลกแบบนี้จะมีคนไทยเข้าเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขัน ครั้งนี้ไม่ได้ครั้งหน้าเอาใหม่ เกมเมอร์ไทยทุกคนเอาใจช่วยครับ,ข้อมูลจาก : pesleague.com
ภาพ : Official PES League Germany,######,แป๊ะยิ้ม_Compgamer
|
ประสบการณ์ของน้องบอสตัวแทนไทยไปแข่งอีสปอร์ต รายการ PES2015 World Final ที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี แม้ว่าจะตกรอบแรก แม้จะไม่สมหวังแต่ก็เป็นการจุดประกายให้เด็กไทยได้ฮึดสู้ ไม่เป็นไรปีหน้าเอาใหม่ได้
| null |
PES2015 World Final,แข่งอีสปอร์ต,เด็กไทยโกอินเตอร์,น้องบอส,เด็กไทย,ตัวแทนประเทศไทย,PES League,ผ่านการคัดเลือก,ตกรอบแรก,เบอร์ลิน,เยอรมนี,เก๋าเกม,ข่าวไอที,Compgamer
|
https://www.thairath.co.th/content/504623
|
อุตุฯ ชี้ ไทยตอนบนยังมีฝน เหนือ-อีสานเย็นตอนเช้า ภาคใต้ตกหนัก
|
วันที่ 11 ธ.ค. กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานสภาพอากาศลักษณะทั่วไป ระบุ บริเวณความกดอากาศสูงปกคลุมภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และทะเลจีนใต้ ทำให้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศเย็นในตอนเช้า กับมีฝนบางแห่งบริเวณประเทศไทยตอนบน สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทยยังคงมีกำลังปานกลาง ทำให้ภาคใต้มีฝนต่อเนื่องและฝนตกหนักบางแห่ง,พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีอากาศเย็นในตอนเช้า และยังคงมีฝนบางแห่งบริเวณประเทศไทยตอนบน สำหรับภาคใต้ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากไว้ด้วย,อนึ่ง ในช่วงวันที่ 11-16 ธ.ค. บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศหนาวเย็นลงกับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น,พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.,ภาคเหนือ อากาศเย็นในตอนเช้า กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเชียงราย ลำพูน ลำปาง ตาก พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 18-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-31 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-13 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็นในตอนเช้า โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 19-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-34 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 11-14 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.,ภาคกลาง มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.,ภาคตะวันออก มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร,ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง และสงขลา อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-31 องศาเซลเซียส ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมา: ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป: ลมตะวันออก ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร,ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร,กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆมาก กับมีฝน ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
|
กรมอุตุนิยมวิทยาภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศเย็นในตอนเช้า กับมีฝนบางแห่งบริเวณประเทศไทยตอนบน ภาคใต้มีฝนต่อเนื่องและฝนตกหนักบางแห่ง
|
ข่าว,ทั่วไทย
|
กรมอุตุฯ,พยากรณ์อากาศ,อากาศวันนี้,ฝนตก,อากาศเย็น,ข่าวทั่วไป
|
https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1441873
|
อียู เตรียมเสนอชาติสมาชิกให้รับผู้อพยพตามสัดส่วน
|
คณะกรรมาธิการยุโรปเตรียมประกาศนโยบายด้านผู้อพยพในวันพรุ่งนี้ (12 พ.ค.2558) โดยเตรียมที่จะเสนอให้จัดหาช่องทางด้านกฎหมายที่เหมาะสมสำหรับผู้อพยพที่ต้องการเดินทางเข้าไปในสหภาพยุโรป เพื่อป้องกันผู้อพยพทางเรือเหล่านี้หันไปพึ่งพานายหน้าหรือขบวนการค้ามนุษย์วิธีการนี้จำเป็นที่จะต้องผ่านความเห็นชอบจากชาติสมาชิกสหภาพยุโรปเสียก่อน โดยผู้นำชาติสมาชิกสหภาพยุโรปมีกำหนดที่จะประชุมสุดยอดร่วมกันในวันที่ 30 มิ.ย.2558 ซึ่งคาดว่าอังกฤษจะต่อต้านข้อเสนอนี้อย่างจริงจัง ทั้งนี้โควตาจำนวนผู้อพยพของแต่ละประเทศในสหภาพยุโรป จะถูกกำหนดด้วยเงื่อนไขหรือปัจจัยหลายประการประกอบกัน เช่น จำนวนประชากร สภาพเศรษฐกิจ รวมทั้งจำนวนผู้อพยพที่รับเข้าไปตั้งรกรากในประเทศอยู่แล้วการกำหนดสัดส่วนถือเป็นมาตรการล่าสุดที่สหภาพยุโรปใช้เพื่อยุติโศกนาฎกรรมผู้อพยพทางเรือจมน้ำเสียชีวิตในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เนื่องจากองค์การสหประชาชาติประเมินว่าในปี 2558 มีผู้อพยพทางเรือพยายามหนีเข้าไปในสหภาพยุโรปผ่านทะเลเมดิเตอร์เรเนียนแล้วกว่า 60000 คนและมีผู้เสียชีวิตไปแล้วมากกว่า 1800 คน ซึ่งมากกว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตในปีที่แล้วถึง 20 เท่า ขณะที่ข้อเสนอของสหภาพยุโรปได้รับการตอบรับจากเยอรมนีเป็นอย่างดี เนื่องจากในปีที่ผ่านมาเยอรมนีรับผู้อพยพไปแล้ว 200000 คนด้านหัวหน้านโยบายต่างประเทศสหภาพยุโรป เตรียมขออนุมัติจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในการใช้กำลังกับขบวนการค้ามนุษย์ที่มีฐานปฏิบัติการอยู่นอกประเทศลิเบียได้โดยถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งข้อเสนอนี้ถูกทูตลิเบียประจำองค์การสหประชาชาติคัดค้านอย่างหนัก เนื่องจากอาจเป็นการรุกล้ำอธิปไตยของลิเบียได้
|
สหภาพยุโรป หรือ อียู เตรียมผลักดันข้อเสนอกับประเทศสมาชิกให้เปิดรับผู้อพยพเข้าประเทศตามสัดส่วนหรือโควต้าที่กำหนด เพื่อแก้ปัญหาโศกนาฎกรรมผู้อพยพทางเรือในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
|
ต่างประเทศ
|
กำหนดสัดส่วน,ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน,ผู้อพยพทางเรือ,รับผู้อพยพ,สหภาพยุโรป,อียู,โควตา
|
https://news.thaipbs.or.th/content/1463
|
สนนท.ร่อนแถลงไม่รับอำนาจศาลรธน. วอนเปลี่ยนความขัดแย้งผ่านการ ลต.
|
สหพันธ์นิสิตนักศึกษาฯ ระบุฝ่ายอนุรักษ์นิยมแทรกแซงประชาธิปไตย เรียกร้องให้ ปชช. นักศึกษา ไม่รับอำนาจนอกระบบทุกรูปแบบ ยุติสงครามกลางเมืองเปลี่ยนผ่านความขัดแย้งโดยสันติผ่านการเลือกตั้ง ไม่เอานายก ม.77 พ.ค. 2557 ภายหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีที่ร่วมมีมติโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี ออกจากตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) สิ้นสภาพรัฐมนตรี สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย(สนนท.) ออกแถลงการณ์ ไม่รับอำนาจเถื่อนองค์กรอิสระ ศาลรัฐธรรมนูญโดยแถลงการณ์ดังกล่าว ระบุ สถานการณ์การเมืองปัจจุบันฝ่ายอนุรักษ์นิยมเข้าแทรกแซงกระบวนการประชาธิปไตยแล้วมุ่งทำลายล้างคู่ขัดแย้งทางการเมือง เช่น การขัดขวางกระบวนการเลือกตั้ง 2 ก.พ. ที่ผ่านมา มีการเคลื่อนไหวเป็นระบบโดยองค์กรอิสระ เช่น ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ปปช. กกต. กสม. สถาบันทหาร เครื่อข่ายนักธุรกิจ คณะกลุ่มองค์มนตรี รวมถึงพรรคประชาธิปปัตย์และกลุ่มกปปส. คปท. ยึดปิดสถานที่ราชการ ละเมิดสิทธิประชาชนที่เห็นต่างทางการเมืองเพื่อนำไปสู่การสูญเสียสร้างสูญญากาศทางการเมือง อันจะนำไปสู่การอาศัยอำนาจพิเศษการถวายคืนพระราชอำนาจนายกตาม ม.7 ผ่านสถาบันทหารยึดอำนาจโดยการรัฐประหารทั้งนี้ สนนท. ได้เรียกร้องเชิญชวนให้ประชาชนชาวร่วมกันแสดงออกทางการเมืองพิทักษ์ปกป้องประชาธิปไตยโดยไม่รับอำนาจเถื่อนนอกระบบทุกรูปแบบ ยุบยกเลิก องค์กร สถาบัน ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ไม่ให้ใช้อำนาจแทนประชาชน รวมไปถึงยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา ม.112 และหยุดกระบวนการยุติธรรมและองค์อิสระ 2 มาตรฐานโดย สนนท. ระบุด้วยว่าจะนัดรวมพลนิสิตนักศึกษาประชาชนผู้รักประชาธิปไตยเคลื่อนไหวเพื่อยุติสงครามกลางเมืองเปลี่ยนผ่านความขัดแย้งโดยสันติผ่านการเลือกตั้ง ไม่เอานายกมาตรา 7 ไม่เอารัฐประหารทุกรูปแบบ ภายใต้คำขวัญ พิทักษ์สิทธิเสรีภาพเสมอภาคประชาธิปไตยประชาชน
|
สหพันธ์นิสิตนักศึกษาฯ ระบุฝ่ายอนุรักษ์นิยมแทรกแซงประชาธิปไตย เรียกร้องให้ ปชช. นักศึกษา ไม่รับอำนาจนอกระบบทุกรูปแบบ ยุติสงครามกลางเมืองเปลี่ยนผ่านความขัดแย้งโดยสันติผ่านการเลือกตั้ง ไม่เอานายก ม.7 7
|
การเมือง,การศึกษา
|
การเลือกตั้ง,นายก ม. 7,ศาลรัฐธรรมนูญ,สงครามกลางเมือง,สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย(สนนท.)
|
https://prachatai.com/journal/2014/05/53074
|
รวบ 2 นศ.ซุกยาบ้ากว่า 84000 เม็ดในรถเก๋ง เตรียมส่งลูกค้า จ.กาญจนบุรี
|
เยาวชน 2 คน เป็นชายและหญิง อายุ 19 ปี ถูกจับกุมใน อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ระหว่างนำยาบ้ามาส่งให้กับลูกค้าในพื้นที่เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. โดยเจ้าหน้าที่่พบยาบ้านอยู่ในรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า ยาริสทั้ง 2 คนให้การว่า เป็นนักศึกษาของสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่งใน จ.กาญจนุบรี รุ่นพี่คนหนึ่งว่าจ้างให้ขับรถนำยาบ้าจากชายแดนด้าน อ.สังขละบุรี มาส่งให้ลูกค้าใน อ.ท่าม่วง และ อ.ท่ามะกา โดยทำมาแล้ว 4 ครั้ง เมื่อได้เงินค่าจ้างจะนำมาใช้จ่ายและเที่ยวเตร่ เยาวชนทั้งสองคนมีภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.กาญจนบุรีตำรวจจึงควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ไปสอบสวนที่ สภ.ท่าม่วง เพื่อขยายผลจับกุมขบวนการลักลอบค้ายาเสพติดกลุ่มนี้ต่อไป ตำรวจให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ยาบ้าจำนวนดังกล่าวหากนำไปจำหน่ายในราคาเม็ดละ 200 บาท จะมีมูลค่าสูงถึง 16800000 บาท
|
วันนี้ (6 ธ.ค.2559) ตำรวจ จ.กาญจนบุรี แถลงข่าวการจับกุมเยาวชน 2 คน พร้อมของกลางเป็นยาบ้ากว่า 84000 เม็ด ผู้ต้องหารับสารภาพว่าทำมาแล้วหลายครั้งเพื่อหาเงินมาใช้จ่ายและเที่ยวเตร่
|
อาชญากรรม
|
นศ.,ค้ายาบ้า,กาญจนบุรี,ท่าม่วง,ขายยาบ้า,16 ล้านบาท,เยาวชน,สภ.ท่าม่วง,ยาเสพติด,ราคายาบ้า,ไทยพีบีเอส,ThaiPBS,ThaiPBSnews
|
https://news.thaipbs.or.th/content/258455
|
ขับเก๋งแหกโค้งชนราวสะพาน ตร.ชุมพรอึ้ง เจอยาบ้าซุกพวงมาลัย
|
เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 31 ม.ค.59 ขณะที่ ด.ต.วิทวัส ศรีคง ผบ.หมู่ สภ.เมืองชุมพร หัวหน้าป้อมสายตรวจแยกวงเวียนทางตัน ออกตรวจความสงบเรียบร้อยมาถึงถนนเมืองชุมพรขาออก ใกล้สี่แยกไฟแดงวัดสุบรรณนิมิต หมู่ 9 ตำบลตากแดด อ.เมือง จ.ชุมพร ก่อนถึงสะพานคู่ขนาน พบชาวบ้านกำลังมุงดูอุบัติเหตุที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ จึงเข้าไปตรวจสอบ เป็นรถเก๋งมิตซูบิชิ แลนเซอร์ สีน้ำเงินทะเบียน กค 3373 สิงห์บุรี สภาพด้านหน้าชนอัดติดกับขอบปูนกั้นทางโค้งช่วงไหล่ถนน จนหน้ายุบ ฝากระโปรงเปิด พวงมาลัยบิดย่นมาเกือบถึงเบาะนั่งคนขับ ส่วนคนขับเป็นชายอายุประมาณ 25-30 ปี นุ่งกางเกงยีนส์ใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาว มีอาการบาดเจ็บแต่ไม่มากนัก ได้ขอนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของชาวบ้านที่ขับผ่านมาออกไปจากจุดเกิดเหตุ ในช่วงที่ตำรวจสายตรวจกำลังจะเข้าไปตรวจสอบอุบัติเหตุพอดี แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบไปยังโรงพยาบาลรัฐและโรงพยาบาลเอกชนในพื้นที่ กลับไม่พบมีผู้บาดเจ็บเข้ารักษาตัวแต่อย่างใด ,ขณะที่เจ้าหน้าที่ตรวจดูภายในรถเก๋ง ได้สังเกตเห็นพวงมาลัยรถที่ได้รับแรงกระแทกอย่างรุนแรงจนบิดพับ มีถุงพลาสติกสีขาวอัดซ่อนอยู่ในช่องแกนกลางของคันพวงมาลัยที่ดัดแปลงเป็นช่องลับ เมื่อเจ้าหน้าที่ดึงถุงพลาสติกออกมาดูพบภายในมีถุงพลาสติกสีฟ้าซ่อนอยู่อีกชั้น และได้แกะออกดูพบมียาบ้าบรรจุอยู่จำนวนหนึ่ง จึงได้รายงานให้ พ.ต.อ.ภคพล ทวัชศรี ผกก.สภ.เมืองชุมพร ทราบ พร้อมกับนำกำลังตำรวจและตำรวจวิทยาการ ภ.จ.ชุมพรไปที่จุดเกิดเหตุ ,จากการตรวจสอบมียาบ้าอยู่จำนวน 102 เม็ด เป็นยาบ้าสีส้ม 100 เม็ดและสีเขียว 2 เม็ด จึงตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน ส่วนภายในรถมีโทรศัพท์มือถือตกอยู่ 2 เครื่อง พร้อมทั้งห่อขนม กระเป๋าใส่เสื้อผ้าอีกจำนวนหลายชุด นอกจากนั้นยังพบซองจดหมายที่ระบุชื่อผู้รับและผู้ส่งที่ส่งมาจากนักโทษชายคนหนึ่งในเรือนจำกลาง จ.นครศรีธรรมราช เจ้าหน้าที่ตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน พร้อมกับลากรถเก๋งคันดังกล่าวพร้อมของกลางทั้งหมดไปไว้ที่ สภ.เมืองชุมพร เพื่อรอผู้เกี่ยวข้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง,จากการสอบสวน เบื้องต้นทราบว่ารถเก๋งคันดังกล่าวได้ขับออกมาจากในตัวเมืองชุมพร คาดว่าน่าจะลักลอบนำยาบ้ามาส่งให้ลูกค้า เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุเป็นถนนสี่ช่องจราจรและเป็นทางโค้ง คนขับได้ขับมาด้วยความเร็วสูงทำให้รถเสียหลักหลุดโค้งพุ่งเข้าชนกับขอบปูนซีเมนต์กั้นไหล่ทางจนพังเสียหาย ระหว่างนั้นได้มีชาวบ้านที่ผ่านมาประสบเหตุและเข้าไปช่วยเหลือ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ตำรวจสายตรวจขับรถผ่านมาถึงพอดี ทำให้คนขับที่ได้รับบาดเจ็บไม่มากนักกลัวความผิดได้อาศัยช่วงชุลมุนขอนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของชาวบ้านที่ขับผ่านมาออกไปที่เกิดเหตุทันที ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ตรวจสอบหาเจ้าของรถและเรียกตัวมาสอบสวนเพื่อหาตัวเจ้าของยาบ้ามาดำเนินตามกฎหมายต่อไป
|
เก๋งแหกโค้งชนขอบปูนกั้นริมถนนคนขับทิ้งรถหลบหนี ตำรวจตรวจสอบ ผงะเจอยาบ้าซ่อนอยู่ในพวงมาลัยนับร้อยเม็ด สอบถามหาคนขับไม่พบตัว คาดหลบหนีไปแล้ว โดยจะเร่งตามหาเจ้าของรถและคนขับมาสอบสวนต่อไป
| null |
รถชนขอบปูนข้างทาง,รถแหกโค้งชนขอบทาง,ถนนเมืองชุมพร,สี่แยกไฟแดงวัดสุบรรณนิมิต,สภ.เมืองชุมพร,ยาบ้าซุกพวงมาลัย,ขับรถส่งยาบ้า,อ.เมืองชุมพร,ชุมพร,ข่าวทั่วไทย,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์
|
https://www.thairath.co.th/content/570947
|
ทีดีอาร์ไอเสนอหลักประกันสุขภาพไทยต้องเน้นคุณภาพ เลิกสงเคราะห์
|
และการให้บริการต้องไม่ใช่การสงเคราะห์ และการให้บริการต้องไม่ใช่การสงเคราะห์ ต้องมีการพัฒนาระบบบริการปฐมภูมิ มีการออกแบบระบบที่ดี คิดถึงการหาแหล่งการคลังใหม่ๆ การร่วมจ่ายเพื่อเข้ามาสนับสนุนการมีระบบที่ดี การบริหารชุดสิทธิประโยชน์ของการให้บริการแก่กลุ่มต่างๆ การอภิบาลระบบควรมีกลไกที่เป็นกลางซึ่งส่วนหนึ่ง สปสช. ยังเป็นแกนหลักในเรื่องหลักประกันสุขภาพของประเทศปัจจุบันคนไทยทุกคนอยู่ภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพของรัฐไม่ระบบใดก็ระบบหนึ่ง การเข้าถึงสวัสดิการรักษาพยาบาล โดยระบบใหญ่ๆ มี 3 ระบบ คือ ประกันสุขภาพถ้วนหน้า ระบบของข้าราชการ และระบบประกันสังคม แต่ 10 ปีที่ผ่านมา ระบบหลักประกันสุขภาพของไทยก็มีสิ่งที่ทำให้เราต้องคิดต่อไปในอนาคตศ.ดร.อัมมาร์ สยามวาลา นักวิชาการเกียรติคุณ ทีดีอาร์ไอ กล่าวว่าโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคเป็นโครงการที่ดีที่สุดที่เกือบทุกรัฐบาลที่ผ่านมาทำ เป็นนโยบายถ้วนหน้าที่ช่วยเหลือประชาชนอย่างแท้จริงโดยไม่เลือกคนรวย คนจน แต่ในวิถีทางของประชานิยมพอได้เสียงมาแล้วรัฐบาลก็ไม่ค่อยได้สนใจ มีการปล่อยปละละเลยเรื่องคุณภาพ ปัจจุบันเป็นโครงการสงเคราะห์ที่รัฐบาลใส่เงินมาแล้วแล้วรัฐบาลได้หน้าโดยที่หมอเสียเครดิต และกลายเป็นสิทธิ แต่ในการรับบริการเงินที่ใส่ลงไปกับคุณภาพบริการที่ได้รับยังต่างกันมาก ดังนั้นสิ่งที่ต้องคิดใหม่คือต้องไปเน้นที่คุณภาพการให้บริการ ให้หมอมีเวลาให้กับคนไข้มากขึ้น โดยไปพัฒนาระบบปฐมภูมิให้มีประสิทธิภาพ กระทรวงสาธารณสุขไม่ผูกขาดบริการสุขภาพด้วยการครอบไว้ด้วยคำว่า โรงพยาบาล ซึ่งเป็นการสร้างค่านิยมที่ไม่ถูกต้อง เช่น จากสถานีอนามัยก็กลายเป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล และอยากให้นักการเมืองหาเสียงโดยเน้นคุณภาพบริการนพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ มองว่าสิ่งที่ไม่ควรคิดใหม่คือ 1) แนวคิดพื้นฐานที่ว่าการเข้าถึงบริการสาธารณสุขควรเป็นสิทธิพื้นฐานของประชาชน 2) รัฐควรเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย ซึ่งปัจจุบันการออกแบบระบบก็เป็นเช่นนั้น สิ่งที่ต้องคิดใหม่คือการออกแบบกลไกที่ไม่เพียงให้มีความรับผิดชอบต่อการเข้าถึงและคุณภาพบริหารที่ได้รับ แต่ควรรับผิดชอบไปถึงการคุ้มครองสิทธิการเข้าถึงสุขภาพของประชาชนด้วย ซึ่งทั้งหมดเป็นหน้าที่ของรัฐในการจัดสรรและวางระบบ โดยเฉพาะในเรื่องการเงินการคลังที่ปัจจุบันเงินมาจากงบประมาณ ที่จะต้องหาแหล่งบประมาณเพิ่มเติมเพื่อรองรับกับภาระค่าใช้จ่ายสุขภาพที่เพิ่มขึ้นจากจำนวนผู้สูงอายุที่จะมากขึ้นในอนาคต สำหรับความเป็นไปได้ในการรวมกองทุนในระบบประกันสุขภาพนั้น กฎหมายเขียนไว้ชัดเจนว่าในที่สุดจะต้องไปอยู่ภายใต้การบริหารจัดการของ สปสช. แต่ในทางปฏิบัติทำได้ยาก ทิศทางจึงไม่ใช่การรวม3 กองทุน แต่เน้นบูรณาการใบบางเรื่อง เช่น กรณีฉุกเฉิน การดูแลผู้ป่วยเรื่องไตวาย เป็นต้นนพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ เลขาธิการมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ (มสช.) กล่าวว่าการทำให้เป็นระบบหลักประกันสุขภาพที่ให้คนไทยทุกคนเข้าถึงบริการที่ดีและมีคุณภาพ ต้องมีการออกแบบระบบที่ดี ทั้งระบบการเงินและระบบบริการการออกแบบระบบที่ดีต้องดูความสัมพันธ์ระหว่างผู้ซื้อบริการและผู้ขายบริการและพยายามหาสมดุลให้ได้เพราะหากรวมมากไปหรือแยกมากไปก็มีข้อเสีย การออกแบบระบบที่ดีคือการฟันธงว่ารัฐมีหน้าที่ต้องสร้างกติกาและกลไกที่จะมากำกับดูแลระบบบริการที่มีประสิทธิภาพและคุณภาพ ระบบที่ทำงานได้ต้องไม่ใช่การสงเคราะห์แล้วโยนภาระให้กับประชาชน นั่นคือ ต้องออกแบบระบบบริการให้ดีนั่นคือการออกแบบให้ระบบปฐมภูมิเข้มแข็งการพัฒนาระบบปฐมภูมิ เป็นสิ่งที่เรียกว่าทุกคนเห็นตรงกัน พูดกันมาตลอด แต่ทำน้อยกว่าที่พูด ต้องทำให้ทุกกองทุนเห็นตรงกันว่าปฐมภูมิเป็นเป้าหมายสำคัญและหาวิธีการที่จะต้องมาช่วยกันจ่ายเพื่อให้ปฐมภูมิเป็นฐานที่จะดูแลสำหรับคนทุกคน โดยการออกแบบวิธีการจ่ายปฐมภูมิต้องมีคุณสมบัติ คือ 1) เอื้อให้เกิดนวัตกรรมต้องหากติกาการเงินที่ทำให้คนปฐมภูมิคิดใหม่ คิดนอกกรอบได้ 2) ทำให้เกิดเครือข่ายบริการซึ่งยอมรับว่าจะให้มีการส่งต่อภายใต้กติกาการเงินชุดหนึ่งที่ออกแบบให้ไม่เกิดเป็นภาระมากนักกับปฐมภูมิ 3) การทำให้แพทย์เข้ามาอยู่ในระบบ เข้ามามีบทบาทในการดูแลทีมสุขภาพ แล้วทีมสุขภาพนี้ก็จะเป็นที่ปรึกษาให้กับประชาชน ถ้าเรามีระบบปฐมภูมิที่ดีประชาชนก็จะมีที่ปรึกษาไม่ต้องไปใช้บริการเสียเงินเสียทองโดยไม่จำเป็นประเทศไทยต้องมีเป้าหมายการเพิ่มค่าใช้จ่ายสุขภาพของประเทศแต่ต้องไม่ควรไปทำด้วยการลดงบประมาณภาครัฐ ประเทศส่วนใหญ่ตอนนี้มีข้อสรุปชัดเจนว่ายิ่งรัฐลงทุนอย่างจริงๆ จังๆ ก็จะช่วยลดค่าใช้จ่ายโดยรวมของประเทศได้นพ.ภูษิต ประคองสาย ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ (IHPP) กล่าวว่า การคิดใหม่ระบบประกันสุขภาพควรพิจารณาถึงแนวโน้มภาระโรคของประเทศไทยและสภาพการเจ็บป่วยของประชาชนไทยที่เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่เป็นการเจ็บป่วยจากโรคไม่ติดต่อ เรื้อรังหรือโรคจากพฤติกรรมมากขึ้น เราจึงต้องคิดใหม่ในเรื่องของการปรับระบบการกระจายทรัพยากรและเรื่องของการสร้างเสริมสุขภาพไปสู่การดูแลสร้างเสริมสุขภาพและการดูแลโรคไม่ติดต่อเรื้อรังเพิ่มขึ้นสำหรับแรงงานข้ามชาติผิดกฎหมายและกลุ่มไร้รัฐไร้สัญชาติจำนวนไม่น้อย และเรายังไม่มีระบบประกันสุขภาพที่ชัดเจนสำหรับการดูแลแรงงานเหล่านี้ ในบางพื้นที่การดูแลสุขภาพของคนเหล่านี้เป็นภาระของภาครัฐ สปสช. ควรดูแลเรื่องระบบประกันสุขภาพก็ควรดูไปถึงคนกลุ่มนี้ด้วย การบริหารจัดการเพื่อลดความเหลื่อมล้ำของชุดสิทธิประโยชน์ของ 3 กองทุนสุขภาพ ในอนาคตควรพัฒนาการใช้ Health technology assessment และความคุ้มค่าในการใช้ทรัพยากร รวมทั้งการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน มาเป็นหลักเกณฑ์ที่สำคัญในการพิจารณาวิธีการรักษาพยาบาล และเทคโนโลยีทางการแพทย์ใหม่ๆ ที่จะรวมเข้าไปในชุดสิทธิประโยชน์
|
สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) จัดวงเสวนาสาธารณะ คิดใหม่ระบบหลักประกันสุขภาพของไทย เสนอระบบหลักประกันสุขภาพของคนไทยในอนาคต ต้องมีคุณภาพบริการ เน้นการป้องกันโรค
|
คุณภาพชีวิต
|
การปฎิรูประบบหลักประกันสุขภาพ,สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ)
|
https://prachatai.com/journal/2013/07/47724
|
นักศึกษา-นักกิจกรรม ม.เชียงใหม่ เรียกร้องปล่อยตัวทนายอานนท์-ไมค์ ระยอง หยุดคุกคาม ปชช.
|
พร้อมเรียกร้องหยุดคุกคามประชาชน8 ส.ค. 63 - กรณีตำรวจ สน.สำราญราษฎร์ จับกุม อานนท์ นำภา ทนายสิทธิมนุษยชน และภานุพงศ์ จาดนอก โดยมีหลายข้อกล่าวหารวมทั้งมาตรา 116 ประมวลกฎหมายอาญานั้น กลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้แก่ พรรคนักศึกษายุวธิปัตย์ และชมรมกิจกรรมนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ออกแถลงการณ์ประณามการจับกุม และเรียกร้องให้ปล่อยตัวอานนท์ และภานุพงศ์ มีรายละเอียดดังนี้เนื่องจากทนายอานนท์ นำภา และนายภานุพงศ์ จาดนอก โดนหมายจับในวันที่ 7 สิงหาคม 2563 และถูกควบคุมตัวไปที่ สน.สำราญราษฎร์ และ สน.บางเขนตามลำดับ จากการที่ทั้งสองท่านได้ออกไปเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมและเพื่อการมีประชาธิปไตย โดยทนายอานนท์ และคุณไมค์ ตั้งใจที่จะมาเป็นหนึ่งในปราศรัยของม็อบธรรมศาสตร์จะไม่ทนด้วยนั้นพวกเราพรรคนักศึกษายุวธิปัตย์ องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ขอประณามความเลวทรามของผู้มีอำนาจที่ใช้อำนาจในทางมิชอบต่อนักกิจกรรมทั้งสองท่าน ที่เป็นผู้ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและมนุษยชน การที่ผู้มีอำนาจได้ออกหมายจับ หมายความว่า ขณะนี้ประเทศไทยหมดสิ้นแล้วกับระบอบประชาธิปไตยและการพิทักษ์สิทธิมนุษยชน ขณะนี้ประเทศไทยของเราเป็นเผด็จการอย่างสมบูรณ์แบบทางพรรคนักศึกษายุวธิปัตย์ ขอเรียกร้องให้ปล่อยตัวทนายอานนท์ นำภา และนายภานุพงศ์ จาดนอก โดยทันที และให้รัฐบาลหยุดใช้อำนาจทางกฎหมายกำจัดผู้ที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ประชาธิปไตยที่พวก คณะรักษาความสงบแห่งชาติ พรากมันไปจากประชาชนตลอดระยะเวลา 6 ปีหากรัฐบาลไม่ปล่อยตัวนักกิจกรรมทั้งสอง ยังคงดำเนินการไล่จับกุมนักกิจกรรมท่านอื่นๆ เราและนักกิจกรรมท่านอื่นๆจะยกระดับการชุมนุม และจะไม่หยุด จนกว่าผู้มีอำนาจทุกฝ่ายจะทำตามข้อเรียกร้องของเราพรรคนักศึกษายุวธิปัตย์ องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่7 สิงหาคม 2563สืบเนื่องจากกรณีทนายอานนท์ นำภา และนายภานุพงศ์ จาดนอก ถูกควบคุมตัวที่ สน.สำราญราษฎร์ และ สน.บางเขน ตามลำดับ ในวันที่ 7 สิงหาคม 2563 ตามหมายจับ ลงวันที่ 6 สิงหาคม 2563 จากการที่ทั้งสองฅนเคลื่อนไหวทางการเมือง เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมและเพื่อประชาธิปไตยของประเทศ ทั้งนี้ยังมีการเปิดเผยในสื่อโซเชียลมีเดียถึงรายชื่อในหมายจับนี้ ร่วม 30 ฅนดังกล่าว จึงประณามการกระทำของรัฐฐะ ซึ่งได้บ่อนทำลายเสรีภาพแห่งการแสดงออกทางการเมืองของประชาชน อันเป็นการใช้อำนาจโดยรัฐอย่างสามานย์เลวทรามที่พยายามควบคุมการออกมาเรียกร้องทางการเมือง และยังใช้กระบวนการยุติธรรมเพื่อปิดปากประชาชน ผู้ออกมาร่ำร้องแสดงออกถึงความต้องการประชาธิปไตยอันเป็นระบบการปกครองของประเทศ จากการยึดอำนาจและสืบทอดอำนาจของผู้นำเผด็จการ ทั้งนี้การใช้กระบวนการยุติธรรมเพื่อปิดปากประชาชนนั้น ยังกอปรก่อความเสื่อม อันนำไปสู่ความล่มสลายแห่งกระบวนการยุติธรรม ให้กลายเป็นเพียงฉากหน้าของการสร้างความชอบธรรมแก่รัฐในการดำเนินคดีต่อประชาชนที่เห็นต่าง และทำให้กระบวนการยุติธรรมเป็นเพียงความชอบธรรมสำหรับผู้มีอำนาจนำในสังคมและเป็นเพียงความยุติธรรมปาหี่เท่านั้นการกระทำเช่นนี้ของรัฐฐะได้เปิดเผยให้เห็นแล้วว่า การครอบครองอำนาจของผู้นำเผด็จการ กว่า 6 ปีทำให้ประชาชนที่ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยถูกดำเนินคดีมากมายเพียงใด ทำให้เห็นแจ่มชัดได้ว่าประเทศไทยได้หมดสิ้นความหวังแล้วกับระบอบประชาธิปไตยและการธำรงพิทักษ์ไว้ซึ่งสิทธิมนุษยชนเพื่ออำนาจอธิปไตยอันเป็นอำนาจที่มาจากประชาชนในประเทศ จักกลับคืนสู่วิถีแห่งประชาธิปไตยนั้น จึงสำเหนียกด้วยว่าการกระทำเช่นนี้ ก็คือ ความอุบาทว์บ้าของผู้มีอำนาจนำในสังคม ซึ่งไม่มีความชอบธรรมในการบริหารประเทศตั้งแต่แรก จึงเรียกร้องให้ปล่อยตัวทนายอานนท์ นำภา และนายภาณุพงศ์ จาดนอก โดยทันที และยกเลิกหมายจับกลุ่มแนวร่วมประชาชนปลดแอกเสีย พร้อมทั้งให้รัฐบาลหยุดใช้อำนาจทางกฎหมายกำจัดผู้ที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยทั้งนี้ ชมรมกิจกรรมนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ขอยืนเคียงข้างผู้รักษ์ประชาธิปไตยทุกท่านและขอยืนยันข้อเรียกร้องของการชุมนุม ได้แก่1. หยุดคุกคามประชาชน2. ให้ร่างรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่และใช้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 เป็นรัฐธรรมนูญชั่วคราว3. ให้รัฐบาลยุบสภาและจัดให้มีการเลือกตั้งขึ้นใหม่ ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540และหากรัฐบาลไม่ปล่อยตัวทนายอานนท์ นำภา และนายภานุพงศ์ จาดนอก พร้อมทั้งยกเลิกหมายจับกลุ่มแนวร่วมประชาชนปลดแอก โดยยังคงดำเนินการไล่จับกุมนักกิจกรรมท่านอื่นๆ อีก เราและนักกิจกรรมท่านอื่นๆ จะยกระดับการชุมนุม และจะไม่หยุด จนกว่าผู้มีอำนาจทุกฝ่ายจะทำตามข้อเรียกร้องที่ได้ให้ไว้ด้วยมโนธรรมและจิตสำนึกต่อสังคมชมรมกิจกรรมนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่7 สิงหาคม 2563
|
กลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้แก่ พรรคนักศึกษายุวธิปัตย์ และชมรมกิจกรรมนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ออกแถลงการณ์ประณามการจับกุม และเรียกร้องให้ปล่อยตัวทนายอานนท์ และไมค์ ระยอง
|
การเมือง,สิทธิมนุษยชน
|
อานนท์ นำภา,ภานุพงศ์ จาดนอก,ไมค์ ระยอง,ทนายอานนท์,ตำรวจ,หมายจับ,ม.116,ควบคุมตัว,พรรคยุวธิปัตย์,มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
|
https://prachatai.com/journal/2020/08/88944
|
เพจเมืองทองลุกเป็นไฟ แฟนกิเลนแห่คอมเมนต์หลังพ่าย พีที ประจวบ
|
วันที่ 24 ก.พ. ความเคลื่อนไหวหลังจบศึกโตโยต้า ไทยลีก 2019 ซึ่ง กิเลนผยอง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด เปิดสนามเอสซีจี สเตเดียม แพ้ ต่อพิฆาต พีที ประจวบ เอฟซี ไป 0-1 เมื่อช่วงค่ำวันอาทิตย์ที่ผ่านมา,โดยหลังจบเกม แฟนบอลกิเลนผยอง เข้าไปคอมเสนต์ในยเพจทางการชของสโมสรกันอย่างมากมาย ส่วนใหญ่ไม่พอใจฟอร์มการเล่น และการวางแผนของ โค้ชเบ๊ ไพโรจน์ บวรวัฒนดิล,โค้ชอยู่ถึงห้านัด ก็แต้มบุญสูงแล้ว,เปลี่ยนโค้ชบอกเลย ถ้าอยู่กับโค้ชคนนี้ไม่เเน่ก็ตกไปอยู่ที 2 หรือก็อยู่ท้ายตราง บอกเลยทุ่ม 400 ล้านนัดเเรกก็น่าจะชนะได้เเล้ว เซ็งกับโค้ชคนนี้ รีบปลดนะครับโค้ชคนนี้,เกมรุกมีทั้ง เฮแบร์ตี้ อ่องทู อดิศักดิ์ มุ้ย เกมส์รุกถึง 4คน แต่ทำอะไรไม่ได้ แล้วดูๆแล้วเกมส์รุกเหมือนยังดูมึนๆนะ,เป็นไงล่ะ เห่อเอาตัวใหม่ๆลงเยอะเกิน การจ่ายบอลการรู้ใจกันก็ไม่มี สุดท้ายก็เป็นแบบนี้ ตัวเก่าอย่างไมค์ ศนุกรานต์ ปุยส์ ที่ชั่วโมงบินมากกว่าเด็กๆในทีมมีเยอะกว่าดันไม่ใช้ ผลก็เป็นแบบนี้แหละ,จะหมดเวลาแล้ว บอลตาม เคาะส่งหลังกันกลับไปกลับมา เยี่ยม เล่นฆ่าเวลาเหมือนบอลนำเขา เหอะ เเพ้ก้อถูกแล้ว เขาเดาทางบอลได้หมด,เข้าทำรูปแบบเดิมๆ ทั้งนั้น ริมเส้นอย่างเดียวน่าเบื่อ
|
ส่องคอมเมนต์แฟนบอลทีม กิเลนผยองเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด หลังทีมรักพลาดท่าแพ้ พีที ประจวบ เอฟซี คาถิ่น 0-1 นัดเปิดสนามไทยลีก 2019
|
กีฬา,ฟุตบอลไทย
|
เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด,พีที ประจวบ เอฟซี,ไทยลีก
|
https://www.thairath.co.th/sport/thaifootball/1504023
|
ตรีเพชรฯ แต่งตั้ง ปนัดดา เจณณวาสิน นั่งแท่น กรรมการรองผู้จัดการ
|
วันที่ 26 ก.ค.59 มีรายงานว่า บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ประกาศแต่งตั้ง ปนัดดา เจณณวาสิน ขึ้นนั่งแท่น กรรมการรองผู้จัดการ หรือ EXECUTIVE VICE PRESIDENT มีผลตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมนี้,ทั้งนี้ ปนัดดา เจณณวาสิน นับเป็นผู้บริหารหญิงคนไทยคนแรกและคนเดียว ที่มีตำแหน่งในระดับบอร์ดบริหารของบริษัทในกลุ่มอีซูซุมอเตอร์ และบริษัทมิตซูบิชิ คอร์ปอเรชั่นทั่วโลก ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงนโยบายที่ชัดเจนของตรีเพชรอีซูซุเซลส์ว่า เพศ ไม่ใช่บรรทัดฐานในการพิจารณาเลื่อนตำแหน่ง,ปนัดดา เจณณวาสิน เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในวงการรถยนต์เมืองไทย และธุรกิจอีซูซุโลกถึงความสามารถ สไตล์การบริหารที่เน้นการสร้างทีม และเป็นตัวอย่างของนักการตลาดและนักประชาสัมพันธ์ อีกทั้งยังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังกลยุทธ์ คิดให้ต่างอย่างอีซูซุ ที่ประสบความสำเร็จมากมาย เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ตรีเพชรอีซูซุเซลส์เติบโตขึ้นเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำของประเทศไทย,เส้นทางการทำงานของ ปนัดดา เจณณวาสิน ตั้งแต่เริ่มทำงานกับบริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ในปี 2520 ซึ่งเป็นสถานที่ทำงานแห่งแรกและแห่งเดียวนั้น ก็พิสูจน์ถึงความสามารถที่ทำให้ได้รับการแต่งตั้งเป็นหญิงเดียวคนแรกในบอร์ดบริหารญี่ปุ่นในปี 2544 ในตำแหน่งกรรมการบริหาร (DIRECTOR) รองกรรมการผู้จัดการ (VICE PRESIDENT) ในปี 2550 และรองกรรมการผู้จัดการอาวุโส (SENIOR VICE PRESIDENT) ในปี 2555 ทั้งยังดำรงตำแหน่งกรรมการบริหาร (DIRECTOR) ของบริษัท ตรีเพชรอีซูซุลิสซิ่ง จำกัด และบริษัท ตรีเพชรอินชัวร์รันส์เซอร์วิส อีกด้วย,สำหรับประวัติการศึกษา ปนัดดา เจณณวาสิน จบการศึกษาระดับปริญญาโททางด้านการค้าระหว่างประเทศ จากมหาวิทยาลัยฮิโตสึบาชิ (HITOTSUBASHI UNIVERSITY) โดยทุนรัฐบาลญี่ปุ่น (JAPANESE GOVERNMENT SCHOLARSHIP) และระดับปริญญาตรี (เกียรตินิยม) จากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อทำงานที่บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์นั้น ได้รับอนุญาตให้ลางานไปศึกษาต่อปริญญาโทที่ประเทศญี่ปุ่น และกลับมาทำงานที่บริษัทเดิมจนถึงปัจจุบัน โดยระหว่างศึกษาระดับปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยฮิโตสึบาชิ ซึ่งอยู่ในกรุงโตเกียวนั้น ปนัดดาได้ทำงานพิเศษเป็นผู้ประกาศวิทยุเรดิโอเจแปน (RADIO JAPAN) ของสถานีโทรทัศน์ NHK เป็นระยะเวลานานถึง 4 ปี ,และหลังจากจบการศึกษาแล้ว ปนัดดา ยังได้ฝึกงานทางด้านการตลาดโดยทุนของกระทรวงการค้าระหว่างประเทศและอุตสาหกรรมของประเทศญี่ปุ่น (MINISTRY OF INTERNATIONAL TRADE AND INDUSTRY) เป็นเวลา 1 ปี ที่บริษัท อีซูซุมอเตอร์ (ประเทศญี่ปุ่น) (ISUZU MOTORS LIMITED) บริษัท มิตซูบิชิคอร์ปอเรชั่น (MITSUBISHI CORPORATION) และบริษัท ได-อิจิ คิคากุ (DAI-ICHI KIKAKU CO., LTD.) รวมทั้งยังได้รับเชิญเป็นวิทยากรพิเศษด้านการตลาดให้กับสถาบันชั้นนำ เช่น มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย ตลอดจนการเขียนบทความด้านการตลาดในสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ อันเป็นประโยชน์ต่อวงการธุรกิจอีกด้วย,นอกจากนี้ ยังเคยได้รับรางวัลนักบริหารดีเด่น ปี 2548 สาขาธุรกิจยานยนต์ จากผลงานอันโดดเด่นในฐานะนักการตลาดหญิงของวงการรถยนต์เมืองไทย รางวัล ศิษย์เก่าผู้ประสบความสำเร็จในวิชาชีพประจำปี 2550 คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และรางวัล ศิษย์เก่าดีเด่นประจำปี 2551 คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และรางวัล บุคคลตัวอย่างในภาคธุรกิจยานยนต์ประจำปี 2553 จากมูลนิธิสภาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย.
|
ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ ประกาศแต่งตั้ง ปนัดดา เจณณวาสิน ผู้หญิงเปลี่ยนโลกค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น นั่งแท่น กรรมการรองผู้จัดการ มีผล 1 ส.ค. นี้
| null |
ปนัดดา เจณณวาสิน,ตรีเพชรอีซูซุเซลส์,อีซูซุมอเตอร์,มิตซูบิชิ คอร์ปอเรชั่น,กรรมการรองผู้จัดการ,ผู้เปลี่ยนโลกค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น,ข่าว,ข่าวเศรษฐกิจ,ไทยรัฐออนไลน์
|
https://www.thairath.co.th/content/673490
|
ผัวชัก11มม.ยิงเมีย-แม่ยาย ทะเลาะกันมานานเรื่องเปลี่ยนศาสนา
|
เวลา 09.20 น. วันที่ 19 มิ.ย. พ.ต.ต.ประภาส บุญสิงห์ พนักงานสอบสวนสภ.หล่มสัก อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ได้รับแจ้งเหตุยิงกันที่บ้านเลขที่ 22 หมู่ 2 ต.หนองไขว่ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ มีผู้ได้รับบาดเจ็บสองคน ญาตินำส่งโรงพยาบาลหล่มสัก เบื้องต้นอาการสาหัสอยู่ห้องไอซียู จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.นิคม พรหมพิราม ผกก.สภ.หล่มสัก พ.ต.ท.นวพล ครามวิชิตกุล รองผกก.สส. พ.ต.ต.นิวัฒน์ วูวงศ์ สวส. และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจสอบที่โรงพยาบาลหล่มสัก,ทราบชื่อคนเจ็บ คือ นางสุพรรณ มีเณร อายุ 63 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 11 มม. มีบาดแผลที่กระดูกต้นคอด้านหลัง แขนซ้าย ขาซ้าย สะโพกซ้าย และลูกสาวชื่อน.ส.บังอร มีเณร อายุ 38 ปี ได้รับบาดเจ็บ มีบาดแผลถูกยิงที่หัวไหล่ซ้าย ปอดซ้าย ขาซ้าย อาการสาหัสทั้งสองคน ,เบื้องต้นแพทย์ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจกับ น.ส.บังอร และเจาะระบายเลือดออกจากปอด สอบสวน น.ส.บังอร พอให้การได้เล็กน้อยว่ามือปืนไม่ใช่ใครที่ไหนคือสามีชื่อนายจเร เกี่ยวพันธ์ อายุ 42 ปี ก่อนหน้านี้ประมาณเกือบ 2 ปี สามีได้เข้านับถือศาสนาอิสลาม และมาชักชวนให้ตนกับลูกเข้ามานับถือศาสนาอิสลามเหมือนกัน แต่ตนไม่ยอมทำให้สามีไม่พอใจและมีปากเสียงทะเลาะกันตลอดมา ทั้งเรื่องการแบ่งภาชนะใส่อาหารและอาหารที่ไม่มีเนื้อหมู ทำให้เกิดความยากลำบากในการใช้ชีวิต,นางสาวบังอร กล่าวอีกว่า ที่สำคัญสามีจะทำละหมาดตั้งแต่ตีสี่ทุกวัน และทำอีกหลายครั้งตลอดทั้งวันประมาณ 4-5 ครั้ง จึงทำให้ไม่มีเวลาไปช่วยกันประกอบอาชีพเกษตรกรรม โดยช่วงเช้าวันเกิดเหตุตนเองและมารดานั่งอยู่ที่ม้านั่งหน้าทีวีภายในห้องครัวหลังบ้านเกิดเหตุ ซึ่งเป็นบ้านของแม่ ผู้ตายได้พกปืนเดินเข้ามาและเกิดมีปากเสียงกันเรื่องเดิมคือเรื่องขอให้เปลี่ยนศาสนา จึงบอกว่าให้มาช่วยกันทำมาหากินบ้าง ปล่อยให้ทำงานเพียงลำพังคนเดียว จู่ๆ สามีก็ชักปืนพกออกมากระหน่ำยิงตนและมารดา หลังถูกยิงตนเองยังพอมีสติจึงรีบโทรศัพท์ไปแจ้งอาชื่อนางหนูพิศ สว่างภักดี ให้ช่วยนำส่งโรงพยาบาลหล่มสัก,จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบเป็นบ้านสองชั้นครึ่งตึกครึ่งไม้ ที่บริเวณเก้าอี้ไม้ในห้องครัวพบหยดเลือดกองใหญ่และพบปลอกกระสุนขนาด 11 มม. จำนวน 6 ปลอก และหัวกระสุน 4 หัว จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน,สอบสวน นางหนูพิศ สว่างภักดี อายุ 63 ปี อาของน.ส.บังอรให้การว่า บ้านหลังดังกล่าวมีหลานสาวคือน.ส.บังอรอาศัยอยู่กับมารดาพร้อมด้วยสามีและบุตรชายชื่อ ด.ช.จารุวัฒน์ เกี่ยวพันธ์ อายุ 8 ขวบ เรียนอยู่ชั้น ป.3 ร.ร.เมตตาวิทยา ประกอบอาชีพทำการเกษตร ทราบว่าน.ส.บังอรหลานสาวมีปากเสียงกับสามีคือนายจเร เกี่ยวพันธ์ อยู่บ้านเลขที่ 78/6 หมู่ 3 ต.วังวน อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก เป็นประจำเรื่องที่นายจเรไปนับถือศาสนาอิสลามและจะให้หลานสาวพร้อมลูกชายไปนับถือศาสนาอิสลามตั้งแต่เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ช่วงเกิดเหตุตนเองได้รับโทรศัพท์จากหลานสาวแจ้งว่าถูกสามียิง ขอให้ช่วยนำส่งโรงพยาบาลด้วย จึงรีบแจ้งให้นายสมเดช มีเณร พี่ชาย น.ส.บังอร และนายไพรวัลย์ พิมพ์แก่น ลูกเขยของตนเองรีบไปช่วยกันนำคนเจ็บส่งโรงพยาบาลหล่มสัก ส่วนนายจเรหลังก่อเหตุได้ขับรถยนต์ส่วนตัวยี่ห้อโตโยต้าวีโก้แบบแค็บสีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ตล 4926 กทม. หลบหนีไป,ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบประวัติพบว่า นายจเรครอบครองปืนพกสั้นกึ่งอัตโนมัติยี่ห้อกล็อกขนาด 11 มม. และพบโทรศัพท์ของนายจเรภายในบ้าน ตรวจสอบรายชื่อพบว่านายจเรได้ตั้งชื่อภรรยาเป็นภาษาอิสลามว่า นูรียะห์(อร) จากนั้นตำรวจได้ไปเฝ้าโรงเรียนเมตตาวิทยาคมเพราะเกรงว่านายจเรจะแอบมารับตัวบุตรชายไป และวิทยุแจ้งสกัดจับรถของนายจเรแต่ไม่พบแต่อย่างใด
|
ผัวเมียที่เพชรบูรณ์ ชีวิตคู่มีปัญหาหลังผัวเปลี่ยนไปนับถืออิสลาม แล้วให้เมียเปลี่ยนตาม กลายเป็นความขัดแย้ง สุดท้ายเมียบ่น ไม่ยอมช่วยทำงาน ผัวเลยชักปืนยิงทั้งเมีย แม่ยายสาหัส
|
ข่าว,ทั่วไทย
|
ผัวยิงเมีย,ยิงแม่ยาย,เปลี่ยนศาสนา,บังคับเมียเปลี่ยนศาสนา,ข่าวทั่วไป
|
https://www.thairath.co.th/news/local/north/1312169
|
คุมตัวตาฆาตรกรรมหลาน 2 ขวบ ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
|
ภายหลังที่ตำรวจพบศพของ ด.ช.สรวิศ หมวกเหล็ก อายุ 2 ขวบ บริเวณร่องน้ำหลังโรงเรียนบ้านซำภู อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ เมื่อวานนี้ (25 ส.ค.2558) หลังหายตัวออกจากบ้านเมื่อวันที่ 11 ส.ค.2558 จนกระทั่งจับกุมตัวนายสนั่น แดงดงบัง อายุ 64 ปี ซึ่งเป็นตาของเด็กได้เมื่อคืนที่ผ่านมา (25 ส.ค.2558) พ.ต.อ.ปริญญา วิศิษฎ์ฐากุล รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.เพชรบูรณ์ เปิดเผยว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหารับสารภาพว่าลูกสาวได้นำหลาน 4 คนมาให้เลี้ยง ที่ผ่านมามีปัญหาเรื่องหนี้สินจึงขอให้ลูกสาวช่วยแต่ถูกปฏิเสธ จึงทะเลาะกันหลายครั้ง ประกอบกับช่วงหลังลูกสาวไม่ส่งเงินค่าเลี้ยงดูมาให้ โดยในวันเกิดเหตุหลานร้องไห้ไม่ยอมหยุดจึงโกรธและบีบคอจนเสียชีวิต ก่อนนำศพไปทิ้งห่างจากบ้านประมาณ 500 เมตรเพื่ออำพรางคดี ล่าสุดตำรวจควบคุมตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพแล้ว
|
ตำรวจภูธร จ.เพชรบูรณ์ นำตัวตาของเด็กอายุ 2 ขวบไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ หลังรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุฆ่าหลานตัวเองเพราะโกรธที่ลูกสาวไม่ส่งเงินค่าเลี้ยงดูหลานมาให้
|
อาชญากรรม
|
ฆ่าอำพรางคดี,ตาฆ่าหลาน,ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ,บีบคอ,ร่องน้ำ,อ.หล่มสัก,เด็ก 2 ขวบ,เพชรบูรณ์
|
https://news.thaipbs.or.th/content/4691
|
บนเส้นทางเจ้าเมือง (2)
|
อย่างเช่นผู้ว่าฯที่มีชื่อปรากฏในคำสั่งย้ายมีบางคนที่มีที่มาที่น่าสนใจ อาทิ นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผวจ.ลำปางคนใหม่ ที่เคยสร้างชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันทั่วประเทศและทั่วโลกในฐานะ ผู้บัญชาการสถานการณ์ปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยถ้ำหลวงเพื่อช่วยชีวิต 13 เด็กนักฟุตบอลทีมหมูป่ากับโค้ช ที่จังหวัดเชียงราย,ผู้ว่าณรงค์ศักดิ์ เป็นวิศวกร โดยจบวิศวะเกษตร รับราชการในกรมที่ดิน เคยเป็นผู้อำนวยการสำนักเทคโนโลยีทำแผนที่ และที่ปรึกษาด้านวิศวกรรมสำรวจ เมื่อเติบโตจนเต็มที่ในสายงานของกรมที่ดินก็ได้ขยับไปเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทยแล้วออกไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และพะเยา ก่อนจะมีคำสั่งล่าสุดให้มาอยู่ลำปางในวันที่ 1 ตุลาคม 2562 ซึ่งคงไม่ลืมนำเทคโนโลยี ฝายพับได้ ไปแก้ปัญหาน้ำที่ลำปางด้วย,ผู้ว่าฯที่มาจากวิศวกรอีกคนคือ นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ที่ย้ายไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน รายนี้เติบโตมาจากกรมโยธาธิการและผังเมือง จากผู้ตรวจราชการกรม ได้โควตามาเป็นรองผู้ว่าราชการจังหวัดที่จันทบุรี สิงห์บุรี และเพชรบุรี รวม 5 ปี แล้วขึ้นเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่เมื่อปี 2560 คราวนี้เมื่อไปอยู่ลำพูน เมืองใกล้ชิดติดกันกับลำปาง ผู้ว่าวิศวกร ทั้ง 2 อาจจะมีความร่วมมืออะไรดีๆให้ประชาชนทั้ง 2 แห่งได้ชื่นชมก็เป็นได้,อีกรายที่น่าชื่นชมก็คือ นางกานต์เปรมปรีด์ ชิตานนท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย ไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ และเป็น ผู้ว่าราชการจังหวัดหญิง คนเดียวที่ยังอยู่ในราชการ น่าเสียดายที่อยู่ได้เพียงปีเดียวเพราะจะเกษียณในปี 2563,ผู้ว่าราชการจังหวัดอีกรายหนึ่งซึ่งน่าจับตามองคือ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิ์ถาวร ซึ่งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬเมื่อปีที่แล้ว มาปีนี้มีชื่อในลำดับสุดท้ายของคำสั่งนี้ก้าวกระโดดขึ้นมาเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี โดยมีอายุราชการยาวไกลถึงปี 2575,แต่อย่าตะลึงไปเพราะผู้ว่าฯที่มีอายุน้อยกว่านี้ยังมีอีกเพียงแต่ปีนี้ไม่มีชื่อในคำสั่งย้าย นั่นคือ นายสยาม ศิริมงคล ที่เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมเมื่อปีที่แล้ว โดยมีเส้นทางที่น่าทึ่งคือ ผู้อำนวยการกองการเจ้าหน้าที่ ปี 2554 ผู้ช่วยปลัดกระทรวง ปี 2557 รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ปี 2558 ผู้ตรวจราชการกระทรวง ปี 2560 และผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ปี 2561 แล้วมีกำหนดเกษียณอายุในปี 2577,อีกคนที่ไม่เอ่ยถึงไม่ได้คือ นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ที่อยู่โคราชมา 4 ปีเต็มและได้รับอนุมัติจาก ครม.ให้ขยายเวลาการดำรงตำแหน่งต่อไปอีก 1 ปี จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2563 แล้วก็ยังไม่เกษียณเพราะไปถึงคิวในปี 2565,พร้อมกันนี้มีอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดคนหนึ่งซึ่งได้รับคืนความเป็นธรรมคือ นายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ซึ่งเคยถูกคำสั่งตาม ม.44 ย้ายจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ไปเป็น ผู้ตรวจราชการพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มาตั้งแต่ปี 2560 ตอนนี้ได้โอนกลับไปเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทยแล้ว และโดยมีที่กำหนดเกษียณอายุในปี 2567 จึงทำให้มีโอกาสที่จะได้ออกไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดอีกครั้ง,ทั้งหมดนี้เป็นแง่มุมต่างๆบนเส้นทางเจ้าเมืองที่มีรสชาติเปรี้ยวหวานมันเค็มครบเครื่อง.,บนเส้นทางเจ้าเมือง,ซี.12
|
การย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดคราวนี้เป็นอะไรที่น่าสนใจหลายประการ นอกจากการจับคู่สลับจังหวัดดังที่เล่าให้ฟังเมื่อวานแล้ว ยังมีประเด็นอื่นๆอีก
| null |
ผู้ว่าราชการจังหวัด,ย้ายผู้ว่าราชการจังหวัด,ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร,แต่งตั้งโยกย้าย,กระทรวงมหาดไทย,มุมข้าราชการ,ซี.12,ราชการ
|
https://www.thairath.co.th/news/politic/1635810
|
จุรินทร์ ช่วยอุตสาหกรรมธุรกิจไม้ยางพาราแปรรูปสู้ภัยไวรัส โควิด-19
|
เมื่อวันที่ 26 ก.พ.63 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ มอบหมายให้ นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ ประชุมหารือแนวทางช่วยเหลือผู้ประกอบการอุตสาหกรรมไม้ยางพาราแปรรูป ซึ่งกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศโดยสำนักพัฒนาตลาดและธุรกิจไทยในต่างประเทศ 1 กระทรวงพาณิชย์สนับสนุนให้เปิดตลาดเฟอร์นิเจอร์ไม้ยางพาราแปรรูปในประเทศจีน อินเดีย และอีกหลายประเทศทั่วโลก แต่ด้วยเจอภาวะวิกฤติของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โควิด-19 ทางสมาคมธุรกิจไม้ยางพาราไทย จึงขอความอนุเคราะห์นายจุรินทร์ ให้ช่วยเหลือผู้ประกอบการทั้งเรื่องหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำเพื่อเพิ่มสภาพคล่องและมาตรการจากทางภาครัฐเกี่ยวกับการชำระหนี้ธนาคารการประชุมครั้งนี้มีผู้เกี่ยวข้องทั้งกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กรมการค้าภายใน กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ สำนักงบประมาณ การยางแห่งประเทศไทย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ธนาคารแห่งประเทศไทยและสมาคมธุรกิจไม้ยางพาราไทย ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิก 135 บริษัท ซึ่งร้อยละ 70 เป็นลูกหนี้ธนาคารเอกชน ส่วนร้อยละ 30 เป็นลูกหนี้ธนาคารรัฐ เช่น กรุงไทย เป็นต้น เข้าร่วมหารือ สรุปผลการประชุมมีแนวทางที่จะให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศซึ่งเป็นต้นเรื่อง ร่วมกับการยางแห่งประเทศไทยกับ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เสนอมาตรการเข้าคณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทยซึ่งมี รมว.พาณิชย์ เป็นกรรมการ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน นอกจากนั้นจะได้ทำการประสานงานธนาคารเอกชน โดยสมาคมธนาคารแห่งประเทศไทย ประกาศมาตรการดูแลลูกหนี้ในภาวะนี้ให้ผ่านสถานการณ์ Covid-19 และประสานกระทรวงการคลังเพื่อหาช่องทางเพิ่มเติมนางมัลลิกา กล่าวว่า อุตสาหกรรมไม้ยางพาราแปรรูปมีโรงงานแปรรูปไม้ในประเทศไทยทั้งสิ้น 1208 โรงงาน ตั้งอยู่ในภาคใต้ 80% ภาคตะวันออก 15% อีสาน 4% และภาคอื่นๆ 1% ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีอนาคตและเป็นห่วงโซ่ในการแก้ไขปัญหาราคายางพารา จากปัญหาดังกล่าวนั้นถ้าไม่บรรเทาจะสร้างความเดือดร้อนห่วงโซ่ยางพาราของไทยตั้งแต่ชาวสวนยางที่รัฐบาลให้การส่งเสริมการโค่นยางพารา 400000 ไร่ต่อปี ขณะที่อุตสาหกรรมด้านนี้กำลังมีอนาคตเนื่องจากตลาดหลายประเทศต้องการเฟอร์นิเจอร์ไม้และในประเทศอินเดียก็ส่งเสริมให้ประชาชนมีบ้าน แต่ขณะนี้รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ต้องการเร่งให้ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมนี้เพื่อจะได้ไม่กระทบกับเกษตรกรยางพาราต่อไป.
|
จุรินทร์ ส่ง มัลลิกา ประชุมช่วยเหลือผู้ประกอบการอุตสาหกรรมไม้ยางพาราแปรรูป สู้ภัยไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ โควิด-19
|
ข่าว,เศรษฐกิจ
|
จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์,รมวพาณิชย์,มัลลิกา บุญมีตระกูล,ช่วยอุตสาหกรรม,ช่วยผู้ประกอบการธุรกิจไม้ยางพารา,ภัยไวรัส,โควิด-19,ข่าวทั่วไป
|
https://www.thairath.co.th/news/business/market-business/1781161
|
หน่วยงานสหรัฐฯขอโทษ ขู่ใช้บินทิ้งระเบิดบึมคนคลั่งเอเลี่ยน ถ้าบุกแอเรีย51
|
เมื่อ 22 ก.ย.62 สำนักข่าวรอยเตอร์ และ,บีบีซี, รายงาน หน่วยงานประชาสัมพันธ์ของกองทัพสหรัฐฯ the Defense Visual Information Distribution Service (DVIDS) ประกาศขอโทษและได้ลบทวิตเตอร์ หลังโพสต์ข้อความขู่จะใช้เครื่องบินทิ้งระเบิด B-2 สเตลธ์ จัดการกับพวกคนยุคมิลเลนเนียลส์ คลั่งมนุษย์ต่าวดาวทั้งหลาย ที่บุกเข้าไปในฐานทัพ แอเรีย 51 ขณะที่มีผู้คนได้พากันมายังบริเวณด้านหน้าประตูทางเข้าฐานทัพลับสุดยอด แอเรีย 51 กลางทะเลทรายรัฐเนวาดา เมื่อ 19-20 ก.ย. ที่ผ่านมา เพื่อหวังอยากเข้าไปดูให้เห็นกับตาว่า ฐานทัพลับสุดยอดของกองทัพสหรัฐฯ แอเรีย 51 แห่งนี้ได้เก็บมนุษย์ต่างดาว และจานบินไว้จริงตามคำเล่าขานหรือไม่,กลุ่มนักท่องเที่ยวและผู้คนสนใจเรื่องเล้นลับของมนุษย์ต่างดาว จานบิน กว่า 3,000 คน ได้พากันมายังบริเวณด้านหน้าฐานทัพ แอเรีย 51 ในช่วง 19-20 ก.ย.ที่ผ่านมา หลังจากมีนักศึกษาหนุ่มวัย 21 ได้รณรงค์ผ่านทางเฟซบุ๊กเมื่อเดือนมิถุนายน 2562 ให้ผู้คน บุก แอเรีย 51 ก่อนต่อมา จะบอกว่าเรื่องนี้เป็นแค่เรื่องตลกๆ เท่านั้น เพราะไม่ได้ขนาดกำหนดวันที่แน่นอนในการบุกฐานทัพลับสุดยอดแห่งนี้แต่อย่างใด,อย่างไรก็ตาม ถึงแม้คนเริ่มปลุกกระแสอยากดูเอเลี่ยน ที่แอเรีย 51 จะบอกว่าเป็นแค่เรื่องโจ๊กตลกๆ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความสนใจของผู้คนลดน้อยลงไป เพราะได้มีผู้คนจำนวนไม่น้อยมาชุมนุมที่ด้านหน้าแอเรีย 51 ซึ่งมีการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา และบางคนก็ถึงกับแต่งชุดเหมือนเอเลี่ยน และนักบินอวกาศเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศของการมาที่นี่เพื่ออยากดูเอเลี่ยน และจานบินกันอีกด้วย ,ทั้งนี้ แอเรีย 51 เป็นชื่อเรียกของฐานทัพที่ตั้งอยู่กลางทะเลทราย ทางตอนใต้ของรัฐเนวาดา ห่างจากเมืองราเชล ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ ราว 19 กิโลเมตร และตั้งอยู่ห่างจากดาวน์ทาวน์ ใจกลางเมืองลาสเวกัส รา 133 กิโลเมตร โดยความเข้มงวดด้านการปกปิดความลับของฐานทัพ แอเรีย 51 จึงยิ่งมักทำให้ถูกตั้งประเด็นในเรื่องสถานที่แห่งนี้ว่า ได้เก็บร่างมนุษย์ต่างดาว หรือจานบินเรื่อยมา,ข่าวเกี่ยวข้อง,กองทัพอากาศสหรัฐฯ ไม่ขำด้วย เตือนคนนับล้านขู่จะบุก แอเรีย 51ดูเอเลี่ยน
|
หน่วยงานPR ของกองทัพสหรัฐฯขอโทษ โพสต์ขู่จะส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดสเตลธ์ บอมบ์บรรดาคนคลั่งเอเลี่ยนทั้งหลายหากบุกเข้าไปใน ฐานทัพลับสุดยอด แอเรีย 51 กลางทะเลทรายที่รัฐเนวาดา
|
ข่าว,ต่างประเทศ
|
เอเลี่ยน,มนุษย์ต่างดาว,Area51,จานบิน,แอเรีย 51
|
https://www.thairath.co.th/news/foreign/1666418
|
เอไอเอส เติมเต็มไลฟ์สไตล์ทุกมิติเอาใจคนเจน ซี
|
ด้วยการนำ AI มายกระดับ Virtual Agent พร้อมผสานพนักงานผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้บริการลูกค้าได้ครบทุกช่องทางออนไลน์และโซเชียลมีเดีย เป็นรายแรก ในประเทศไทยที่ให้บริการแบบ Full Service Digitization เพื่อเอาใจกลุ่มลูกค้า Gen C ณ ลานอีเดน ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์,ภายในงานได้มีการอัปเดตการบริการแบบ Full Service Digitization ที่ให้บริการรวดเร็ว รู้ใจตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งสายกิน สายช็อป สายเที่ยว พร้อมนำทัพมอบสิทธิพิเศษ 28,000 ร้านค้า ครบทุกไลฟ์สไตล์ ครอบคุลมในทุกพื้นที่ พร้อมกันนี้ยังได้ขยายสิทธิพิเศษและกิจกรรมดีๆ สำหรับผู้ใช้บริการทั่วทุกภูมิภาคอีกด้วย ซึ่ง บุษยา สถิรพิพัฒน์กุล Head of Customer & Service Management เอไอเอส เปิด เผยว่า ในยุคที่สิ่งต่างๆ เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีเป็นปัจจัยสำคัญที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของคนเรามากยิ่งขึ้น ทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคมีความหลากหลาย โดยเฉพาะลูกค้า Gen C ที่ต้องการเชื่อมต่อและสื่อสารอยู่ตลอดเวลา ต้องการความรวดเร็วทันที และชอบทำสิ่งต่างๆด้วยตนเอง ดังนั้น เอไอเอสมีแนวคิด AIS 360ํ ที่ 1 ตัวจริง ครบทุกการดูแล โดยได้พัฒนาต่อยอดการให้บริการและสิทธิพิเศษเพิ่มมากขึ้น ทั้งงานบริการที่ยกระดับช่องทาง AIS Facebook Messenger ด้วยการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพของการบริการ ทำให้น้องอุ่นใจสามารถตอบคำถามต่างๆ ของลูกค้าได้ทันที ส่วนสิทธิพิเศษที่ได้รับความสนใจมากที่สุด คือด้าน Dining จึงร่วมกับร้านอาหารชั้นนำหลากสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นปักหมุดย่านดัง, กูรูชี้เป้าร้านอร่อย, อิ่มอร่อยร้านดังในห้าง และตลาดดัง 77 จังหวัดทั่วไทย ทั้งยังจัดกิจกรรมสุดเอกซ์คลูซีฟ เอไอเอส เปิดเสน่ห์เมืองไทย กับเผ่าทอง ทองเจือ ในมุมที่ไม่เคยรู้มาก่อน ไม่ว่าจะเป็นด้านประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น นอกจากนี้ ยังให้ลูกค้าที่ชื่นชอบใช้สติกเกอร์ไลน์แทนการสื่อความหมายได้ง่ายๆ สามารถนำพอยต์มาแลกรับสติกเกอร์ไลน์ได้ทันที เป็นครั้งแรกในไทย เป็นต้น,นอกจากนี้ พันธมิตรที่ร่วมกิจกรรมอย่างการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), องค์การสวนสัตว์ ในพระบรมราชูปถัมภ์, เว็บไซต์ชื่อดัง Wongnai, รวมทั้งชานมไข่มุก The Alley ต่างยืนยันในการร่วมมอบสิทธิพิเศษสำหรับกิจกรรมครั้งนี้อย่างเต็มที่ ซึ่งติดตามรายละเอียดที่ ,http://www.ais.co.th/ais360/, และ AIS Privilege Line Official
|
เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคดิจิทัลที่ต้องการความสะดวกสบายและรวดเร็ว ทำสิ่งต่างๆ ได้ด้วยตนเอง ล่าสุด เอไอเอส เปิดตัวแนวคิด AIS 360ํ ที่ 1 ตัวจริง ครบทุกการดูแล
|
ข่าว,เศรษฐกิจ
|
เอไอเอส,AIS,Full Service Digitization,Gen C,ไลฟ์สไตล์,การท่องเที่ยว,ข่าวทั่วไป
|
https://www.thairath.co.th/news/business/1525143
|
พา ปู่คออี้ กลับบ้านไม่ได้ บ้านบางกลอยน้ำท่วม
|
วันนี้ (6 ต.ค.2561) ลูกหลานและญาติของนายโคอิ มีมิ หรือ ปู่คออี้ ผู้นำจิตวิญญาณชาวกะเหรี่ยงแห่งผืนป่าแก่งกระจาน อายุ 107 ปี ที่เสียชีวิตจากอาการปอดติดเชื้อ ยังคงทยอยเข้ามาเคารพศพ ที่วัดแก่งกระจาน เป็นวันที่ 2แม้ความตั้งใจเดิมของผู้เฒ่าชาวกะเหรี่ยง ที่เคยบอกไว้ว่าต้องการกลับไปที่บ้านเกิดในป่าแก่งกระจาน แต่ด้วยสภาพฝนที่ตกอย่างต่อเนื่อง ทำให้เส้นทางไปยังหมู่บ้านโป่งลึก-บางกลอย ถูกตัดขาดจากน้ำที่ท่วมสูง จุดตัดลำห้วยแม่มะเร็วแทบทุกจุดมีน้ำล้นฝาย บางจุดลึกเกือบเมตร รถไม่สามารถผ่านได้เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ยืนยันสภาพน้ำในลำห้วยลักษณะนี้ อาจต้องรอเวลาอีกไม่น้อยกว่า 2 วันถึงจะลดลง หากฝนไม่ตกลงมาเพิ่มเติมทั้งนี้ เคลื่อนศพปู่คออี้กลับไปประกอบพิธีตามความเชื่อที่ชุมชนกะเหรี่ยงหมู่บ้านโป่งลึกบางกลอยในวันที่ 9 ตุลาคมจะทำการฌาปนกิจศพในวันที่ 11 ตุลาคม เวลา 10.00 น.ปู่คออี้ ถือเป็นผู้อาวุโสที่ชาวกะเหรี่ยงให้การนับถือ และได้รับการยอมรับว่าเป็นนักสู้เพื่อสิทธิชนเผ่า จากมาตรการผลักดันกลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในป่าแก่งกระจานออกจากพื้นที่ หลังประกาศเขตอุทยาน จนเกิดความขัดแย้ง ไร่รื้อ เผาบ้าน และที่ทำกินของชาวบ้านจนนำไปสู่การฟ้องดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่รัฐ และตลอดช่วงชีวิตของปู่คออี้มีความตั้งใจที่จะกลับไปใช้ชีวิตที่บ้านใจแผ่นดิน หมู่บ้านเล็กๆ ในป่าแก่งกระจาน ที่ซึ่งถูกผลักดันให้ออกจากพื้นที่มาอยู่ที่บ้านบางกลอย จนเป็นที่มาของประโยคที่ว่า เกิดมาก็กินน้ำนมหยดแรก ที่บ้านใจแผ่นดิน
|
หลังการสูญเสียปู่คออี้ ผู้นำทางจิตวิญญาณของชาวกะเหรี่ยง อายุ 107 ปี ด้วยอาการปอดติดเชื้อ ทางญาติยืนยันจะนำศพขึ้นไปประกอบพิธีที่หมู่บ้านในป่าแก่งกระจาน แม้ขณะนี้ยังมีอุปสรรคเส้นทางสัญจร
|
สังคม
|
ปู่คออี้,เสียชีวิต,ป่าแก่งกระจาน,ชุมชนกะเหรี่ยง,บ้านบางกลอย,บ้านใจแผ่นดิน,เพชรบุรี,น้ำท่วม,ฝนตก,ThaiPBSnews,ข่าวไทยพีบีเอส,ไทยพีบีเอส,ThaiPBS
|
https://news.thaipbs.or.th/content/274961
|
เข็มชัย ชุติวงศ์ อสส.คนใหม่แถลง 5 นโยบายบริหารงาน
|
วันที่ 24 ต.ค.60 ที่ห้องประชุม 120 ปี อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.แจ้งวัฒนะ นายเข็มชัย ชุติวงศ์ อัยการสูงสุด แถลงนโยบายการบริหารงาน โดยมีผู้บริหาร จำนวน 250 คน ประกอบด้วย รองอัยการสูงสุด ผู้ตรวจการ อัยการ อธิบดีอัยการ รองอธิบดีอัยการ อัยการพิเศษฝ่าย เลขานุการอัยการสูงสุด เลขานุการรองอัยการสูงสุด เลขานุการผู้ตรวจการอัยการ และผู้อำนวยการสำนักงานในส่วนกลาง เข้าร่วมฟังการประชุมและแถลงนโยบายการบริหารงานของอัยการสูงสุด นอกจากนี้ยังมีการถ่ายทอดผ่านทาง Video Conference ไปยังสำนักงานอัยการภาค 1-9 และถ่ายทอดผ่านทางอินเทอร์เน็ต โดยมีจุดประสงค์ให้ผู้บริหาร ข้าราชการฝ่ายอัยการ และบุคลากรของสำนักงานอัยการสูงสุดในส่วนภูมิภาคทั่วประเทศได้รับฟังการแถลงนโยบายในการบริหารราชการ การบริหารงานบุคคล การบริหารงบประมาณ และการดำเนินงานต่างๆ ของอัยการสูงสุด อีกทั้งเพื่อให้การบริหารราชการอัยการสูงสุดเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เกิดผลสัมฤทธิ์ เกิดการคุ้มค่า และประชาชนได้รับการอำนวยความสะดวก และได้รับความพึงพอใจ เสมอภาค และมีผลต่อเนื่อง โดยนโยบายการบริหารงาน แบ่งเป็น 5 ด้าน ประกอบด้วย,นโยบายด้านการคุ้มครองสิทธิของประชาชน,1.ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ต้นแบบ (Model Strategies) และมาตรการเชิงปฏิบัติของสหประชาชาติในการขจัดความรุนแรงต่อเด็กและสตรี ในด้านการป้องกันอาชญากรรม และกระบวนการยุติธรรมทางอาญา,2.การเผยแพร่ความรู้และความเข้าใจ การนำหลักนิติธรรมมาใช้ในการพัฒนาที่ยั่งยืน (Rule of law for Sustainable Development) และการน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีแก่สังคม ,3.ให้ความช่วยเหลือพัฒนาศักยภาพกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนของคนในชนบท ทำให้การบริหารจัดการกองทุนดังกล่าวมีประสิทธิภาพมากขึ้น,4.สนับสนุนการปฏิรูปกฎหมาย เพื่อให้เกิดความเสมอภาค ลดความเหลื่อมล้ำ ให้คนจนได้เข้าถึงความยุติธรรม,นโยบายด้านการพัฒนาองค์กรอัยการ ,1.พัฒนาบุคลากรขององค์กรอัยการ ทั้งข้าราชการอัยการและข้าราขการธุรการให้เป็นคนเก่งและคนดี พัฒนาพนักงานอัยการให้มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ,2.สร้างระบบการบริหารงานบุคคลที่โปร่งใส กำกับดูแลผู้บริหารและบุคลากรทุกระดับให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างมีคุณธรรมและซื่อสัตย์สุจริต ,3.นำระบบเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานให้มีความรวดเร็ว ถูกต้อง สามารถรองรับการให้บริการแก่ประชาชนตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 (Thailand 4.0) ของรัฐบาล,4.ส่งเสริมงานประชาสัมพันธ์เชิงรุก สร้างความเข้าใจแก่ประชาชนถึงบทบาท หน้าที่ขององค์กรอัยการให้ข้อมูลเกี่ยวกับคดีสำคัญที่ประชาชนสนใจ จัดให้มีการติดต่อสื่อสารรับฟังความคิดเห็นจากบุคลากรในองค์กรอัยการสูงผู้บริหารและผู้บริหารสู่บุคลากรในองค์กร,นโยบายด้านบริหารกระบวนการยุติธรรม,1.ร่วมมือกับองค์กรอื่นในกระบวนการยุติธรรม ให้สามารถป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น,2.พัฒนาประสิทธิภาพในการสอบสวนและสั่งคดีของพนักงานอัยการ ให้มีความเที่ยงธรรมและรวดเร็วยิ่งขึ้น,3.สนับสนุนการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ของคณะกรรมการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมให้ประสบความสำเร็จเป็นรูปประธรรม,4.ดำเนินการให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังพัฒนางานด้านการปราบปรามการทุจริตอาชญากรรมข้ามชาติ คดีค้ามนุษย์ คดียาเสพติด และคดีความมั่นคงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้สามารถลงโทษผู้กระทำผิดได้อย่างเด็ดขาดจริงจัง,นโยบายด้านการรักษาประโยชน์ของรัฐ,1.ทำหน้าที่ทนายแผ่นดินในการรับว่าต่าง แก้ต่าง ในคดีแพ่ง คดีปกครองอย่างมืออาชีพ รวมทั้งการตรวจร่างสัญญาและเป็นที่ปรึกษาปัญหาทางกฎหมาย เพื่อให้หน่วยงานของรัฐที่ใช้บริการได้ประโยชน์สูงสุด,2.ให้ความร่วมมือและช่วยเหลือหน่วยงานของรัฐในการทำโครงการ หรือกิจการต่างๆในรูปแบบของคณะกรรมการ อนุกรรมการ หรือคณะทำงาน ในประเด็นปัญหาทางกฎหมาย กฎระเบียบต่างๆ,3.เป็นที่ปรึกษากฎหมายที่มีประสิทธิภาพให้แก่รัฐบาลในการดำเนินคดีความต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกประเทศ,นโยบายด้านต่างประเทศ,1.ปฏิบัติหน้าที่ประสานงานและให้ความช่วยเหลือต่างประเทศในเรื่องการส่งผู้ร้ายข้ามแดนและความช่วยเหลือทางอาญา ตลอดจนเป็นผู้แทนหน่วยงานของรัฐในไทย ในการขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนและขอความช่วยเหลือทางอาญาจากต่างประเทศ ทั้งนี้เพื่อให้อาชญากรทั้งหลายไม่สามารถมีที่หลบซ่อนได้ในโลกนี้,2.พัฒนาการมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นในเวทีการประชุมระดับโลกและระดับภูมิภาคเพื่อยกระดับองค์กรอัยการไทยสู่ระดับสากล เสริมสร้างความสัมพันธ์กับองค์กรอัยการประเทศอื่นๆ เพื่อความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม.
|
เข็มชัย แถลงนโยบาย 5 ด้าน เพื่อให้การบริหารราชการอัยการสูงสุดเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ประชาชนได้รับการอำนวยความสะดวก และได้รับความพึงพอใจ เสมอภาค
|
ข่าว,อาชญากรรม
|
เข็มชัย ชุติวงศ์,อสส.,อัยการสูงสุด,แถลงนโยบาย,สำนักงานอัยการสูงสุด,ข่าวทั่วไป
|
https://www.thairath.co.th/news/crime/1106617
|
รวบ 2 ผู้ต้องหา ขนซากสุนัขชำแหละเกือบ 300 กก. ส่งท่าแร่
|
เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 1 กรกฎาคม ที่สถานีตำรวจทางหลวง พ.ต.ท.พงษ์เพชร จุลจำเริญทรัพย์ สว.ส.ทล.5 กก.4 บก.ทล. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง แถลงข่าวจับกุม ขบวนการค้าสุนัข ได้ผู้ต้องหา 2 คน คือ นายสนั่น ศรีมาตร อายุ 43 ปี บ้านเลขที่ 84 หมู่ 5 ต.ท่าแร่ อ.เมือง จ.สกลนคร และนาย ไตรรงค์ ซึมเมฆ อายุ 27 ปี บ้านเลขที่ 89 หมู่ 5 ต.ท่าแร่ พร้อมของกลางเป็นซากสุนัขชำแหละ บรรจุใส่ถุง ถุงละ 5 ตัว จำนวน 10 ถุง ซากชำแหละเป็นเนื้ออีก 50 ถุง น้ำหนักประมาณ 300 กิโลกรัม รถกระบะยี่ห้อ อีซูซุ สีน้ำเงิน ทะเบียน บน 4954 สกลนคร จับได้ขณะผู้ต้องหาทั้งสอง ลำเลียงจาก อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร กลับมาบ้านที่ตำบลท่าแร่ ที่หลักกิโลเมตร ที่ 160-161 ทางหลวงหมายเลข 22 เขตบ้านป่าหว่าน ต.ฮางโฮง อ.เมือง จ.สกลนคร ,จากการสอบสวน ทั้งสองคนทราบว่า รับซากสุนัขชำแหละมาจาก อ.ดงหลวง ตัวละ 200 บาท จำนวน 50 ตัว เนื้อชำแหละ กิโลกรัมละ 60 บาท จำนวน 300 กิโลกรัม เพื่อนำมาจำหน่ายในพื้นที่ตำบลท่าแร่ ซึ่งในช่วงนี้ เจ้าหน้าที่ได้เข้มงวดกวดขันจับกุมการค้าสุนัข ผู้ค้าจึงได้ตระเวนไปชำแหละที่ต่างจังหวัด เพื่อหลบหลีกการจับกุมของเจ้าหน้าที่ ,จากนั้น นายสัตวแพทย์ วิศุทธิ์ เอื้อกิ่งเพชร ปศุสัตว์ชำนาญการ ได้เข้าไปตรวจสอบและนำซากสัตว์ไปฝังกลบในพื้นที่ปลอดภัย ก่อนแจ้งข้อหาแก่ผู้ต้องหา ทารุณกรรมสัตว์ และมีความผิดตาม พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ (สุนัข) มาตรา 21 นำตัวไปดำเนินคดี.
|
ทล. รวบ 2 ผู้ต้องหา ขนซากสุนัขชำแหละ หนักประมาณ 300 กก. และซากสุนัขอีก 50 ตัว จากมุกดาหาร ส่งพื้นที่ท่าแร่ รับเจ้าหน้าที่กวดขันหนัก จึงต้องย้ายไปชำแหละที่อื่น ก่อนส่งกลับมาขายที่ท่าแร่ เพื่อเลี่ยงการจับกุม
|
ข่าว,ทั่วไทย
|
ซากสุนัข,เนื้อสุนัข,เนื้อหมา,ท่าแร่,ชำแหละ,ทางหลวง,อุบลราชธานี,ทารุณกรรมสัตว์,พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์,ฝังกลบ,ข่าว,ข่าวภูมิภาค,ไทยรัฐออนไลน์
|
https://www.thairath.co.th/news/local/508653
|
จับตา 7 ดีลยักษ์ตลาดนักเตะยุโรป ดาวดังส่อย้าย
|
1.พอล ป็อกบา,ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า มิดฟิลด์ดีกรีแชมป์ฟุตบอลโลก 2018 น่าจะย้ายออกจากทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังเจ้าตัวให้สัมภาษณ์แบบไม่มีความเกรงใจต้นสังกัดเลยว่า พร้อมที่จะพิจารณาย้ายออกไปหาความท้าทายใหม่กับทีมอื่น และถึงแม้ว่าปิศาจแดงจะไม่อยากปล่อยเขาออกไป แต่ถ้าได้ค่าตัวในระดับ 150 ล้านปอนด์ ก็พร้อมที่จะนั่งโต๊ะเจรจาด้วย โดยมี เรอัล มาดริด ที่ให้ความสนใจ,2.แฮร์รี แม็คไกวร์,หลังจากโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นให้กับ เลสเตอร์ ซิตี้ และทีมชาติอังกฤษมาอย่างต่อเนื่อง ไม่น่าแปลกใจที่ แม็คไกวร์ จะได้รับความสนใจจาก 2 สโมสรดังในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดยทาง จิ้งจอกสยาม ตั้งค่าตัวของปราการหลังจอมแกร่งรายนี้ไว้สูงถึง 90 ล้านปอนด์เลยทีเดียว ซึ่งตามรายงานข่าวจากสื่อในอังกฤษระบุว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มองว่าค่าตัวของ แม็คไกวร์ นั้นแพงเกินไป ทำให้เวลานี้ ยูไนเต็ด มีโอกาสได้ตัวมาร่วมทีมมากที่สุด,3.ชูเอา เฟลิกซ์,เฟลิกซ์ วัย 19 ปี ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับทีมเบนฟิกา ในฤดูกาล 2018-19 หลังซัดไป 15 ประตู กับ 9 แอสซิสต์ จากการลงเล่นในลีก 26 นัดในลีกสูงสุดของโปรตุเกส ทั้งที่เป็นฤดูกาลแรกของเขากับทีมชุดใหญ่ และจากฟอร์มการเล่นดังกล่าวทำให้ดาวเตะทีมชาติโปรตุเกสได้รับความสนใจจากหลายทีมในยุโรป โดยมีค่าฉีกสัญญาอยู่ที่ 120 ล้านยูโรเลยทีเดียว ดีลนี้มีโอกาสออกได้หลายหน้า แต่ทีมที่มีโอกาสได้ตัวมากที่สุดมี 2 ทีม คือ แอตเลติโก มาดริด และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้,4.เกเรธ เบล,เป็นที่เข้าใจกันว่า เบล ไม่ได้อยู่ในแผนการทำทีมของ ซีเนดีน ซีดาน กุนซือทีมเรอัล มาดริด ในฤดูกาลหน้าอย่างแน่นอน แต่เจ้าตัวดื้อดึงไม่คิดจะย้าย แถมยังไม่มีทีมไหนที่ยื่นข้อเสนอเข้ามาแบบจริงๆ จังๆ ด้วยเรื่องของค่าตัวและค่าเหนื่อก้อนโต ทำให้อนาคตของเขาค่อนข้างเคว้งคว้าง ดังนั้นสิ่งที่น่าเกิดขึ้นมากที่สุดน่าจะเป็นการยืมตัวมากกว่า,5.อองตวน กรีซมันน์,นี่ก็เป็นอีกคนที่กำลังเคว้งคว้าง หลังออกมาประกาศยืนยันว่าจะย้ายออกจากทีมแอตเลติโก มาดริด อย่างแน่นอน แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีทีมไหนยื่นข้อเสนอเข้ามาเลย ขนาดตัวเต็งอย่างบาร์เซโลนาก็ไม่มีความชัดเจนที่จะอยากได้ดาวเตะทีมชาติฝรั่งเศสรายนี้ไปร่วมทีม ต้องลุ้นกันต่อไปว่าสุดท้าย กรีซมันน์ จะไปลงเอยกับทีมไหน,6.มัทไธส์ เดอ ลิกต์,แนวรับอนาคตไกลของทีมชาติเนเธอร์แลนด์ กำลังเนื้อหอมอย่างหนัก หลายทีมดังแย่งคว้าตัว ไม่ว่าจะเป็น บาร์เซโลนา, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล และ ปารีส แซงต์ แชร์แมง ซึ่งเจ้าตัวยังแทงกั๊ก ไม่เลือกสักทีว่าจะย้ายไปทีมไหน อาจจะยังรอข้อเสนอที่โดนใจอยู่ แต่หลายฝ่ายคาดกันว่า ปารีส แซงต์ แชร์แมง มีโอกาสได้ตัวเขาไปร่วมทีมมากที่สุด,7.เนย์มาร์,เรียกได้ว่าข่าวล่าสุดจากค่ายเปแอสเช สะเทือนวงการลูกหนังยุโรปไม่น้อย เมื่อ นาสเซอร์ อัล เคไลฟี ประธานสโมสรปารีส แซงต์ แชร์กแมง อยู่ดีๆ ออกมาประกาศลั่น พร้อมปล่อยนักเตะที่ชอบทำตัวเป็นซุปเปอร์สตาร์ออกจากทีม ซึ่งหลายฝ่ายคาดกันว่าเป็น เนย์มาร์ กองหน้าทีมชาติบราซิลนั่นเอง และจากประเด็นนี้จึงทำให้มีความเป็นไปได้ไม่น้อยที่การย้ายทีมครั้งต่อไปของ เนย์มาร์ อาจจะกำลังเกิดขึ้น แต่ติดตรงที่ว่าจะมีทีมไหนพร้อมจ่ายค่าตัวก้อนโตเท่านั้นเอง.
|
จับตา 7 ดีลยักษ์ ที่อาจเกิดขึ้นในตลาดซื้อขายนักเตะทวีปยุโรปช่วงซัมเมอร์นี้ การย้ายทีมด้วยค่าตัวมูลค่ามหาศาลกำลังจะเกิดขึ้น
| null |
พอล ป็อกบา,เนย์มาร์,ชูเอา เฟลิกซ์
|
https://www.thairath.co.th/sport/eurofootball/otherleague/1594240
|
ยกฟ้องแกนนำพธม. หมิ่นทักษิณ สมศักดิ์ ปัดถูกรวบ ยันปืนมีใบอนุญาต
|
ศาลอุทธรณ์ยืนยกฟ้องตามศาลชั้นต้นคดีแกนนำพันธมิตรหมิ่น ทักษิณ ชินวัตร ขณะที่ สมศักดิ์ โกศัยสุข ปัดถูกรวบขณะไปศาล ยันปืนมีใบอนุญาต คนถูกจับเป็นเพียงผู้ติดตาม6 พ.ค. 2557 เวลา 10.00 น. ที่ศาลจังหวัดชัยภูมิ ศาลอุทธรณ์ได้อ่านคำพิพากษา โดยมีนายพิชัย ลิมป์วรพรรณ ผู้พิพากษาศาล จ.ชัยภูมิ ขึ้นบัลลังก์ 6 อ่านคำพิพากษายืนยกฟ้องตามศาลชั้นต้น คดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มอบอำนาจให้ทนายความเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และพวกรวม 8 คน ประกอบด้วย นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายพิภพ ธงไชย นายสมศักดิ์ โกศัยสุข พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้บริหารบริษัท เอเอสทีวี (ประเทศไทย) จำกัด และผู้บริหารบริษัท ไทยเดย์ ด็อท คอม จำกัด ต่อกรณีแถลงการณ์พันธมิตรฯ ฉบับที่ 3/2551 ในฐานความผิดร่วมกันกระทำการหมิ่นประมาทผู้อื่นให้ได้รับความเสียหายเสื่อมเสียชื่อเสียงด้วยการโฆษณาเมื่อครั้งพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ชุมนุมใหญ่ 193 วันเพื่อขับไล่รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อปี 2551นอกจากนี้ในระหว่างที่นายสมศักดิ์ เดินทางไปศาลที่จังหวัดชัยภูมินั้น ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองบัวโคก อ.จัตุรัส จ.ชัยภูมิ ตั้งด่านตรวจจับรถและผู้ติดตามนายสมศักดิ์ถูกจับกุมตัวในข้อหาพกอาวุธติดตัว และนายสมศักดิ์ ได้เดินทางไปที่ สภ.หนองบัวโคก เพื่อผู้ติดตามที่ถูกจับอาวุธปืนที่นำติดรถมาด้วย และเพื่อที่จะช่วยทำเรื่องขอประกันตัวสู้คดีในชั้นศาลต่อไปอย่างไรก็ตามมีกระแสข่าวว่านายสมศักดิ์ ถูกจับกุมตัวไปด้วยนั้น นายสมศักดิ์เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า ขณะนี้ไม่ได้ถูกจับที่ จ.ชัยภูมิ ตามที่มีกระแสข่าวออกมาแต่อย่างใด แต่ตนเดินทางมาที่ จ.ชัยภูมิ จริง เพื่อมาขึ้นศาลคดี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ฟ้องหมิ่นประมาท ซึ่งตนได้มีอาวุธปืนติดตัวมาด้วย แต่เป็นอาวุธที่มีใบอนุญาติ พร้อมย้ำว่าไม่ได้ถูกจับแต่อย่างใด
|
ศาลอุทธรณ์ยืนยกฟ้องตามศาลชั้นต้นคดีแกนนำพันธมิตรหมิ่น ทักษิณ ชินวัตร ขณะที่ สมศักดิ์ โกศัยสุข ปัดถูกรวบขณะไปศาล ยันปืนมีใบอนุญาต คนถูกจับเป็นเพียงผู้ติดตาม 6 พ.ค. 2557 เวลา 10.00 น.
|
การเมือง
|
ทักษิณ ชินวัตร,พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย,สมศักดิ์ โกศัยสุข,หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา
|
https://prachatai.com/journal/2014/05/53039
|
พรเพชร-เทียนฉาย ร่วมงานปีใหม่สื่อฯ รัฐสภา
|
วันที่ 24 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า เมื่อเวลาประมาณ 12.00 น. นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) น.ส.ทัศนา บุญทอง รองประธาน สปช. คนที่ 2 นางนรรัตน์ พิมเสน เลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สนช. และนายจเร พันธุ์เปรื่อง เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สปช. ร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์วันปีใหม่ กับสื่อมวลชนประจำรัฐสภา และร่วมรับประทานอาหารกลางวันด้วย,ทั้งนี้ มีสมาชิก สปช. อาทิ นายประสาร มฤคพิทักษ์ นายอลงกรณ์ พลบุตร สปช. ร่วมรับประทาน ซึ่งนายพรเพชร มอบข้าวสารเป็นของขวัญปีใหม่ ส่วนนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองประธาน สปช. และประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช. ติดภารกิจ ได้ส่งกระเช้าของขวัญสวัสดีปีใหม่,ขณะที่คณะกรรมาธิการพลังงาน นำโดย พล.อ.สกนธ์ สัจจานิตย์ ประธานฯ ได้นำข้าวสารไรซ์เบอร์รี่ มอบเป็นของขวัญ ทั้งนี้ นายพรเพชร กล่าวอวยพรวันปีใหม่ต่อสื่อมวลชนว่า ขอปวารณาตัวต่อประชาชนและสื่อมวลชน ว่า จะปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ เพื่อประโยชน์ประชาชน ไม่ว่าจะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ก็จะนำไปปรับปรุง พร้อมชมเชยสื่อมวลชน ที่มีบทบาทเชิงสร้างสรรค์มากขึ้น ตรวจสอบกันเอง,ด้านนายเทียนฉาย อวยพรว่า ในนาม สปช. ก็เตรียมจัดของขวัญปีใหม่ 1 ชิ้น มอบให้กับประชาชนโดยจะมีการแถลงข่าวด้วย
|
ปธ.สนช.-สปช. ร่วมงานปีใหม่สื่อฯ รัฐสภา โดย นายพรเพชร ขอปวารณาตัวจะปฏิบัติหน้าที่ตามรธน.เพื่อประโยชน์ ปชช. ด้านนายเทียนฉายระบุ จัดเตรียมของขวัญให้ประชาชน 1 ชิ้น จ่อแถลง
| null |
สปช.,พรเพชร วิชิตชลชัย,เทียนฉาย กีระนันทน์,สื่อมวลชน,รัฐสภา,ข่าวการเมือง,งานปีใหม่,ของขวัญปีใหม่ประชาชน
|
https://www.thairath.co.th/content/470981
|
หงุดหงิด นอนดึก ตื่นเช้า ครูหัวร้อนกระชาก ตบนักเรียน รับผิดขอลาออก (คลิป)
|
จากกรณีโลกโซเชียล มีการแชร์คลิปความยาวเกือบ 4 นาที เป็นภาพเหตุการณ์ในห้องเรียน โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งใน อ.เสาไห้ จ.สระบุรี โดยครูสอนวิชาคณิตศาสตร์ ได้เรียกนักเรียนออกมาสอบถามรายคนหน้าห้องเรียน และได้ใช้กิริยาไม่เหมาะสม ทั้งคำพูด และการกระทำ ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก,ต่อมา วันที่ 23 ก.ค. นายอิทธิเดช คุลี ผู้อำนวยการโรงเรียนเสาไห้ พร้อมรองผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร และวิชาการ ครูที่ปรึกษา ได้เปิดแถลงข่าวถึงกรณีดังกล่าว โดยระบุว่า ตนเพิ่งทราบเรื่องจากคลิปที่มีการแชร์กันในโลกโซเชียล และช่วงเช้าวันนี้ ก็ได้เรียกประชุมคณะผู้บริหารฯ ครูผู้สอน และผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ทราบว่าคลิปดังกล่าวเป็นการแอบถ่ายของนักเรียน ในชั้นเรียน ชั้น ม.1 เป็นเหตุการณ์ขณะครูสอนวิชาคณิตศาสตร์ชื่อ นายอาคม (สงวนนามสกุล) อายุ 62 ปี ครูนอกราชการ (เกษียณอายุ) ซึ่งทางโรงเรียนได้ทำสัญญาจ้างเป็นครูอัตราจ้าง คราวละ 5 เดือน ซึ่งตนได้เห็นคลิปทั้งหมดแล้ว รับไม่ได้เช่นกัน จึงได้พิจารณาและแจ้งให้ นายอาคม พิจารณาตนเอง โดยทางครูอาคม ได้ขอลาออก,นายอิทธิเดช กล่าวเพิ่มเติมว่า ปกติ ครูอาคม มีบุคลิกเสียงดังฟังชัด ประเภทปากร้ายแต่ใจดี เป็นที่รู้กันของครู และนักเรียนในรุ่นก่อนๆ มีความสามารถ สั่งสอนลูกศิษย์ได้ดีเป็นจำนวนมาก แต่เรื่องที่เกิดขึ้น นายอาคม รับว่า ใจร้อน สาเหตุมาจาก นอนดึกตื่นเช้า แล้วรีบมาโรงเรียน จึงทำให้หงุดหงิด,อย่างไรก็ตาม เมื่อมีเรื่องเกิดขึ้นแล้วก็ต้องยอมรับ ส่วนตัวนักเรียนในชั้น ม.1 ตนก็ได้สั่งการให้ครูที่ปรึกษาเข้าดูแลอย่างใกล้ชิด เท่าที่ทราบ นักเรียนเหล่านั้นรู้สึก ซึม เหมือนจะสำนึกผิดในการกระทำ ขณะเดียวกันก็ได้มีการประสานงานทำความเข้าใจกับผู้ปกครองนักเรียนเหล่านั้นแล้วเช่นเดียวกัน ซึ่งทุกฝ่ายต่างยอมรับซึ่งกันและกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว,ด้าน นายอาคม ครูผู้ก่อเหตุ ได้ออกมาขอโทษ นายอิทธิเดช ผอ. ร.ร.เสาไห้ ที่ทำให้เดือดร้อน พร้อมกล่าวขอโทษผู้ปกครองนักเรียน ที่กระทำไม่เหมาะสม แต่ในความเป็นจริงตนต้องการให้นักเรียนได้ดี ตนยอมรับในความทันสมัยของโลกโซเชียล ยอมรับในตัวเด็กรุ่นใหม่ ซึ่งผิดกับรุ่นก่อนๆ ที่เคยสั่งสอนมา หลังจากนี้ ตนคงหยุดการสอนและใช้เวลาอยู่กับครอบครัว.
|
ครูคณิตศาสตร์ โรงเรียนดังที่สระบุรี คนในคลิปหัวร้อน ยอมรับผิด ขอลาออก ด้าน ผอ.โรงเรียน เผย ครูอ้างหงุดหงิด เพราะนอนดึกตื่นเช้า ปกติเป็นคนปากร้ายแต่ใจดี
|
ข่าว,สังคม
|
ครูหัวร้อน,ครูคณิตศาสตร์,ข่าวโซเชียล,ตบหัว,กระชากผม,หงุดหงิด,นอนดึก ตื่นเช้า,ข่าวทั่วไป
|
https://www.thairath.co.th/news/society/1621325
|
ส่อง TOYOTA NEW VIOS MINOR CHANGE 2016 ดีขึ้นจริงมั้ยมาดูกัน
|
ถึงเวลาปรับปรุงหลังจากออกมาโลดแล่นนาน 4 ปี Toyota Motor Thailand ปล่อยทีเด็ดรถซีดานขายดีรุ่น Vios เวอร์ชั่นปรับโฉมประจำปี 2016 เป็นการกระตุ้นตัวเลขยอดขายด้วยผลิตภัณฑ์ยานยนต์ของครอบครัวในรุ่นไมเนอร์เชนจ์ สานต่อความสำเร็จของ Toyota Vios ที่เคยครองความเป็นเจ้าตลาดรถยนต์ซีดานไซส์กะทัดรัด คุณภาพและรูปลักษณ์คุ้มค่าในราคาที่จับต้องได้ Toyota Vios Minor Change 2016 มาพร้อมเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร และเกียร์ CVT ที่ช่วยทำให้ประหยัดเชื้อเพลิง และมีสมรรถนะในการขับใช้งานดีตามมาตรฐานรถยนต์จากแบรนด์สามห่วง ด้วยการยกระดับอุปกรณ์ และการปรับจูนระบบรองรับกับชุดบังคับเลี้ยวใหม่หมด,Toyota New Vios เวอร์ชั่นปรับปรุงมีการเสริมแต่งรายละเอียดบางจุด บางตำแหน่ง เพื่อเพิ่มความสดพร้อมสภาพการควบคุมที่ดีขึ้น รูปลักษณ์ภายนอกของ New Vios มีการเปลี่ยนแปลงชิ้นส่วนบางชิ้น โดยปรับให้มีความลงตัวขึ้นอีกนิดโดยยังคงเรือนร่างเดิมที่ดูดีอยู่แล้วให้มีความสดใหม่มากขึ้น เริ่มจาก,กระจังหน้าพร้อมแถบโครเมียมรมดำ,ไฟหน้าโปรเจกเตอร์รมดำ,กรอบกระจกมองข้างพร้อมเลนส์ไฟเลี้ยว,สปอยเลอร์หน้า หรือกันชนด้านหน้าสไตล์สปอร์ตติดตั้งไฟตัดหมอก,มือจับที่เปิดประตูแบบโครเมียม,ไฟท้ายใหม่แบบมัลติรีเฟลกเตอร์,คิ้วฝากระโปรงท้ายรมดำ,ล้ออัลลอยด์ขอบ 16 นิ้วรมดำ ยาง Bridgestone Turanza 195/50R16 87V,ภายในมีการปรับรายละเอียดนิดหน่อยโดยยังคงตำแหน่งของอุปกรณ์ตกแต่งภายในเอาไว้เหมือนเดิม เช่น แดชบอร์ดพลาสติกสีดำทำเลียนแบบลายเย็บด้วยด้ายสีดำ ชุดเครื่องเสียงล้อมกรอบด้วยพลาสติกสีเงิน ชุดควบคุมอุณหภูมิแบบดิจิตอลหุ้มขอบด้วยพลาสติกสีเงิน แผงประตูหุ้มพลาสติกสีเงินในส่วนของสวิตช์เปิด-ปิดกระจกไฟฟ้า ซุ้มคันเกียร์ออโต้กรุด้วยพลาสติกสีเงิน ฯลฯ,พวงมาลัยหุ้มหนังเย็บตะเข็บด้วยด้ายสีน้ำเงิน,มาตรวัดแบบอนาล็อกดีไซน์สปอร์ต,จอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ MID multi information display,ปุ่มสตาร์ทและดับเครื่องยนต์ Push Start,แผงควบคุมระบบปรับอากาศภายในห้องโดยสาร พร้อมจอแสดงผล LCD,เครื่องเสียง CD/MP3/ WMA/AM/FM/USB/AUX,ไฟอ่านแผนที่ด้านหน้า,เบาะนั่งหุ้มผ้าทรงสปอร์ต,ช่องเก็บของผู้โดยสารตอนหน้า,ที่วางแก้วบริเวณคอนโซลหน้า,กระจกบังลมบานหน้าแบบ Acoustic Glass,ระบบเปิดประตูอัจฉริยะ Smart Entry,ห้องเก็บสัมภาระส่วนท้าย,Toyota New Vios Minor Change 2016 รุ่นสูงสุด 1.5S AT ราคา 749,000 บาท ยังคงใช้ขุมกำลังเดิมที่มีประสิทธิภาพดี เป็นเครื่องยนต์เบนซินแบบแถวเรียง 4 กระบอกสูบ ปริมาตรความจุ 1,496 ซีซี รหัส 2NR-FBE DOHC ดับเบิลโอเวอร์เฮดแคมชาร์ป 4 วาว์ลต่อ 1 กระบอกสูบ = 16 วาล์ว พร้อมกลไกวาว์ลแปรผันสองฝั่ง ทั้งฝั่งไอดีและฝั่งไอเสีย Dual VVT-i เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร 2NR-FBE ให้กำลัง 79 กิโลวัตต์ หรือ 108 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 140 นิวตันเมตร หรือ 14.3 กิโลกรัม-เมตร ที่ 4,200 รอบต่อนาที อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยในและนอกเมืองที่ 18.4 กิโลเมตรต่อลิตร รองรับเชื้อเพลิง E85 ด้วยกล่องสมองกล ECU - electronics control unit ควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ใหม่หมดสำหรับการรองรับเชื้อเพลิงทางเลือก,ระบบส่งกำลังของ Toyota New Vios Minor Change 2016 ใช้เกียร์อัตโนมัติลูกใหม่ ซึ่งเป็นเกียร์ออโต้พูเลย์สายพาน CVT 7 สปีด พร้อม Sequential Shift และ Shift Lock ระบบรองรับ ช่วงล่างด้านหน้าและหลังมีการปรับปรุงค่ายืดและยุบของสปริงและโช็กอัพใหม่หมด เพื่อปรับตั้งให้มีความสอดคล้องกับสภาพการควบคุมที่ยึดโยงกับความหนึบแน่น และการยึดเกาะกับผิวถนน ช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนช่วงล่างด้านหลังเป็นแบบทอร์ชั่นบีม คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง ระบบห้ามล้อใช้ระบบเบรกแบบดิสเบรกทั้งด้านหน้า และด้านหลัง ผสานการทำงานกับกลไกควบคุมการทรงตัวด้วยระบบควบคุมการทรงตัว VSC พร้อมตัวช่วยเบรก เช่น ABS, EBD และระบบเสริม แรงเบรก BA ระบบความปลอดภัยติดตั้งถุงลมเสริมความปลอดภัย คู่หน้า SRS เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับอัตโนมัติ ELR 3 จุด 2 ตำแหน่ง เข็มขัดนิรภัยเบาะหลัง ELR 3 จุด 3 ตำแหน่ง เบาะนั่งคู่หน้าแบบ WIL (Whiplash Injury Lessening) ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer ระบบเตือนการโจรกรรม TDS (Theft Deterrent System),16-17 พฤษภาคม 2559 บริษัท Toyota Motor Thailand จัดทดสอบรถยนต์ซีดานรุ่นปรับปรุง Toyota New Vios Minor Change 2016 รอบสื่อมวลชนสายยานยนต์ เป็นการยกระดับสภาพการควบคุมการขับขี่ให้ดีขึ้นด้วยการปรับแต่งช่วงล่าง และรายละเอียดบางจุดบางตำแหน่งให้มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น การขับทดสอบ New Vios Minor Change ในครั้งนี้ ถูกจัดขึ้นที่ Toyota Drive Experience Park โดยเริ่มจากการทดสอบระบบบังคับเลี้ยวไฟฟ้าที่ปรับจูนใหม่ให้เข้ากับระบบรองรับที่มีค่ายืดและยุบของสปริงกับโช็กอัพที่ถูกปรับตั้งใหม่ รวมถึงการทดสอบระบบควบคุมการทรงตัว VSC ใน Toyota Vios รุ่นสูงสุด 1.5S เกียร์อัตโนมัติ AT CVT ราคา 749,000 บาท สถานีทดสอบแรกสุดกับ Multi Purpose Area พื้นที่อเนกประสงค์สำหรับสร้างความคุ้นเคยในการขับขี่ เพื่อทดสอบความเสถียรของรถยนต์ (Stability) โดยตั้งฐานเพื่อทดสอบการขับขี่ในรูปแบบต่างๆ เช่น การขับแบบสลาลม (Slalom) ทดสอบการหักพวงมาลัยเปลี่ยนเลนแบบฉุกเฉิน หรือสถานี Lane Change ต่อเนื่องด้วยสถานี Dynamic Course เป็นพื้นที่เปียกลื่นสำหรับทดสอบ New Vios ในสภาพพื้นผิวธรรมดา พื้นผิวลื่น และมีน้ำปกคลุมผิวถนน,สนามทดสอบ Toyota Drive Experience Park ยังมีการออกแบบแทร็กให้มีพื้นผิวถนนที่มีความหลากหลาย ทั้งเปียกและแห้ง (Wet & Normal Condition) พื้นผิวปกติและลื่น (Skidding & Normal Surface) รวมไปถึงม่านน้ำ (Water Curtain Wall) ส่วนสถานี Acceleration Area เป็นการจำลองทางตรงยาวเพื่อทดสอบอัตราเร่งบนพื้นที่กว้างสำหรับการขับทดสอบอัตราเร่งของเครื่องยนต์ จาก 0-100 (Acceleration) การทำงานของระบบเกียร์ (Transmission) และการทำงานของเครื่องยนต์ (Performance) ในรอบเครื่องยนต์ต่างๆ ต่อเนื่องด้วยสถานี Circular Track พื้นที่ถนนวงเวียนสำหรับทดสอบสมรรถนะ และอาการของรถ Vios ในการเข้าโค้ง (Over / Under Steering) บนพื้นผิวและสภาพถนนที่แตกต่างกัน โดยมีทั้งพื้นผิวเปียกและแห้ง และสถานี Road Condition Area จำลองสภาพพื้นผิวถนน 8 สภาวะที่ต้องพบเจอในชีวิตประจำวัน เช่น หลุม บ่อ ท่อ ลูกคลื่น หรือแม้แต่คอสะพานที่สูงชัน เพื่อใช้ทดสอบการเก็บเสียงในห้องโดยสาร (Noise) แรงสั่นสะเทือน (Vibration) การควบคุมรถยนต์ (Harness) และความสะดวกสบายในการขี่ (Ridding Comfort) สำหรับสนามทดสอบของ Toyota บริเวณริมถนนบางนา-ตราด กิโลเมตรที่ 3 ยังสามารถปรับผังสนามให้เป็นแบบ Mini Closed Circuit จากพื้นที่อันกว้างขวางของสนามทดสอบแบบ On Road (ออนโรด) โดยสามารถปรับใช้เป็นสนามมินิเซอร์กิตแบบพื้นที่ปิด มีความยาวรวม 1.4 กิโลเมตร ใช้ในการเรียนการสอนของ Toyota Racing School และใช้ในการทดสอบการทำงานของรถยนต์ในสภาวะการขับขี่อย่างเต็มรูปแบบ (High Performance) หลังจากนั้นจะเป็นการขับทดสอบเดินทางไกลไปยังเมืองพัทยา รวมระยะทางประมาณ 167 กิโลเมตร,Toyota Vios รุ่นสูงสุด 1.5S เกียร์อัตโนมัติ AT CVT มีการขับขี่ที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สัมผัสของช่วงล่างที่เปลี่ยนไปจากการปรับตั้งใหม่ทำให้ Vios รุ่นปรับปรุงมีการยึดเกาะกับผิวถนนดีขึ้นมาก ความหนึบแน่นของช่วงล่างใหม่ทำให้การควบคุมอยู่ในเกณฑ์ดี อาการโคลงตัวน้อยลง การถ่ายเทน้ำหนักดีขึ้น โดยเฉพาะช่วงทดสอบพิเศษในสนาม Toyota Drive Experience Park ซึ่งจำลองสภาพผิวถนนที่มีความหลากหลาย ทั้งผิวถนนปกติและสภาพถนนที่มีน้ำปกคลุม ระบบควบคุมการทรงตัวที่ติดตั้งมาจากโรงงาน หรือที่เรียกว่า ระบบควบคุมการทรงตัว VSC ให้ความมั่นใจ และมีส่วนช่วยเพิ่มเสถียรภาพในขณะที่กำลังขับอยู่บนผิวถนนที่เปียกลื่น สำหรับอัตราเร่งและความเร็วปลายยังคงมีตัวเลขเหมือนเดิม เนื่องจาก Toyota Vios Minor Change 2016 ยังคงใช้เครื่องยนต์เดิม อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ที่ 10.5 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 190 กิโลเมตรต่อชั่วโมง,ความสดใหม่จากการปรับแต่งครั้งใหญ่ยังส่งผลให้ New Vios Minor Change วิ่งทางไกลได้เนียนขึ้นมาอีกนิด ด้วยความหนึบแน่นของช่วงล่างและชุดบังคับเลี้ยว โดยเฉพาะสัมผัสของพวงมาลัยไฟฟ้าที่มีการปรับตั้งให้ระยะฟรีตรงกึ่งกลางลดลง มีผลทำให้เกิดความแม่นยำมากยิ่งขึ้น พวงมาลัยไฟฟ้าอัตราทดแปรผันไปตามความเร็วของ New Vios เมื่อขับด้วยความเร็วต่ำในเมือง ให้น้ำหนักที่เบาสบายข้อมือ ไม่ว่าจะเป็นการถอยเข้า-ออกจากที่จอดรถ การเลี้ยวกลับลำบนถนน แม้จะมีรัศมีวงเลี้ยวกว้างมากไปสักนิด แต่น้ำหนักของพวงมาลัยไฟฟ้าในย่านความเร็วต่ำทำให้การหักเหเปลี่ยนทิศทางมีความสะดวกง่ายดาย และเมื่อขับเดินทางไกลบนไฮเวย์ พวงมาลัยไฟฟ้าในย่านความเร็วเดินทางที่ 110-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเล็กน้อยไปตามความเร็วที่สูงขึ้น ความมั่นคงของพวงมาลัยส่งผลให้เกิดความมั่นใจไม่มีอาการโหวงๆ หรือรู้สึกเบา ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีหากต้องขับออกทางไกลบ่อยครั้ง,การเก็บเสียงก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่ทำได้ดีขึ้น กระจกบังลมบานหน้าแบบ Acoustic Glass พร้อมยางขอบกระจก และยางขอบบานประตูมีการปรับปรุงเพื่อลดเสียงแปลกปลอมจากภายนอก มาตรฐานของการเก็บเสียงใน New Toyota Vios Minor Change 2016 ทำให้ห้องโดยสารมีความเงียบงันมากขึ้นมาอีกนิด เสียงลมปะทะกับตัวถังและเสียงบดไปบนผิวถนนของยาง Bridgestone Turanza ไซส์ 195/50 R16 เมื่อขับทางไกลลดลงจนน่าพอใจ โดยภาพรวมการเก็บเสียงของซีดานยอดนิยมรุ่นล่าสุดคันนี้ ทำออกมาได้ดีอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ส่วนอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงสำหรับการขับทดสอบแบบผสมในและนอกเมืองอยู่ที่ 18.7 กิโลเมตรต่อลิตร อาจไม่เท่าหรือไม่เหมือนกันทุกคัน เนื่องจากสภาพการใช้คันเร่งของรถทดสอบแต่ละคันนั้นแตกต่างกัน โดยมีบางคันที่วิ่งแบบไปเรื่อยๆ สามารถทำได้ถึง 20 กิโลเมตรต่อลิตร โดยไม่ได้มีการปิดระบบปรับอากาศแต่อย่างใดทั้งสิ้น,ความคิดเห็นส่วนตัวของผมหลังจากที่ได้ลองขับทดสอบในสนาม Toyota Drive Experience Park รวมถึงการขับออกทางไกลไปและกลับกรุงเทพฯ-พัทยา-กรุงเทพฯ รวมระยะทางในการขับทั้งหมด 325 กิโลเมตร เครื่องเดิม 1.5 ลิตรแบบหายใจเองไม่มีระบบอัดอากาศ จับคู่กับชุดส่งกำลัง CVT ตอบสนองดี เมื่อเร่งความเร็วเพื่อแซง มีเสียงเครื่องออกมาในแนวจะทรมานก็ไม่ใช่ จะเร้าใจก็ไม่เชิง เสียงเครื่องยนต์ในรอบสูงดังแบบครวญคราง เนื่องจากชุดส่งกำลังสายพานพูเลย์ที่เน้นความราบเรียบไร้รอยต่อ เมื่อความเร็วไหลขึ้นไปเรื่อยๆ รอบเครื่องยนต์ 2,000 รอบต่อนาทีในย่านความเร็วเดินทางอยู่ในย่าน 119 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้อัตราสิ้นเปลืองอยู่ในเกณฑ์น่าพอใจที่ 18 กิโลเมตรต่อลิตร การทรงตัวดีขึ้น (มาก) รวมถึงการถ่ายเทน้ำหนักและการยึดเกาะเมื่อขับเข้าโค้งก็ดีขึ้น ราคาของรุ่นสูงสุด Vios 1.5S AT 749,000 บาท พอฟัดพอเหวี่ยงกับคู่แข่งมากความสามารถอย่าง Mazda 2 SkyActiv-D รุ่นซีดาน รวมถึง Ford Fiesta 1.0 Eco-Boost และ Honda New City 1.5 ลิตร อยู่ที่ความชอบส่วนตัวของคุณ ซึ่งเป็นคนควักกระเป๋าจ่ายว่าจะรักใคร่ชอบพอกับคันไหนมากกว่ากัน Toyota Vios 1.5S AT เวอร์ชั่นปรับปรุงทำออกมาได้เหนือกว่ารุ่นแรกเห็นๆ จากการปรับจูนช่วงล่างและการเสริมระบบควบคุมการทรงตัว VSC อุปกรณ์ที่ยัดใส่มาให้ รวมถึงศูนย์บริการและการบริการหลังบ้านของ Toyota นั้นอยู่ในอันดับต้นๆ ของวงการ ราคาขายต่อที่ไม่หล่นมากจนหน้าใจหายจะทำให้ New Vios 2016 ไปได้สวยในตลาดรถราคาประหยัดอย่างแน่นอน ทำการบ้านมาดีแบบนี้รับรองว่าต้องโดนใจลูกค้าไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะช่วงล่างและชุดบังคับเลี้ยวที่ดีขึ้นนั้นทำให้ซีดานบ้านๆ คันนี้ขับมันขึ้นอีกเยอะ.,ราคา Toyota Vios 1.5J MT 599,000 บาท,ราคา Toyota Vios 1.5J AT 669,000 บาท,ราคา Toyota Vios Exclusive AT 662,300 บาท,ราคา Toyota Vios 1.5G AT 714,000 บาท,ราคา Toyota Vios 1.5S AT 749,000 บาท,Toyota Vios 1.5S AT 749,000 บาท,มิติภายนอก,ความยาว4,410 มิลลิเมตร,ความกว้าง.1,700 มิลลิเมตร,ความสูง1,475 มิลลิเมตร,ความยาวช่วงล้อ2,550 มิลลิเมตร,ความกว้างช่วงล้อ หน้า/หลัง 1,455 / 1,445 มิลลิเมตร,ระยะต่ำสุดจากพื้นถึงใต้ท้อง145 มิลลิเมตร,รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด5.7 เมตร,ความจุถังน้ำมัน 42 ลิตร,เครื่องยนต์,รุ่น/แบบเครื่องยนต์ 2NR-FBE / 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว Dual VVT-i,ปริมาตรความจุกระบอกสูบ1,496 ซีซี,ความกว้างกระบอกสูบ x ระยะชัก72.5 มิลลิเมตร x 90.6 มิลลิเมตร,อัตราส่วนกำลังอัด11.5 : 1,แรงม้าสูงสุด EEC net. 79 กิโลวัตต์ 108 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที,แรงบิดสูงสุด EEC net. 140 นิวตันเมตร 14.3 ก.ก.-เมตร ที่ 4,200 รอบต่อนาที,ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง .หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ EFI,รองรับเชื้อเพลิงทางเลือกE85,ระบบขับเคลื่อน และระบบช่วงล่าง,ระบบส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ CVT 7 สปีด พร้อม Sequential Shift และ Shift Lock,อัตราทดเกียร์ 2.480 - 0.396,อัตราทดเกียร์ถอยหลัง2.604 - 1.680,อัตราทดเฟืองท้าย.4.761,ระบบกันสะเทือนหน้า.แมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง,ระบบกันสะเทือนหลังทอร์ชั่นบีม และคอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง,ระบบเบรกหน้า/หลัง ดิสก์ / ดิสก์,ยาง Bridgestone Turanza 195/50 R16,ล้ออัลลอยด์รมดำ 16 นิ้ว,อุปกรณ์ภายนอก,ไฟหน้า โปรเจกเตอร์แบบรมดำ,กระจังหน้า โครเมียมแบบรมดำ,คิ้วฝากระโปรงท้าย โครเมียมแบบรมดำ,แผ่นกันความร้อนใต้ฝากระโปรง,ที่ปัดน้ำฝน แบบหน่วงเวลาและปรับตั้งเวลาได้,กระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถ พร้อมไฟเลี้ยว,มือจับประตูด้านนอก โครเมียม,กระจกบังลมหน้าแบบกันเสียงรบกวน,อุปกรณ์ภายใน,วัสดุตกแต่งแผงคอนโซลหน้า เปียโนแบล็ก,วัสดุตกแต่งแผงประตู เปียโนแบล็ก,วัสดุตกแต่งแผงควบคุมกระจกไฟฟ้า เมทัลลิก,วัสดุเบาะนั่ง เบาะผ้าลายสปอร์ต,เบาะนั่งคู่หน้าทรงสปอร์ต,พวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า EPS แบบปรับสูง / ต่ำได้ หุ้มหนังตกแต่งด้วยแถบสีเงิน,กระจกหน้าต่างไฟฟ้า พร้อมระบบป้องกันการหนีบด้านคนขับ,คอนโซลกลางพร้อมกล่องเก็บของ,กระเป๋าหลังเบาะนั่งด้านหน้า คนขับ + ผู้โดยสาร,เบาะนั่งด้านคนขับ ปรับระดับสูง-ต่ำได้,แผงบังแดดคู่หน้าพร้อมกระจกแต่งหน้า คนขับ + ผู้โดยสาร,มือเปิดประตูด้านใน เมทัลลิก,สีภายใน สีดำ,มาตรวัดและอุปกรณ์ อำนวยความสะดวก,ระบบ Smart Entry และ Push Start,มาตรวัด Analog แบบสปอร์ต,จอแสดงผลข้อมูลการขับขี่,ไฟแสดงการขับขี่แบบประหยัด,ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ,กุญแจรีโมท,เครื่องเสียง AM/ FM/ CD/ MP3/ WMA 4 ลำโพง,ช่องเชื่อมต่อ USB และ AUX,สวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย,ระบบส่องสว่างภายในห้องโดยสารอัตโนมัติ,กระจกมองข้าง ปรับและพับเก็บด้วยไฟฟ้า,ระบบความปลอดภัย,ไฟตัดหมอกหน้า,ไฟเบรกดวงที่สาม,ระบบเซ็นทรัลล็อก,ระบบละลายฝ้ากระจกหลัง,ระบบเบรก ABS, EBD และระบบเสริม แรงเบรก BA,ระบบควบคุมการทรงตัว VSC,ถุงลมเสริมความปลอดภัย คู่หน้า SRS,เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับอัตโนมัติ ELR 3 จุด 2 ตำแหน่ง,เข็มขัดนิรภัยเบาะหลัง ELR 3 จุด 3 ตำแหน่ง,เบาะนั่งคู่หน้าแบบ WIL (Whiplash Injury Lessening),ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer,ระบบเตือนการโจรกรรม TDS (Theft Deterrent System),อาคม รวมสุวรรณ,E-Mail ,[email protected],Facebook ,https://www.facebook.com/chang.arcom,https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/
|
New Vios เวอร์ชั่นปรับโฉม เครื่องเดิม 1.5 ลิตร เกียร์เดิม CVT จูนช่วงล่างใหม่ในราคา 599,000 - 749,000 บาท ดีขึ้นแค่ไหนมาดูกัน (นะจ๊ะ)
| null |
รีวิวโตโยต้านิววีออส 2016,โตโยต้าวีออสไมเนอร์เชนจ์,โตโยต้าวีออส,Toyota New Vios,New Vios2016,อีโคคาร์,รถยนต์,อาคม รวมสุวรรณ
|
https://www.thairath.co.th/content/622250
|
เครียดแล้วทำไมต้องกรีดข้อมือ
|
ตัวเองว่า โง่ เรียกร้องความสนใจ ส่วนกลุ่มคนที่เคยมีประสบการณ์กรีดข้อมือตัวเองก็จะเข้าไปอธิบายว่าที่ทำไปไม่ได้โง่ ไม่ได้เรียกร้องความสนใจ แต่มันอึดอัด เครียด มีความทุกข์แสนสาหัส และไม่รู้จะระบายออกอย่างไร เมื่อกรีดไปแล้วทำให้รู้สึกสบายขึ้น,จากการพูดคุยกับคนที่กรีดข้อมือตัวเอง รวมทั้งกรีดแขนขาและส่วนอื่นๆ ด้วย เลยอยากถ่ายทอดความรู้สึกของคนเหล่านั้น ให้ผู้ที่ไม่ได้มีพฤติกรรมกรีดข้อมือเข้าใจคนกลุ่มนี้ในอีกมุมหนึ่งค่ะ สิ่งที่คนกรีดตัวเองรู้สึกเหมือนกันก่อนลงมือกรีดคือความรู้สึกอึดอัด กดดัน จากคนรอบข้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคคลในครอบครัว ที่มีการสื่อสารกันแบบซ้ำๆ ซากๆ เช่น ต้องตั้งใจเรียน ต้องทำเกรดให้ดีเพื่ออนาคตที่ดี หรือทำอะไรก็ผิด หรือไม่ดีพอไปหมด บางคนเติบโตมาในบรรยากาศที่ต้องรับฟังความคิดของผู้ใหญ่และปฏิบัติตามกฎระเบียบที่ถูกวางไว้ที่ผู้ใหญ่คิดว่าดีสำหรับตัวเด็กเอง โดยที่เด็กไม่มีทางโต้แย้ง บางคนเติบโตภายใต้ความคาดหวังของพ่อแม่ที่เมื่อเด็กทำได้ดีแล้ว ไม่ได้รับคำชม แถมยังบอกว่าทำไมไม่ทำให้ดีกว่านี้ ทั้งๆ ที่เด็กตั้งใจทำดีขึ้นแล้ว ฯลฯ คนกลุ่มนี้จึงเติบโตพร้อมกับความรู้สึกกดดันอึดอัด พูดไม่ได้ หรือพูดไปไม่มีคนสนใจฟัง,การผิดหวัง เป็นทุกข์ และเจ็บปวดซ้ำๆ ซากๆ สะสมมาเป็นเวลานานอย่างนี้ จะค่อยๆ ถูกฝังลึกลงไปในฐานจิต และค่อยๆ กลายเป็นความด้านชา จนพวกเขาเองก็ไม่รู้ตัวว่ากำลังด้านชา เพราะพวกเขากดมันไว้จนกลายเป็นความเคยชิน และคิดว่าตนเองไม่ได้เจ็บปวดมากมายอะไร เมื่อเวลาผ่านไปนานขึ้น อารมณ์ความรู้สึกต่างๆ ก็ดูเหมือนจะพลอยหายไปด้วย กลายเป็นคนที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไร ไม่รัก ไม่เกลียด ไม่กลัว ไม่เจ็บปวดอะไรอีกแล้ว พวกเขาจะรู้สึกเฉยๆ เพราะชินชากับความรู้สึกนั้น คงคล้ายๆ กับการดัดฟัน ใหม่ๆ เราจะรู้สึกเจ็บๆ ตึงๆ แต่พอชินแล้ว เราก็รู้สึกเฉยๆ ทั้งๆ ที่แรงกดแรงตึงยังมีอยู่ (ถ้าไม่มีฟันเราจะเข้าที่เข้าทางได้อย่างไร) ขณะที่คนกลุ่มนี้ชาชินกับความไม่รู้สึกเจ็บปวด แต่ความเจ็บปวดนั้นยังคงมีอยู่และหลบซ่อนอยู่ภายใน แต่เจ้าตัวไม่ยอมรับความเจ็บปวดโดยกดไว้ไม่ให้เจ็บปวด ความรู้สึกที่เจ้าตัวพอจะรับรู้ได้ก็คือความรู้สึกอึดอัด เครียด กดดัน และไม่รู้ว่าจะหยุดมันได้อย่างไร ดังนั้นการย้ายความเจ็บปวดจากภายในให้ปรากฏออกมาภายนอกจึงเป็นวิธีการที่คนกลุ่มนี้ใช้ แม้ลึกๆ พวกเขาไม่อยากทำ แต่เขาไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้ดีไปกว่านี้,เมื่อกรีดตัวเอง หรือทำร้ายร่างกายตัวเองแล้ว พวกเขาส่วนใหญ่มักจะบอกว่าความรู้สึกอึดอัดภายในใจมันคลายลง รู้สึกสบายขึ้น โล่งขึ้น ดังนั้นคนที่ไม่ได้เป็นอย่างนี้ ไม่ควรมองว่าเขาโง่ หรือเรียกร้องความสนใจ แต่ควรเข้าใจ เห็นอกเห็นใจ และมีเมตตาของพวกเขา ไม่ควรตอกย้ำซ้ำเติม เพราะโดนมาตลอดชีวิตและเก็บกดไว้จนต้องระบายออกอย่างนี้ เราควรให้กำลังใจ ให้ความช่วยเหลือด้วยการรับฟังปัญหาของเขา ให้เขาได้พูดระบายความรู้สึกอึดอัดอะไรออกมาบ้าง และผู้ที่เครียดจนต้องทำร้ายตนเอง ขอให้รู้ว่าทุกปัญหามีทางแก้ไข แต่เขาอาจจะมองไม่เห็นทางออกเพราะเขามองอยู่มุมเดียว การได้พูดคุยกับคนที่ไว้ใจได้จะช่วยทำให้เขามองเห็นทางออกของปัญหาอีกหลายทาง หากไม่รู้จะพูดคุยกับใคร การพูดคุยกับจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาก็เป็นทางเลือกที่ดี อย่าเข้าใจผิด คนกลุ่มนี้ไม่ได้บ้า เขาเพียงเป็นคนที่มีความทุกข์ที่ควรได้รับความช่วยเหลือเท่านั้น นอกจากนี้ การออกกำลังกาย การนั่งสมาธิ ก็ช่วยคลายความเครียดอึดอัดได้,สังคมเราทุกวันนี้ ผู้คนมีความเครียดสะสมเพิ่มมากขึ้น วันหนึ่งเราเองก็อาจจะอยู่ในสภาวะนั้นด้วยเช่นกัน การคอยสังเกตอารมณ์ความรู้สึกของตนเองและผู้คนรอบข้าง ช่วยรับฟังปัญหาเป็นสิ่งที่เพื่อนมนุษย์ควรจะมีให้แก่กันค่ะ,ใครมีปัญหา ลูกเรียนไม่เก่ง ไม่รู้จะทำอะไรในอนาคต ญาติพี่น้องติดกลุ่มลัทธิ ปัญหาครอบครัว ความสัมพันธ์ การทำงาน ติดโซเชียล ติดเกม panic และ phobia มารับคำปรึกษากับครูเคทได้ที่ KruKate Counseling Center ต้องการนัดคิว โทร. 08-1458-1165 หรือ เข้าไปฝากคำถามและแชร์ประสบการณ์ในแฟนเพจ ,www.facebook.com/kateinspirer, และ YouTube channels: ,Kate Inspirer, ได้นะคะ
|
ในยุคนี้มีพบเห็นทั้งในข่าวและผู้คนรอบๆ ตัวที่เครียดจนต้องทำร้ายตัวเองด้วยการกรีดข้อมือเพิ่มมากขึ้น และเมื่อมีข่าวหรือมีใครโพสต์ประเด็นนี้ลงในสื่อโซเชียล ก็จะมีผู้คนเข้าไปประณามคนกรีดข้อมือ
|
คนดังนั่งเขียน,ไลฟ์สไตล์
|
กรีดข้อมือตัวเอง,เรียกร้องความสนใจ,ทำร้ายร่างกายตัวเอง,คนดังนั่งเขียน,ครูเคท
|
https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/1431631
|
ส.อ.ท.มึน พลังงานแจงไม่ชัดซื้อไฟฟ้า
|
จากพลังงานหมุนเวียนว่า นายศิริได้ยืนยันว่าไม่ได้หยุดหรือชะลอการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเป็นเวลา 5 ปีตามที่เป็นข่าว แต่การรับซื้อจะต้องมีราคาที่ไม่เป็นภาระต่อประชาชน ดังนั้นในเรื่องดังกล่าว ส.อ.ท.โดยเฉพาะกลุ่มพลังงานทดแทน เห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าว แต่ก็ต้องการให้นาย ศิริทำให้เกิดความชัดเจนในแนวทางการนำไปสู่ภาคปฏิบัติ และราคาที่ ไม่เป็นภาระประชาชนที่นายศิริต้องการควรเป็นเท่าใดเพราะราคาที่จำหน่ายให้ประชาชน ที่เกิดจากการผลิตจากพลังงานหมุนเวียนมีราคาตั้งแต่ 2.5-5 บาทต่อหน่วย ทั้งนี้ก็เพื่อที่ภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องจะได้วางแผนำเนินงานได้ถูก,รมว.พลังงานได้ยืนยันว่ากระทรวงพลังงานไม่ได้ชะลอรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนแต่มีเงื่อนไขว่าราคาต้องไม่เป็นภาระต่อค่าไฟฟ้าของประชาชน และได้ระบุว่าราคาควรขายต่ำกว่า หรือเท่ากับราคาที่ภาครัฐผลิตได้เอง โดยจะรับซื้อไม่จำกัดจำนวน แต่ไม่รวมถึงโรงไฟฟ้าจากการใช้ขยะเป็นเชื้อเพลิงในการผลิต,นายสุวัฒน์ กมลพนัส ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานทดแทน ส.อ.ท. กล่าวว่า ปัจจุบันผู้ผลิตไฟฟ้าในกลุ่มพลังงานทดแทนรวมกับอุตสาหกรรมที่ต่อเนื่องมีอยู่ 300-400 ราย มีทั้งรายใหญ่ รายกลาง และเล็กซึ่งล้วนเกิดมาจากนโยบายรัฐที่กำหนดการรับซื้อพลังงานทดแทนไว้ในแผนพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก (AEDP) ที่กำหนดรับซื้อไฟจากพลังงานทดแทนเมื่อสิ้นสุดแผนปี 2579 ที่ 19,000 เมกะวัตต์ ซึ่งขณะนี้มีการรับซื้อแล้ว 10,000 เมกะวัตต์ จึงต้องการให้รัฐบาลรับซื้อไฟฟ้าดังกล่าว ตามแผนพลังงานทดแทนฯ,ราคากลางที่กระทรวงพลังงานกำหนดว่าผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ต้องไม่สูงเกิน 2.44 บาทต่อหน่วย ยอมรับว่าแต่ละเชื้อเพลิงและเทคโนโลยีก็ต่างกันออกไปรวมถึงข้อจำกัดในแง่ความเป็นเจ้าของวัตถุดิบ จึงไม่ควรใช้ราคาดังกล่าวเป็นข้อกำหนด.
|
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงการเข้าพบกับนายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงานเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า เพื่อหารือถึงนโยบายการรับซื้อไฟฟ้า
|
ข่าว,เศรษฐกิจ
|
สุพันธุ์ มงคลสุธี,ไฟฟ้า,ไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน,ศิริ จิระพงษ์พันธ์,กระทรวงพลังงาน,ข่าวทั่วไป
|
https://www.thairath.co.th/news/business/1278621
|
เหนือตอนบนยังหนาวเย็น ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง
|
วันที่ 24 มกราคม กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานสภาพอากาศลักษณะทั่วไป ระบุ กระแสลมฝ่ายตะวันตกในระดับบนยังคงพัดปกคลุมภาคเหนือตอนบน ลักษณะเช่นนี้ยังคงทำให้ภาคเหนือตอนบนมีอากาศหนาวเย็นและมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ ในขณะที่บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นปกคลุมทะเลจีนใต้ ส่งผลให้ลมตะวันออกพัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ในระยะนี้ ส่วนภาคใต้จะมีฝนตกหนักบางแห่ง,พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนมีหมอกในตอนเช้ากับมีหมอกหนาบางพื้นที่ ภาคเหนือยังคงมีอากาศหนาวเย็น และบริเวณยอดดอย มีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก ภาคกลางตอนล่าง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ขอให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกหนาไว้ด้วย,เกษตรกรบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคกลางตอนล่าง ระมัดระวังความเสียหายที่อาจเกิดกับผลผลิตเนื่องจากฝนตกไว้ด้วย สำหรับภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนหนักบางแห่งในระยะนี้,พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้,ภาคเหนือ ทางตอนบนของภาค อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 11-15 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาค อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 17-21 องศาเซลเซียส โดยมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาบางพื้นที่ อุณหภูมิสูงสุด 29-35 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 2-11 องศาเซลเซียส และมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ ลมตะวันตก ความเร็ว 10-20 กม./ชม. ,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็น กับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ โดยมีฝนบางแห่ง ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 19-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 7-14 องศาgซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ,ภาคกลาง อากาศเย็น กับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ,ภาคตะวันออก มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ,ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง และสงขลา อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ,ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 20-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ,ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ,กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ,ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
|
ภาคเหนือตอนบน อากาศยังหนาวเย็น และมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ ขณะที่ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง ส่วน กทม. และปริมณฑล อาจเกิดฝนฟ้าคะนองได้ในระยะนี้
|
ข่าว,ทั่วไทย
|
กรมอุตุนิยมวิทยา,พยากรณ์อากาศ,อากาศวันนี้,อุณหภูมิวันนี้,ฝนตก,ข่าวทั่วไป
|
https://www.thairath.co.th/news/local/1185250
|
คุ้มกันเข้ม เหยื่อสาวโดนแทง-โยนลงเหว หวั่นถูกปิดปาก
|
ที่ รพ.ศูนย์ตรัง เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 2 ก.พ. 2559 พ.ต.ท.ภูมิ บาลทิพย์ รอง ผกก.ป.สภ.เมืองตรัง ร.ต.อ.ธานินทร์ หนูดุก รอง สวป.สภ.เมืองตรัง และกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจ ประมาณ 10 นาย ได้เดินทางไปดูแลรักษาความปลอดภัย น.ส.แดง (นามสมมติ) อายุ 19 ปี บ้านพักอยู่ อ.นาทวี จ.สงขลา เหยื่อสาวที่ถูกกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่บ้านเขาคราม ต.บ้านนา อ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง โทรศัพท์ล่อลวงให้ไปหาพร้อมกับแฟนหนุ่ม คือ นายเดช (นามสมมติ) อายุ 19 ปี ถูกกลุ่มวัยรุ่นฆ่าแฟนหนุ่มฝังศพไว้ในป่าลึกพื้นที่ดังกล่าว และได้นำร่างโชกเลือดของ น.ส.แดง ที่อยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัสจากการถูกข่มขืน และทำร้าย จนคนร้ายคิดว่า เสียชีวิตแล้วไปทิ้งในหุบเหว ริมเขาพับผ้า เทือกเขาบรรทัด ริมถนนสายตรัง-พัทลุง เพื่ออำพรางคดี เดชะบุญเหยื่อฟื้นจากสลบ และคลานมาขอความช่วยเหลือรอดตายมาได้ราวปาฏิหาริย์,สอบถามญาติ ได้รับการเปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ได้มีชายแปลกหน้ากลุ่มหนึ่ง ลักษณะแปลกๆ ไม่น่าไว้วางใจ ไปสอบถามหา น.ส.แดง แต่ไม่พบจึงกลับไป โดยทางญาติรู้สึกไม่สบายใจ จึงได้ขอให้เจ้าหน้าที่ รพ.ศูนย์ตรัง ตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายใน รพ. พร้อมขอย้ายตัวคนเจ็บไปรักษาตัวในที่ปลอดภัย และเมื่อวานนี้ นายพรชัย สุขโสม นายอำเภอศรีนครินทร์ จ.พัทลุง และคณะได้มาเยี่ยมผู้เสียหาย และได้ประสานขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ คอยดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากเป็นผู้เสียหาย และพยานปากสำคัญ ,กระทั่งวันนี้ พ.ต.ท.ภูมิ เผยว่า ตนได้สั่งกำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย ให้ถ่ายภาพบุคคลที่จะมาเยี่ยมไข้ หรือหากญาติไม่รู้จัก ใครมาเคาะประตูที่ไม่ใช่แพทย์ พยาบาล ให้รีบวิ่งออกไปดู และถ้าไม่ใช่ญาติอย่าให้เข้าไป และเน้นย้ำให้ถ่ายภาพคนที่มาเยี่ยมรวมถึงตำรวจนอกเครื่องแบบ เพราะเป็นคดีสำคัญ เนื่องจากมีผู้ต้องหาหลายคน และทราบจากทางญาติว่า เมื่อเหยื่ออาการดีขึ้น จะย้ายโรงพยาบาลไปพักฟื้นในโรงพยาบาลภูมิลำเนาของตัวเอง แต่ขณะอยู่ที่นี้หากมีปัญหาติดขัดตรงไหนให้โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลโดยด่วนเพื่อจะได้ช่วยเหลือและป้องกันเหตุได้ทัน,ข่าวที่เกี่ยวข้อง,- ,แก๊งโจ๋เมืองลุงโหด ลวงฆ่าอริฝังป่า ข่มขืนแฟนสาว โยนทิ้งเหวแต่รอด,- ,รวบครบแล้ว 4 โจ๋เมืองลุงโหด ลวงฆ่าอริฝังป่า ข่มขืนแฟนสาวโยนทิ้งเหว,- ,หัวเราะไม่สะท้าน 2 วัยรุ่นพัทลุงโหด คดี ฆ่าหนุ่ม-ข่มขืนสาว มอบตัว,- ,สะเทือนใจโซเชียล รวมกระแสชาวเน็ตร้องเพิ่มโทษเยาวชน ก่อเหตุฆ่าข่มขืน
|
ตร.เมืองตรัง วางกำลังรักษาความปลอดภัยหนา เหยื่อสาวโดนแทง โยนลงเหว ที่ รพ.ศูนย์ตรัง อย่างแน่นหนา หวั่นโดนปิดปาก หลังรอดตายได้ราวปาฏิหาริย์ ญาติเตรียมย้ายคนเจ็บไปพักฟื้นที่ รพ.ใกล้บ้าน หากอาการดีขึ้น
| null |
ตร.ครัง,รักษาความปลอดภัย,เหยื่อสาว,โดนแทงโยนลงเหว,รอดตาย,ปฏิหาริย์,ภูมิ บาลทิพย์,รอง ผกก.ป.สภ.เมืองตรัง,ศรีนครินทร์,พัทลุง,ฆ่าแฟนหนุ่ม,บาดเจ็บสาหัส,ถูกข่มขืน,เขาพับผ้า,เทือกเขาบรรทัด,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวสังคม,ภูมิภาค,ทั่วไทย
|
https://www.thairath.co.th/content/571734
|
เกิดเหตุรถพุ่งชนฝูงชนในแคนาดา เสียชีวิต 9 คน
|
เหตุเกิดบนถนนยองเก (Yonge) ทางตอนเหนือของเมืองโทรอนโต ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของแคนาดา เมื่อรถแวนพุ่งปีนฟุตบาทขึ้นไปชนคนบนทางเท้าประมาณ 10 คน เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 9 คน ได้รับบาดเจ็บอีก 16 คนเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่พนักงานออฟฟิศกลุ่มใหญ่กำลังออกกำลังออกมารับประทานทานอาหารในช่วงพักกลางวัน ขณะที่คนขับรถแวนถูกตำรวจติดตามจับกุมตัวไว้ได้ โดยอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุออกไปหลายช่วงตึกแม้ตำรวจจะยังไม่เปิดเผยชื่อและรายละเอียดของคนขับรถแวน รวมทั้งยังไม่สามารถระบุสาเหตุและแรงจูงใจ แต่ผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า คนขับรถแวนจงใจขับรถพุ่งชนฝูงชน โดยขับรถพุ่งขึ้นไปบนทางเท้าและขับกลับลง ก่อนจะพุ่งขึ้นไปอีกครั้งเป็นระยะทางยาวประมาณ 1.6 กม.ด้านนายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา ทวิตข้อความจากกรุงออตตาวาแสดงความเสียใจต่อผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุน่าสะพรึงกลัวที่เกิดขึ้น ที่ผ่านมาสหรัฐฯและยุโรปต่างเผชิญกับเหตุโจมตีฝูงชนด้วยการขับรถพุ่งชนมาแล้วหลายครั้ง รวมทั้งเหตุขับรถพุ่งชนฝูงชนในนครนิวยอร์กเมื่อเดือน ต.ค.ปีที่แล้ว มีผู้เสียชีวิต 8 คน
|
เกิดเหตุรถพุ่งชนฝูงชนบนทางเท้าในประเทศแคนาดา มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 9 คนและได้รับบาดเจ็บอีกหลายคน ตำรวจจับกุมคนขับไว้ได้ แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นการจงใจพุ่งชนหรืออุบัติเหตุ
|
ต่างประเทศ
|
รถชน,แคนาดา,จัสติน,ทรูโด,ข่าวไทยพีบีเอส,ThaiPBSnews,ไทยพีบีเอส,ThaiPBS
|
https://news.thaipbs.or.th/content/271821
|
โชเฟอร์รถพ่วงอ้างมองไม่เห็น เหยียบสาวฉันทนาขี่ จยย.ดับอนาถ
|
(ภาพจาก หน่วยกู้ภัยเพียวเยี้ยงไท้ศรีราชา),โชเฟอร์รถพ่วงที่ชลบุรี อ้างเปิดไฟเลี้ยวซ้ายเข้าซอย แต่ไม่ทันเห็นสาวโรงงานขี่ จยย.มาทางด้านซ้าย ส่งผลล้อรถเหยียบไปที่ใบหน้า เปิดจนเห็นกระดูก ขณะที่ จยย.พังยับ ตร.เร่งส่งศพไปชันสูตร ดำเนินคดีต่อไป,เมื่อวันที่ 14 ก.ย. 59 พ.ต.ต.พงศกร ผันผ่อน สว.(สอบสวน) สภ.หนองขาม จ.ชลบุรี รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถพ่วงชนกับรถจักรยานยนต์ เส้นทางสายหนองยายบู่-หนองค้อ บริเวณปากทางเข้าวัดเขาดิน หมู่ 3 ต.หนองขาม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี และมีผู้เสียชีวิต หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบพร้อมหน่วยกู้ภัยเพียวเยี้ยงไท้ศรีราชา,จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบรถพ่วงยี่ห้อโฟตอน หัวสีขาว หมายเลขทะเบียน 70-6078 ระยอง ส่วนหางหมายเลขทะเบียน 70-8044 ระยอง ของบริษัท เก้าเจริญ โลจิสติกส์ จำกัด โดยมี นายอำนาจ สุขกุล อายุ 50 ปี คนขับรถพ่วงยืนรอให้การอยู่ที่รถ และที่ใต้ท้องรถพ่วงพบรถจักรยายนต์ยี่ห้อซูซูกิ สเต็ป สีดำ หมายเลขทะเบียน งพข 332 ชลบุรี ถูกเหยียบในสภาพพังยับเยิน ใกล้กันพบศพ นางสาวกาญจนา วิรุฬปักษ์ อายุ 34 ปี สภาพสวมชุดพนักงาน บริษัท NYK ถูกเหยียบที่ใบหน้า เปิดจนเห็นกระดูก และมีเลือดไหลออกมานองพื้น,นายอำนาจ ให้การว่า ตนเองขับมาถึงที่เกิดเหตุ และเปิดสัญญาณไฟเลี้ยวเตือน เพื่อจะเลี้ยวซ้ายเข้าไปทางวัดเขาดิน โดยที่ไม่เห็นว่ามีรถจักรยานยนต์อยู่ด้านหน้า จึงเลี้ยวชนเข้าอย่างแรง และเหยียบรถจักรยานยนต์พร้อมกับผู้ขับขี่เข้าใต้ท้องรถ แล้วชาวบ้านที่เห็นก็ได้ตะโกนให้หยุด จึงรีบจอดแล้วลงมาก็พบว่าเหยียบทั้งรถจักรยานยนต์ และผู้ขับขี่เสียชีวิตดังกล่าว,ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้บันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน ก่อนมอบศพให้หน่วยกู้ภัยส่งไปชันสูตรที่โรงพยาบาลแหลมฉบัง พร้อมเชิญตัวคนขับรถพ่วงไปทำการสอบสวนเพิ่มเติม ก่อนจะดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
|
โชเฟอร์รถพ่วงที่ชลบุรี อ้างเปิดไฟเลี้ยวซ้ายเข้าซอย แต่ไม่ทันเห็นสาวโรงงานขี่ จยย.มาทางด้านซ้าย ส่งผลล้อรถเหยียบไปที่ใบหน้า เปิดจนเห็นกระดูก ขณะที่ จยย.พังยับ ตร.เร่งส่งศพไปชันสูตร ดำเนินคดีต่อไป
| null |
รถพ่วง,รถพ่วงเหยียบคน,รถพ่วงเหยียจยย.,สาวโรงงานถูกรถพ่วงเหยียบ,ศรีราชา,ชลบุรี
|
https://www.thairath.co.th/content/722638
|
เผาแล้ว น้องแอ๋ม สาวโอเกะถูกฆ่าหั่นศพ แม่เป็นลมล้มพับ สาปแช่งฆาตกร
|
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 28 พ.ค. 2560 ที่วัดโคกแจง หมู่ที่ 1 ต.วัดโคก อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท ญาติๆ ได้เคลื่อนศพ น้องแอ๋ม หรือ นางสาววริสรา กลิ่นจุ้ย อายุ 23 ปี เหยื่อฆ่าโหดหั่นศพยัดถังฝังดิน ในพื้นที่ บ้านโนนสง่า ต.คำม่วง อ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น มาทำพิธีฌาปนกิจบนเมรุ วัดโคกแจง ท่ามกลางความโศกเศร้า โดยมีเพื่อนๆ และญาติๆ มาร่วมพิธี และคอยปลอบใจ น.ส.พิชชาภา คำเพิงใจ มารดาของน้องแอ๋ม ที่ยังคงอยู่ในอาการโศกเศร้า และร้องไห้ฟูมฟายอยู่ตลอดเวลา เพราะยังทำใจไม่ได้ที่ลูกสาวคนเดียวต้องมาจากไปอย่างไม่มีวันกลับ,โดยตลอดเวลาของการประกอบพิธี มีฝนตกลงมาอย่างหนัก จนน้ำฝนขังทั่วบริเวณวัด คล้ายกับน้ำตาฟ้าที่ร่วงรินลงมา ร่วมแสดงความเสียใจกับน้องแอ๋ม ซึ่งหยาดฝนที่ตกลงมานั้น ไม่ทำให้คนที่รักน้องแอ๋มยอมกลับไปแต่อย่างใด โดยเฉพาะวันนี้ นางทองหลอม กลิ่นจุ้ย ย่าของน้องแอ๋ม มีน้ำตาซึมออกมาตลอดเวลา ขณะที่ นายศักดิ์ชาย บาตรเต็มศรี สามีของน้องแอ๋ม ก็มาร่วมในพิธี ด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมตลอดเวลา ไม่พูดไม่จากับใคร เพราะยังคงเสียใจอยู่เช่นกัน,เมื่อถึงเวลาที่จะต้องทอดผ้าวางดอกไม้จันทน์ นางพิชชาภา แม่ของน้องแอ๋ม ถึงกับเป็นลมหมดสติไป จนไม่สามารถขึ้นวางดอกไม้จันทน์ บอกลาลูกสาวเป็นครั้งสุดท้ายได้ สร้างความสลดใจให้แก่ญาติๆ และผู้มาร่วมงานเป็นอย่างมาก ซึ่งจากการสังเกตุในวันนี้ ไม่มีสาวทอมคนสนิทของน้องแอ๋ม เดินทางมาร่วมงานแม้แต่คนเดียว โดยก่อนพิธีฌาปณกิจ แม่ของน้องแอ๋ม ได้สาปแช่งคนร้าย โดยต้องการให้ดวงวิญญาณของน้องแอ๋ม ติดตามเอาคนร้ายมาลงโทษอย่างสาสมให้ได้,ด้าน น.ส.พิชชาภา มารดาของน้องแอ๋ม เปิดเผยว่า ที่รีบทำพิธีฌาปนกิจศพนั้น เป็นเพราะ ศพของน้องแอ๋ม ไม่เหมือนคนปกติทั่วไป ถูกฆ่าหั่นจนน่าเวทนา จึงไม่อยากให้ น้องแอ๋ม ต้องอยู่ในสภาพที่ทรมานขนาดนี้ จึงทำการสวดอภิธรรมศพ บำเพ็ญกุศลแค่คืนเดียว และทำการฌาปนกิจในวันนี้ ส่วนในเรื่องคดีความนั้น อยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งดำเนินคดี ติดตามเอาคนร้ายที่ก่อคดีสะเทือนขวัญมาลงโทษให้ไวที่สุด เพื่อไปชดใช้กรรมต่อในคุก.
|
ครอบครัวและญาติ ทำพิธีฌาปนกิจ น้องแอ๋ม สาวโอเกะถูกฆ่าหั่นศพ ด้านแม่เป็นลมล้มพับ ยังทำใจไม่ได้ ลูกสาวคนเดียวจากไปแบบไม่มีวันกลับ สาปแช่งฆาตกร ขอวิญญาณลูกติดตามจนจับได้ เพื่อไปใช้กรรมต่อในคุก
|
ข่าว,ทั่วไทย
|
ฆ่าหั่นศพ,ฆ่าหั่นศพสาวคาราโอเกะ,ฆ่ายัดถัง,ขอนแก่น,เผา น้องแอ๋ม
|
https://www.thairath.co.th/news/local/central/955278
|
เห็นราคาแล้วจะอึ้ง รอยัล เอนฟิลด์ ส่งทัพจักรยานยนต์สัญชาติอังกฤษร่วมงานมอเตอร์โชว์ 2016
|
หลังจากได้รับการตอบรับจากงานเปิดตัวศูนย์บริการและตัวแทนจำหน่าย รอยัล เอนฟิลด์ ทองหล่อ ที่ถนนสุขุมวิท 55 (ตรงข้ามซอยทองหล่อ 23) ช่วงต้นปีที่ผ่านมา รอยัล เอนฟิลด์ แบรนด์รถจักรยานยนต์สัญชาติอังกฤษ พร้อมนำเสนอรถจักรยานยนต์ทุกรุ่นทุกแบบที่พร้อมจำหน่ายในไทย พร้อมเครื่องแต่งกายและอุปกรณ์ตกแต่งเสริม เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์ขนาดกลางภายในงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 37,ราคา,Bullet 500 199,900 บาท,Classic 500 209,900 บาท,Classic Chrome 219,900 บาท,Continental GT 239,900 บาท ,จากการประกาศเปิดตัวเป็นครั้งแรกในประเทศไทย แบรนด์จักรยานยนต์สัญชาติอังกฤษ รอยัล เอนฟิลด์ ได้เผยกลยุทธ์ที่จะสร้างการเติบโต และมุ่งเน้นความเป็นผู้นำระดับโลกในตลาดรถจักรยานยนต์ขนาดกลาง (เครื่องยนต์ 250-750 ซีซี) เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2559 ที่ผ่านมา รอยัล เอนฟิลด์ ได้เปิดตัวศูนย์บริการ และตัวแทนจำหน่ายแห่งแรกในประเทศไทยที่ซอยสุขุมวิท 55 (ตรงข้ามซอยทองหล่อ 23) ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์เฉพาะกลุ่ม ซึ่งภายในพื้นที่โชว์รูมมีการดิสเพลย์รถรอยัล เอนฟิลด์ทุกรุ่น ได้แก่,Continental GT,Classic Chrome,Classic 500,Bullet 500,รอยัล เอ็นฟิลด์ รุ่นคอนติเนนตัล จีที (Continental GT) แนวคาเฟ่เรเซอร์ รุ่นคลาสสิก โครม (Classic Chrome) รุ่นคลาสสิก (Classic) 500 ซึ่งเป็นรถจักรยานยนต์แนวสตรีทเรโทร โด่งดังด้วยรูปลักษณ์ยุคหลังสงครามที่มีความงามเป็นอมตะ และ รุ่นบุลเล็ต (Bullet) 500 ซึ่งเป็นรุ่นเอกลักษณ์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกของ รอยัล เอนฟิลด์ และได้รับการผลิตมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ พ.ศ. 2475 พร้อมประวัติความเป็นมาที่มีจุดเริ่มต้นในประเทศอังกฤษ รวมถึงมีบริการรถทดสอบสำหรับลูกค้าที่สนใจครบทุกรุ่น,ม.ล.พลอยนภัส ลีนุตพงษ์ กรรมการบริหาร บริษัท เจเนอร์รัล ออโต้ซัพพลาย จำกัด กล่าวว่า หลังจากเปิดศูนย์บริการและตัวแทนจำหน่าย รอยัล เอนฟิลด์ ทองหล่อแห่งแรกในประเทศไทย ก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มผู้ขับขี่จักรยานยนต์เฉพาะกลุ่ม รวมไปถึงสร้างความสนใจให้ผู้ที่กำลังมองหารถจักรยานยนต์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ เพื่อสะท้อนรสนิยมส่วนตัวและเข้าถึงง่ายมากขึ้น ซึ่งทาง รอยัล เอนฟิลด์ ตั้งใจมอบประสบการณ์การขับขี่มอเตอร์ไซค์ที่แท้จริง (PureMotorcycling) นั่นคืออิสรภาพ หรือความเป็นอิสระจากพันธนาการทั้งปวง มีแต่คุณและเครื่องจักรที่กำลังโลดแล่นอยู่บนเส้นทางที่คุณกำหนดเอง,การบริการหลังการขาย ในส่วนการดูแลบำรุงรักษาและซ่อมแซม ทาง รอยัล เอนฟิลด์ มีทีมช่างยนตร์มืออาชีพที่มีฝีมือ และได้รับการอบรมจากบริษัทแม่ โดยปัจจุบันมี 4 แท่นซ่อมจึงสามารถรองรับรถที่นำเข้ามารับบริการได้ถึง 500 คันต่อเดือน ซึ่งทางบริษัทฯ มีเครื่องมือสำหรับการดูแลรถแต่ละรุ่นที่นำเข้าจากบริษัทแม่โดยเฉพาะ อีกทั้ง ยังมีความพร้อมในเรื่องของอะไหล่รถ โดยค่าบริการและค่าอะไหล่ต่างๆ ตอบโจทย์รถจักรยานยนต์ขนาดกลางที่เหมาะสำหรับการใช้งานได้ทุกวัน อาทิเช่น โช้ค ผ้าเบรก หรือไฟเลี้ยว ที่ล้วนแต่เป็นอะไหล่ที่มีคุณภาพ แต่ราคาตอบโจทย์ผู้บริโภค ซึ่งหากเปรียบเทียบกับรถมอเตอร์ไชค์ในตลาดรถจักรยานยนต์ขนาดกลางระดับเดียวกันรอยัล เอนฟิลด์ มีค่าบำรุงรักษาที่เข้าถึงได้ง่าย และด้วยคุณภาพของอะไหล่ที่สามารถมอบความมั่นใจให้แก่ลูกค้าได้เป็นอย่างดี,ปัจจุบัน ประเทศไทย มีฐานของผู้ชื่นชอบรถจักรยานยนต์คลาสสิกที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีผู้ใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะในการเดินทางระหว่างบ้านและที่ทำงาน ในแต่ละวันสูงถึง 1.6 ล้านคน โดยในประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในตลาดรถมอเตอร์ไซค์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก จึงเป็นตลาดที่ รอยัล เอนฟิลด์ ให้ความสำคัญอย่างมาก นอกจากนี้ ยังถือเป็นตลาด Leisure Motorcycling ที่ก้าวหน้ามากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย ทาง รอยัล เอนฟิลด์ ได้มองเห็นโอกาสที่ดีในการแนะนำ รอยัล เอนฟิลด์ มาสู่กลุ่มลูกค้าในประเทศไทย ด้วยการนำเสนอรถมอเตอร์ไซค์สไตล์คลาสสิกของ รอยัล เอนฟิลด์ ที่ใช้งานง่าย รวมทั้งมีความพร้อมในการให้บริการด้านของแต่งรถ เครื่องแต่งกาย อะไหล่ และการบริการหลังการขายแบบครบวงจร,รอยัล เอ็นฟิลด์ เป็นแบรนด์จักรยานยนต์เก่าแก่ที่สุดที่มีการผลิตมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน นับจากรถจักรยานยนต์คันแรกที่ผลิตขึ้นในปี 2444 โดย บริษัทฯ ที่เป็นส่วนหนึ่งของ Eicher Motors Limited แห่งนี้ เป็นผู้เปิดตลาดรถจักรยานยนต์ขนาดกลางขึ้นในประเทศอินเดีย ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์ในรูปแบบโมเดิร์นคลาสสิกที่ไม่เหมือนใคร และด้วยฐานการผลิตใหม่ ในเมืองเจนไน ประเทศอินเดีย รอยัล เอ็นฟิลด์ จะสามารถเพิ่มผลผลิตได้อย่างรวดเร็วเพื่อรองรับความต้องการในตลาดรถจักรยานยนต์ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมานั้น บริษัทฯ มีอัตราการเติบโตกว่าร้อยละ 50 ต่อปี ทำให้ รอยัล เอ็นฟิลด์ กลายมาเป็นผู้ที่มีความสำคัญยิ่งในตลาดรถจักรยานยนต์ขนาดกลางของโลกอย่างรวดเร็ว และบริษัทฯ กำลังสร้างความแตกต่างในวงการ ด้วยการนำเสนอรถจักรยานยนต์ที่น่าหลงไหล ใช้ได้ทุกสถานการณ์ และให้ประสบการณ์ที่ดีในการขับขี่,สายผลิตภัณฑ์ของ รอยัล เอ็นฟิลด์ ในอินเดีย ประกอบไปด้วย รถจักรยานยนต์รุ่น Bullet, Classic และ Thunderbird ที่มีให้เลือกตามขนาดความจุของเครื่องยนต์ที่ 350ซีซี และ 500ซีซี และได้เปิดตัวรุ่น Continental GT 535 ซีซี ซึ่งเป็นรถแนวคาเฟ่เรเซอร์ไปเมื่อไม่นานมานี้ รอยัล เอ็นฟิลด์ มีร้านที่ดูแลโดยบริษัทฯ เอง 12 แห่ง และตัวแทนอีก 400 แห่ง ในเมืองสำคัญๆ ทั่วอินเดีย และส่งออกไปยังกว่า 50 ประเทศทั่วโลก รวมถึง สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และอีกหลายประเทศในยุโรปและลาตินอเมริกา รวมถึง ตะวันออกกลาง และเอเชียใต้,นอกจากนี้ รอยัล เอ็นฟิลด์ ยังจัด และให้การสนับสนุนงานกิจกรรมเกี่ยวกับรถจักรยานยนต์และงานแข่งมากมายทั่วโลก งานที่เป็นที่รู้จักมากมาย อาทิ Rider Mania ซึ่งเป็นงานรวมพลที่ รอยัล เอ็นฟิลด์ จัดขึ้นทุกปี เพื่อให้สิงห์นักบิดทั่วทั้งอินเดียได้มาพบปะสังสรรค์กันที่ชายหาดแสนสวยในกัว และงาน HimalayanOdyssey ซึ่งเป็นงานแข่งขันการขี่จักรยานยนต์ที่ดุเดือดที่สุด ผ่านถนนหนทางที่แสนโหดร้าย และเทือกเขาหิมาลัยอันสูงชัน สุดท้าย รอยัล เอ็นฟิลด์ ยังได้จัดกิจกรรม One Ride ที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม โดยมีผู้คนจากทั่วโลกร่วมใจกันนำรถจักรยานยนต์ของพวกเขาออกมาขับขี่บนท้องถนนในวันอาทิตย์แรกของเดือนเมษายน ผู้สนใจสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ รอยัล เอนฟิลด์ ทั้งในด้านผลิตภัณฑ์ ประวัติศาสตร์ และกิจกรรมต่างๆ ได้ที่ ,www.royalenfield.com/thai, และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในสังคมของ รอยัล เอนฟิลด์ ได้ที่ ,https://www.facebook.com/royalenfield/, รวมทั้งติดตาม รอยัล เอนฟิลด์ ได้ทางทวิตเตอร์ @royalenfield และอินสตาแกรม @royalenfield แฮชแท็ก #RoyalEnfield,อาคม รวมสุวรรณ,E-Mail ,[email protected],Facebook ,https://www.facebook.com/chang.arcom,https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/
|
ไม่แพงนะจ๊ะ รอยัล เอนฟิลด์ แบรนด์รถจักรยานยนต์คลาสสิกสัญชาติอังกฤษ จัดเต็มในงานมอเตอร์โชว์ 2016 ปล่อยราคาจับต้องได้ เน้นย้ำการบริการครบวงจรหลังการขาย เข้าถึงกลุ่มคนใช้จักรยานยนต์ได้มากขึ้น
| null |
รอยัล เอนฟิลด์,ROYAL ENFIELD,คาเฟ่เรเซอร์,มอเตอร์ไซค์,จักรยานยนต์,อาคม รวมสุวรรณ,man and machine,ข่าวไลฟ์สไตล์,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าว
|
https://www.thairath.co.th/content/596196
|
กรมอุทยานฯ แจง 5 ปมร้อน คดีบิลลี่-อมเงิน-ซื้อขายตำแหน่ง
|
วันนี้ (5 ก.ย.2562 ) นายสมโภชน์ มณีรัตน์ โฆษกกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ให้สัม ภาษณ์สื่อมวลชนกรณีปัญหาที่เกิดขึ้น และเกี่ยวข้องกับกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์ุพืช กรณีที่หักเงินค่าจ้างของลูกจ้างชั่วคราว ที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกแม่สุรินทร์ จ.แม่ฮ่องสอน และหักเงินค่าลาดตระเวนในอุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น จ.สุราษฎร์ธานีเปิดทางสอบ อมเงินกรณีหักเงินค่าลาดตระเวน มีที่มาจากการพัฒนาการลาดตระเวนให้เป็นรูปแบบการลาดตระเวนเชิงคุณภาพ (Smart Patrol)ซึ่งกรมฯ มีโครงการปฎิรูปรูประบบลาดตระเวนเชิงคุณภาพขึ้น โดยมีการสนับสนุนทั้งบประมาณในการอบรม และเงินค่าลาดตระเวนด้วย ซึ่งงบประมาณที่ลงไป เป็นเม็ดเงินที่อยู่ในโครงการปฏิรูปฯ ซึ่งวันนี้งบโครงการนี้ยังไม่ลงไปทั้งหมด 100 เปอร์เซนต์ โดยลงไปบางส่วนในพื้นที่ที่อยู่ในโครงการฯ และเมื่อลงไปแล้วก็ขึ้นอยู่กับว่าหน่วยงานในพื้นที่จะเบิกจ่ายงบ อย่างไร ซึ่งทั้ง 2 กรณีเมื่อวานนี้ (4 ก.ย.2562) ได้รับเอกสารจากพื้นที่มีคำสั่งให้หัวหน้าทั้ง 2 แห่ง ไปประจำที่สำนักบริหารเพื่อให้การสอบสวนข้อเท็จจริงเป็นไปอย่างเต็มที่ย้าย หน.อุทยานน้ำตกสี่ขีด เหตุรักษาพื้นที่ไม่ได้ขณะที่กรณีคำสั่งด่วนนายเทอดไทย ขวัญทอง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติน้ำตกสี่ขีด อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ให้ไปประจำสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 จ.นครศรีธรรมราช พร้อมทั้งให้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง โดยระบุว่า จากกรณีการตรวจจับไม้ของผู้มีอิทธิพล จึงถูกสั่งย้าย ซึ่งเหตุผลในการสั่งย้ายคือ นายเทอดไทย ไม่สามารถดูแลพื้นที่ได้อย่างดีทำให้ไม้ขนาดใหญ่ถูกตัดจำนวนมากคดี บิลลี่ ให้เป็นไปตามขั้นตอนนายสมโภชน์ กล่าวว่า สำหรับกรณีที่นายพอละจี รักจงเจริญ หรือ บิลลี่ ที่สูญหายระหว่างการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เมื่อปี 2557 คดีดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนการสืบ สวนสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนขณะที่นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ขณะนี้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ 9 (อุบลราชธานี) ขณะที่เจ้าหน้าที่คนอื่นในพื้นที่ (อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน) ขอให้หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และสำนักบริหารในพื้นที่ได้ตัดสินใจว่าจะดำเนินการอย่างไรเพราะอยู่ในพื้นที่ซาฟารี ห้วยขาแข้ง ยังศึกษาวิจัยภาพ : คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ขณะที่กรณีการศึกษาโครงการเสริมสร้างประสิทธิภาพและแรงจูงใจเพื่อการอนุรักษ์สัตว์ป่าในผืนป่าตะวันตก ซึ่งมีการดำเนินการพัฒนาต้นแบบการท่องเที่ยวสัตว์ป่า เพื่อการอนุรักษ์บริเวณเขตกันชน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง เชื่อว่าทุกฝ่ายมีความเป็นห่วง โครงการที่เกิดขึ้นภายใต้แนวคิดการพยายามแก้ปัญหา และหาทางออกร่วมกันระหว่างคนและสัตว์ป่า และพัฒนาบริเวณที่มีสัตว์ป่าไปใช้ประโยชน์ รวมถึงมีองค์การต่าง ๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือและความเข้าใจ ซึ่งต้องมีโมเดลตามที่มีการศึกษาวิจัย เป็นแนวทางที่จะนำมาใช้ต่อไป แต่ผลสรุปจะเป็นอย่างไรจะต้องพิจารณาอีกครั้งภาพ : คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ซื้อ-ขายตำแหน่ง 600 ล้าน ไม่จริงขณะที่กรณีการซื้อขายตำแหน่ง กว่า 600 ล้านบาท นายสมโภชน์ ระบุว่า นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานฯ ได้ชี้แจงแล้วว่าไม่เป็นความจริง หากมีข้อมูลหลักฐานก็ยินดีที่จะรับฟังข้อมูลที่เกิดขึ้น แต่หากไม่เป็นเรื่องจริงก็ต้อง ผู้นำเสนอข้อมูลก็ต้องรับผิดชอบอ่านข่าวเพิ่มเติม
|
โฆษกกรมอุทยานฯ แจงปมร้อน ระบุคดี บิลลี่ ให้เป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมาย พร้อมให้ความร่วมมือ ฟังคำตัดสินทุกรูปแบบ ส่วนปมซื้อขายตำแหน่ง 600 ล้านบาทไม่เป็นความจริง ส่วนการเปิดให้ท่องเที่ยวห้วยขาแข้งยังอยู่ระหว่างการศึกษาวิจัย
|
สิ่งแวดล้อม
|
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม,บิลลี่,แก่งกระจาน,ห้วยขาแข้ง
|
https://news.thaipbs.or.th/content/283822
|
Subsets and Splits
No community queries yet
The top public SQL queries from the community will appear here once available.