title
stringlengths 2
223
| body
stringlengths 496
195k
| summary
stringlengths 34
1.83k
| type
stringlengths 4
98
⌀ | tags
stringlengths 2
1.52k
⌀ | url
stringlengths 27
112
|
---|---|---|---|---|---|
ทำไมคนเราถึงวนอยู่หน้าเมนู Netflix อยู่ 30 นาที และจบลงด้วยการปิดทีวีนอน
|
ถ้าบอกว่าสิ่งที่สนุกที่สุดในการดู Netflix คือการดูเมนู Netflix เจ้าของ Netflix จะดีใจไหมถ้าให้เราย้อนกลับไปยัง 4-5 ปีก่อนในยุคที่บริการสตรีมมิงเพิ่งจะมาถึง พวกเราชาวคนดูได้แต่ตั้งคำถามมากมายว่า ถ้าจะต้องมีการจ่ายรายเดือนเพื่อดูหนังอย่างเดียว พวกเราจะคุ้มค่าไหม หนังมันจะเยอะพอหรือเปล่า ในเดือนหนึ่งฉันจะดูเยอะจนเหลือเรื่องละ 20 บาทได้ไหม ถ้าไม่ได้นี่ อย่าสมัครดีกว่าความต้องการพื้นฐานแบบนี้จากลูกค้าเป็นสิ่งที่ทำให้สตรีมมิงเซอร์วิสรีบปรับปรุงตัวโดยการที่พวกเขาพยายามกว้านซื้อหนังจากทุกค่ายมาอยู่ในระบบของตัวเองให้มากที่สุด รวมถึงผลิตชิ้นงานของตัวเองเสริมทัพเข้าไป การแข่งขันระหว่างระบบสตรีมมิงแต่ละเจ้านั้น นอกจากตัวคุณภาพของหนังในช่องแล้ว จริงๆ จำนวนหนังก็ดูจะมีผลไม่น้อย ว่าง่ายๆ คือ จะแข่งกันเปิดบุฟเฟต์ ก็ต้องมาดูกันว่าในร้านมีอะไรให้กินบ้าง ถ้าร้านไหนมีหลายอย่าง คนก็จะไปหาร้านนั้น เพราะราคาต่อหัวมันพอๆ กันเวลาผ่านไประบบสตรีมมิงหลายราย ได้มาถึงจุดที่มีหนังหลายร้อยหลายพันไตเติลให้ได้เลือกชม แม้มันอาจจะมีไม่หมดครบทุกเรื่องบนโลก แต่ไอ้ 2000 เรื่องที่พวกเรามี พวกคุณดูหมดแล้วหรือยัง แถมใน 2000 เรื่องที่มีนั้น ก็แบ่งเป็นประเภทย่อยๆ ได้อีก คนที่เน้นอยากดูแต่หนังดราม่าคุณภาพเท่านั้น ก็จะมีเซ็กชันหนังดราม่าคุณภาพให้เลือกประมาณ 200 เรื่อง (เดือนหนึ่งดูหมดไหม) หรือถ้าเน้นแค่หนังตลก เขาก็มีอีก 400 เรื่อง (เดือนหนึ่งดูทันไหม) ด้วยจำนวนที่มหาศาลเยี่ยงนี้ และมีการอัปเดตรายสัปดาห์อย่างต่อเนื่อง ทำให้คนดูหนังยินยอมพร้อมใจจะสมัครบริการเหล่านี้อย่างเต็มใจ นัยว่าเสียค่าสมัครเดือนละ 300 บาท ดูสัก 3 เรื่องก็คุ้มละ (เริ่มปลง) เป็นมิชชันที่ทำได้ไม่ยากแต่จริงๆ แล้ว มันยาก ยากกว่าที่คิดมากในโลกความเป็นจริง อาการหลงทางในเมนูหนังนั้นมักเกิดขึ้นกับพวกเราหลายคน ด้วยความที่หนังมันมี 2000 เรื่อง แบให้ดูพร้อมกันทีเดียว หน้าที่ของคนดูอย่างเราคือจ้องเมนูรายชื่อหนัง และการเฟ้นหาหนังที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง หนังที่เราพร้อมจะสละ 2 ชั่วโมงไปกับมัน โดยเราจะเริ่มจากการค่อยๆ ไล่หาไปเรื่อยๆ จากเรื่องที่ 1 ไปจนถึงเรื่องที่ 10 ยังไม่เจอหนังที่อยากดู เราก็จะค่อยๆ เดินทางสู่เรื่องที่ 50 ซึ่งอาจจะทำให้เราเจอหนังที่อยากดูสักเรื่องหนึ่ง แต่ในหัวเราจะคิดต่อว่าถ้าเราเดินทางไปสู่เรื่องที่ 150 เราอาจจะเจอหนังที่อยากดูกว่านั้นอีกนะ พอไปถึงเรื่องที่ 150 ก็รู้สึกว่ายังสำรวจไม่หมด ไปอีกนิดหนึ่งน่า เฮ้ย มีเรื่องนี้ด้วยเหรอเนี่ย โห สตรีมมิงเจ้านี้ดีจัง มีหนังเยอะนะ ดีๆ ทั้งนั้นเลย ไหนลองกดไปให้ถึงเรื่องที่ 350 มันจะต้องมีหนังแจ๋วๆ อย่างนี้อีกแน่เลย เอ้อ มีจริงๆ ด้วย แต่เรื่องนี้เคยดูแล้ว ลองหาเรื่องที่ไม่เคยดูดีกว่า เมื่อก้าวสู่เรื่องที่ 560 เจอหนังดีๆ เยอะเลย แต่ตอนนี้ยังไม่มีมู้ดอยากดูแนวนี้ ขอแอดเข้าลิสต์ส่วนตัวไปก่อน ครั้งหน้าจะแวะกลับมาใหม่ ขอลองดูเมนูเรื่องอื่นๆ ต่อดีกว่าเมื่อทะยานสู่การกดเมนูไปยังเรื่องที่ 980 แล้ว เราก็พบว่าเรายังไม่ไปไหนเลย ผ่านไปจะชั่วโมงแล้ว ยังอยู่ที่หน้าเมนู เหนื่อยจัง ง่วงละ นอนดีกว่านี่คือวงจรอุบาทว์ของผู้ชม (เมนู) Netflix อาจจะเป็นวงจรที่ไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน แต่เกิดขึ้นกับหลายคน และพวกเขาเหล่านั้นยังคงเป็นดั่งดวงวิญญาณที่หลงทางอยู่บริเวณเมนูหลัก และเป็นเจ้าพ่อแห่งวงการ Add to My Listคำถามคือทำไมพวกเราจึงเป็นแบบนี้กัน ก็ถือว่าโชคดีที่มีคนบนโลกคนอื่นๆ ตั้งคำถามนี้เช่นกัน พวกเราเลยลองทำการศึกษาหาสาเหตุว่ามันเกิดจากอะไรจริงๆ เขาเปรียบง่ายๆ ว่า มันคล้ายๆ กับการที่เวลาจะหาอะไรกินแล้วมันมีตัวเลือกร้านอาหารให้เลือกเยอะเกิน สุดท้ายเราก็พบว่าไม่รู้จะกินอะไรอยู่ดี ก็เลยเลือกร้านเดิมๆ ไม่ก็ร้านที่ใกล้ๆ เช่นเดียวกับการที่มีหนังใน Netflix ให้เราเลือกเยอะเกิน เราก็จะงงว่า จะเอาอันไหนดี เพราะโดยพื้นฐานเราก็อยากได้ของที่ดีที่สุด ได้ดูหนังที่เหมาะที่สุด แต่การควานหาจากกองหนังเป็นพันๆ เรื่อง ทำให้เราเหนื่อยและไปไม่ถึงจุดนั้น กลายเป็นว่าพวกหนังดูฟรีบนเครื่องบิน ที่จะมีแค่ประมาณไม่เกิน 100 เรื่องหรือน้อยกว่านั้น อาจจะเป็นอะไรที่ดีกว่า เพราะมีกรอบมีขีดจำกัดที่ช่วยให้เราเลือกได้ง่ายขึ้น ตัดสินใจได้ง่ายกว่า เพราะไอ้การที่เราหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเราเอง จริงๆ แล้วมันคือการ หาสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่เรามีและมองเห็นในเวลานั้น (แม้ว่าสิ่งที่มีและมองเห็นในเวลานั้นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่โลกนี้มีทั้งหมดจริงๆ) กลายเป็นว่า การมีตัวเลือกเยอะๆ ไม่ใช่เรื่องที่ดีเสมอ และหลายๆ ครั้งการมีตัวเลือกน้อยกว่า กลับดีกว่าจริงๆ แล้วเขาบอกว่า จำนวนตัวเลือกที่เหมาะสมกับคนเราที่สุดอาจจะอยู่ที่ 8-15 ตัวเลือกแค่นั้นเอง เรื่องนี้มีไปถึงขั้นทำการศึกษาสมองเวลาคนต้องเลือกว่าซื้ออะไรสักอย่าง นักวิจัยพบว่าจำนวนตัวเลือก 12 ตัวเลือกคือจำนวนที่สมองในส่วนที่จะคำนวณราคา และส่วนที่คำนวณคุณค่านั้นทำงานได้ดีที่สุด ถ้ามันน้อยกว่านั้นเราจะรู้สึกว่าคนให้ตัวเลือกนั้นขี้โกงเราที่ให้ทางเลือกเราน้อยเกิน แต่ถ้าเยอะกว่านั้นเราจะรู้สึกเหนื่อยเกิน และอาจตกลงไปอยู่ในวังวนที่เรียกว่า Paradox of Choice ซึ่งเป็นสภาวะที่เราจะมองหาสิ่งที่ดีที่สุดไปเรื่อยๆ แบบไม่มีวันจบสิ้น เพราะเราจะรู้สึกตลอดเวลาว่าในตัวเลือกที่เยอะขนาดนี้ มันจะต้องมีสิ่งที่ดีกว่ารอเราอยู่ ผลทางใจที่จะตามมาคือ เราจะเครียดขึ้นในการตัดสินใจ เพราะถ้าเราเลือกตัวเลือกที่ไม่ถูกต้อง เราอาจจะรู้สึกเฟล (มีให้เลือกเยอะขนาดนี้ มึงยังเลือกพลาดอีกเหรอ) จนสุดท้ายเราอาจจะไม่ได้เลือกอะไรเลย เพราะไม่กล้าเลือก หรือไม่ก็ไปเลือกตัวเลือกเซฟๆ เช่น การกลับไปดูหนังเก่าที่เคยดูแล้วเรื่องเดิมจริงๆ ก็ไม่น่าแปลกใจนะครับ เพราะเหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในระบบสตรีมมิง แต่เกิดขึ้นกับแทบทุกอย่างในยุคที่ผู้คนเข้าถึงอินเทอร์เน็ต อันเป็นสถานที่ที่ใครสามารถเจออะไรก็ได้ ยิ่งกูเกิล ก็ยิ่งเจอตัวเลือกต่างๆ อีกมากมาย เราจึงต้องการอินฟลูเอนเซอร์ ร้านซีเลกต์ช็อป เว็บไซต์ที่คอยแนะนำว่าวันเสาร์-อาทิตย์นี้ควรทำอะไรดี หรือระบบอัลกอริทึมต่างๆ ที่ช่วยเลือกช่วยคิวเรตสิ่งต่างๆ มาให้เราหน่อย และเราเชื่อมันไปเลย เพราะตัวเราไม่ต้องการจะเลือกผิด แต่ก็เหนื่อยเกินไปในการที่จะไล่เช็กทุกอย่างบนโลก แต่ถ้าไม่หา ก็จะรู้สึกว่าตัวเองไม่ทำการบ้านดีพอ อุตส่าห์อยู่ในยุคที่มีตัวเลือกมากมาย แต่ดันขี้เกียจเสาะหา มักง่ายหรือเปล่า ดังนั้นหาคนที่เราเชื่อใจมากๆ มาชี้นำทางให้เราเลยดีกว่า แก้ไขความรู้สึกผิดได้หมดนี่ขนาดตอนนี้มีแค่บริการสตรีมมิงใหญ่ๆ ไม่กี่เจ้า ยังมึนขนาดนี้ ในปีถัดๆ ไป สตรีมมิงเจ้าใหญ่ๆ อย่าง Disney หรือ Apple กำลังจะมาอีก ถ้าใครสมัครสองที่สามที่ ก็คงมีให้เลือกประมาณ 4000-6000 เรื่อง คราวนี้ไม่รู้จริงๆว่า เราจะได้ดูหนัง หรือ เราจะได้ดูเมนูหนัง อย่างสนุกสนานกันแน่ภาพประกอบ:เทียนจรัสวงศ์พิเศษกุลพิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
|
อาการหลงทางในเมนูหนังนั้นมักเกิดขึ้นกับพวกเราหลายคน ด้วยความที่หนังมันมี 2000 เรื่อง แบบให้ดูพร้อมกันทีเดียว หน้าที่ของคนดูอย่างเราคือจ้องเมนูรายชื่อหนัง และการเฟ้นหาหนังที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง หนังที่เราพร้อมจะสละ 2 ชั่วโมงไปกับมันนี่คือวงจรอุบาทว์ของผู้ชม(เมนู) Netflix อาจจะเป็นวงจรที่ไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน แต่เกิดขึ้นกับหลายคน
| null | null |
https://thestandard.co/spend-30-minutes-browsing-netflix-and-sleep/
|
ศรีวราห์ขู่แฟนคลับปู พิพากษาเสร็จ ดื้อไม่กลับ เจอโทษชุมนุมการเมือง
|
เจอโทษชุมนุมการเมือง,เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 18 ส.ค.60 ที่ห้องศรียานนท์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ได้สั่งให้มีการประชุม เตรียมพร้อมรับมือในการรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกด้านการจราจร บริเวณศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถ.แจ้งวัฒนะ หลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีกำหนดอ่านคำพิพากษา อดีตนายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กับพวกรวม 28 คน ในคดีรับจำนำข้าว ที่จะมีขึ้น ในวันที่ 25 สิงหาคมนี้ ซึ่งคาดว่าจะมีมวลชนเดินทางมาร่วมงาน กว่า 3 พันคน,โดย พล.ต.อ.ศรีวราห์ ได้สั่งการให้ติดตามสถานการณ์การข่าวทุกพื้นที่ พร้อมจัดทำแผนเผชิญเหตุรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ยึดตามแผน กรกฎ 52 พร้อมสั่งการไม่ให้ขัดขวางการเดินทางมาให้กำลังใจ แต่ขอให้ประชาชน และแกนนำอย่ากระทำผิดกฎหมายก็พอ พร้อมทั้งกำชับว่าให้เดินทางมาให้กำลังใจได้ แต่อย่าเกณฑ์กันมาร่วมชุมนุม ฉะนั้นถือว่าทำผิด ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ได้สืบทราบว่า มีการโพสต์เฟซบุ๊กเชิญชวนให้ประชาชนมาชุมนุมแล้ว 24 ราย,ทั้งนี้ได้จัดกองร้อยควบคุมฝูงชน จำนวน 24 กองร้อย โดยเน้นตรวจอาวุธ อย่างเข้มงวด และหากการพิพากษาเสร็จสิ้นให้ประชาชนเดินทางกลับทันที มิฉะนั้นจะถือว่ามาร่วมชุมนุมทางการเมืองอีกด้วย.
|
ศรีวราห์ ประชุมเตรียมความพร้อม รักษาความปลอดภัย-อำนวยความสะดวกจราจร บริเวณศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ยึดตามแผน กรกฎ 52 คุมมวลชน วันชี้ชะตา ยิ่งลักษณ์ ขู่กองเชียร์ปู พิพากษาเสร็จ ยังดื้อไม่กลับ
|
ข่าว,อาชญากรรม
|
คดีจำนำข้าว,พิพากษาคดีจำนำข้าว,ชุมนุมการเมือง,ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล,กองเชียร์ปู,ข่าวทั่วไป
|
https://www.thairath.co.th/news/crime/1042604
|
บิ๊กป้อม ฮึ่มคุมเข้มแทงบอลทวงหนี้โหด เร่งสางคดีเหยื่อรุมโทรม
|
เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.61 พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ระบุว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กำชับให้ดำเนินมาตรการป้องกันและปราบปราม การลักลอบเล่นพนันทายผลฟุตบอล ช่วงที่มีการแข่งขันฟุตบอล 2018 ที่จะเริ่มวันที่ 14 มิ.ย.นี้ โดยเฉพาะการติดตามทวงหนี้โหด เบื้องต้นได้กำหนดแผน พิทักษ์ภัยดูแลประชาชน 61 ซึ่งดูแลป้องกันอาชญากรรม ยาเสพติด พื้นที่สุ่มเสี่ยง ที่เคยเกิดเหตุ เช่นในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ตามหัวเมืองใหญ่ๆ ในพื้นที่ภาคอีสาน ตำรวจภูธรภาค 2 และ 7 /ภาคใต้ พร้อมติดตามเว็บไซต์รับพนันทายผลฟุตบอล ทั้งที่มีเว็บไซต์ในและต่างประเทศ ล่าสุดมีการตรวจสอบพบ และเสนอศาลพิจารณาปิดเว็บไซต์แล้วกว่า 1 พันเว็บไซต์,รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังระบุว่า จากการตรวจสอบพบพริตตี้และเน็ตไอดอลเข้าข่ายโฆษณาเชิญชวนให้พนันบอลออนไลน์กว่า 1 พันรายทั่วประเทศ อยู่ระหว่างตรวจสอบเพื่อยืนยันตัวบุคคล หากพบผิดก็จะดำเนินคดีฐาน พ.ร.บ.พนัน ม.12 ผู้ใดจัดให้มีการเล่นหรือโฆษณาชักชวนให้มีการเล่นพนัน ต้องระวางโทษจำคุก 1 ปีปรับ 1 พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ,ส่วนความคืบหน้ากรณี น.ส.อุมาพร หอยสังข์ หรือ น้องกิ๊ฟ อายุ 21 ปี ที่กลุ่มผู้ต้องหาอุ้มออกจากผับในจังหวัดจันทบุรีไปล่วงละเมิดทางเพศในขณะหมดสติ ซึ่งมีข้อมูลว่าเข้าไปเกี่ยวข้องกับการรับแทงผลพนันฟุตบอล ส่งให้นายทุนในจังหวัดตราด ล่าสุดได้สั่งการให้ชุดสืบสวนขยายผลและเร่งคลี่คลายคดีในประเด็นดังกล่าว ว่ามีมูลเหตุจนนำไปสู่การฆาตกรรมผู้ตายอย่างไรหรือไม่.
|
บิ๊กป้อม สั่งเข้มเฝ้าระวังทุกพื้นที่พนันฟุตบอลทวงหนี้โหด ขณะที่ บิ๊กอวบ สั่งสอบปม น้องกิ๊ฟ เอี่ยวรับแทงบอล ส่งโต๊ะนายทุนจังหวัดตราด
|
ข่าว,อาชญากรรม
|
บิ๊กป้อม,แทงบอล,พนันบอล,ทวงหนี้โหด,น้องกิ๊ฟ,ข่าวทั่วไป
|
https://www.thairath.co.th/news/crime/1305964
|
การเมืองท้องถิ่นเบื้องหลังความรุนแรงใน Aceh
|
ซึ่งรัฐบาลจำเป็นต้องตอบสนองการแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วนและอย่างมีกลยุทธ์ที่จะหยุดความโหดร้าย และการรื้อฟื้นความยุติธรรมดังเหตุการณ์สุดสลดเมื่อวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ประชาชนห้าคนถูกฆ่าตายและอีกกลุ่มหนึ่งได้รับบาดเจ็บ กูโนโก คนงานก่อสร้างคนหนึ่งเป็นผู้เสียชีวิตคนล่าสุดในช่วงเวลา 21 ชั่วโมงของหอผู้ป่วยหนักที่โรงพยาบาลในท้องถิ่นแห่งหนึ่ง ซึ่งเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายทั้งหมดเป็นผู้อพยพที่ยอมละทิ้งบ้านเรือนของพวกเขาเพียงเพราะต้องการมาทำงานหาเงินเพื่อเลี้ยงดูครอบครัวเป็นเรื่องหน้าเศร้าใจที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ระบุไว้ว่า ความรุนแรงได้กลายเป็นอาชญากรรมที่เกิดขึ้นโดยทั่วไปและไม่มีอะไรที่จะมารบกวนการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดที่ได้กำหนดไว้ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์นี้ได้ แต่การฆาตกรรมอย่างเป็นระบบและการเพิ่มจำนวนของความรุนแรงที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานนี้เผยให้เห็นว่า ความโหดร้ายเกี่ยวข้องกับบางสิ่งบางอย่างที่ใหญ่กว่ามีข้อสันนิฐานสามข้อที่เกี่ยวข้องกับความเป็นมาของความรุนแรงในอาเจะห์ ข้อแรกคือ ความรุนแรงที่เชื่อมโยงกับการเมืองท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเลือกตั้งในระดับภูมิภาคหรือที่เรียกกันว่า pilkada การฆาตกรรมเกิดขึ้นบนบรรทัดฐานของความขัดแย้งที่เกี่ยวพันธ์กับการเมืองท้องถิ่นความโหดร้ายที่เกิดขึ้นดูเหมือนจะมีรากเหง้าจากความขัดแย้งระหว่างกลุ่มต่างๆ ของอดีตกองกำลังของกลุ่มแบ่งแยกดินแดน (GAM) ซึ่งขณะนี้มีอย่างน้อยสามกลุ่มด้วยกัน คือ กลุ่มสวีเดนที่มีการจัดการตนเองในรูแบบพรรคการเมือง Aceh Party กลุ่มภายในประเทศที่นำโดยผู้ว่าราชการจังหวัด Yusuf Irwandi และรองผู้ว่า Muhammad Nasar และกลุ่มที่สามซึ่งถูกกันอยู่ภายนอกที่ไม่ได้เข้าสู่การเมืองท้องถิ่น ซึ่งการแข่งขันทางการเมืองระหว่าง Nasar และ Irwandi ในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นได้เพิ่มความซับซ้อนของการเมืองท้องถิ่นเพิ่มขึ้นความรุนแรงที่เกิดขึ้นก่อนมีการเลือกตั้งสามารถยืนยันได้ว่าทั้งสองประเด็นมีความเชื่อมโยงกัน ความรุนแรงเกิดขึ้นจากแรงจูงใจทางการเมือง กลุ่มสิทธิมนุษยชน Imparsial ได้ตั้งข้อสังเกตว่ามีความรุนแรงเพิ่มขึ้นในช่วงการเลือกตั้งท้องถิ่นในอาเจะห์ เมื่อดูจากเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นช่วงการเลือกทั้งผู้นำท้องถิ่นที่ผ่านมาในปี 2006 2009 และ 2012ในปี 2011 และ 2012 มีการกระทำความรุนแรงที่ถูกบันถึกไว้ถึง 17 ครั้ง มี 15 เสียชีวิตและบาดเจ็บอีก 17 คน ในช่วงของการเลือกตั้งระดับภูมิภาคปีที่ผ่าน มีรายงานว่านักเคลื่อนไหวทางการเมืองของ Aceh Party 8 คนถูกฆ่าตายโดยตำรวจไม่สามารถจับคนร้ายได้ข้อสันนิฐานที่สอง คาดว่าความรุนแรงที่เกิดขึ้นเชื่อมโยงกับประเด็นทางการเมืองและเรื่องเศรษฐกิจ อย่างเช่นการต่อสู้เพื่อการเข้าถึงและควบคุมทรัพยากรทางเศรษฐกิจในอาเจะห์ระหว่างกลุ่มต่างของอดีตกองกำลัง GAM สื่อท้องถิ่นรายงานว่า ความขัดแย้งเกิดขึ้นระหว่างกลุ่มที่ชนะในการทำโครงการพัฒนาต่างๆ กับคนที่แพ้ไม่ได้โครงการที่ทำให้ถูกกันออกไป นั่นเป็นเหตุให้เป้าหมายในการฆาตกรรมต่างๆ ล้วนเป็นคนงานข้อสันนิฐานที่สามคือ การพัฒนาการของอุดมการณ์ชาตินิยมที่ปฏิเสธรัฐศูนย์กลาง ส่งผลให้เกิดช่องว่างระหว่างผู้อพยพเข้ามาใหม่กับคนอาเจะห์ดั้งเดิม ซึ่ง Djoko Suyanto รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงและกฎหมายได้ยืนยันแนวคิดนี้และบอกว่าเหตุฆ่ากันตายไม่เกี่ยวกับการเลือกตั้งท้องถิ่น ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันเป็นเรื่องความขัดแย้งส่วนตัวของคนในชุมชนการอธิบายว่าความไม่ลงรอยกันทางสังคมและเศรษฐกิจมีส่วนต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในอาเจะห์ เป็นเพียงการอำพรางความซับซ้อนที่เกิดขึ้นมากกว่า และคำอธิบายนี้ไม่ได้เป็นความพยายามให้ค้นพบวิธีแก้ปัญหาแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายต่างท้าทายข้อสันนิฐานเหล่านี้เพราะเห็นว่าช่องว่างดังกล่าวไม่ได้มีอยู่จริง ทั้งๆ ที่เหยื่อของความรุนแรงก็คือกลุ่มที่เป็นผู้อพยพและแรงงานที่ยากจนอย่างไรก็ตาม มีข้อโต้แย้งประการหนึ่งที่ยืนยันว่าข้อสันนิษฐานที่เกี่ยวกับการเมืองท้องถิ่นเป็นจริง ซึ่งมีข้อสังเกตสี่ประการคือ ประการแรก การใช้ความรุนแรงเป็นเครื่องมือทางการเมืองนั้นอันตราย ไม่มีความเป็นมนุษย์ ป่าเถื่อน ไม่เป็นที่ยอมรับของทุกศาสนา พวกเขาถูกฆ่าเพียงเพราะคนกลุ่มหนึ่งที่ต้องการที่จะส่งข่าวสารไปยังรัฐบาลแห่งชาติหรือผู้นำรัฐบาลท้องถิ่นในอาเจะห์ประการที่สอง ความรุนแรงทำให้ภาพลักษณ์ของอาเจะห์เสื่อมเสีย ในฐานะจังหวัดหนึ่งที่บังคับใช้กฎหมายชาริอา ฆาตกรฆ่าคนเหล่านี้เป็นอันตรายยิ่งกว่าพวกพั๊งค์ที่ตำรวจอาเจะห์มัวแต่วิ่งไล่จับ ซึ่งตำรวจควรพยายามมากกว่านี้เพื่อเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังการฆาตกรรม แทนที่ไล่จับพวกไม่เคร่งศาสนาประเด็นที่สาม การฆาตกรรมเผยให้เห็นว่ามีอาวุธปืนที่ผิดกฎหมายจำนวนมากยังคงหมุนเวียนอยู่ในอาเจะห์ แม้ว่าได้มีข้อตกลงสันติภาพที่ลงนามเมื่อปี 2005 ที่ผ่านมา ข้อเท็จจริงที่ว่าปืนจำนวนมากอยู่ในมือคนที่ผิดกฎหมายเป็นภัยต่อสันติภาพในจังหวัดแห่งนี้ ดังนั้นตำรวจควรดำเนินการปลดอาวุธจากพลเรือนFachry Ali นักวิเคราะห์ทางการเมืองบอกว่า เมื่อความรุนแรงที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งท้องถิ่น ดังนั้นเงื่อนไขการแก้ปัญหาคือการอำนวยความสะดวกสำหรับทุกกลุ่มการเมือง การให้โอกาสที่เท่าเทียมกันกับทุกฝ่ายในจังหวัดแห่งนี้ และได้แนะนำว่าจำเป็นที่รัฐบาลต้องเลื่อนการเลือกตั้งออกไปเพื่อเอื้ออำนวยแก่ทุกฝ่ายการเลื่อนวันเลือกตั้งออกไปจะช่วยให้คณะกรรมการการเลือกตั้งมีโอกาสที่จะพิมพ์บัตรลงคะแนนใหม่ รวมทั้งจัดการรณรงค์การเลือกตั้งใหม่และอื่นๆ วัตถุประสงค์ที่สำคัญที่สุดของการเลื่อนวันเลือกตั้งในครั้งนี้ คือเพื่อที่จะเปิดโปงผู้กระทำความผิดที่อยู่เบื้องหลังความโหดร้ายและลงโทษพวกเขา ย่างก้าวอันนี้จะเป็นการส่งสารอันหนักแน่นว่าอินโดนีเซียสนับสนุนหลักนิติธรรมและให้ความเคารพชีวิตมนุษย์
|
เหตุการณ์ยิงกันตายอย่างต่อเนื่องในอาเจะห์ดูเหมือนยังไม่เบาบางลง เป็นความรุนแรงที่มีลักษณะเกาะกลุ่มอย่างเป็นระบบและอันตราย กำลังเป็นสิ่งที่บ่อนทำลายประชาธิปไตยและความเป็นมนุษย์ในจังหวัดแห่งนี้
|
ต่างประเทศ,สิทธิมนุษยชน
|
Aceh,การเมืองท้องถิ่น,ความรุนแรง
|
https://prachatai.com/journal/2012/11/43676
|
เกษตรกรโอด ร้อนจัด-ขาดน้ำ ไก่ไม่ออกไข่ หายวันละ 5-7 ล้านฟอง
|
วันที่ 3 มิ.ย.59 นายสุเทพ สุวรรณรัตน์ ประธานสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ภาคใต้ เปิดเผยว่า ภัยแล้งที่เกิดขึ้น อากาศร้อนจัด อุณหภูมิสูงถึง 44 องศาเซลเซียสและการขาดน้ำ เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการให้ไข่ของแม่ไก่ เนื่องจากไก่กินอาหารน้อยลง ประกอบกับในหลายพื้นที่มีพายุลมแรงสร้างความเสียหายแก่เกษตรกรรายย่อยที่เลี้ยงไก่ในโรงเรือนเปิด โดยเฉพาะในภาคใต้และภาคเหนือ,นายสุเทพ กล่าวด้วยว่า แม้ว่าพายุฝนตกในบางพื้นที่ แต่ปัญหาขาดแคลนน้ำก็ยังคงอยู่ เกษตรกรยังต้องซื้อน้ำใช้ในฟาร์ม ขณะที่อากาศแปรปรวนร้อนจัดสลับกับฝนตกทำให้ไก่เสียหายทุกวัน ผลผลิตไข่ลดลง และมีขนาดฟองเล็ก ทำให้ราคาไข่ที่ได้ในขณะนี้ไม่สามารถชดเชยกับต้นทุนและค่าซื้อน้ำได้ ,ด้าน นายปิติพงษ์ ดิษสงวน เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ฟาร์มเปิด ที่ตำบลเทพราช อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวว่า ฟาร์มของตนโดนพายุฤดูร้อนพัดถล่มติดต่อกันเป็นปีที่ 2 แล้ว ทำให้โรงเรือนเลี้ยงไก่ไข่เสียหายทั้งหลัง หลังคาเปิดออกทั้งหมด ไก่ที่เลี้ยงไว้กว่า 30,000 ตัวตื่นตกใจ ไม่ออกไข่ ทำให้ผลผลิตลดลงกว่า 50% เนื่องจากไก่ตกใจเสียงดังจากฟ้าร้อง เสียงพายุและลมพัดแรง,พายุที่พัดถล่มอย่างหนักสาดเข้าไปในโรงเรือน แม่ไก่ที่เลี้ยงไว้ทั้งหมดได้รับผลกระทบโดยตรง มีไก่ตายกว่า 10% ขณะที่ภาวะช็อกทำให้ไก่มีผลผลิตลดลง 50% และความชื้นที่สูงขึ้นส่งผลต่อความเป็นอยู่และระบบหายใจของไก่ทำให้เจ็บป่วยอีกเป็นจำนวนมาก,ทั้งนี้ ภาวะร้อนแล้งที่เกิดขึ้นต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2558 ทำให้ผลผลิตไก่ไข่ลดลงสะสมมาหลายเดือน ปัจจุบันไข่ไก่หายไปจากระบบถึง 15-20% หรือประมาณ 5-7 ล้านฟองต่อวัน.
|
อากาศร้อนจัด-ภัยแล้ง ทำไก่กินอาหารน้อยลง ซ้ำโดนพายุพัดโรงเลี้ยง จนไก่ตกใจไม่ออกไข่ เกษตรกรโอด รับผลกระทบเต็มๆ ผลผลิตไข่ลดลง หายวันละ 5-7 ล้านฟอง
| null |
ไก่,ไข่ไก่,ฟาร์มไก่,ผลผลิตไก่ไข่,ผลผลิตไข่,ภัยแล้ง,ร้อนจัด,พายุลมแรง,โรงเรือนเลี้ยงไก่,สมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ภาคใต้,สุเทพ สุวรรณรัตน์,ไก่ตกใจ,ไก่ไม่ออกไข่,ข่าว,ข่าวเศรษฐกิจ,ไทยรัฐออนไลน์
|
https://www.thairath.co.th/content/631072
|
วอนช่วย แมวจรจัด ถูกมนุษย์ใช้หนังยางรัดอวัยวะเพศบวมฉึ่ง ยังฉี่ไม่ออก
|
เมื่อวันที่ 7 ก.ค. 59 มีรายงานว่าเฟซบุ๊กกลุ่ม ,ทาสแมว, ซึ่งเป็นชุมชนคนรักแมวมีผู้ใช้เฟซบุ๊ก Trin Buranawit ได้โพสต์ภาพแมวตัวหนึ่งที่มีอาการบาดเจ็บบริเวณอวัยวะเพศ โดยระบุข้อความว่า ,แมวตัวนี้โดนใครไม่รู้เอาหนังยางรัดไข่+รัดจ๋อค่ะ ตอนนี้แกะแล้วมีเลือดไหลไม่หยุด ตอนนี้กำลังพาไปคลินิก ไม่รู้ค่ารักษาจะเท่าไหร่เพราะเงินในกระเป๋ามีไม่มาก เดียวไปคลินิกแล้วจะอัพเรื่องให้ดู, ซึ่งทำให้เกิดเสียงวิจารณ์จำนวนมากถึงการกระทำของผู้ที่ใช้หนังยางรัดอวัยวะเพศแมว ขณะที่บางส่วนมองว่าเป็นวิธีการทำหมันแบบโบราณ,ทีมข่าวสายตรวจโซเชียล ไทยรัฐออนไลน์ ได้รับการเปิดเผยจากนางสาวภัคจีรา เซ็มแม้นหมัด อายุ 18 ปี ผู้โพสต์เรื่องราวดังกล่าว ทราบว่า แมวตัวดังกล่าวตนตั้งชื่อให้ว่า เจ้าหูหมา เนื่องจากมีใบหูลักษณะคล้ายสุนัข คาดว่าน่าจะเป็นแมวจรจัด เนื่องจากชอบมาขอข้าวกินที่บ้าน ขณะเมื่อวานนี้ช่วงดึก ตนได้จับเจ้าหูหมามาเล่นและสังเกตเห็นว่าบริเวณอวัยวะเพศของแมวมีบาดแผล และมีหนังยางรัดอยู่ แฟนจึงดึกออก ผลปรากฎว่ามีเลือดไหลออกมาจำนวนมาก,ต่อมา ช่วงสายของวันนี้ ตนจึงพาเจ้าหูหมาไปรักษาที่โรงพยาบาลสัตว์แห่งหนึ่งย่านพัฒนาการ เมื่อไปถึงสัตวแพทย์บอกว่า บริเวณอวัยวะเพศของแมวได้เน่าแล้วจากการที่ถูกหนังยางรัดเป็นเวลานาน คาดว่าคนทำอาจต้องการทำหมันแมวแบบโบราณแต่เกิดความเข้าใจผิด เนื่องจากวิธีการที่ถูกต้องคือใช้หนังยางรัดบริเวณอัณฑะ ไม่ใช่บริเวณอวัยวะเพศ ซึ่งปัจจุบันไม่นิยมเนื่องจากมีวิธีการอื่นที่ดีกว่า,สำหรับอาการของเจ้าหูหมา เบื้องต้นยังไม่สามารถปัสสาวะได้ตามปกติ โดย น.ส.ภัคจีรา ระบุว่าวันเสาร์นี้ทางสัตวแพทย์ได้นัดเจ้าหูหมาไปดูอาการอีกรอบ หากยังไม่สามารถปัสสาวะได้ อาจต้องทำการผ่าตัดรักษาซึ่งยังไม่ทราบค่าใช้จ่ายแน่ชัด แต่ส่วนตัวมีเงินทองไม่มากเนื่องจากยังเป็นนักศึกษา หากมีผู้ใดต้องการช่วยเหลือค่าใช้จ่ายสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ 081-818-4550 หรือ 099-285-8232
|
น่าสงสาร! เจ้าหูหมา แมวจรจัดถูกมนุษย์ใช้หนังยางรัดอวัยวะเพศ คาดคนทำต้องการทำหมันแบบโบราณ แต่ผิดวิธี สุดท้ายบวมฉึ่ง มีเลือดไหล ยังปัสสาวะไม่ได้
| null |
เจ้าหูหมา,เฟซบุ๊ก,ทาสแมว,แมว,แมวจรจัด,หนังยางรัดไข่,ทำหมัน,สายตรวจโซเชียล,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์
|
https://www.thairath.co.th/content/657751
|
เงิบทั้งประเทศ กระบะแค็บนั่ง2คน ดีลเลอร์บอกไม่หมด คนซื้อประยุกต์ใช้เอง?
|
ยังคงต้องถกเถียงกันต่อ ประเด็นรถกระบะห้ามนั่งแค็บและท้าย เพราะหากกวดขันและดำเนินการตามกฎหมายจริงๆ อาจกระทบกับชีวิต วิถีแบบไทย ก็เป็นได้,เรื่องนี้ความจริงจะโทษชาวบ้านตาดำๆ ที่หาชาวกินค่ำ หรือคนซื้อรถมาใช้งานก็ไม่ได้ เพราะที่ผ่านมา ไม่เคยมีใครเคยบอกมาก่อน,ดังนั้น จึงเป็นที่มาของรายงานพิเศษชิ้นนี้ ที่ตั้งใจปอกเปลือกเบื้องหลัง ประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์ของกระบะมีแค็บ จากผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญด้านยานยนต์ประสบการณ์ 25 ปี บอย วรพล สิงห์เขียวพงษ์ ซึ่งกูรูยานยนต์ผู้นี้จะเป็นผู้ไขคำตอบ ว่าเหตุใดคนไทยทั่วไปจึงใช้รถผิดประเภทกันครึ่งค่อนประเทศ รวมถึงไปฟังจากปากดีลเลอร์รถกระบะว่า หากกฎหมายนี้บังคับใช้ขึ้นมาจริงๆ พวกเขาจะได้รับผลกระทบหรือไม่,เปิดประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์ กระบะแค็บ เริ่มต้นคือ รถบรรทุกขนาดเล็ก แต่ถูกใช้แบบขยิบตารู้กัน,บอย วรพล กล่าวว่า หากจะพูดถึงประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์ของรถกระบะนั้น ต้องย้อนกลับไปสมัยก่อน ก็จะเห็นว่ารถกระบะสมัยก่อนจะมีอยู่ตอนเดียว ไม่มีแค็บแต่อย่างใด เพราะที่มาคือมันเป็น รถบรรทุก เพื่อการพาณิชย์ เครื่องอำนวยความสะดวก ไม่มีรูปทรงก็ออกแบบทื่อๆ วัตถุประสงค์การใช้งานก็เพื่อใช้บรรทุกของ ไม่ได้บรรทุกคน ภาษาอังกฤษเรียกว่า Light truck,แต่ช่วง 30 ปีที่ผ่านมา เราใช้งานมันในลักษณะของรถเอนกประสงค์ ขนของบ้าง ขนคนบ้าง จึงทำให้เกิด แค็บ ขึ้น เพื่ออยากให้เป็นแบบ ลูกผสม เพิ่มการขนของในห้องโดยสาร และให้คนนั่งได้ในบางโอกาส กล่าวอย่างเป็นทางการคือ ให้ขนของ กล่าวอย่างไม่เป็นทางการ คือ ให้คนนั่งไปได้บ้าง,สำหรับในเมืองไทย กระบะแค็บ ไม่ได้มีไว้ขนคน เนื่องจากกฎหมายไม่เอื้ออำนวย เราจดทะเบียนเป็นรถขนของ แต่เรื่องนี้กลายเป็นเรื่อง สมยอมกัน ระหว่างผู้ผลิตกับคนใช้รถ เพราะคนไทยมองว่าเป็นรถสำหรับขนคนเป็นหลัก บริษัทรถจะบอกว่า นี่เอาไว้ขนของนะ แต่ลึกๆ คือเขาไม่เคยบอกว่า เอาไว้ขนคน และประชาชนทั่วไปเขาก็นำไปใช้ ขนคนจริงๆ ส่วนที่ใช้ขนของเป็นจริงจังไม่มาก,นั่งยัน นอนยัน บริษัทขายรถไม่เคยบอกว่านั่งตรงแค็บได้ แต่กลับพยายามขยายให้กว้างขึ้นเรื่อยๆ เพื่อ?,กูรูยานยนต์อย่าง คุณบอย ยังกล่าวอย่างหนักแน่นว่า ,บริษัทรถไม่เคยพูดเรื่องนี้อย่างเป็นทางการเลย เพราะมันพูดไม่ได้ จะถามว่าบริษัทรถหลอกลวงประชาชนหรือไม่ คำตอบคือ ไม่ใช่ เพราะในโบรชัวร์ขายรถ จะไม่มีที่นั่งหลังแค็บรถเลย บริษัทรถไม่เคยหลอกลวง แต่ไม่เคยบอกว่า ห้ามนั่ง เพราะมันไม่มีเบาะ,ประเด็นอยู่ที่ว่า ,ดีลเลอร์ หรือ เซลส์ มักจะแถมเบาะ หรือ เสนอให้ซื้อเบาะเพิ่ม ผมท้าเลยให้ลองกางโบร์ชัวร์ดู รถมีแค็บทุกยี่ห้อไม่มีเบาะ ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่อง เลี่ยงบาลี แต่เขาเป็นพ่อค้าที่อยากจะขายของ ซึ่งแค็บไม่ได้มีไว้นั่งก็ทำแค็บให้กว้างขึ้นมาโดยตลอด จนกระทั่งทางราชการเขากำหนดว่ารถโดยสารที่มีแค็บ ห้ามยาวเท่าไร ซึ่งเรื่องนี้มีกฎหมายควบคุมอยู่จึงทำให้เป็นที่นั่งไม่ได้,แต่มีรถอยู่ยี่ห้อหนึ่ง คือ นิสสัน เขาทำเบาะไว้ให้นั่ง รวมเป็น 4 ที่นั่ง พร้อมมีเข็มขัดนิรภัย ซึ่งรุ่นนี้ผลิตในเมืองไทยแต่เขามีไว้เพื่อส่งออก เพราะขายในเมืองไทยไม่ได้ เพราะกฎหมายไม่อนุญาต หากจะจดทะเบียนก็ต้องจดเป็น 4 ประตู ซึ่งก็จะแพงและเสียภาษีรายปีแพงกว่า,ทางออกแบบไทยๆ ควรอนุโลม ย้ำเตือน ใช้กฎหมายพอประมาณ,ในฐานะที่คร่ำหวอดในวงการนี้มาอย่างยาวนานกว่า 2 ทศวรรษ นายวรพล แนะนำทางออกว่าสำหรับผม ,คิดว่าควรจะเจอกันครึ่งทาง คือ ควรให้ใช้นั่งหลังแค็บกันต่อไป แต่รัฐบาลจะต้องเตือนประชาชนว่า การนั่งด้านหลังแค็บต้องระมัดระวังนะ เนื่องจากตรงนี้ไม่ใช่ที่นั่งสำหรับคนนะ นั่งตรงนี้แล้วไม่ปลอดภัยเท่าที่ควร รัฐมีหน้าที่ป่าวประกาศให้ผู้คนได้รับทราบ จะได้ระมัดระวังในการนั่ง หากเลี่ยงได้ให้เลี่ยงซะ,ในมุมกฎหมาย คุณก็แก้ไปเลยว่านั่งแค็บได้ ไม่ต้องคาดเข็มขัดนิรภัย ซึ่งเราก็เข้าใจว่ามีประเด็นเรื่องความปลอดภัย แต่ก็มีกันออกมาแบบนี้แล้ว เราก็ต้องยอมแบบวิถีไทย ถ้ามิเช่นนั้นก็จะมีดราม่ากันอีก เช่น มา 4 คน จะให้ไปยังไง ขี่คอกันไปหรือ จะให้ซื้อรถใหม่หรือ เป็นต้น สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้คือต้องจำใจแล้ว ใช้แบบไทยๆ รถสมัยเก่าไม่มีเข็มขัดนิรภัย ยังอนุโลมเลย,นอกจากนี้ กูรูยานยนต์คนเดิม ยังกล่าวลากเสียงแบบมีอารมณ์เล็กน้อยว่า ที่ผ่านมามีบางสื่อเขียนว่า ,ส่วนทางออก การนั่งหลังกระบะ คุณบอย กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นด้วยครึ่งไม่เห็นด้วยครึ่ง คือ หากจะนั่งหลังกระบะนั้นสามารถนั่งได้ แต่ควรนั่งในพื้นที่สวน ไร่ นา ชุมชน หรือถนนขนาดเล็กที่วิ่งช้า แต่ทางหลวงก็ไม่ควร เพราะหากเกิดอุบัติเหตุเทกระจาดก็ตายกันเยอะ เมื่อพูดแบบนี้คนก็จะค้าน บอกต้องการกลับบ้าน วิธีแก้คือ,1. กำหนดวันที่สามารถวิ่งบนถนนทางหลวงได้ ,2. จำกัดความเร็ว ความคิดตน ควรไม่เกิน 60 กม./ชั่วโมง (วิ่ง 60 ก็ตายได้แล้ว) ,3. วันธรรมดาห้ามวิ่ง แต่ถ้าวิ่งในถนนชนบท ไม่ควรเกิน 60 กม./ชั่วโมง,นี่คือไอเดียแต่ในทางปฏิบัติ ไม่รู้จะทำได้หรือไม่ เพราะเชื่อว่าจะมีชาวบ้านลักไก่วิ่งบนถนนหลวงอีก ถามว่าตำรวจจะมีมาจับหรือ ซึ่งมันปฏิบัติได้ยาก บางครั้งทางชนบทก็เป็นถนนใหญ่ คงขับกันเร็วอีก อย่างไรก็ตาม ในต่างประเทศอย่างสหรัฐอเมริกาบางรัฐ เขาก็อนุญาตให้นั่งท้ายกระบะวิ่งบนถนนเล็กได้, นี่คือสิ่งที่ บอย วรพล ตั้งคำถามทิ้งท้ายฝากไปถึงรัฐบาลและผู้เกี่ยวข้อง,ดีลเลอร์ แจง ไม่เคยแนะนำลูกค้านั่งแค็บ เชื่อรู้อยู่แล้วกฎหมายห้ามนั่ง,มากันที่ฟากฝั่งของดีลเลอร์บริษัทรถกันบ้าง ,นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย), มาร่วมพูดคุยถึงประเด็นร้อนนี้ด้วย,โดยในฐานะ ผอ.ฝ่ายการตลาดของรถยี่ห้อดัง กล่าวในมุมการตลาดของบริษัทขายรถว่า สำหรับการโปรโมตของมาสด้านั้น ,จะให้ข้อมูลในส่วนของพื้นที่ด้านหลังเป็นพื้นที่ใช้สอยที่เป็นประโยชน์ เป็นความเอนกประสงค์ในการใช้งาน ซึ่งรถมาสด้าเองได้ถูกออกแบบมาให้ประตูตรงพื้นที่แค็บสามารถเปิดออก เพื่อความสะดวกได้ด้วย,หลักๆ ถ้าจะเห็นในโฆษณา , ผอ.ฝ่ายการตลาด มาสด้า เซลส์ อธิบาย,ผู้สื่อข่าวถามว่า ลูกค้าทราบหรือไม่ว่าตามกฎหมายห้ามนั่งบนแค็บ? นายธีร์ ตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า ,,,ก.ม. ห้ามนั่งแค็บบังคับใช้ เชื่อ ไม่กระทบยอดขายกระบะ,หากกฎหมายห้ามนั่งแค็บมีการบังคับใช้อย่างจริงจัง ในฐานะบริษัทผู้จำหน่ายรถมาสด้า มองว่า ,ไม่เกิดผลกระทบต่อยอดขายรถกระบะแค็บอย่างแน่นอน เนื่องจากก่อนที่จะซื้อรถ ลูกค้าทราบอยู่แล้วว่าตนเองมีวัตถุประสงค์ในการใช้งานในรูปแบบไหน, คนที่มีความต้องการที่จะใช้กระบะแค็บ กับคนที่มีความต้องการใช้รถกระบะ 4 ประตู หรือ รถเก๋งอีโคคาร์ มีความเข้าใจในความต้องการของตัวเองอยู่แล้วว่า จะเลือกซื้อรถประเภทไหน เพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเองอย่างไร ดังนั้น จึงมองว่าขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์การใช้งานของลูกค้ามากกว่า,และรถกระบะยังมีจุดขายที่แข็งแรงอยู่ นั่นคือ สามารถใช้เป็นรถเดินทางประจำวันได้ สามารถเป็นรถที่ใช้เดินทางในพื้นที่ที่มีสภาพถนนสมบุกสมบัน และสามารถที่จะใช้ในการบรรทุก หรือเคลื่อนย้ายสิ่งของต่างๆ ที่ต้องการได้ โดยเฉพาะประเภทกระบะแค็บ ค่อนข้างชัดเจนอยู่แล้วว่าการมีผู้โดยสารด้านหลัง ด้วยระยะทางสั้นๆ ที่ไม่ใช่ถนนสายหลัก เป็นถนนในชุมชนสามารถทำได้ และมันไม่ใช่เรื่องใหม่ที่เพิ่งจะมีผู้โดยสารนั่งแค็บ แต่มันมีมานานแล้ว ดังนั้นจุดขายของกระบะแค็บยังคงมีอยู่เยอะมาก ,อย่างไรก็ตาม สำหรับสัดส่วนการขายรถกระบะของมาสด้า อยู่ที่ 40% ของยอดขายรถทั้งหมด โดยมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 600,000 บาท ซึ่งในต่างจังหวัดถือว่าเป็นลูกค้ากลุ่มใหญ่ที่นิยมซื้อรถกระบะด้วย.,ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน,ข่าวที่เกี่ยวข้อง,โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง ทำไมห้ามนั่งแค็บ หวังดี ช่วยยาก โอกาสรอดศูนย์,เลือกทางไหน? หนุน-ต้าน นั่งกระบะแค็บ ชนตายเฉลี่ย 4 ศพ หรือ ก.ม.รังแกคนจน
|
ปอกเปลือกเบื้องหลัง ประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์ของกระบะมีแค็บ จากผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญด้านยานยนต์ พร้อมไขคำตอบ เหตุใดคนไทยทั่วไปจึงใช้รถผิดประเภทกันครึ่งค่อนประเทศ
|
สกู๊ปไทยรัฐ
|
ห้ามนั่งท้ายกระบะ,ห้ามนั่งแค็บ,กฎหมายห้ามนั่งแค็บ,รถกระบะ,ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์
|
https://www.thairath.co.th/scoop/907031
|
ลุยตรวจบ่อดูดทราย 7 แห่ง
|
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 20 มิ.ย. ที่ห้องประชุมอำเภอพนมทวน นายอนุชา หอยสังข์ นายอำเภอพนมทวน พร้อมด้วย พ.ท.ศรณ์พัชร์ บัววิรัตน์ ผบ.ร้อย รส.ที่ 2 ส.พัน 9 ฝ่ายปกครอง จนท.สนง.อุตสาหกรรมจังหวัด สนง.ที่ดินจังหวัด ตำรวจชุด ปทส. ภ.จ.กาญจนบุรี และนายพนัส บุญรอด เจ้าของบ่อทราย เข้าร่วมประชุม โดยนายพนัสได้นำเอกสาร น.ส.3 จำนวน 3 ฉบับ พร้อมใบอนุญาต ประกอบการกิจการโรงงาน มาแสดงต่อคณะกรรมการ,นายพนัสเปิดเผยว่า พร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการตรวจสอบ และพร้อมแก้ไขปรับปรุง เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวม แต่ขอให้เป็นกลางและเป็นธรรม เพราะซื้อที่ดินมาจากทางครอบครัวของผู้ร้องเรียน มีเอกสารต่างๆสามารถตรวจสอบได้,ด้านนายอนุชา หอยสังข์ นายอำเภอพนมทวนกล่าวว่า จากการลงพื้นที่ในเบื้องต้นได้ประสานกับที่ดินสาขาพนมทวนให้ตรวจสอบแนวเขตรังวัดเพื่อให้เกิดความชัดเจนว่าที่ดินของผู้ประกอบการอยู่ตรงไหน ถนนหรือลำรางสาธารณะอยู่ตรงไหน และนำไปประกอบการพิจารณาเกี่ยวกับใบอนุญาตการประกอบกิจการโรงงานว่าดำเนินการตามเงื่อนไขหรือไม่ ขณะ พ.ท.ศรณ์พัชร์ เปิดเผยว่า จะดำเนินการตรวจสอบบ่อดูดทรายจำนวน7 บ่อ บ่อทรายของนายพนัส เป็นแห่งแรกที่เข้าตรวจสอบและจะทยอยตรวจไปเรื่อยๆ ไม่มีการเลือกปฏิบัติ.
|
จากการที่ทหาร ร้อย รส.ที่ 2 ส.พัน 9 กองพลทหารราบที่ 9 ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีชาวบ้านหมู่ 7 ต.หนองสาหร่าย อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี ร้องเรียนว่าบ่อดูดทรายใกล้กับถนนสาธารณะ ทำให้ถนนพังเสียหายนั้น
|
ข่าว,ทั่วไทย
|
บ่อดูดทราย,บ่อทรายพนมทวน,อนุชา หอยสังข์,กาญจนบุรี,พนัส บุญรอด,ข่าวทั่วไป
|
https://www.thairath.co.th/news/local/central/979183
|
คุณชอบคนอื่นรำคาญ เตือนขับรถเปิดเพลงเสียงดัง โทษหนักระวังนอนคุก
|
ย้อนไปก่อนหน้านี้ เคยเกิดอุบัติเหตุรถไฟชนรถกระบะบริเวณบ้านท่าโรง ต.วัดพริก อ.เมืองพิษณุโลก มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 1 คน ชาวบ้านบริเวณนั้น ให้ข้อมูลว่า พบเห็นผู้ขับขี่กระบะผ่านเส้นทางนี้ และมักจะเปิดเครื่องเสียงเสียงดังจนได้ยินไปไกล จึงคาดว่าอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ได้ไม่ยินเสียงหวูดรถไฟ ซึ่งสอดคล้องกับการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบว่า ภายในรถคันดังกล่าว ได้มีการติดตั้งลำโพงเครื่องเสียงไว้เป็นจำนวนมาก ประกอบกับจุดตัดทางข้ามรถไฟยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างเครื่องปิดกั้นทางอัตโนมัติ ขณะนั้นยังสร้างไม่เสร็จด้วย ซึ่งทำให้ไม่ทันได้ระวังและข้ามในระยะกระชั้นชิด จึงเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว,อีกเหตุการณ์หนึ่ง เกิดขึ้นที่ จ.ขอนแก่น มีหนุ่ม วัย 37 ปี ขับรถกระบะเชฟโรเลต สีดำ เป็นรถแต่งซิ่งติดเครื่องเสียงชุดใหญ่ มีลำโพงในห้องโดยสารประมาณ 10 ตัว ได้นั่งดื่มเบียร์ในรถคนเดียวพร้อมเปิดเพลงเสียงดัง ก่อนจะขับรถไปตามถนนในหมู่บ้านจนถูกชาวบ้านต่อว่า แต่กลับไม่สนใจ ยังขับรถวนไป-มา 2-3 รอบ ขณะที่กำลังจะขับรถออกจากหมู่บ้าน ก็ได้มีรถกระบะสีขาวคันหนึ่งขับมาประกบก่อนใช้อาวุธปืนไม่ทราบขนาดยิงเข้าที่ด้านหลังซ้าย กระสุนตัดขั้วหัวใจ และเสียชีวิต,ด้าน ,พ.ต.อ.ธีระ เถระพัฒน์ ผกก.1 บก.จร., เปิดเผยกับทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ ว่า กรณีที่ขับรถเปิดเพลงส่งเสียงดัง ก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญแก่ประชาชน เป็นความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 370 ผู้ที่ส่งเสียง หรือทำให้เกิดเสียง หรือกระทำความอื้ออึง โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร จนทำให้ประชาชนตกใจหรือเดือดร้อน ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท, พ.ต.อ.ธีระ อธิบาย,ขณะที่ กฎหมายอีกฉบับที่เข้าข่าย คือ พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43 ห้ามมิให้ผู้ขับขี่รถ (8) โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น ส่วนบทลงโทษแก้ไขความเพิ่มเติม ใน พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2535 มาตรา 30 ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 43 (8) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 2,000-10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ,แต่ทั้งนี้ ส่วนใหญ่เจ้าหน้าที่จะไม่ถึงขั้นแจ้งข้อหาตามกฎหมายจราจร เพราะต้องมีองค์ประกอบที่ชัดเจนมาก ว่า ผู้ขับขี่นั้นไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่นอย่างไรบ้าง โดยขึ้นอยู่กับดุลยพินิจในการพิจารณาข้อหาของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จับ เนื่องจากว่ามีโทษหนักและต้องส่งขึ้นศาล จึงต้องมีความผิดที่ชัดเจนจริงๆ ดังนั้น ส่วนใหญ่แล้วจะดำเนินการตามฐานความผิดทางอาญาเรื่องการส่งเสียงดังมากกว่า,ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า หากเป็นกรณีการใส่หูฟังเพื่อฟังเพลงขณะที่ขับขี่ยวดยานพาหนะเข้าข่ายกฎหมายจราจรด้วยหรือไม่นั้น พ.ต.อ.ธีระ อธิบายว่า ปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายมารองรับชัดเจนในเรื่องนี้ แต่อาจจะเข้าข่ายการขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย ตามมาตรา 43 (8) พ.ร.บ.จราจรทางบก ได้, พ.ต.อ.ธีระ ฝากทิ้งท้าย.
|
บก.จร. ออกโรงเตือน สายตื๊ด ชอบเปิดเพลงเสียงดังขณะขับขี่พาหนะ มีความผิดฐานก่อความเดือดร้อนรำคาญ โทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท ส่อเข้าข่ายกฎหมายจราจร ขับรถไม่คำนึงถึงความปลอดภัย ส่งฟ้องศาลโดนโทษหนัก
|
ข่าว,ทั่วไทย
|
เปิดเพลงเสียงดัง,ขับรถเปิดเพลงเสียงดัง,กฎหมายเปิดเพลงเสียงดัง,รถเปิดเพลงดัง,ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์,กฏหมาย
|
https://www.thairath.co.th/news/local/1020009
|
ยูเซน โบลต์ เตรียมลงแข่งขัน ‘รายการสุดท้าย’ ที่ลอนดอน
|
การแข่งขันโอลิมปิกทุกครั้งที่ผ่านมา ไม่ว่าคนชาติไหนในโลก และถึงแม้จะไม่ได้ติดตามวงการกรีฑา แต่ก็จะคุ้นเคยกับชื่อ ยูเซน โบลต์ ยอดนักวิ่งสปรินต์ชาวจาเมกา โบลต์มีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร ด้วยสปีดต้นที่สูงจนคนตั้งคำถามว่า เขามีความเร็วพอที่จะวิ่งแข่งขันกับเสือชีตาร์ได้หรือไม่ รวมถึงความสำเร็จในเวทีโอลิมปิกที่กลายเป็นสนามที่เขาคุ้นเคย เนื่องจากเคยคว้าเหรียญทองมาแล้ว 8 เหรียญใน 9 รายการที่ลงแข่งขันในโอลิมปิกทั้ง 3 สมัย ตั้งแต่ปี 2008 ที่ประเทศจีน 2012 ที่ประเทศอังกฤษ และล่าสุดที่บราซิล ในปี 2016 Photo: FRANCK FIFE Eric Feferberg/AFP นอกจากนี้เขายังทำสถิติคว้าเหรียญทองในการแข่งขันกรีฑาชิงแชมป์โลก IAAF World Championships มาแล้ว 11 สมัย และเป็นเจ้าของสถิติโลกในการแข่งขันวิ่ง 100 เมตร และ 200 เมตรชาย และเตรียมลงแข่งขันรายการสุดท้ายในฐานะนักวิ่งในการแข่งขันกรีฑาชิงแชมป์โลก IAAF World Championships ที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในวันศุกร์นี้ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเขาจะลงแข่งขันเพียงแค่รายการ 100 เมตรชาย และวิ่งผลัด 4×100 เท่านั้น โบลต์ในวัย 30 ปี ได้มอบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ให้กับวงการกรีฑาและการแข่งขันโอลิมปิก ทำให้คนที่จะก้าวขึ้นมาทดแทนเขายังคงหาได้ยาก เพราะนอกจากความสำเร็จ โบลต์ยังเป็นคนเก่งที่ น่ารัก โดยเฉพาะรอยยิ้มของเขาในโอลิมปิกที่ริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล ที่เขามอบให้กับคู่แข่งในระหว่างแข่งขัน แสดงให้เห็นว่าจริงๆ แล้วเขาไม่ได้ต้องการเอาชนะคนอื่นตลอดเวลา แต่เขากำลังสนุกกับการแข่งขัน และรู้สึกตื่นเต้นกับคู่แข่งไปในเวลาเดียวกัน Photo: PEDRO UGARTE/AFP ยูเซน โบลต์ คืออัจฉริยะ เขาเป็นยอดนักวิ่งสปรินต์ที่ดีที่สุดตลอดกาล เขาอยู่ในระดับเดียวกับมูฮัมหมัด อาลี ยอดนักมวยชาวสหรัฐฯ ที่สามารถสร้างชื่อเสียงได้ไกลกว่าแวดวงกีฬาของพวกเขาเอง เซบาสเตียน โค ประธานสหพันธ์กรีฑานานาชาติ หรือ IAAF ได้กล่าวไว้ถึงเจ้าของ 8 เหรียญทองโอลิมปิก คุณสามารถเดินเข้าผับในคืนวันศุกร์และถกเถียงกันว่า ในวงการฟุตบอลหรือเทนนิสใครเก่งกว่าใคร แต่ในการวิ่งสปรินต์ คุณไม่สามารถหาข้อโต้แย้งได้ว่าใครเร็วกว่ายูเซน โบลต์ แต่ในระหว่างที่โบลต์เตรียมลงแข่งขันรายการสุดท้าย แฟนๆ กีฬากรีฑา และสำนักข่าวต่างๆ ก็เริ่มมองหานักวิ่งที่มีโอกาสขึ้นมาเทียบชั้นกับยูเซน โบลต์ โดยชื่อที่ถูกพูดถึงและมีโอกาสมากที่สุดคือ เวย์ด แวน นีเคิร์ก นักวิ่งวัย 25 ปีจากแอฟริกาใต้ที่คว้าเหรียญทองวิ่ง 400 เมตรชาย พร้อมทำลายสถิติโลกด้วยเวลา 45.26 วินาทีในริโอเกมส์ โอลิมปิก 2016 เวย์ดกำลังทำผลงานได้อย่างดีเยี่ยม เขาเตรียมพร้อมที่จะลงแข่ง 200 เมตรชาย ซึ่งน่าตื่นเต้นมาก รวมถึงเขายังเป็นคนที่นิสัยดีมากอีกด้วย โบลต์ได้กล่าวถึงเพื่อนร่วมอาชีพชาวแอฟริกาใต้ ขณะที่นักกรีฑาที่น่าจะเป็นจุดสนใจของแฟนๆ เจ้าถิ่นในกรุงลอนดอนครั้งนี้ คงหนีไม่พ้น โม ฟาราห์ หรือชื่อเต็มว่า โมฮาเหม็ด ฟาราห์ นักวิ่งปอดเหล็กวัย 34 ปีจากสหราชอาณาจักร ซึ่งกำลังไล่ล่าเหรียญทองรายการที่ 10 ติดต่อกันในทุกรายการตั้งแต่ปี 2011 และเหรียญทองการแข่งขันวิ่ง 5000 และ 10000 เมตร ทั้งในโอลิมปิกที่ลอนดอน ปี 2012 และบราซิล ปี 2016 Photo: FRANCK FIFE/AFP สำหรับการแข่งขัน IAAF World Championships ที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ จะเริ่มแข่งขันตั้งแต่วันศุกร์ที่ 4 สิงหาคมนี้ ตามเวลาประเทศอังกฤษ โดยยูเซน โบลต์ จะลงแข่งขัน 100 เมตรชายในวันเสาร์ที่ 5 สิงหาคม และ ลงแข่งขันวิ่งผลัด 4×100 เมตรชาย ในวันที่ 12 สิงหาคมนี้ ซึ่งเราเองก็ยังอดสงสัยไม่ได้ว่าการอำลาสนามของเขาจะจบลงอย่างไร?Cover Photo: ADRIAN DENNIS/AFPอ้างอิง:
|
ยูเซน โบลต์ ยอดนักวิ่งเจ้าของ 8 เหรียญทองโอลิมปิกจากจาเมกา เตรียมลงแข่งขันรายการสุดท้ายใน IAAF World Championships ที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ วันศุกร์นี้ โบลต์เป็นนักวิ่งสปรินต์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาล เขาเป็นอัจฉริยะในระดับเดียวกับมูฮัมหมัด อาลี ยอดนักมวยชาวสหรัฐฯ เซบาสเตียน โค ประธานสหพันธ์กรีฑานานาชาติ หรือ IAAF กล่าวถึงเจ้าของ 8 เหรียญทองโอลิมปิก
| null | null |
https://thestandard.co/news-sport-usain-bolts-last-race-in-london/
|
คกก.สอบวินัยขีดเส้น 15 วันให้ สวป.ทองหล่อ รับทราบข้อหา หลังวันนี้เบี้ยวนัด
|
พ.ต.อ.สุนทร เขมะประภา รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 ในหัวหน้าชุดสอบสวนวินัย เปิดเผยว่า จนถึงขณะนี้คณะกรรมการยังไม่ได้รับการติดต่อจาก พ.ต.ท.ปัณณ์ณภณ นามเมือง สารวัตรป้องกันและปราบปราม สถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ ที่ถูกกล่าวหาว่า กระทำผิดวินัยกรณีนำ นายสุเวส หอมอุบล พ่อบ้านผู้ต้องหาขับเฟอร์รารีชนตำรวจเสียชีวิตมารับโทษแทนในวันนี้ ( 13 ก.ย.) คณะกรรมการเรียก พ.ต.ท.ปัณณ์ณภณ มารับทราบข้อหา 4 ตามความผิดพระราชบัญญัติตำรวจ คือไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความสุจริตเป็นธรรมเป็นเห็นให้เกิดความเสียหายร้ายแรง ไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความตั้งใจประมาทเป็นเหตุให้ราชการเสียหาย กระทำการหรือละเว้นให้เกิดความเสียหายร้ายแรง และ ยอมให้ผู้อื่นกระทำการหาประโยชน์จนทำให้หมดความเที่ยงทำเป็นเหตุให้ราชการเสียหายหากในวันนี้ พ.ต.ท.ปัณณ์ณภณ ไม่มาตามนัด หลังจากนี้คณะกรรมการจะติดต่ออีกครั้งหนึ่งหากไม่มารับข้อกล่าวหา คณะกรรมการจะแจ้งข้อกล่าวหาผ่านทางไปรษณีย์ โดยตั้งกรอบระยะเวลภายใน 15 วันตามกฎ ก.ตร.เมื่อแจ้งข้อกล่าวหาขั้นตอนต่อไปคือการสอบสวนพยานหลักฐาน จากนั้นคณะกรรมการจะแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบอีกครั้ง เพื่อให้ผู้ถูกกล่าวหารวบรวมพยานหลักฐานเข้าต่อสู้ โดยมีกรอบระยะเวลาอีก 60วัน ก่อนสรุปสำนวนส่งคณะกรรมการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง
|
วันนี้ ( 13 ก.ย.) คณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง กรณีสารวัตรป้องกันและปราบปรามสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อนำคนขับรถผู้ต้องหาขับเฟอร์รารี่ชนตำรวจเสียชีวิตมารับผิดแทน ได้เรียกตัวสารวัตรฯมารับทราบข้อกล่าวหาและให้โอกาสชี้แจง แต่ปรากฎว่า เมื่อถึงเวลาผู้ถูกกล่าวหาไม่มาและไม่แจ้งสิ่งใดกับคณะกรรมการ
|
อาชญากรรม
|
กระทิงแดง,ชนตำรวจทองหล่อ,ปัณณ์ณภณ,สวป.ทองหล่อ,เฟอร์รารี่
|
https://news.thaipbs.or.th/content/111173
|
ไทยล็อบบี้ สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว นั่งกรรมการมรดกโลก
|
วันนี้ (2 ก.ค.2562) วันที่ 2 ของการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 43 ที่ กรุงบากู สาธารณรัฐอาเซอร์ไบจาน วาระสำคัญคือ ที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ได้มีมติให้เลื่อนการพิจารณารายชื่อที่มีความเชื่อมโยงกับความขัดแย้งระหว่างประเทศหรือสถานที่ที่มีผลกระทบต่อความทรงจำ และกระทบต่อสภาพจิตใจออกไปก่อนในส่วนของประเทศไทย คณะเจ้าหน้าที่ไทยมีความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการผลักดันให้กลุ่มป่าแก่งกระจานได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติแห่งที่ 3 ของไทยนอกจากนี้ยังขอเสียงสนับสนุนจากคณะกรรมการรัฐภาคีสมาชิกอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกโลก 21 ประเทศ ให้นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงปารีส ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทย พร้อมด้วยทีมผู้สมัครจากไทย ได้รับคัดเลือกเป็นกรรมการมรดกโลกชุดใหม่ในวาระปี 2562-2566ทั้งนี้ ถือเป็นความท้าทายในการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพ และความพร้อมของประเทศไทยบนเวทีโลก รวมทั้ง ช่วยเสริมสร้างสัมพันธภาพ ความร่วมมือ และความช่วยเหลือด้านต่างๆ ร่วมกับรัฐภาคีสมาชิกศูนย์มรดกโลก และองค์กรที่ปรึกษาสิ่งสำคัญไทยจะมีส่วนร่วมกำหนดทิศทางการดำเนินงานของอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกขณะเดียวกัน คณะเจ้าหน้าที่ไทย ยังใช้โอกาสนี้ ชี้แจงด้วยเอกสารเพิ่มเติมว่าไทยได้ดำเนินการแก้ปัญหาอย่างเต็มที่เกี่ยวกับข้อกังวล หรือข้อท้วงติงของคณะกรรมการมรดกโลก เช่น ปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง ที่มีการสนับสนุนการดำรงชีวิต และการมีส่วนร่วมของชุมชน และปัญหาการปักปันเขตแดนระหว่างไทย-เมียนมา โดยเฉพาะเส้นขอบเขตพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานขอขึ้นเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ ที่จะเข้าสู่วาระการพิจารณาในวันที่ 5 ก.ค.นี้
|
คณะเจ้าหน้าที่ไทย เดินหน้าขอเสียงสนับสนุน นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว หัวหน้าคณะผู้แทนไทย เข้ารับการคัดเลือกเป็นกรรมการในคณะกรรมการมรดกโลกชุดใหม่ พร้อมขอเสียงผลักดันให้กลุ่มป่าแก่งกระจานขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในวันที่ 5 ก.ค.นี้
|
สังคม
|
มรดกโลก,นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว,แก่งกระจาน,ไทยพีบีเอส,ThaiPBSnews
|
https://news.thaipbs.or.th/content/281337
|
มาร์กี้ ราศรี ถูก ตม.ฮ่องกงกักตัว ตั้งข้อสงสัยมาค้าประเวณี (คลิป)
|
หลังจากที่ได้ไปไหว้พระขอพรถึงฮ่องกง งานนี้คุณพ่อคุณแม่น้องมีก้า-มีญ่า อย่าง ป๊อก ภัสสรกรณ์ และ มาร์กี้ ราศรี มีงานเข้าจังๆ ในขณะที่เจ้าตัวและทีมงานเพิ่งกลับมาจากมาเก๊าจะเข้าฮ่องกงดันถูก ตม.ฮ่องกง กังขัง เพราะคิดว่าอาจจะมาค้าประเวณี โดยทั้งคู่เล่าเหตุการณ์สุดระทึกที่เจอกับตัวมาหมาดๆ ให้ฟังในรายการ ป๊อกกี้ on the run EP.41ซึ่งหนุ่มป๊อกได้เผยวินาทีที่ถูก ตม. จับตัวว่า เรา 2 คนและทีมเรา 3 คน โดนกักอยู่ใน ตม.ฮ่องกง วันนี้เราไปมาเก๊า เราเพิ่งกลับมาจากมาเก๊า พอเราเข้าที่ ตม. หยุดคนนี้คนแรกเลย (ชี้ไปที่มาร์กี้) หยุดเจเจ้ก่อนทางด้านมาร์กี้ก็เล่าต่อ เค้าก็ถามว่าเจเจ้มาคนเดียวหรอ? เราก็บอกว่า ไม่ใช่ มากัน 5 คน เค้าก็ถามว่า 5 คนนี้เหรอ แล้วก็ถูกกักตัวไปเลยค่ะและป๊อกก็เล่าต่อว่า คนที่มาเก็บพาสปอตไป เค้าก็พูดว่า ทำอาชีพอะไร ก็บอกไปว่าอาชีพผมยูทูปเบอร์ เค้าก็บอกว่าให้เปิดให้ดู ผมก็เปิดช่องของผมในมือถือให้เค้าดู โชคดีที่มียอดซับเยอะ ไม่งั้นนะ แย่ ก็ต้องขอบคุณคุณผู้ชมมาร์กี้จึงเสริมต่อว่า ขอขอบคุณคุณผู้ชมนะคะ ต้อง Subscribed เยอะกว่านี้แล้วแหล่ะ เผื่อโดนกักประเทศอื่นจากนั้นป๊อกเล่าต่อว่า ผมสงสัยจริง ผมอยากรู้มากเลย เพราะเหตุใดเค้าถึงหยุดเราทั้งหมด แต่เค้าก็ไม่บอก ซึ่งผมจะบอกให้ผมรู้ว่าเป็นเพราะอะไร ความเป็นได้ มีอยู่แค่ 2 อันเท่านั้นอันแรกก็คือ ค้ายาเสพติดหรือค้าของเถื่อน แต่ดูท่าทางแล้วมันไม่ใช่ อันที่ 2 ใช่แน่นอน คือ ค้าประเวณี โดยเริ่มจากผมเลย ผมเป็นแมง(หัวเราะ) ผมเป็นคนจัดหา นี่เด็กคนแรกของผม (ชี้ไปที่มาร์กี้) นี่คือเจเจ้ที่ทำให้พวกเราโดนกักขังคนที่ 2 มานี่เลย (ชี้ไปที่ผู้หญิงอีกคน) ผมเป็นคนหาเด็ก จะไม่มีคนตามเลย เป็นไปไม่ได้ คนนี้ มือปืน (ผู้ชายอีกคน) พกปืนมาปะเนี่ย (ชี้ไปที่ตากล้อง) จบเรื่องแค่นี้แหล่ะครับ ที่อยากจะเล่าให้ฟังเรียกว่าเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นในต่างแดนของคุณพ่อคุณแม่ลูกแฝดที่น่าจะจำไม่มีวันลืมชมคลิปคลิกที่นี่
|
งานเข้า มาร์กี้ ราศรี คุณแม่ลูกแฝด ถูก ตม.ฮ่องกง กักตัวพร้อมถูกตั้งข้อสงสัยว่าจะมาค้าประเวณี
|
บันเทิง,ข่าวบันเทิง
|
มาร์กี้ ราศรี,ป๊อก ภัสสรกรณ์,ป๊อก มาร์กี้,มาร์กี้ ราศรี ตม.กักตัว,ข่าวบันเทิง,ดารา
|
https://www.thairath.co.th/entertain/news/1758083
|
ยำตำรวจหั่นดอกไม้และกระบอง 22/07/61
|
โอม อมฤต เข้าเวรคอลัมน์ ยำตำรวจ ฉบับวันอาทิตย์ที่ 22 ก.ค.2561,มหกรรมฟุตบอลโลกจบไปแล้ว พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร.ปป.1 นรต.35 สรุปยอดการจับกุมยึดทรัพย์เซียนพนันบอลตั้งแต่วันที่ 14 มิ.ย.-15 ก.ค.2561 ได้ผู้ต้องหาถึง 15,868 คน แบ่งเป็นเจ้ามือ 695 คน ผู้เล่น 15,007 คน คนเดินโพยอีก 166 คน ยึดเงินสดและบัญชีเงินฝากกว่า 51 ล้านบาท ไม่เท่านั้นประสาน ปปง.อายัดทรัพย์เจ้ามือทุกราย,ผลพวงที่จะตามมาต่อจากนี้คือการติดตามทวงถามหนี้พนันบอลโลกที่คาดว่าจะมีการเช็กบัญชีอีกหลายรูปแบบ สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนแต่ละท้องที่ออกหาข่าวป้องกันเหตุร้ายต่างๆที่จะเกิดขึ้น ผลร้ายของการติดบ่วงการพนันครับ,นี่ก็ฟุตบอล แต่เป็นการล้มบอลซึ่งถือว่าเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมการกีฬาอาชีพ พ.ศ.2556 เป็นคดีแรกที่อัยการแถลงมีผู้ต้องหา 15 คน ทั้งผู้ตัดสิน นักฟุตบอลและนายทุน อาจติดคุกถึง 10 ปี รายการนี้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีต ผบ.ตร. นายกสมาคมฟุตบอลฯ จัดให้เพราะสืบสวนสอบสวนมานาน,ผกก.หนุ่ยโผล่แล้ว พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจแห่งชาติ นรต.36 ลงนามย้าย พ.ต.อ.วทัญญู วิทยผโลทัย นรต.49 ผกก.วิจัยฯ ตำรวจสันติบาล เข้ากรุ ศูนย์ศปก.ตร. ตั้งแต่วันที่ 7 ก.ค.2561 ที่ผ่านมา พร้อม ตั้งกรรมการสอบจากต้นสังกัดกรณีปรากฏภาพกับอดีตนายกรัฐมนตรีที่ประเทศอังกฤษและรัสเซีย,ปะหน้า พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน นรต.31 กรรมการ ปฏิรูปตำรวจชุดของ อาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ บอกคณะทำงานกำลังเดินหน้าเต็มที่ ไฮไลต์อยู่ที่การปฏิรูปโรงพักให้ชัดเจนที่สุด เพราะงานตำรวจจุดแตกหักอยู่ที่ สถานีตำรวจ ต้องพร้อมที่สุดทั้งกำลังพลเต็มอัตรา เครื่องมือพร้อมสรรพทันสมัย ไอ้ที่นายขอตัวไปช่วยงานหรือหน่วยอื่นๆต้องเอากลับมาให้หมด เจ้าของฉายา นวยทนได้ พูดอย่างขึงขัง,ทำความดีด้วยหัวใจ พล.ต.ต.วรพงษ์ ทองไพบูลย์ ผบก.รถไฟ ระดมจิตอาสานับร้อยร่วม กทม.ปรับภูมิทัศน์ริมคลองผดุงกรุงเกษม ใกล้ สน.นพวงศ์ จนสะอาดเอี่ยมสวยงาม พร้อมเปิดสายด่วนป้องกันเหตุร้ายบนขบวนรถไฟและสถานีรถไฟทั่วประเทศ โทร.1194 พร้อมรับใช้พี่น้องประชาชน,ไม่ได้หลับไม่ได้นอน ผกก.คนขยัน พ.ต.อ.สิทธิชัย ศรีโสภาเจริญรัตน์ ผกก.สน.วังทองหลาง นรต.52 ตรวจเข้มสถานบริการช่วงฟุตบอลโลก ใครฝ่าฝืนปล่อยให้มีการพนันจับหมด ยังเน้นหนักเรื่องการค้ามนุษย์ไม่ให้มีในพื้นที่เด็ดขาด อยู่โรงพักใหญ่ต้องขยันและหนักแน่นดั่งหินผาครับ,รายนี้ไม่ธรรมดา พ.ต.อ.อำนาจ โฉมฉาย ผกก.3 บก.ทท.1 ดูแลทั้งสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง นายตำรวจมนุษยสัมพันธ์ดีเด่นทั้งในและนอกเครื่องแบบ ประชาชน นักท่องเที่ยวชื่นชมกันมา สดๆร้อนๆหัวเรี่ยวหัวแรงอำนวยความสะดวกรับส่งคณะดำน้ำต่างประเทศช่วยงานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน เชียงราย ภูมิใจในหน้าที่จริงๆ,สังคมข่าว พ.ต.อ.อชิรวิทย์ ทองจันดี ผกก.สน.หนองแขม ร่วมกับ กต.ตร.สน.หนองแขม สนง.เขตหนองแขม สภาวัฒนธรรมเขตหนองแขมและชุมชนต่างๆ กราบเรียนเชิญทอดผ้าป่าสามัคคีปรับปรุงซ่อมแซม สถานีตำรวจหนองแขม (เดิม) เพื่ออนุรักษ์เป็นโรงพักโบราณและตู้ยามสายตรวจ ในวันศุกร์ที่ 3 สิงหาคม 2561 เวลา 09.00-12.00 น.โดยมี พล.ต.อ.บุญชัย ชื่นสุชน พล.ต.ท.สุนทร นุชนารถ พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง พล.ต.ต.กัมปนาท โสภโณดร ให้เกียรติร่วมงาน.,โอม อมฤต
|
ผลพวงที่จะตามมาต่อจากนี้คือการติดตามทวงถามหนี้พนันบอลโลกที่คาดว่าจะมีการเช็กบัญชีอีกหลายรูปแบบ สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนแต่ละท้องที่ออกหาข่าวป้องกันเหตุร้ายต่างๆที่จะเกิดขึ้น
| null |
วรพงษ์ ทองไพบูลย์,สิทธิชัย ศรีโสภาเจริญรัตน์,อำนาจ โฉมฉาย,ยำตำรวจ,โอม อมฤต
|
https://www.thairath.co.th/news/crime/1338954
|
โมโหอึใส่ที่นอนกลางดึก พ่อเลี้ยง เหวี่ยง ด.ช.2ขวบ โดนโถส้วมดับ
|
เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 13 พ.ค.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนายพิพัฒน์ ธนาธีรเมธ อายุ 38 ปี เข้าแจ้งกับ พ.ต.ท.นิกร หอมอ่อน รอง ผกก.สภ.เมืองหนองบัวลำภู เรียกร้องขอตรวจสอบศพ น้องพี นามสมมุติ อายุ 2 ขวบ 7 เดือน ที่เสียชีวิตเมื่อกลางดึกวันที่ 11 พ.ค.60 โดยแพทย์ รพ.วีระพลการแพทย์ ระบุสาเหตุการตายว่ามีรอยช้ำที่ปอด หลังจากนั้นตำรวจได้ประสานกู้ภัยมาเปิดโลงเพื่อดูสภาพศพ ก่อนนำร่างของเด็กไปผ่าพิสูจน์ที่นิติเวช รพ.ศรีนครินทร์ฯ จ.ขอนแก่น ในเช้าวันที่ 13 พ.ค.60 และนำศพกลับมาบำเพ็ญกุศลต่อที่วัดป่าบ้านภูพานทอง ต.หนองบัว อ.เมืองหนองบัวลำภูนั้น มีญาติๆเด็กตั้งหน้ารอฟังข่าว ,นางหงษ์ทอง ทองคำ อายุ 52 ปี ยายของเด็กบอกเพียงว่า ที่ผ่านมาไม่รู้เห็นเหตุการณ์ รอผลการผ่าพิสูจน์อีกครั้ง ทั้งนี้เหตุการณ์เกิดขึ้นตอนดึกวันที่ 11 พ.ค.60 ตนและแม่ของเด็กไปขายของที่ตลาด มีลูกเขยอุ้มเด็กมาหาที่ตลาด บอกว่าเด็กหมดสติและรีบพาไปที่ รพ.วีระพลการแพทย์ ในตัวเมืองหนองบัวลำภู ต่อมาก็พบว่าเด็กเสียชีวิตแล้ว จึงนำศพมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัด รอฌาปนกิจในวันที่ 13 พ.ค.60 กระทั่งพ่อแท้ๆของเด็กไม่ยินยอม เพราะสงสัยในการตายของลูก จึงร้องให้นำศพไปผ่าพิสูจน์ที่ จ.ขอนแก่น ,ขณะที่ พ่อแท้ๆของเด็ก เปิดเผยว่า ได้อยู่กินกับแม่ของเด็กหลายปี มีลูกสองคน หญิง1และชาย1 โดยครอบครัวของตนอาศัยอยู่ที่บ้านใน จ.นครปฐม แต่ตนและภรรยาเพิ่งแยกทางกันได้ไม่กี่เดือน โดยตนรับหน้าที่ ดูแลลูกสาวคนโต ส่วนภรรยาได้นำลูกชาย คนเล็ก กลับไปอยู่ที่บ้านใน จ.หนองบัวลำภู และมีสามีใหม่ แต่ต่อมากลับเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เบื้องต้นทราบว่าพ่อเลี้ยงไปมอบตัวแล้ว ,สงสารลูกมากที่มาเสียชีวิต สภาพของลูกศรีษะบวมปูดคล้ายถูกกระแทก มีร่องรอยเขียวช้ำตามลำตัว คาดว่าคงถูกทารุณจนกระทั่งเสียชีวิต วันนี้พาลูกไปผ่าชันสูตร เบื้องต้นแพทย์ระบุว่าเสียชีวิตเพราะตับแตก ส่วนผลชันสูตรละเอียดต้องรออีกประมาณ 3 สัปดาห์,ทั้งนี้ จากการตรวจสอบที่ สภ.เมืองหนองบัวลำภู พบว่า นายพิพิธธน เจริญกุล ผู้เป็นพ่อเลี้ยง อายุ 22ปี ได้เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน ในเช้าวันที่ 13 พ.ค.60 ก่อนจะถูกนำตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดและได้รับการประกันตัวออกมา ซึ่งหลังจากประกันตัวได้มาที่วัดก่อนจะออกไปพร้อมกับแม่ของเด็ก โดยไม่ทราบว่าไปที่ไหน ในเบื้องต้นนายพิพิธธน ได้บอกญาติว่าทำร้ายเด็กจริง โดยเด็กถ่ายใส่ที่นอนตอนกลางดึกจึงพาไปในห้องน้ำจับเด็กเหวี่ยงไปโดนโถส้วมแล้วเด็กแน่นิ่ง จึงอุ้มขึ้นรถมาหาแม่ของเด็กที่ตลาดแล้วนำส่งโรงพยาบาลและเสียชีวิตดังกล่าว
|
พ่อเลี้ยง โมโหลูกชายวัย 2 ขวบ 7 เดือน อึใส่ที่นอนกลางดึก จับร่างเด็กเหวี่ยงโดนโถส้วมจนแน่นิ่ง ขณะที่ พ่อแท้ๆ เดินหน้าเอาผิด จนพ่อเลี้ยงรีบมามอบตัวกับตร. แพทย์ระบุสาเหตุการตายเบื้องต้น เป็นเพราะตับแตก
|
ข่าว,ทั่วไทย
|
พ่อเลี้ยงฆ่าลูก,ทำร้ายร่างกาย,เด็กตาย,ตับแตก,หนองบัวลำพู
|
https://www.thairath.co.th/news/local/northeast/940347
|
กรรมการสิทธิฯ: ลดเกรดได้แต่ยุบเลิกไม่ได้
|
International Coordinating Committee (ICC) ซึ่งเป็นคณะกรรมการประสานงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนทั่วโลก เสนอให้มีการลดเกรดคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนไทย(กสม.)จากระดับ A ไปเป็นระดับ B โดยให้เวลา 1 ปี เพื่อหาเอกสารยืนยันว่าได้ปฏิบัติตามหลักการปารีส(The Paris Principles)หรือไม่ซึ่งปฏิกิริยาตามมาจากข่าวดังกล่าวมีหลายรูปแบบ บ้างก็ว่า ลดเกรดมาเป็น B นั่นยังน้อยไป น่าจะเป็น Fเสียด้วยซ้ำ(มีแค่ ABC เท่านั้น) บ้างก็เสือกไสไล่ส่งให้ยุบทิ้งไปเลยก็ดี อยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์อันใด ฯลฯหลักการปารีสเป็นแนวความคิดในการจัดตั้งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติของประเทศต่างๆ ซี่งกําหนดขึ้นจากการสัมมนาว่าด้วยสถาบันแห่งชาติและท้องถิ่น เพื่อสนับสนุนและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ณ กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และที่ประชุมมีความเห็นร่วมกันถึงมาตรฐานขั้นต่ำของสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ จึงได้มีการกำหนดแนวทางของอํานาจและหน้าที่ของสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติขึ้นโดยได้รับการรับรองจากสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ(General Assembly)ในมติที่48/134 เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 1993 ซึ่งหลักการปารีสนี้ได้กําหนดแนวทางการจัดตั้งสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติของรัฐที่เป็นอิสระ เพื่อที่จะ1) ส่งเสริมสิทธิมนุษยชน2) แนะนํารัฐบาลในเรื่องการปกป้องสิทธิมนุษยชน3) ทบทวนกฎหมายสิทธิมนุษยชน4) เตรียมรายงานสิทธิมนุษยชน5) รับและสอบสวนเรื่องราวร้องทุกข์จากสาธารณชนมาตรฐานสากลตามหลักการปารีสที่จะทําให้สถาบันสิทธิมนุษยชนระดับชาติมีประสิทธิภาพ จะต้องมีองค์ประกอบอย่างน้อย 6 ประการคือ1) มีความเป็นอิสระในการทํางาน มีอํานาจตัดสินใจโดยปราศจากการแทรกแซงจากรัฐบาลและหน่วยงานอื่นใด ควรมีการเชื่อมโยงกับรัฐสภาหรือขึ้นต่อประมุขของรัฐ มีการบริหารจัดการที่เป็นเอกเทศ มีกฎระเบียบของตนเอง ตั้งงบประมาณได้อย่างเพียงพอ แต่งตั้งและถอดถอนกรรมการและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานได้ ต้องมีองค์ประกอบที่หลากหลายและเป็นตัวแทนของกลุ่มต่างๆ ในสังคมอย่างแท้จริง2) ต้องกําหนดภาระหน้าที่อย่างชัดเจนและมีอํานาจเพียงพอในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิ มนษยชนตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายจัดตั้งสถาบัน และตามข้อตกลง กติกา อนุสัญญาระหว่างประเทศ ที่สําคัญต้องได้รับอํานาจทางกฎหมายอย่างเพียงพอไม่ว่าในการสอบสวนการละเมิดสิทธิมนุษยชน การเรียกเจ้าหน้าที่ของรัฐและบุคคลมาให้ข้อเท็จจริงหรือข้อมูล เป็นต้น3) ต้องเป็นสถาบันที่บุคคลและคณะบุคคลทุกฝ่าย สามารถเข้าถึงได้ง่าย โดยมีกฎเกณฑ์และกระบวนการทํางานที่ประชาชนสามารถติดต่อยื่นคําร้องเรียนได้ อย่างสะดวกรวดเร็ว มีสํานักงานสาขาทุกภูมิภาคเพื่อรับเรื่องราวร้องทุกข์ได้ทั่วประเทศ4) ต้องยึดหลักการความร่วมมือกับทุกฝ่ายตั้งแต่สหประชาชาติ สถาบันสิทธิมนุษยชนระดับภูมิภาคและระดับประเทศ องค์การเอกชนหรือองค์การที่มิใช่ของรัฐ (NGO) ตลอดจนองค์การระหว่างรัฐบาล (Intergovermental Organizations) ที่มีหน้าที่ส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและกับหน่วยงานตุลาการ5) ต้องยึดหลักประสิทธิภาพในเชิงปฏิบัติการ (Operational efficiency) โดยการจัดหาทรัพยากรที่เพียงพอ วิธีการทํางานที่ไม่เป็นแบบราชการ บุคลากรมีความรู้ และความเข้าใจเรื่องสิทธิมนุษยชน ฯลฯ6) ต้องมีความรับผิดชอบทางด้านกฎหมายและด้านการเงินต่อรัฐบาลและรัฐสภา โดยต้องเผยแพร่รายงานและให้สาธารณชนตรวจสอบการทํางานของสถาบันได้อย่างแท้จริงโดยมีการจัดลำดับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนของประเทศต่างๆด้วย ซึ่งระดับ A หมายถึงการทำงานเป็นไปตามหลักการฯ B หมายถึงการประเมินพบว่าการทำงานไม่ครบถ้วนตามหลักการฯ และ C หมายถึงไม่เป็นไปตามหลักการฯการเสนอลดระดับของไทยลงจาก A เป็น ในครั้งนี้คณะกรรมการฯให้เหตุผลว่าการคัดเลือกคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติของไทยเรา นั้น- ไม่มีการประกาศประชาสัมพันธ์การรับสมัคร- คณะกรรมการคัดเลือกมีจำนวนผู้เข้าร่วมที่มาจากองค์กรสาธารณะจำนวนน้อย ไม่ชัดเจนถึงความเป็นผู้แทนฯ หรือการปรึกษาหารือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหรือภาคประชาสังคม- ไม่มีบทบัญญัติใดที่แสดงถึงการปรึกษาหารือหรือการมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวางในการรับสมัครการคัดเลือกและกระบวนการสรรหาคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ- ไม่ชัดเจนและไม่มีรายละเอียดที่ดีพอถึงคุณสมบัติของผู้รับสมัครเข้าเป็นคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติและมีข้อสังเกตว่า- ล้มเหลวในการในปฏิบัติการต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ร้ายแรง( failed to address serious human rights violations )- มีการแสดงความเห็นทางการเมืองในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ ( expressed their political views while on duty)การลดระดับของไทยลงจาก A เป็น B จะทำให้ไทยเราไม่สามารถแสดงความเห็นหรือนำเสนอเอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษรต่อที่ประชุมใหญ่ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ( unable to express its opinions or present written documents to UNHRC)เมื่อเราดูจากเนื้อหาของหลักการปารีสและเหตุผลที่เขาเสนอให้มีการลดระดับของไทยเราแล้วจะเห็นได้ว่าคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนของไทยนั้นก็สมควรที่จะถูกลดเกรดตามข้อเสนอนั้นจริงๆ เพราะที่มาตามรัฐธรรมนูญปี 50 กำหนดให้มีกรรมการสรรหา กสม. จำนวนเพียง 7 คน ประกอบด้วยฝ่ายการเมือง 2 คนคือประธานสภาผู้แทนราษฎรและหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านในสภาฯ และจากฝ่ายตุลาการถึง 5 คน แต่ในรัฐธรรมนูญปี 2540 กรรมการสรรหา กสม. ประกอบด้วยตัวแทนจากส่วนต่างๆ ของภาคประชาสังคมถึง 25 คน และเมื่อพิจารณาถึงบทบาทการวางตัวของประธาน กสม.ที่ผ่านมายังเป็นที่ค้างคาใจเป็นอันมาก ในส่วนของกรรมการฯคนอื่นนอกจากคุณหมอนิรันดร์แล้วที่เหลือแทบจะเรียกได้ว่าเป็นบุคคลที่โลกลืมไปเลยด้วยข้อผูกพันตามหลักการปารีส และปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ (Universal Declaration of Human Rights หรือ UDHR)คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเป็นกลไกส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่สำคัญในสังคมประชาธิปไตย ในฐานะเป็นสถาบันที่ตรวจสอบรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ เราจึงไม่สามารถที่จะยุบเลิกได้ หากยุบเลิกไปไม่เพียงแต่เราจะขัดต่อพันธกรณีระหว่างประเทศแล้วยังทำให้ประชาชนขาดที่พึ่งเมื่อถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนอีกด้วย ในเมื่อตัวบุคคลและโครงสร้างมีปัญหา เราก็ต้องปรับแก้ที่โครงสร้างการได้มาและอำนาจหน้าที่เสียใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลเหมือนดั่งนานาอารยประเทศทั้งหลายนั่นเอง เผยแพร่ครั้งแรกในกรุงเทพธุรกิจฉบับประจำวันพุธที่ 7 มกราคม 2558
|
หลังจากที่ใช้เวลาในการรวบรวมรายงานเป็นเวลาถึง 3 ปี เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 57ที่ผ่านมาThe International Coordinating Committee of National Human Rights Institutions หรือที่เรียกสั้นๆว่า The
|
ต่างประเทศ,สิทธิมนุษยชน
|
ชำนาญ จันทร์เรือง,The International Coordinating Committee (ICC),The Paris Principles,คณะกรรมการประสานงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนทั่วโลก,คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.),หลักการปารีส
|
https://prachatai.com/journal/2015/01/57304
|
ทรัมป์ คุย อาเบะ ชื่นมื่น ยืนยันมะกันคุ้มครองญี่ปุ่น
|
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายกรัฐมนตรี ชินโสะ อาเบะ แห่งญี่ปุ่น เดินทางเยือนสหรัฐอเมริกาเพื่อพบปะพูดคุยระหว่างประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นเวลา 2 วัน โดยการพูดคุยวันแรกเมื่อวันศุกร์เป็นไปอย่างชื่นมื่น โดยนายทรัมป์ระบุว่า ควมเป็นพันธมิตรระหว่างสหรัฐฯ กับญี่ปุ่นคือเสาหลักของเสถียรภาพและความสงบสุขในภูมิภาค ท่าทีต่างจากตอนหาเสียงที่เขาเรียกร้องให้ญี่ปุ่นจ่ายเงินให้สหรัฐฯ มากขึ้นเพื่อแลกกับความคุ้มครอง,นายอาเบะกับนายทรัมป์เริ่มการหารือ 2 วันด้วยการกอดกันหลังจากนายกฯ ญี่ปุ่นเดินทางถึงทำเนียบขาว ก่อนจะไปพูดคุยกันที่ห้องทำงานรูปไข่ ซึ่งทั้งสองคนมีสีหน้ายิ้มแย้มและจับมือเชคแฮนด์กันหลายครั้ง จากนั้นทั้งคู่จึงเดินทางไปยังบ้านพักส่วนตัวของนายทรัมป์ในเมือง ปาล์ม บีช ในรัฐฟลอริดา พร้อมกับภริยาของพวกเขา,อย่างไรก็ตาม ก่อนเดินทางผู้นำทั้งสองคนจัดงานแถลงข่าวร่วมกัน โดยนายทรัมป์หลีกเลี่ยงไม่ใช้คำพูดรุนแรงเหมือนตอนหาเสียงเลือกตั้ง ที่เขากล่าวหาญี่ปุ่นว่า หาประโยชน์จากความช่วยเหลือด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ และขโมยงานของชาวอเมริกา,เรามีหน้าที่ในการรักษาความมั่นคงของญี่ปุ่นและทุกพื้นที่ที่อยู่าภายใต้การบริหารปกครองของแดนอาทิตย์อุทัย และมีหน้าที่ในการเสริมความเข้มแข็งให้แก่พันธมิตรที่สำคัญยิ่งของเรานี้ นายทรัมป์กล่าว และเสริมว่า ความสัมพันธ์ระหว่างทั้ง 2 ประเทศ และความเป็นมิตรระหว่างประชาชนของเรานั้นลึกซึ้งมาก รัฐบาลนี้มีหน้าที่ทำให้ความสัมพันธ์เปล่านี้ใกล้ชิดขึ้นอีก,ด้านนายอาเบะกล่าวว่า เขารู้ดีเรื่องการตัดสินใจของนายทรัมป์ที่จะนำสหรัฐฯ ถอนตัวออกจากข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก หรือ ทีพีพี แต่ญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ได้ตกลงเรื่องแผนงานใหม่เพื่อการจราจาทางเศรษฐกิจแล้ว,นอกจากนี้ สหรัฐฯ และญี่ปุ่นนยังออกแถลงการณ์ร่วมการระบุว่า คำมั่นของสหรัฐฯ ที่จะปกป้องญี่ปุ่นด้วยนิวเคลียร์และความช่วยเหลือทางทหารนั้นยังไม่เปลี่ยนแปลง,ทั้งนี้ แถลงการณ์ดังกล่าวถือเป็นชัยชนะของนายอาเบะ ผู้เดินทางมาทำเนียบขาวเพื่อเสริมสร้างความเชื่อใจและมิตรภาพกับประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ รวมทั้งส่งสัญญาณว่าความเป็นพันธมิตรเก่าแก่หลายทศวรรษของทั้งสองประเทศยังไม่เปลี่ยนแปลง ท่ามกลางปัญหาข้อพิพาทกับจีน
|
นายกรัฐมนตรี ชินโสะ อาเบะ แห่งญี่ปุ่นเดินทางเยือนสหรัฐฯ เพื่อพบกับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ โดยผู้นำสหรัฐฯ ยืนยันคำมั่นว่าสหรัฐฯ จะช่วยรักษาความมั่นคงของญี่ปุ่น
| null |
ชินโสะ อาเบะ,โดนัลด์ ทรัมป์,สหรัฐ,ญี่ปุ่น,ทำเนียบขาว
|
https://www.thairath.co.th/content/856284
|
ประธานวิปรัฐบาล พร้อมหนุน รมต. ใหม่ แม้จะเป็นคนนอก ปราม ส.ส. พปชร. หยุดชิงเก้าอี้
|
พันฟอง ขณะที่ประธานวิปรัฐบาลพร้อมหนุนคนนอกเป็นรัฐมนตรี ปราม ส.ส. พรรครัฐบาลหยุดชี้เก้าอี้16 ก.ค. 2563 เวลา 09.59 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เดินทางมายังทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายรัฐมนตรีจากนั้นอุตตม สนธิรัตน์ สุวิทย์ และกอบศักดิ์ ได้เข้าสักการะท้าวมหาพรหม บนตึกไทยคู่ฟ้า ศาลพระภูมิเจ้าที่ ศาลตา-ยายบริเวณหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล ก่อนที่จะแถลงข่าวลาออกอุตตม กล่าวว่า วันนี้ได้ยื่นหนังสือลาออกจากการปฏิบัติหน้าที่ถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านทางเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว มีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ขณะที่กอบศักดิ์ได้รับมอบหมายจากสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นำหนังสือลาออกมายื่นพร้อมกันด้วยหลังยื่นหนังสือลาออกแล้ว รู้สึกโล่งอก การลาออกครั้งนี้ ทุกคนเห็นตรงกันว่า เป็นวลาที่เหมาะสมที่จะออกจากตำแหน่ง เพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้าไปได้ และความคลุมเครือต่างๆ จะได้หายไป และหวังว่า การลาออกครั้งนี้จะช่วยลดแรงกดดันทางการเมืองที่มีต่อนายกรัฐมนตรีในขณะนี้ ที่อาจจะส่งผลให้เกิดความชะงักในการบริหารบ้านเมืองได้ และเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการปรับคณะรัฐมนตรีต่อไป ยืนยันว่าไม่มีแรงกดดันทางการเมือง และเป็นการตัดสินของทุกคนเอง อุตตม กล่าวอุตตม กล่าวว่า การยื่นหนังสือครั้งนี้ไม่ได้แจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบก่อน แต่เข้าใจว่านายกรัฐมนตรีคงรับทราบแล้ว สมคิด ไม่ได้เล่าให้ฟังว่าได้พูดคุยอะไรกับนายกรัฐมนตรีบ้าง แต่ก็ได้บอกกับสมคิดถึงเหตุผลการตัดสินใจแล้ว โดยสมคิดไม่ได้ขอให้ทั้ง 4 คนลาออกไปพร้อมกัน และคิดว่าเหตุผลการลาออกของสมคิด มาจากปัญหาเรื่องสุขภาพยืนยันว่า การลาออกครั้งนี้ เป็นการจากกันด้วยดี ทุกคนได้ทำหน้าที่ของตัวเองแล้ว และเห็นว่า จากสถานการณ์บ้านเมืองตอนนี้ ทุกคนต้องช่วยกันประคับประคอง ส่วนอนาคตทางการเมือง เรื่องใดที่สามารถทำประโยชน์ให้บ้านเมืองได้ ก็พร้อมที่จะดำเนินการ อุตตม กล่าวอุตตม กล่าวว่า ในนามของทั้ง 4 คน ขอขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้ความไว้วางใจ และให้โอกาสเข้ามาทำงานให้บ้านเมืองในระยะหนึ่ง ผ่านเหตุการณ์ต่างๆ มาพอสมควร นี่คือสิ่งสำคัญที่สุด ที่ทุกคนได้มาในครั้งนี้ และทุกคนไม่ยึดติดกับตำแหน่ง เมื่อได้รับโอกาส ก็ทำงานเต็มที่ และไม่ถือว่าเจ็บตัว เมื่อถึงเวลาก็มีการปรับเปลี่ยน ไม่ว่าจะใส่หมวกใบไหน ก็สามารถทำประโยชน์ให้บ้านเมืองได้ส่วนที่ถูกมองว่า เป็นการเปลี่ยนม้ากลางศึก ที่อยู่ในช่วงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ จะเป็นงานหนักสำหรับคนที่เข้ามาคุมเศรษฐกิจหลังจากนี้หรือไม่ อุตตม กล่าวว่า ทุกคนมีเหตุผลในการตัดสินใจลาออก เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการบริหารบ้านเมือง และเชื่อว่าจะนำพาบ้านเมืองผ่านพ้นวิกฤตต่างๆ ไปได้ ส่วนใครจะมารับหน้าที่ต่อ ก็ยังไม่ทราบ แต่เชื่อว่านายกรัฐมนตรีมีความสามารรถเลือกคนที่มีความสามารถมาร่วมทีมได้ไม่ขอฝากอะไรเป็นพิเศษไปถึงทีมเศรษฐกิจใหม่ที่จะเข้ามาทำงาน ทุกคนทราบดีว่าการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ทุกคนต้องร่วมมือร่วมใจกันทุกฝ่าย ส่วนรายชื่อทีมเศรษฐกิจที่ปรากฎออกมาตามสื่อฯ นั้น ก็ไม่ขอแสดงความเห็น และต้องรอให้มีการปรับ ครม.ที่ชัดเจนก่อน อุตตม กล่าวส่วนเหตุผลที่นายกรัฐมนตรีแจ้งสมคิดว่า การปรับ ครม.ครั้งนี้เป็นเหตุผลทางการเมืองนั้น อุตตม กล่าวว่า ไม่สามารถแสดงความเห็นได้ เพราะไม่ทราบว่าผู้ใหญ่ทั้ง 2 ได้พูดคุยอะไรกัน และขณะนี้ยังไม่มีพรรคการเมือง หรือกลุ่มการเมืองอื่นๆ มาทาบทามให้ร่วมงาน และว่า ไม่ได้ตั้งใจว่าจะลาออกในวันที่ครบรอบการทำงาน 1 ปีของรัฐบาล แต่เป็นการประเมินจากสถานการณ์ด้านสนธิรัตน์ ยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่คิดถึงเรื่องการตั้งพรรคการเมือง และยังไม่คิดถึงการกลับเข้ามาทำงานทางการเมือง ขอคิดเรื่องพักผ่อนก่อน แต่ทุกคนมีความพร้อมที่จะช่วยกันคิดเพื่อบ้านเมือง และสิ่งใดที่เป็นประโยชน์ก็ยินดีสนับสนุน สิ่งที่เป็นห่วง คือสถานการณ์บ้านเมืองที่เป็นสถานการณ์ที่ต้องการพลังในการทำงาน และไม่ต้องการเห็นการเมืองเป็นอุปสรรคต่อการขับเคลื่อนบ้านเมือง และทุกคนต้องการมีส่วนช่วยทำให้บรรยากาศบ้านเมืองมีการพัฒนา หรือปรับให้กลไกการบริหารบ้านเมืองไม่มีความคลุมเครือต่อไปสิ่งที่อยากเห็นหลังจากนี้ คือ เห็นการเมืองในเชิงพัฒนา ให้สอดรับกับสภาวะของโลกและของประเทศ การเข้ามาทำงานทางการเมือง ถือว่าได้บทเรียน และเรียนรู้ทางการเมืองระดับหนึ่ง ขอเป็นกำลังใจในการพัฒนาการเมือง อยากฝากให้การเข้ามาทางการเมืองของทุกคนในครั้งนี้ เป็นแรงบันดาลใจกับคนดีๆ ที่อยากเข้ามาช่วยบ้านเมือง เพื่อจะได้มีโอกาสเช่นเดียวกัน ถือเป็นบทเรียนที่ดีของชีวิตไม่ว่าแง่มุมใดก็ตาม สนธิรัตน์ กล่าวสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า วันอาทิตย์ที่ 19 กรกฎาคม นี้ จะนำไข่ไก่ 9000 ฟอง และหัวหมู 2 หัวไปแก้บนที่ศาลเจ้าพ่อสมบูรณ์ แจ้งวัฒนะ ซอย 5 หลังบนไว้ว่าหากกลุ่ม 4 กุมารลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี ภายในเดือนนี้ ก็จะไปแก้บน เพราะเห็นว่าเรื่องนี้คงต้องใช้การดลบันดาลใจจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และไสยศาสตร์เข้าช่วย พร้อมยกมือสาธุดังๆไม่ได้บนบานขอตำแหน่งรัฐมนตรีให้กับตัวเอง เพราะเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรีเป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี เพียงแต่รู้สึกว่าขณะนี้ประชาชนเดือดร้อน เศรษฐกิจมีปัญหา ราคาน้ำมันก็ปรับขึ้นทุกวัน คนที่จะต้องแก้ปัญหาให้ประชาชนกลับสร้างความหวั่นไหว สิระ กล่าววีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวภายหลังกลุ่มสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีลาออกจากคณะรัฐมนตรี โดยเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีบุคคลที่เหมาะสมและทาบทามไว้ร่วมคณะรัฐมนตรีในแต่ละตำแหน่งแล้ว ภาวะเศรษฐกิจของประเทศในขณะนี้ จำเป็นต้องเลือกบุคคลที่มีประสบการณ์ด้านธุรกิจ มีความรู้ความสามารถ ไม่ใช่เพียงนักวิชาการอย่างเดียว มิเช่นนั้นจะไม่สามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจได้ โดยเฉพาะหลังสถานการณ์ COVID-19 ที่เศรษฐกิจการค้าการลงทุนมีความสำคัญผมพร้อมสนับสนุนคนที่นายกรัฐมนตรีเลือกมาทำงาน แม้จะเป็นคนนอกก็ตาม และยืนยันว่าพร้อมที่จะปกป้อง หากมีส.ส.ภายในพรรคกดดันคนนอก ผมจะปกป้อง เต็มที่ และจะพยายามขอร้องเพื่อน ๆ ในพรรค บอกเอาบ้านเมืองไว้ก่อน ยังไงให้มันผ่านพ้นวิกฤติโควิด-19 ไปก่อน ให้ประเทศไทยตั้งหลักได้ไว้ก่อน ตอนนี้บ้านเมืองต้องมาก่อน บ้านเมืองต้องสำคัญที่สุดวีรกร กล่าววีระกร กล่าวถึงกระแสข่าวภายในพรรคพลังประชารัฐที่ระบุว่าเตรียมการตั้งกลุ่มเพื่อเรียกร้องตำแหน่งรัฐมนตรี ภายหลังสมคิด จาตุศรีพิทักษ์และรัฐมนตรีอีก 4 คนและคณะลาออกว่า ไม่เห็นด้วย และอยากขอร้องทุกคนให้เคารพการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี เพราะตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ประเทศบอบช้ำจากการที่ไม่มีสภาผู้แทนราษฎรเป็นเวลานานพอแล้ว ซึ่งตนและคนส่วนใหญ่ภายในพรรคพลังประชารัฐพร้อมสนับสนุนนายกรัฐมนตรี แต่ขณะนี้อยากเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีเร่งตั้งรัฐมนตรีใหม่เข้ามาทำหน้าที่โดยเร็วเรียบเรียงจาก :
|
สมคิด - 4 กุมาร ยื่นใบลาออกกจากตำแหน่งรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการแล้ว อุตมเผยโล่งอกหลังยื่นลาออก หวังช่วยลดแรงกดดันทางการเมืองที่มีต่อนายกฯ ยันจากกันด้วยดี ด้านสิระ เจนจาคะ ส.ส. พปชร. เตรียมแก้บนไข่ไก่ 9
|
การเมือง
|
4 กุมาร,สิระ เจนจาคะ,สมคิด จาตุศรีพิทักษ์,วีระกร คำประกอบ
|
https://prachatai.com/journal/2020/07/88611
|
สุดารัตน์ รับผิดปมขึ้นรถมีป้ายชื่อชวน ปชช.ปลูกดอกดาวเรือง - ประวิตร พร้อมให้ คสช.คุย
|
เตือนต้องใช้ดุลยพินิจว่าอะไรควรไม่ควร พร้อมให้ คสช.พูดคุย16 ต.ค. 2560 จากกรณีกระแสวิพากษณ์วิจารณ์ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย จัดกิจกรรมเชิญชวนประชาชนย่านลาดปลาเค้า เขตลาดพร้าว และพื้นที่ใกล้เคียง อาทิ เขตลาดพร้าว เขตบางเขน ร่วมงาน ดอกดาวเรืองแทนดวงใจ เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร โดยติดชื่อตนเองที่รถขยายเสียง มีรถนำขบวน นั้นล่าสุด รายงานว่าคุณหญิงสุดารัตน์ พร้อมคณะกรรมการจัดงานดอกดาวเรืองแทนใจชาวลาดปลาเค้า แถลงข่าวเกี่ยวกับกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียลมีเดียกรณีขึ้นรถแห่เชิญชวนประชาชนถวายดอกดาวเรืองเพื่อใช้ในงานถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยคณะกรรมการจัดงาน ชี้แจงว่า การจัดงานครั้งนี้ยึดนโยบายตามภาครัฐที่ต้องการให้ดอกดาวเรืองเหลืองทั้งแผ่นดิน เขตลาดปลาเค้าจึงจัดเป็นซุ้มตามจุดต่าง ๆ 9 ซุ้ม โดยซุ้มต่าง ๆ มีภาพพระราชกรณียกิจของพระองค์ และมีกิจกรรมที่ต่างกันไปในแต่ละซุ้ม มีทุกภาคส่วนเข้าร่วมกิจกรรมคุณหญิงสุดารัตน์เป็นคนลาดปลาเค้าโดยกำเนิด ทางคณะกรรมการจึงขอความเห็นจากคุณหญิงสุดารัตน์อยู่เสมอ และได้เชิญคุณหญิงสุดารัตน์มาร่วมงานด้วย โดยในวันที่จัดกิจกรรมได้เคลื่อนขบวนตั้งแต่ซุ้มที่ 1-9 ซึ่งมีระยะทางพอสมควร อีกทั้งต้องทำงานแข่งกับฝน จึงต้องใช้รถและเจ้าหน้าที่เปิดเส้นทาง เพราะถนนเส้นนี้มีรถสัญจรมาก ต้องมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ที่มาอำนวยความสะดวกล้วนแต่เป็นจิตอาสาทั้งสิ้น เพราะไม่มีงบประมาณจ้างเจ้าหน้าที่ ยืนยันว่าทำงานเพื่อถวายพระองค์จริง ๆ แต่ภาพที่ออกไปทำให้ทางคณะกรรมการไม่สบายใจ ยอมรับว่าอาจจะทำผิดพลาดบ้างเพราะเป็นงานขนาดใหญ่ จึงขออภัยสำหรับข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น และอยากให้ทุกคนค่อย ๆ ให้คำแนะนำ คณะกรรมการฯ ระบุคณะกรรมการจัดงาน กล่าวว่า ขอบคุณคุณหญิงสุดารัตน์ที่มาร่วมกิจกรรมตั้งแต่การปลูกดอกดาวเรือง โดยให้ใช้สถานที่ที่บ้านพักเก็บดอกดาวเรือง หากมองความตั้งใจของคนไทยคนหนึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ดีก็น่าเสียใจ จึงขอยืนยันว่างานครั้งนี้ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ไม่มีผลประโยชน์ใด ๆ เกี่ยวข้องขณะที่คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า กิจกรรมนี้เริ่มตั้งแต่ 4 เดือนที่แล้ว โดยร่วมมือกับทุกภาคส่วนทั้งชุมชน วัด โรงเรียน โบสถ์ โดยเริ่มกันตั้งแต่เริ่มต้นปลูก ซึ่งตั้งใจว่าอยากถวายความอาลัยเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อตัวแทนชุมชนมาหารือ มองว่าเป็นเรื่องที่ดีและเห็นด้วยกับการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งหมด 9 ซุ้ม 9 ธีม ซึ่งรวบรวมพระราชกรณียกิจของพระองค์มาจัดแสดง และให้ประชาชนร่วมกิจกรรม โดยกิจกรรมที่จัดในชุมชนนี้ จัดกันทั้งสิ้น 3 วัน คือวันที่ 13-15 ตุลาคม ไม่รวมการปลูกดอกดาวเรืองที่เริ่มมาก่อนหน้านี้ 3 เดือนวันสุดท้าย ดิฉันกับคณะกรรมการขึ้นรถคันโน้นบ้าง คันนี้บ้าง เพื่อเคลื่อนขบวนไปรับดอกดาวเรืองจากซุ้มต่าง ๆ เป็นกิจกรรมที่เราเตรียมและจัดขึ้นด้วยหัวใจจริง ๆ ดิฉันเสียใจที่มีการนำภาพไม่กี่ภาพที่ไม่ได้เห็นภาพรวมทั้งหมดมาเป็นประเด็น วันนี้ประชุมสรุปงาน ดิฉันกราบขอโทษคณะกรรมการทุกคนที่เป็นต้นเหตุทำให้เกิดข่าวแบบนี้ขึ้น และขอยืนยันว่า รถที่เห็นไม่ใช่รถหาเสียง แต่เป็นรถที่ใช้รวบรวมดอกดาวเรืองจากซุ้มต่าง ๆ และรถมอเตอร์ไซค์ต่าง ๆ เป็นรถอาสาสมัคร ไม่ใช่รถตำรวจ ซึ่งเขานำมาเข้าร่วมขบวนเพื่อคอยอำนวยความสะดวก คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวคุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ถึงจะเคยเป็นนักการเมือง แต่ความเป็นนักการเมืองไม่ได้หมายความว่าจะแสดงความรู้สึกในฐานะคนไทยไม่ได้ ตนเป็นคนหนึ่งที่รักและเทิดทูนในหลวง รัชกาลที่ 9 หากทำงานในอาชีพหนึ่งแล้วบอกว่า อาชีพนั้นไม่สามารถแสดงความจงรักภักดีได้ ตนไม่คิดว่าจะเป็นเช่นนั้น พ่อสอนมาตลอดว่าต้องมีความจงรักภักดีต่อพระเจ้าแผ่นดิน เพราะพระองค์ทรงงานหนักเพื่อชาวไทยทุกคน ตลอด 365 วันที่ผ่านมา จึงทำกิจกรรมหลายอย่างเพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและถวายเป็นพระราชกุศล เช่น การจัดสวดมนต์ ทำโครงการชวนเด็ก ๆ มาประกวดเรียงความ ภาพวาด จัดบวชพระ ทั้งหมดที่ทำด้วยสำนึกในฐานะคนไทยคนหนึ่งที่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทำให้ได้อยู่ในแผ่นดินนี้อย่างมีความสุขแต่เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นก็เสียใจ บางคนนำรูปมาเขียนด้วยความรู้สึกของตัวเอง โดยที่ไม่ได้อยู่ในงานดังกล่าวด้วยซ้ำ ดิฉันขออธิบายความรู้สึกว่าดิฉันไม่มีเจตนาและไม่มีความรู้สึกเลยว่าจะเอาการเมืองเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ ป้ายที่ติดตามถนนไม่มีชื่อดิฉันสักชื่อ กรรมการจะให้ใส่ชื่อดิฉัน ดิฉันก็บอกว่าไม่ให้ใส่ มาพลาดตรงที่ดิฉันขึ้นรถคันดังกล่าว ซึ่งเป็นรถเก่าที่ใช้ตั้งแต่การทำกิจกรรมมูลนิธิไทยพึ่งไทยแล้วมีสติกเกอร์ชื่อดิฉันติดอยู่ โดยคณะกรรมการไม่ได้ปิดสติ๊กเกอร์ทับ ขอโทษประชาชนที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวคุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า กราบขออภัยที่ทำให้ทุกฝ่ายไม่สบายใจ ขอยืนยันเจตนาว่าทั้งชีวิต สิ่งที่ได้รับจากพระมหากรุณาธิคุณล้นพ้นทุกอย่าง ก่อนการถวายพระเพลิงพระบรมศพ อะไรที่ทำได้เราก็ทำ เราทำกิจกรรมนี้ด้วยหัวใจ ไม่เคยปลูกต้นไม้ แต่ภูมิใจที่ได้ปลูกต้นไม้ 4 หมื่นกว่าต้นออกมาได้อย่างงดงาม ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีการนำภาพบางภาพไปโยงในลักษณะนั้น หากผิดพลาดประการใดกราบขอโทษและขอน้อมรับผิดจากใจ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวทั้งน้ำตาส่วนจะต้องชี้แจงเรื่องดังกล่าวต่อคสช.หรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า พร้อมชี้แจง เพราะความจริงคือความจริง แต่ขณะนี้ คสช.ยังไม่ได้ติดต่อมา อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นจะไม่บั่นทอนความตั้งใจที่จะทำความดี จะไม่ย่อท้อ และจะทำความดีถวายพระองค์ท่านส่วน คสช.จะใช้เรื่องนี้เป็นเงื่อนไขไม่ปลดล็อกคำสั่งคสช.ฉบับที่ 57/2557 หรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า น่าจะเป็นคนละเรื่อง ไม่ทราบว่าคสช.จะคิดอย่างไร ซึ่งได้อธิบายไปแล้ว แต่หากคสช.จะมาหาข้อมูลก็พร้อมให้ และสื่อหลาย ๆ สื่อได้ออกข่าวเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมาแล้วต่อกรณีคำถามว่าจะดำเนินคดีกับผู้ที่นำภาพไปโพสบิดเบือนหรือไม่ นั้น คณะกรรมการจัดงาน ชี้แจงว่า ได้ประชุมกันแล้วเห็นว่าไม่อยากให้เป็นเรื่องราวใหญ่โต จึงยังไม่ดำเนินคดีขณะนี้ แต่หากยังนำไปโพสอีกก็จำเป็นต้องฟ้องร้องต่อไปขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ต้องใช้ดุลยพินิจบ้างว่าอะไรควรไม่ควร ไม่ใช่ช่วงที่จะมาโฆษณา หรือหาเสียงให้ตัวเอง
|
สุดารัตน์ ยอมรับผิดขึ้นรถแห่เชิญชวนประชาชนถวายดอกดาวเรืองเพื่อใช้ในงานถวายพระเพลิงพระบรมศพชี้เป็นรถเก่าไม่ได้ลอกสติ๊กเกอร์ออก ยืนยันไม่หวังผลทางการเมือง ประวิตร
|
การเมือง,วัฒนธรรม
|
คณะกรรมการจัดงานดอกดาวเรืองแทนใจชาวลาดปลาเค้า,ประวิตร วงษ์สุวรรณ,ปลูกดอกดาวเรือง,สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์
|
https://prachatai.com/journal/2017/10/73716
|
เร่งสอบ เจน-รุ้ง พยานปากสำคัญคดี น้องหญิง ไขปมค้ามนุษย์
|
จากกรณีที่พนักงานสอบสวนบก.ปคม.เรียกสอบปากคำ น.ส.เจน และ น.ส.รุ้ง พยานปากสำคัญที่เคยออกมาระบุก่อนหน้านี้ว่า เคยถูกล่อลวงไปล่วงละเมิดทางเพศ เช่นเดียวกับนางสาวนรีกานต์ ยาวิราช อายุ 19 ปี หรือน้องหญิงที่เสียชีวิตอย่างปริศนา เนื่องจากกะโหลกศีรษะแตกและสมองบวม หลังจากเดินทางกลับจากไปเที่ยวสถานบันเทิงแห่งหนึ่งใน อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยานั้น
,เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 6 ส.ค.61 ที่กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) พล.ต.ต.กรไชย คล้ายคลึง ผบก.ปคม. เปิดเผยถึงกรณีที่พนักงานสอบสวนเรียกสอบปากคำน.ส.เจน และน.ส.รุ้ง พยานปากสำคัญที่อ้างว่า เคยถูกนายอ๊อฟล่อลวงไปล่วงละเมิดทางเพศ ลักษณะคล้ายคดีของน้องหญิง ว่า เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีที่ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนและภาคประชาสังคม ซึ่งทุกคนจับตาดูอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ให้มาดูคดีนี้ อาจมีความเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ บก.ปคม.จะเข้ามาดูว่าเข้าข่ายการค้ามนุษย์หรือไม่ ประกอบกับวันนี้มีการนัดหมายให้ผู้เสียหายเข้าให้ปากคำ ทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่อยากให้ผู้เสียหายหนักใจ ตามข้อเท็จจริงแล้วผู้เสียหายอยากจะให้ข้อมูลแบบเป็นส่วนตัว เพราะค่อนข้างจะเป็นข่าวมากมายพอสมควร,
บก.ปคม.ได้เตรียมพนักงานสอบสวนหญิงไว้ เพื่อสอบสวนหาความเชื่อมโยงการเสียชีวิตของน้องหญิงว่ามีพฤติการณ์เข้าข่ายการค้ามนุษย์หรือไม่ โดยจะต้องดูการสอบปากคำว่ามีการบังคับขู่เข็ญหลอกลวงหรือไม่ ซึ่งก่อนหน้านี้ทางปคม.ได้ลงพื้นที่ไปหาพยานหลักฐานและสอบปากคำพยานแวดล้อมทั้งหมดแล้ว คาดว่าหากสอบสวนพยาน 2 คนนี้ คือ น.ส.รุ้ง และน.ส.เจนแล้วเสร็จจะมีความชัดเจน เบื้องต้นเตรียมสอบถามทุกประเด็นที่เกี่ยวข้องกับคดี โดยเฉพาะวันเวลาที่เกิดเหตุว่ามีลักษณะคล้ายกับเหตุการณ์ของน้องหญิงหรือไม่ เพื่อคลายข้อสงสัยและตอบคำถามสังคมได้ ซึ่งการเข้าพบพนักงานสอบสวนในวันนี้เป็นเพียงการพูดคุยเพื่อนำข้อมูลไปประกอบกับพยานหลักฐานและพยานวัตถุ พิจารณาว่าเป็นการเข้าข่ายมูลฐานความผิดค้ามนุษย์หรือไม่,
พล.ต.ต.กรไชย เผยอีกว่า สำหรับการเข้าข่ายคดีค้ามนุษย์ที่มีอายุมากขึ้นหรือมากกว่าอายุ 18 ปี ที่จะเข้าได้จะต้องมีพฤติกรรมใดๆ ทั้งการบังคับขู่เข็ญ หลอกลวงใดๆ การได้มาซึ่งผลประโยชน์นั้นๆ ที่ต้องเข้าข่าย 1 ใน 8 ข้อของการค้ามนุษย์ อย่างไรก็ตามคดีนี้จะเข้าข่ายการค้ามนุษย์หรือไม่นั้นต้องรอทางพนักงานสอบสวนพิจารณาองค์ประกอบต่างๆ ที่ทางบก.ปคม.ได้ลงพื้นที่เก็บรวบรวมข้อมูลมาประกอบกับการสอบสวนว่าเข้าข่ายหรือไม่,
ต่อมาเวลา 15.20 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ หญิง กก.2 บก.ปคม.นำตัว น.ส.เจน และน.ส.รุ้ง 2 พยานคนสำคัญ โดยทั้งคู่สวมเสื้อหน้ากากอนามัย และสวมหมวกแก๊ป ปิดบังใบหน้า ก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงจะพาเข้าไปที่ห้อง ผบก.ปคม. โดย พล.ต.ต.กรไชย จะร่วมสอบปากคำด้วยตัวเอง พร้อมพนักงานสอบสวน.
|
เจน-รุ้ง พยานสำคัญคดี น้องหญิง ที่อ้างว่าเคยถูก ไอ้อ๊อฟ ล่วงละเมิด เข้าให้ข้อมูลค้ามนุษย์ ผู้การแจง ร่วมสอบปากคำด้วยตัวเอง พร้อมพนักงานสอบสวน
|
ข่าว,อาชญากรรม
|
น้องหญิง,คดีน้องหญิง,ค้ามนุษย์,ปคม.,เจน รุ้ง,ข่าวทั่วไป
|
https://www.thairath.co.th/news/crime/1349406
|
กระบวนการสันติภาพในเดือนรอมฎอน: มุมมองจากประเทศต่างๆ
|
และมีการปฏิบัติศาสนกิจที่เข้มข้นตลอดทั้งเดือน ช่วงเวลาดังกล่าวถือว่าเป็นช่วงเวลาของการทบทวนตัวเอง การขอบคุณ การขอภัยโทษ และการอุทิศตนเองเพื่อสังคม อีกทั้งเป็นช่วงเวลาของความเชื่อมโยงตัวเองกับพระผู้เป็นเจ้าและระหว่างผู้คนเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างคำสัญญาแห่งสันติภาพ ความยุติธรรม และความรักระหว่างเพื่อนมนุษย์ กระนั้นความรุนแรงทางเมืองที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในประเทศต่างในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ดังเช่นในตะวันออกกลางอย่าง อียิปต์ ซีเรีย และอิรัก ทำให้เกิดคำถามขึ้นว่าในช่วงเดือนรอมฎอนจะสามารถนำสันติภาพมาสู่ตะวันออกกลางและประเทศอื่นๆ ที่เกิดความขัดแย้งได้หรือไม่อย่างไร มีความพยามใดบ้างที่แสดงให้เห็นถึงสัญญาณดังกล่าวสันติภาพที่หลายคนคาดหวัง คือ การไม่เห็นความขัดแย้งและการใช้ความรุนแรง แม้แต่องค์การสหประชาชาติได้ขอร้องเป็นประจำทุกปีให้ทุกประเทศหยุดความรุนแรงในช่วงของเดือนรอมฎอน อย่างไรก็ตามความรุนแรงในเดือนรอมฎอนยังคงเกิดขึ้น จากการศึกษาของนักวิชาการหลายท่านค้นพบว่า เดือนรอมฎอนเป็นเดือนแห่งการสร้างแรงผลักดันและแรงบันดาลใจ ซึ่งขึ้นอยู่กับเราว่าจะใช้วิธีการแบบไหนในการสร้างสันติภาพและสงคราม เจมส์ เกววิน ศาสตราจารย์ด้านประวัติศาสตร์ตะวันออกกลางแห่งมหาวิทยาลัย UCLA สหรัฐอเมริกา กล่าวว่า ในความเป็นจริง ตามหลักการของศาสนาอิสลาม มีเพียงสี่เดือน เท่านั้น ไม่รวมเดือนรอมฎอนที่การต่อสู้นั้นเป็นสิ่งที่ต้องห้าม การต่อสู้ในเดือนรอมฎอนถือเป็นความชอบธรรมที่สามารถเกิดขึ้นได้เพื่อป้องกันความวุ่นวายจากการที่หลักการของศาสนาไม่ได้ถูกนำมาปฏิบัติในเดือนนี้ส่วนศาสตราจารย์ จอห์น เอสโปซิโต อาจารย์ประจำสาขาวิชาศาสนา ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและอิสลามศึกษาแห่งมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ แสดงความคิดเห็นว่า เมื่อกล่าวถึงเดือนรอมฎอน หากจะพูดถึงความรุนแรงก็คงจะเหมือนกับช่วงเทศกาลคริสต์มาสในไอร์แลนด์ ที่ทุกคนไม่อยากให้เกิดความรุนแรง อันที่จริง ข้อเรียกร้องในการยุติความรุนแรงเกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องซ้ำแล้วซ้ำเล่ามากว่า 20 ปีมาแล้ว แต่ในความเชื่อของศาสนาอิสลาม การต่อสู้สามารถเกิดขึ้นหากผู้คนรู้สึกว่าพวกเขาอยู่ภายใต้การคุกคาม การต่อสู้ไม่ใช่สิทธิตามหลักการศาสนาเท่านั้น แต่ในบางบริบทมันเป็นข้อบังคับสำหรับชาวมุสลิมด้วยด้าน นีซาร์ อัลเซยาด ประธานศูนย์ตะวันออกกลางศึกษา มหาวิทยาลัยแคลิฟอเนีย เบิร์กเลย์ กล่าวว่า ตามหลักฐานประวัติศาสตร์ของศาสนาอิสลาม สงครามใหญ่ครั้งต่างๆเกิดขึ้นในเดือนนี้ แม้ว่าการต่อสู้จะไม่ได้เป็นข้อห้ามในเดือนรอมฎอนแต่ในคัมภีร์อัลกุรอานได้สนับสนุนให้ใช้สันติวิธีในการแก้ไขปัญหาด้วยเช่นกัน เช่น หากว่าเราแสดงความเอื้อเฟื้อกับเพื่อนบ้านในช่วงเริ่มต้นของเดือนรอมฎอน แต่หากเขาปฏิเสธ เราอาจไม่ใส่ใจคำปฏิเสธของเขาก็ได้ แต่สำหรับเดือนรอมฎอน มีข้อเรียกร้องสำหรับเราในการพยายามใช้หลักการศาสนาเข้ามาแก้ไขความขัดแย้งนั้นที่ซีเรีย ในช่วงเริ่มต้นของเหตุการณ์อาหรับสปริง ในปี 2011 เป็นต้นมา เกิดสงครามกลางเมืองในช่วงเดือนรอมฎอนในซีเรียระหว่างรัฐบาลประธานาธิบดี บาห์ชาร์ อัล-อัสซาด กับประชาชน และกลุ่มกองกำลังติดอาวุธต่อต้านรัฐบาลหลายกลุ่ม กระนั้น มีความพยายามจากหลายฝ่ายในการผลักดันกระบวนการสันติภาพตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา สำหรับเดือนรอมฎอน ปี 2013 ในช่วงสัปดาห์แรกของการถือศีลอด ประชาชนถูกสังหาร ไปกว่า 5000 คน มีรายงานว่า ในปีนั้นเดือนรอมฎอน ถือเป็นจังหวะที่ทำให้ทุกฝ่ายกลับเข้าไปในมุมของตนเอง 30 วัน โดยที่กลุ่ม Free Syrian Armyได้เสนอข้อตกลงหยุดยิงต่อประธานาธิบดีอัล-อัสซาด ที่จังหวัด Homsด้านเอกอัครราชทูตซีเรียประจำสหประชาชาติได้เสนอว่า รัฐบาลซีเรียต้องการยุติความรุนแรงเต็มรูปแบบ ไม่ใช่แค่เพียงระงับไว้เท่านั้น อีกทั้งยังเรียกร้องกลุ่มต่อต้านให้เข้ามามีส่วนร่วมในการเจรจาสันติภาพที่เมืองเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ความพยายามดังกล่าวเคยเกิดขึ้นในวันทางศาสนาอิสลามอื่นๆด้วย เช่น ในปี 2012 นาย ลักดาร์ บราฮิมี ตัวแทนจากสหประชาชาติและสันนิบาตอาหรับเพื่อซีเรีย ได้เรียกร้องให้เกิดข้อตกลงหยุดยิงระหว่างรัฐบาลและฝ่ายต่อต้านในวันตรุษอีดิ้ลอัลฮา ทั้งสองฝ่ายตอบตกลงทันที แม้ความสงบจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆปี 2013 ช่วงเดือนรอมฎอน นายจอห์น แครี่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารละศีลอดและใช้โอกาสนี้ในการเริ่มต้นเจรจาระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์รอบใหม่หลังจากที่หยุดไปเมื่อปี 2010 โดยการพบปะกันครั้งนี้เป็นการกำหนดกรอบการเจรจารอบใหม่ซึ่งจะเกิดขึ้น เป็นเวลา 9 เดือนก่อนที่จะมีข้อตกลงสันติภาพกลางปี 2014ผู้เข้าร่วมการพูดคุยในครั้งนั้นล้วนเคยมีประสบการณ์ในการเจรจาที่ต่างล้มเหลวมาก่อนหน้านี้ กล่าวคือ ทางฟากฟั่งอิสราเอลนำโดย นางซีปิ ลีฟนี อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ สมัยประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช และนาย ยิสฮัก โมลโช ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ซึ่งเคยมีบทบาทต่อการเจรจาสันติภาพในสมัยประธานาธิบดีสหรัฐ สมัยปัจจุบันถึงสองครั้ง ด้านปาเลสไตน์ นำโดยนาย ซาเอบ อีรากัต หัวหน้าผู้เจรจาฝั่งปาเลสไตน์ และนายโมฮัมหมัด ชเตย์เยห์ ที่ปรึกษาประธานาธิบดีมาห์มูด อับบาส พวกเขามีบทบาทในการเจรจามาตั้งแต่ปี 1991 ผลที่เกิดขึ้นจากการพูดคุยระหว่างงานเลี้ยงละศีลอด คือ ทุกฝ่ายต่างตกลงร่วมกันใน กรอบระยะเวลา กระนั้น ความพยายามในการผลักดันให้เกิดข้อตกลงสันติภาพกลับล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่าในปีเวลาต่อมา ตามมาด้วยความรุนแรงระรอกใหม่ช่วงกลางเดือนมิถุนายน 2014 อิสราเอลได้โจมตีผลเรือนในฉนวนกาซา ในปฏิบัติการ Operation Protective Edge เพื่อตอบโต้ข้อกล่าวอ้างที่ว่าสมาชิกของกลุ่มฮามาส 2 คน ได้ลักพาตัวและสังหารชาววัยรุ่นชาวอิสราเอล อย่างไรก็ตาม ภาคประชาสังคมจากที่ต่างๆ ทั่วโลก ใช้โอกาสที่เดือนรอมฎอนเวียนมาถึงในการเรียกร้องสันติภาพที่ฉนวนกาซาและอิสราเอล เช่น ชาวยิวในอังกฤษและชาวมุสลิมได้ร่วมกันถือศีลอดและละร่วมกัน พวกเขาใช้ชื่อการรณรงค์นี้ว่า Hungry for Peace (หิวโหยเพื่อสันติภาพ) การรณรงค์ดังกล่าวเกิดขึ้นต่อเนื่องจากกิจกรรมของชาวยิวและมุสลิมรวมตัวกันเพื่อเยี่ยมครอบครัวของวัยรุ่นชาวอิสราเอล นายนัฟตาลิ เฟรนเกล ที่เชื่อว่าถูกสังหารโดยชาวปาเลสไตน์นอกจากนี้ รอมฎอนยังเป็นช่วงเวลาของการผ่อนคลายความตึงเครียดของผู้คนจากภาวะสงคราม ในปี 2015 นี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ชาวปาเลสไตน์กว่าหนึ่งแสนคนจากเวสแบงค์และอีกส่วนหนึ่งจากฉนวนกาซา ได้รับอนุญาต จากกองกำลังป้องกันตนเองอิสราเอล (Israel Defense Forces- IDF) ให้เดินทางโดยรถบัสเข้าไปในเยรูซาเล็มเพื่อละศีลอดและปฏิบัติศาสนกิจที่มัสยิดอัลอักซอ โอกาสนี้ชาวปาเลสไตน์ที่ฉนวนกาซาจะได้มีโอกาสพบกับครอบครัวที่เขตเวสแบงค์อีกด้วยที่เยเมน การเจรจาสันติภาพระหว่างฝ่ายต่างๆ เริ่มขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน ที่ผ่านมาที่สวิตเซอร์แลนด์ ในการนี้ นายบัน คี มูน เลขาธิการสหประชาชาติได้เรียกร้องให้กองกำลังของรัฐบาลและกบฏหยุดยิงเพื่อมนุษยธรรมอย่างน้อยเป็นเวลาสองสัปดาห์ระหว่างเดือนรอมฎอน เขากล่าวว่า ในช่วงเดือนรอมฎอนควรจะเป็นเวลาแห่งสันติภาพ การทบทวนตัวเอง และการสร้างความเป็นหนึ่งเดียว เขาเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายกลับเข้าสู่กระบวนการเจรจาสันติภาพอย่างไม่มีเงื่อนไขและหวังว่าการพบกันจะเป็นการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองอย่างสันติในเยเมนทั้งนี้ เยเมนเป็นประเทศที่มีความวุ่นวายทางการเมืองตั้งแต่ปี 2011 เมื่อผู้ประท้วงได้ขับไล่ประธานาธิบดีอับดุลลาห์ ซาเลห์ ที่ดำรงตำแหน่งมาอย่างยาวนาน ส่งผลให้เกิดกลุ่มสองกลุ่มที่ต่อสู้กันเพื่อจัดตั้งรัฐบาลเยเมน การต่อสู้เกิดขึ้นระหว่างกองกำลังแบ่งแยกดินแดนทางใต้ที่สนับสนุนรัฐบาลอับดุล รับบัน มันซูร ฮาดิ และ กองกำลังของ โมฮัมหมัด อาลี อัล ฮูธิ ประธานาธิดีคนปัจจุบัน ที่สนับสนุนฝ่ายรัฐบาลเก่าของอับดุลลาห์ ซาเลห์ สถานการณ์ยิ่งซับซ้อนขึ้นในเยเมนเมื่อ กลุ่มอัลกออิดะห์และกลุ่มรัฐอิสลาม หรือ ISIS เกี่ยวข้องความรุนแรงทางการเมืองดังกล่าวด้วย อีกทั้งตามมาด้วยการโจมตีทางอากาศจากพันธมิตรซาอุดิอาระเบียเพื่อช่วยรัฐบาลฮาดิก่อนหน้านี้ในเดือนพฤษภาคม ปี 2015 ผ่ายกลุ่มต่างๆ ในเยเมนได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิงแล้วในช่วงเวลาสั้นๆ เป็นเวลา 5 วัน เพื่อส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้แก่ประชาชน โดยนับตั้งแต่เกิดวิกฤติความขัดแย้งในเยเมน มีผู้เสียชีวิตในเยเมนมากกว่า 1400 คน บาดเจ็บมากกว่า 6000 คน และชาวบ้านอีกกว่า 3 แสนคน ไร้ที่อยู่อาศัยที่อียิปต์ ช่วงเดือนรอมฎอน ปี 2014 พันธมิตรชนกลุ่มน้อยในอียิปต์ (The Egyptian Alliance for Minorities) ซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ ปี 2012 ประกอบไปด้วย ชาวอาหรับ ชาวยิว คนต่างกลุ่มชาติพันธุ์และการเมือง ได้จัดเลี้ยงอาหารละศีลอดร่วมกับชาวมุสลิมในเดือนรอมฎอน ณ กรุงไคโร เพื่อส่งสัญญาณสันติภาพและเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนกลุ่มใหญ่และชนกลุ่มน้อยในประเทศที่มีความแตกต่าง ซึ่งตรงกับช่วงเวลาที่ กองทัพอิสราเอลได้ปฏิบัติการทางทหาร Operation Protective Edge ที่ฉนวนกาซาติดกับพรมแดนของอียิปต์ มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตไปกว่า 2000 คน กิจกรรมเลี้ยงละศีลอดครั้งนี้ต้องการส่งสัญญาณแห่งสันติภาพนี้ไปยังอิสราเอลเช่นเดียวกัน อนึ่ง พันธมิตรชนกลุ่มน้อยในอียิปต์รวมตัวกันตั้งแต่ปี 2012 เพื่อเรียกร้องสิทธิและเสรีภาพให้กับการปฏิบัติของผู้คนที่แตกต่างภายใต้ระบอบประชาธิปไตย โดยพวกเขาจัดกิจกรรมละศีลอดขึ้นทุกปีเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งเสรีภาพ เนื่องจากปัจจุบันมีนักโทษการเมืองการเมืองประมาณ 36000 คน ที่ถูกจำคุกที่มา:ปี 2014 ที่ไนจีเรีย กลุ่มทูตเพื่อการเปลี่ยนผ่าน Transformation Ambassadors of Nigeria (TAN) ได้เรียกร้องให้กลุ่มกบฏโบกาฮารามคำนึงถึงสันติภาพในช่วงเดือนแห่งการถือศีลอดนี้ หลังจากได้ประณามการระเบิดที่ห้าง EMAB Plaza ส่งผลให้ประชาชนเสียชีวิตไปกว่า 20 คน หลายคนได้รับบาดเจ็บนายอูเดนทา โอ อูเดนทา ผู้อำนวยการงานสื่อสารสาธารณะและยุทธศาสตร์ของกลุ่ม TAN กล่าวว่า ในอดีต ช่วงเดือนรอมฎอน เป็นช่วงเวลาที่กลุ่มกบฏในไนจีเรียได้ตกลงเข้ามานั่งพูดคุยกับรัฐบาลเพื่อบรรลุสันติภาพ ด้านนาย กู๊ดลัค โจนาธาน ประธานาธิดีไนจีเรีย ได้ร้องขอต่อชาวมุสลิมขอพรต่อพระเจ้าเพื่อสันติและความมั่นคงของชาติ โดยใช้โอกาสการเริ่มต้นเดือนรอมฎอนสร้างความเชื่อให้กับรัฐบาลของสหพันธรัฐต่างๆ ในการทำงานเพื่อกำจัดความไม่สงบ การก่อการร้ายและอาชญากรรม ที่บั่นทอนความมั่นคงของชาติทั้งนี้ ประเทศไนจีเรียเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในแอฟริกา มีชาวมุสลิมอาศัยอยู่ทางตะวันตกของประเทศกว่า 50 % ในอดีตไนจีเรียประสบปัญหาความรุนแรงทางการเมืองและการแบ่งแยกหลายครั้ง จนกระทั่งตั้งแต่ปี 2002 ไนจีเรียต้องประสบปัญหาความรุนแรงทางการเมืองหลายรูปแบบจากกลุ่มโบโกฮาราม ซึ่งเป็นกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงในประเทศปี 2014 เป็นปีทีรัฐบาลฟิลิปปินส์ได้เซ็นข้อตกลงสันติภาพกับแนวร่วมปลดปล่อยอิสลามบังซาโมโร หรือ MILFโดยมีเป้าหมายเพื่อยุติความรุนแรงและกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจในภูมิภาค ก่อนเข้าเดือนรอมฎอน ชาวมุสลิมหลายร้อยคนต่างรวมกันที่มัสยิดสีฟ้า (Blue mosque) กรุงมะนิลา เพื่อฟังธรรมและละหมาดขอพรต่อพระเจ้าเพื่อความสันติในประเทศ นายอฮัยรุดดีน อุสมาน อับดุลลาซิส นักวิชาการมุสลิมคนหนึ่ง กล่าวว่า เราขอบคุณสำหรับทุกสิ่ง ขอบคุณอัลเลาะห์ สำหรับเดือนรอมฎอนที่กำลังจะมาถึงนี้ เพราะเดือนรอมฎอนเป็นเดือนแห่งความสุขของชาวมุสลิม ไอยัน จาอาฟาร์ ชาวมุสลิม กล่าวว่า เดือนรอมฎอนเป็นเดือนแห่งการทบทวนตนเองและการแสดงความเอื้อเฟื้อแก่ผู้คนที่กำลังทนทุกข์อยู่ เราหวังว่าคำขอพรของพวกเขานั้นจะได้รับคำตอบ เราขอพรต่ออัลเลาะห์ พระเจ้าหนึ่งเดียวที่แท้จริงของเราซึ่งจะให้ความสันติสุขแก่ทุกคน โดยเฉพาะในช่วงเวลาแห่งความรุนแรง เราจะขอพรให้กับทุกๆคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องมุสลิมที่กำลังทนทุกข์ในหลายประเทศปี 2015 เป็นปีที่กระบวนการสันติภาพมินดาเนาเดินทางถึงช่วงเวลาร่างกฎหมายพื้นฐานบังซาโมโร (The Proposed Bangsamoro Basic Law - BBL) กำลังเข้าสู่กระบวนการพิจารณาโดยสมาชิกรัฐสภาของฟิลิปปินส์ หลังจากที่ต้นปีที่ผ่านมี กระบวนการสันติภาพต้องสั่นคลอนจากเหตุการณ์ปะทะที่เมืองมามาซาโปโน ในจังหวัดมากินดาเนา ก่อนเข้าเดือนรอมฎอน เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน ที่ผ่านมาMILF ได้ส่งสารก่อนเข้าเดือนรอมฎอมเสมือนเป็นจุดเริ่มต้นเส้นทางกระบวนการสันติภาพครั้งใหม่ โดยพวกเขาได้จัดพิธีการส่งมอบอาวุธและปลดนักรบ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนการดำเนินการกลับสู่สภาวะปกติที่ระบุไว้ในข้อตกลงบังซาโมโรฉบับครอบคลุม (Normalization of the Comprehensive Agreement on the Bangsamoro -CAB) นายโมฮาการ์ อีกบาล ประธานเวทีสันติภาพของ MILF กล่าวว่าการปลดอาวุธ ถือเป็นขั้นตอนที่ยากที่สุดของ MILF แต่เพื่อสันติภาพที่แท้จริงในมินดาเนาและเพื่อความต้องการของประชาชนและเหล่านักรบที่ต้องการชีวิตปกติ โดยอาวุธต่างๆ ที่ส่งคืน ได้แก่ อาวุธอานุภาพสูง 55 ชิ้นและอาวุธคุ้มกัน 20 ชิ้น และนักรบ 145 คนที่ถูกปลดประจำการ ในการนี้ ทางฟากฝั่งรัฐบาล ประธานาธิบดี เบนนิกโน อากิโน ตัวแทนจากสมาชิกรัฐสภาทั้งสองสภาและองค์กรระหว่างประเทศ ได้เข้าร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีดังกล่าวด้วย ที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประเทศไทย หรือปาตานี มีข้อมูลสถิติวิเคราะห์โดยศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ (DSW) และสถานวิจัยความขัดแย้งและความหลากหลายทางวัฒนธรรมภาคใต้ (CSCD)มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี กล่าวคือ ช่วงในเดือนรอมฎอนปี 2013 ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่มีผู้เสียชีวิตน้อยที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการปะทุขึ้นของความรุนแรงในรอบเก้าปีที่ผ่านมา หลังจากที่รัฐบาลไทยโดยสภาความมั่นคงแห่งชาติและฝ่ายบีอาร์เอ็นได้มีตกลงที่จะริเริ่มการพูดคุยสันติภาพเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2556อย่างไรก็ตาม การหยุดยิงในช่วงเดือนรอมฎอนเป็นเวลา 40 วัน ตามข้อตกลงระหว่างสภาความมั่นคงแห่งชาติกับบีอาร์เอ็นไม่ถึงกับประสบความสำเร็จทั้งหมดในการยุติความรุนแรง เพราะความรุนแรงได้ขยายตัวต่อมาในระหว่างเดือนสิงหาคมหรือช่วงท้ายๆ ของกรอบเวลาดังกล่าว อีกทั้งการขาดผู้เฝ้าระวังติดตามผลจากภายนอกและไม่มีกระบวนการจัดการข้อพิพาทตัวอย่างทั้งหมดคือ ความพยายามระงับความรุนแรงช่วงเดือนรอมฎอนจากหลายภูมิภาค หลังจากมีความตึงเครียดทางการเมืองต่อเนื่องมาได้ระยะหนึ่ง เดือนรอมฎอนถือเป็นช่วงเวลาแห่งสัญญาณสันติภาพที่หลายฝ่ายพยายามในการดำเนินกระบวนการสันติภาพให้มีความหมายในช่วงเดือนนี้ เพื่อผ่อนคลายความขัดแย้งและถือเป็นจุดเริ่มต้นในการทบทวนแนวทางใหม่ๆ เนื่องจากประชาชนได้ทนทุกข์ มาอย่างยาวนาน จากนโยบายทางการเมืองของรัฐและการใช้ความรุนแรงจากกลุ่มต่างๆ เดือนเรอมฎอนจึงเป็นช่วงเวลาของทุกฝ่ายในการทบทวนนโยบายต่างๆ ที่ควบคู่กับการให้ความสำคัญกับคุณค่าของอิสลามและคุณค่าของความหลากหลาย อีกทั้งเป็นช่วงเวลาของการสร้างความสมานฉันท์ระหว่างมุสลิมและผู้คนทั้งหมดDabanga. Darfur peace talks to resume Sunday after Ramadan break [Online]. 2014 .Available from:CNNPhilippines. MILF decommissioning reflects message of Ramadan – professor [Online]. 2015 . Available from:Huff Post Religion. Fighting During Ramadan Likely To Continue In Middle East Despite Calls For Peace [Online]. 2013. Available from:Jewish news online. British Jews go hungry for peace during Ramadan [Online]. 2014. Available from:OPAPP: MILF starts decommissioning of weapons combatants despite delay in BBL [Online]. 2015 . Available from:Peoples Daily. Embrace peace at Ramadan group urges Boko Haram. 2014 . Available from:Positive news. Islamic and Jewish groups share Ramadan meal at Cairo synagogue [Online]. 2014. Available from:PremiumTimes.Ramadan: Jonathan urges Nigerian Muslims to pray for peace security 2014 . Available from:The times of Israel. Familiar cast as US launches new Mideast peace bid [Online]. 2013. Available from:Voice of America. UN Chief Urges Ramadan Cease-fire for Yemen [Online]. 2015 .Available from:Wikipedia. Syrian Civil War peace process [Online]. 2015. Available from:Wikipedia . 2014Israel–Gazaconflict [Online]. 2015. Available from:Wikipedia. Mohammed Ali al-Houthi [Online]. 2015. Available from:Wikipedia.Islam in Nigeria. [Online] 2015. Available from:Wikipedia. Yemeni Civil War (2015) [Online].2015. Available from:หนังสือพิมพ์แนวหน้า เริ่มหยุดยิงเยเมน ยูเอนเรียกร้อง เคารพข้อตกลง [ ออนไลน์]. 2015. ที่มา :สันติภาพที่มีความหมาย: การประเมินผลการหยุดยิงในช่วงเดือนรอมฎอน [ออนไลน์]. 2013.ที่มา
|
เดือนรอมฎอนเป็นเดือนที่ 9 ตามปฏิทินจันทรคติของศาสนาอิสลาม เนื่องจากประชากรโลกราว 20 เปอร์เซ็น (มากกว่า 1.5 พันล้านคน) ได้หยุดบริโภคอาหารและน้ำในช่วงตอนกลางวันติดต่อกันเป็นเวลากว่า 30 วัน
|
สิทธิมนุษยชน,วัฒนธรรม
|
กระบวนการสันติภาพ,ฟารีดา ปันจอร์,รอมฎอน,สถานวิจัยความขัดแย้งและความหลากหลายทางวัฒนธรรมภาคใต้ มอ.ปัตตานี
|
https://prachatai.com/journal/2015/06/59935
|
รถไฟใต้ เจอจยย.ขวางราง ผวาป่วน
|
เผยผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ แต่ตำรวจมีหลักฐานมัดแน่นหนา ที่ จ.นราธิวาส คนสติไม่ดีจอดรถ จยย.ขวางทางรถไฟทำให้ขบวนรถสายใต้หยุดให้บริการ 1 ขบวนและล่าช้าไป 2 ขบวน บิ๊กป้อม โชว์ผลงานการแก้ปัญหาสถานการณ์ใต้ การก่อเหตุรุนแรงลดลงประมาณร้อยละ 60 บิ๊กตู่ ใช้ ม.44 ให้นายกฯ ตั้งผู้แทนพิเศษของรัฐบาลเป็นกรรมการ คปต. บูรณาการหน่วยงานและงบประมาณ ขับเคลื่อนดับไฟใต้,คดีคนร้ายก่อเหตุวางระเบิดและวางเพลิงในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ ช่วงวันที่ 10-12 ส.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจได้ขออนุมัติศาลทหารออกหมายจับผู้ต้องหารวม 6 คน คือนายอาหามะ เลงฮะ นายอัสมีน กาเต็มมาดี นายฮากีม ดอเลาะ นายเสรี แวมามุ นายรุสลัน ใบมะ และนายอับดุลกอเดร์ สาและ แต่จับกุมผู้ต้องหาได้เพียงรายเดียวคือนายอับดุลกอเดร์ สาและ มือวางระเบิดเพลิงห้างลีมาร์ทซุปเปอร์ค้าส่ง อ.เมืองตรัง ขณะที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีดังกล่าว เดินทางไปที่ บก.ภ.จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 14 ก.ย. ที่ผ่านมา เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี เตรียมขออนุมัติศาลทหารออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มนั้น,ความคืบหน้าคดีวินาศกรรมป่วน 7 จังหวัด เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 15 ก.ย. พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีระเบิดและวางเพลิง 7 จังหวัดภาคใต้ และคณะโดยสารเฮลิคอปเตอร์ของกองบินตำรวจ เดินทางจาก จ.นครศรีธรรมราช ไปที่มณฑลทหารบกที่ 45 (มทบ.45) ค่ายวิภาวดีรังสิต จ.สุราษฎร์ธานี ขออนุมัติต่อศาลทหาร มทบ.45 ออกหมายจับนายซูกีมัน กูบารู อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 38/1 หมู่ 8 ต.ปะลุรู อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส คดีพยายามวางเพลิงร้านขายเสื้อผ้าที่ตลาดนัดบางเนียง อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ในความผิดฐาน ร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่ใช้เฉพาะ แต่การสงคราม ซึ่งนายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย ร่วมกันพยายามวางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่นและเป็นอั้งยี่ ศาลได้อนุมัติตามคำร้อง,จากนั้น พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. และคณะเดินทางไปที่เรือนจำอำเภอทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อสอบปากคำนายอับดุลกอเดร์ สาและ ผู้ต้องหาคดีร่วมกันมีวัตถุระเบิดและกระทำให้เกิดระเบิด วางเพลิงเผาทรัพย์ห้างลีมาร์ทซุปเปอร์ค้าส่ง อ.เมืองตรัง ถูกส่งมาควบคุมตัวตั้งแต่วันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา ใช้เวลาสอบปากคำราว 20 นาที พล.ต.อ.ศรีวราห์เปิดเผยว่า ได้สอบปากคำผู้ต้องหาด้วยตนเอง ผู้ต้องหารับเป็นบุคคลตามหมายจับแต่ยังให้การปฏิเสธอ้างว่าช่วงเกิดเหตุอยู่ในพื้นที่ จ.ปัตตานี ไม่ได้มาก่อเหตุตามที่ถูกออกหมายจับ เป็นสิทธิของผู้ต้องหาที่จะปฏิเสธได้ ตนอาจจะเดินทางไปตรวจสอบถิ่นที่อยู่ที่ผู้ต้องหากล่าวอ้างว่าจริงหรือไม่ แต่ยืนยันว่าเรามีพยานหลักฐานมัดแน่นและมีพยานมาชี้ตัวถูกต้องด้วย,ผู้สื่อข่าวถามถึงมูลเหตุจูงใจ พล.ต.อ.ศรีวราห์ ตอบว่า ให้น้ำหนักไปทุกประเด็นที่เกี่ยวข้อง แต่ยังบอกไม่ได้ว่าเป็นเรื่องของการเมือง หรือสร้างสถานการณ์ เพราะหลักฐานยังไม่มีที่จะชี้ชัด เหตุที่เกิดขึ้นทั้ง 7 จังหวัดมีความเชื่อมโยงกัน แต่ไม่เกี่ยวกับแบ่งแยกดินแดนแน่นอนเพราะภาคใต้ตอนบนมีแต่ไทยพุทธ แบ่งไม่สำเร็จหรอก จนถึงขณะนี้มีการจับกุมตัวได้เพียงคนเดียวเท่านั้น คือนายอับดุลกอร์เดร์ สาและ ส่วนการออกหมายจับมีเพิ่มอีก 1 คนที่ จ.พังงา และศาลทหาร มทบ.45 ได้อนุมัติหมายจับแล้ว,ที่ จ.ปัตตานี เมื่อเวลา 05.00 น. พ.อ.หาญพล เพชรม่วง ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 ปัตตานี พร้อมกำลังร่วม 3 ฝ่าย ประสานผู้นำชุมชนเข้าปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายในเขต อ.เมืองปัตตานี เพื่อทำการจับกุมผู้ต้องสงสัยที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุลอบวางระเบิดในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ เมื่อวันที่ 12 ส.ค.ที่ผ่านมา สามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ 2 ราย เชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการลอบวางระเบิดที่ จ.สุราษฎร์ธานี ตามหลักฐานจากกล้องวงจรปิด เป็นผู้ที่มีหน้าที่เคลื่อนย้ายวัตถุระเบิดจากพื้นที่ จ.ปัตตานี และส่งต่อที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นำตัวเข้าศูนย์ซักถามที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร ปัตตานี พร้อมทั้งเก็บดีเอ็นเอนำไปตรวจสอบว่าจะเชื่อมโยงกับพยานหลักฐานหรือไม่,ต่อมา เมื่อเวลา 13.20 น. พ.ต.อ.กองอรรถ สุวรรณขำ ผกก.สภ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส พร้อมด้วย ร.ต.อ.เวชชา จันทร์ศรี หน.ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด กก.ตชด.อ.สุไหงโก-ลก ไปตรวจสอบรถ จยย. ฮอนด้าเวฟสีดำ ทะเบียน ขคต 217 นราธิวาส ถูกนำมาวางตะแคงขวางบนสะพานรถไฟ หลักกิโลเมตรที่ 1388 บ้านซรายอ หมู่ 1 ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโก-ลก ใช้เวลาตรวจสอบกว่า 2 ชั่วโมง แต่ไม่พบระเบิดแสวงเครื่องซุกซ่อนอยู่ ยึดรถไปไว้ที่โรงพักเปิดใช้เส้นทางตามปกติ ส่วนเจ้าของรถชื่อนายสุริยนต์ เจริญสุข อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 177/11 หมู่ 1 ต.เจ๊ะเห อ.ตากใบ จ.นราธิวาส นั่งอยู่ใต้ต้นไม้ห่างไปราว 500 เมตร คุมตัวมาสอบสวน,ด้าน พ.ต.อ.กองอรรถ สุวรรณขำ ผกก.สภ.สุไหงโก-ลก เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุพนักงานขับรถไฟขบวนท้องถิ่น 464 ต้นทางสถานีสุไหงโก-ลก ปลายทางสถานีพัทลุง นำผู้โดยสารประมาณ 400 คน ออกจากสถานีสุไหงโก-ลก ถึงที่เกิดเหตุพบรถ จยย.ขวางทางอยู่ ต้องนำรถกลับเข้าสถานี เกรงจะเป็น จยย.บอมม์ ส่วนนายสุริยนต์ ให้การวกวนคล้ายคนสติไม่ดี อ้างว่าขี่รถ จยย.มาจาก อ.ตากใบ เมื่อมาถึง อ.สุไหงโก-ลก ได้ขี่ขึ้นไปบนทางรถไฟ กระทั่งถึงจุดเกิดเหตุขี่ต่อไปไม่ไหว จึงจอดทิ้งไว้แล้วเดินต่อจนเหนื่อยนั่งพักใต้ต้นไม้ ญาตินายสุริยนต์กำลังเดินทางมาพบตำรวจ แจ้งมาว่านายสุริยนต์สติไม่สมประกอบ ขณะนี้ยังไม่มีการตั้งข้อหานายสุริยนต์แต่อย่างใด,ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า เหตุที่เกิดขึ้นทำให้ขบวนรถเร็วที่ 176 สุไหงโก-ลก-ชุมทางหาดใหญ่ ขบวนรถท้องถิ่นที่ 464 สุไหงโก-ลก-พัทลุง ออก จากสถานีสุไหงโก-ลก ช้า 3.55 นาที และวันนี้จะวิ่งถึงแค่สถานียะลา ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 38 สุไหงโก-ลก-กรุงเทพ เสียเวลา 1 ชั่วโมง 30 นาที,ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะกำกับดูแลด้านความมั่นคง กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ว่าสถานการณ์โดยรวมมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ห้วง 1 ปี ที่ผ่านมา จัดกำลังทหาร ตำรวจ และพลเรือน เข้าไปปฏิบัติงาน 60,085 นาย สถิติการก่อการเหตุรุนแรงลดลงประมาณร้อยละ 60 ขณะที่การสืบสวนจับกุมคดีวางระเบิดในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ในห้วงวันที่ 11-12 ส.ค.ที่ผ่านมา จับกุมผู้ต้องหาได้ 1 ราย ล่าสุดจับเพิ่มได้อีก 1 ราย ออกหมายจับไป 6 ราย แม้ในทางการสอบสวนจะพบว่าผู้กระทำผิดมาจากพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่เหตุการณ์ดังกล่าวไม่มีความเชื่อมโยง และไม่ใช่การขยายพื้นที่ปฏิบัติการของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ขึ้นมาในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ตอนบน,ด้าน พล.อ.อักษรา เกิดผล ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนใต้ กล่าวว่า ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะมีการพูดคุยกันอีกครั้งเมื่อใด แต่ไม่ได้หยุดชะงัก ต้องค่อยเป็นค่อยไป ยังอยู่ในระยะสร้างความไว้วางใจกัน เพราะยังสงสัยว่ากลุ่มที่เราพูดคุยเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นหรือไม่ พอถามก็บอกว่าไม่เกี่ยว เราไม่ได้เชื่อ และคนที่ออกมาสารภาพ เราตั้งข้อสังเกตว่าทำไมถึงออกมาสารภาพ แล้วหนีไปไหนแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นกับผู้บริสุทธิ์ไม่ว่าใครก็กระโดดหนีหมด ไม่มีใครออกมายอมรับ อาร์เคเคคนที่ว่ากันหายไปไหนแล้ว หรือบีอาร์เอ็นเวลานี้ก็บอกว่าไม่ได้ทำ แต่พยายามโยงกันอยู่ตลอด เมื่อถามว่าถ้าไม่ใช่กลุ่มขบวนการทำเกิดจากภัยแทรกซ้อนหรือไม่ พล.อ.อักษรากล่าวว่า มีได้ทั้งนั้น สารพัด ส่วนที่มองว่าเป็นเรื่องการรับจ้างนั้น ก็เป็นไปได้ ส่วนการพูดคุยครั้งหน้า ยังไม่พูดคุยถึงการกำหนดเขตพื้นที่ปลอดภัย,บ่ายวันเดียวกัน เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 57/2559 เรื่อง การปรับปรุงการบริหารเพื่อแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เนื่องด้วยสถานการณ์คลี่คลายเป็นลำดับ และเพื่อให้พื้นที่เป็นสังคมพหุวัฒนธรรมอย่างสันติสุขอย่างยั่งยืน จำเป็นต้องบูรณาการแผนและเพื่อความคล่องตัวในการปฏิบัติ โดยมีแกนนำบริหารจัดการในพื้นที่ จึงอาศัยตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 57 หัวหน้า คสช.มีคำสั่งให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ปฏิบัติหน้าที่และมีอำนาจในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (คปต.) ที่ตั้งตามประกาศ คสช.ฉบับที่ 98/2557 บูรณาการแปลงนโยบายสู่การปฏิบัติ,เห็นสมควรให้นายกฯโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตั้งผู้แทนพิเศษของรัฐบาลเป็นกรรมการ คปต.และให้มีสำนักงาน คปต.ส่วนหน้าในพื้นที่ ให้กรรมการ คปต. และเจ้าหน้าที่สำนักงาน คปต.ส่วนหน้า ได้รับค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์ตามระเบียบราชการ ขณะที่การโอนหรือนำรายจ่ายที่กำหนดไว้สำหรับส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจใด ที่มีการโอนงบฯส่วนราชการเดียวกันจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ไปดำเนินการในพื้นที่อื่น ต้องได้รับความเห็นชอบจาก คปต.ก่อน
|
ศรีวราห์ ขออนุมัติศาลทหาร มทบ.45 ออกหมายจับผู้ต้องหาคดีพยายามวางเพลิงร้านขายเสื้อผ้าที่ตลาดนัดบางเนียง จ.พังงา และสอบปากคำ อับดุลกาเดร์ สาและ มือวางเพลิงเผาห้างลีมาร์ทซุปเปอร์ค้าส่ง ในเรือนจำอำเภอทุ่งสง
| null |
จอดจักรยานขว้างทางรถไฟ,ทางรถไฟ,ตากใบ,สุไหงโก-ลก,นราธิวาส,วางระเบิด7จังหวัด,ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล,ประวิตร วงษ์สุวรรณ,สถานการณ์ความไม่สงบ
|
https://www.thairath.co.th/content/724410
|
นายกฯเผยแก้ไขกฎหมายให้ทันสมัยเพื่อให้เกิดความเท่าเทียม
|
วันนี้ (29 ม.ค.2559) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในพิธีเปิดงาน อาชีวศึกษาทวิภาคีไทย ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 29-30 ม.ค.2559 ที่ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี เพื่อประชาสัมพันธ์ผลงานความสำเร็จ และตอบโจทย์การมีงานทำทันทีหลังเรียนจบ ขยายตลาดแรงงานด้วยบุคลากรคุณภาพ โดยตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมามีผู้สนใจเรียนในสายอาชีวศึกษาลดลงอย่างมาก ก่อนจะได้รับการผลักดันจากรัฐบาลนี้นายกรัฐมนตรีกล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง อาชีวศึกษา ฝีมือชน คนสร้างชาติ ว่า รู้สึกพอใจที่เห็นนักเรียนอาชีวศึกษาสามารถสื่อสารภาษาที่ 3 ได้มากขึ้น แต่ต้องการให้มีการวัดผล และประเมินว่ามีบุคลากรที่มีความสามารถด้านภาษา เพียงพอต่อตลาดแรงงานหรือไม่ โดยจะต้องไม่อย่าลืมการใช้ภาษาไทยที่ถูกต้องด้วย ซึ่งนักเรียนอาชีวศึกษาถือเป็นกำลังหลักในการพัฒนาประเทศในภาวะที่ประเทศไทยกำลังขาดแคลนบุคลากรที่มีคุณภาพในภาคการผลิต และนอกจากการพัฒนาฝืมือแรงงานที่มีคุณภาพ ยังต้องสร้างบุคลากรให้เป็นคนที่มีคุณธรรมด้วยทั้งนี้ ทุกประเทศที่เจริญก้าวหน้า เพราะยึดกฎหมายเป็นหลัก ทำให้คนเกิดความเท่าเทียม ต่างจากประเทศไทยที่เรียกร้องแต่เสรีภาพ และอ้างแต่เรื่องสิทธิมนุษยชน ดังนั้นจึงต้องมีการออกกฎหมาย หรือแก้ไขปรับปรุงให้เกิดความทันสมัย พร้อมย้ำว่าผมเรียนผูกก็จะเรียนแก้เอง ช่วยเหลือตัวเองทุกอย่าง แต่ไม่เคยยอมแพ้ เพราะถ้าผมแพ้ ผมก็อยู่ไม่ได้ ดังนั้นในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ จะทำทุกอย่างให้ดีที่สุดพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีกระแสวิจารณ์การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ไม่เห็นผลของรัฐบาล โดยเฉพาะการส่งออกที่ลดลงอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในรอบ 10 ปีว่า มาจากสถานการณ์โลก เช่นเดียวกับประเทศรอบบ้านที่ลดลงเช่นกัน เพราะไทยมีรายได้หลักจากการส่งออกถึงร้อยละ 70 อีกทั้งค่าแรงของไทยสูงที่สุดในอาเซียน ต้นทุนการผลิตจึงสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน จึงต้องส่งเสริมให้เกิดกำลังซื้อ เพื่อใช้จ่ายในประเทศมากขึ้นส่วนการเสนอแก้ไขกฎหมายเพื่อให้เช่าที่ดินนั้น ยังไม่มีการตัดสินใจ เป็นเพียงการพิจารณามาตรการสร้างแรงจูงใจในการลงทุน และไม่ได้เป็นการกีดกันเพื่อประโยชน์เฉพาะนักลงทุนต่างประเทศ แต่ผู้ลงทุนไทยต้องได้รับประโยชน์เช่นเดียวกัน จึงต้องสร้างการรับรู้ให้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกันให้ได้ รัฐบาลไม่ได้มีนโยบายเรียกรับเงินใคร ที่ผ่านมา เมื่อพบว่ามีการแอบอ้างเรียกรับก็ดำเนินการจับกุม อย่าพูดพาดพิงทหารโดยไม่มีหลักฐานว่าทุจริต แต่หากมีหลักฐาน ขอให้ส่งมาจะดำเนินการให้สำหรับการรักษาคะแนนความโปร่งใส แม้จะไม่ถูกจัดอันดับให้ดีขึ้น แต่การรักษาคะแนนให้เท่าเดิม 38 คะแนน ก็เป็นเรื่องที่ยากมาก แต่รัฐบาลก็เดินหน้าทำให้ดีขึ้นต่อไป เหตุใดจึงมีแต่คนจ้องทำร้าย ยังคงออกมาพูด และคนก็ยังยินยอมที่จะเชื่อคนเหล่านั้น จึงต้องขอความร่วมมือจากทุกคนในการสร้างความเข้มแข็ง เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงบทความของนายนิธิที่ถามว่าทหารมีไว้ทำไมว่า ทหารทำหน้าที่ปกป้องรักษาแผนดิน โดยยังมีคนที่เลือกข้างคอยทำร้ายประเทศอยู่
|
นายกรัฐมนตรีเผยแก้ไขกฎหมายให้เกิดความทันสมัย เนื่องจากทุกประเทศที่เจริญก้าวหน้า เพราะยึดกฎหมายเป็นหลัก ทำให้คนเกิดความเท่าเทียม ซึ่งต่างจากประเทศไทยที่เรียกร้องเสรีภาพ และอ้างแต่สิทธิมนุษยชน
|
การเมือง
|
กฎหมาย,ความเท่าเทียม,นักเรียน,อาชีวศึกษา,เสรีภาพ,สิทธิมนุษยชน
|
https://news.thaipbs.or.th/content/7622
|
ชักยุ่งพลังประชารัฐปทุมฯโวย 2 ทีม แย่งส่งลงส.ส. ทับซ้อนทั้ง 6 เขต
|
วันที่ 1ธ.ค.61 สื่อข่าวรายงานว่า กรณีมีผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ลงทับซ้อนกันทั้ง 6 เขต ในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี ตามที่มีกระแสข่าวออกมานั้น ,นายคิว อรุโณรส อดีตโฆษกและแกนนำเวที กปปส.แจ้งวัฒนะ ของอดีตหลวงปู่พุทธะอิสระ ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ปทุมธานี พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า จากกรณีที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามมิตร และพลังประชารัฐ ได้ออกมาระบุว่ามีการแบ่งตัวผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ทั้ง 350 เขต เป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น ตนขอบอกว่า ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เนื่องจากยังมีความขัดแย้งและไม่ลงตัวของผู้สมัครพรรคพลังประชารัฐ โดยเฉพาะในเขตพื้นที่จังหวัดปทุมธานี เป็นเพราะมีผู้สมัครทับซ้อนกันถึง 2 ทีม ระหว่างทีมที่ตน ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐ ร่วมกับนายชวน ชูจันทร์ กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ โดยทีมของตนนั้น นอกจากจะมีตนสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ปทุมธานี ลงเขต1 ผศ.พิมพ์ณัฐชยา สัจจาศิลป์ อาจารย์ ม. รังสิต ลงเขต2 นายชูชาติ ธนะโชติ สท.คลองหลวง ลงเขต3 และ นางฐิตินันท์ เจริญอาจ ปลัดเทศบาลเมืองสนั่นรักษ์ ลงเขต4 ,แต่ปรากฏว่า ขณะนี้ทราบว่าได้มีทีมของนายสุเมธ ฤทธาคนี อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้จัดทีมเข้ามาลงทับซ้อนกับทีมของตน มีนางประเสริฐศรี ฮ้อแสงชัย ลงเขต2 นายศักดิ์ชัย เสาะแสวง อดีต สจ.ปทุมธานี ลงเขต3 นางหงส์รัชต์ ภูริสิทธิศรี สท.บึงยี่โถ ลงเขต4 ส่วนตัวนายสุเมธ ฤทธาคนี ลงเขต6 ซึ่งพวกตนก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมถึงมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็คงจะต้องรอการพิจารณาของคณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัครของพรรคว่า จะมีการพิจารณาคัดเลือกให้ใครเป็นผู้สมัคร ในเขตพื้นที่จังหวัดปทุมธานี
|
ผู้สมัคร งง พื้นที่ปทุมธานี พลังประชารัฐพรรคเดียวกัน มีผู้สมัครแสดงเจตจำนง เปิดตัวลงสมัครส.ส.ทับซ้อน 2 ทีม ทั้ง6เขต
|
ข่าว,ทั่วไทย
|
เลือกตั้ง 62,เลือกตั้งปทุมธานี,สมัครส.ส.,ข่าวทั่วไป
|
https://www.thairath.co.th/news/local/central/1434648
|
ผลเจรจาปาฐกถาป๋วย ยังยืนยัน ยงยุทธ แต่ยกเลิกช่วงกวี เนาวรัตน์
|
ด้านฝ่ายคัดค้านเดินหน้าทำกิจกรรมต่อ27 ก.พ. 2558 กลุ่มบัณฑิตอาสาสมัครปกป้องประชาธิปไตย (บอ.ป.) ได้เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 25 ก.พ. 2558 ที่ผ่านมาตัวแทนกลุ่มได้เข้าพบเพื่อเจรจากับตัวแทนของผู้เกี่ยวข้องกับกำหนดการ โครงการสืบสานปณิธาน… ป๋วย ณ สำนักบัณฑิตอาสาสมัคร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต โดยมีตัวแทนจาก บอ.ป.จำนวน 4 คน และตัวแทนผู้เกี่ยวข้องกับกำหนดการจัดงานจำนวน 8 คน เข้าร่วมการเจรจาดังกล่าว บรรยากาศการเจรจาเป็นไปด้วยดีและมีข้อสรุปเนื้อหาการเจรจาคร่าวๆ ดังนี้นายอภิชาต พงษ์สวัสดิ์ หนึ่งในตัวแทนกลุ่ม บอ.ป. เริ่มการเจรจาด้วยการชี้แจงเหตุผลและความเป็นมาของการคัดค้าน นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี และที่ปรึกษาคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และนาย เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติที่ได้รับการแต่งตั้งจากคณะรัฐประหาร โดยชี้ให้เห็นถึงความไม่เหมาะสมของบุคคลทั้งสอง ที่มีความเกี่ยวพันกับคณะรัฐประหารที่ยึดอำนาจรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง รวมถึงภายใต้บรรยากาศทางสังคมการเมืองปัจจุบันซึ่งเต็มไปด้วย การข่มขู่ จับกุม คุกคาม ทรมาน ประชาชนจำนวนมากตลอดหลังการรัฐประหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ชนบทที่มีการอ้างคำสั่ง คสช. เข้าไล่รื้อบ้านเรือน และจับกุมชาวบ้านไปจำนวนมาก ด้วยเหตุดังกล่าวบุคคลทั้งสอง จึงไม่เหมาะสมที่จะมาร่วมงานในวาระสำคัญที่ทางผู้จัดใช้ชื่อว่า โครงการสืบสานปณิธานงานอาสาสมัครและงานพัฒนาของ ศาสตราจารย์ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ เนื่องในโอกาสรำลึก 100 ปี ชาตกาล ซึ่งขัดแย้งโดยตรงกับหลักคิด ปณิธาน และปรัชญา ของป๋วย อึ๊งภากรณ์ และของสำนักบัณฑิตอาสาสมัครด้าน ผศ.ดร.จิตติ มงคลชัยอรัญญา ผู้อำนวยการสำนักบัณฑิตอาสาสมัคร ชี้แจงถึงรายละเอียดของงาน ว่ากำหนดการดังกล่าวเป็นการรวมเอางานทั้ง 3 ช่วง เข้าไว้ในโครงการเดียวกันคือ ช่วงเช้า ประชุมกรรมการจัดงาน 100 ปีชาตกาล ของ ดร.ป๋วย และช่วงบ่าย จะเป็นงานปาฐกถา ซึ่งทางมูลนิธิบัณฑิตอาสาสมัครได้รับผิดชอบในส่วนนี้รวมถึงงานเสวนา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ให้คนรู้จัก อ.ป๋วย และงานพัฒนามากขึ้น สำหรับช่วงเย็นเป็น งานผีเสื้อคืนรัง ซึ่งเป็นกิจกรรมยามกลางคืนของศิษย์เก่าหลักสูตรบัณฑิตอาสาสมัคร ซึ่งศิษย์เก่ารับผิดชอบ และในช่วงค่ำ นายเนาวรัตน์ไม่ได้มาร่วมงาน เพียงแต่ทาง ผู้อำนวยการได้ดำเนินการขอบทกวีที่เกี่ยวกับบัณฑิตอาสาสมัคร มาและตั้งใจมอบให้คนอื่นอ่านในงานเพียงเท่านั้นด้านตัวแทนมูลนิธิบัณฑิตอาสาสมัคร ในฐานะผู้ติดต่อทาบทามนายยงยุทธมาปาฐกถาในงาน ได้ชี้แจงว่าทางมูลนิธิมีความเห็นกันว่านายยงยุทธ ยุทธวงศ์ เป็นหลาน อ.ป๋วย ซึ่งมีความรักและเคารพ อ.ป๋วย และมีบทความที่เขียนชื่นชม อ.ป๋วย รวมทั้งไม่คิดว่าการเชิญดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับการเมือง เพราะตั้งใจเชิญมาพูดในแง่มุมชีวิตของ อ.ป๋วยเท่านั้น นอกจากนั้นรองนายกฯ ท่านนี้ยังเคยร่วมขับเคลื่อนงานของของ คณะกรรมการจัดงาน 100 ปี ป๋วยอีกด้วย ทำให้ไม่เห็นว่าการเชิญนายยงยุทธมาร่วมงานจะมีปัญหาอะไร และเหตุผลคัดค้านว่าท่านยงยุทธเกี่ยวพันกับคณะรัฐประหาร ก็ไม่มีน้ำหนักเพียงพอเนื่องจาก อ.ป๋วยท่านก็เคยรับใช้คณะรัฐประหารในช่วงสมัยจอมพลสฤษดิ์เช่นเดียวกันนอกจากนั้น มีตัวแทนผู้เกี่ยวข้องกับการจัดงานโครงการดังกล่าวเข้ามาเพิ่มเติมเพื่อให้ความเห็น ผศ.ดร.ประชา คุณธรรมดี อธิบายว่า การเชิญอาจารย์ยงยุทธ มีข้อจำกัดหลายประการที่จะถอนชื่อท่านออกไป เนื่องจาก กำหนดการมีความกระชั้นชิดจนเกินที่จะถอดออกไป และทางผู้จัดได้ดำเนินการเรียนเชิญไปแล้ว ซึ่งท่านรองนายกก็ได้ตอบรับมาว่าจะมาร่วมงานอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางออกก็คือต้องให้รองนายกท่านถอนตัวไปเอง ซึ่งมีความเป็นไปได้ยากมาก ดังนั้นจึงเห็นว่าทางบัณฑิตอาสาสมัครผู้คัดค้านก็ได้แสดงออกไปแล้วน่าจะเพียงพอแล้วประกอบกับมีความเห็นส่วนตัวว่า บุคคลที่ทำงานรับใช้คณะรัฐประหาร ไม่ควรถูกปิดกั้นให้เข้าร่วมกิจกรรมเพราะว่า อาจารย์ป๋วยในสมัยหนึ่งก็เคยทำงานให้กับจอมพลสฤษดิ์เช่นเดียวกัน เช่นกรณี ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้แทนไทย ประจำคณะมนตรีดีบุกระหว่างประเทศ และไม่มีความสำคัญว่าที่มาของตำแหน่งทางการเมืองจากระบอบอะไรอาจจะไม่สำคัญเท่ากับมีความตั้งทำงานเพื่อส่วนรวมหรือประเทศชาติจริงหรือไม่ต่างหากกรณีนี้ ผศ.ดร. ประชา ได้ยกตัวอย่างการเข้าไปร่วมทำงานในรัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาของ หม่อมราชวงศ์ ปรีดียาธร เทวกุล ว่าเป็นการเข้าไปช่วยกอบกู้เศรษฐกิจที่กำลังแย่ในปัจจุบันของประเทศ นอกจากนั้นแล้วคณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันหลายท่านก็มีส่วนร่วมในการสนับสนุนการเสนอชื่อ อ.ป๋วยให้ได้รับรางวัล ยูเนสโกอีกด้วย การคัดค้านจะก่อให้เกิดปัญหาต่อกระบวนการดังกล่าวได้เงินจัดงาน 100 ปีชาตกาล อ.ป๋วย มาจากรัฐบาล จำนวน 1000 ล้านบาท ที่จะต้องใช้ดำเนินการทุกงานที่จะเกิดขึ้นในช่วง 3 ปีนี่ และเรามีความจำเป็นที่จะต้องทำงานต่อไป หากมีการคัดค้านแบบนี้ก็จะทำให้งานทุกอย่าง shut down อุทยานป๋วยที่เราอยากให้เกิดก็จะไม่เกิด รวมไปถึงการขอให้ อ.ป๋วย เป็นบุคคลของโลก ทีมร่างก็จะเป็นทีมของหม่อมอุ๋ย หากมีปัญหาก็จะทำให้การขอชะงักลงอีกได้ ผศ.ดร.ประชากล่าวนายอิทธิพล โคตะมี หนึ่งในตัวแทนของกลุ่ม บอ.ป. เสนอว่า การจะกล่าวถึงความสัมพันธ์ทางการเมืองระหว่างอาจารย์ป๋วยกับจอมพลสฤษดิ์ อาจจะต้องมีความระมัดระวัง เนื่องจาก อ.ป๋วยดำรงตำแหน่งเป็นข้าราชการประจำ การทำงานดังกล่าวเป็นเรื่องปกติในระบบบริหารราชการแผ่นดิน ที่ปัญญาชนฝ่ายก้าวหน้าจำนวนมากก็ทำเช่นนั้นเช่นกัน การเป็นข้าราชการในช่วง จอมพล ป ด้วย. ถนอมด้วย เช่นเดียวกับ ข้าราชการฝ่ายก้าวหน้าหลายคน แต่จุดชี้ขาดก็คือ ป๋วยปฏิเสธการรับตำแหน่งทางการเมือง และปกป้องการแทรกแซงความเป็นอิสระของข้าราชการจากระบอบเผด็จการทหาร (ดูตัวอย่างการปฏิเสธจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ที่ต้องการซื้อ สหธนาคารกรุงเทพ จำกัด แต่เนื่องจากธนาคารแห่งนั้น กระทำผิดระเบียบของธนาคารแห่งประเทศไทย และดูความเห็นของรังสรรค์ ธนะพรพันธ์ ในงานสัมมนาที่คณะเศรษฐศาสตร์หลังจากป๋วย อึ๊งภากรณืเสียชีวิตไม่นาน- ผู้เขียนสรุป) แต่กรณียงยุทธเป็นการบิดเบือนปณิธาณป๋วย ส่วนกรณีเนาวรัตน์ นอกจากเนาวรัตน์ไม่เกี่ยวข้องกับป๋วยเลย ยังเคยมีประวัติเขียนกวีดูแคลนชาวบ้านในชนบทหลายครั้งหลายคราหากสำนักบัณฑิตอาสา ซึ่งอนาคตคือ วิทยาลัยป๋วยฯ จะต้องพัฒนาขึ้นไป ดังนั้นอาจารย์ป๋วยไม่ใช่ตัวบุคคล แต่คือสถาบัน และหากจะทำให้เป็นที่ยอมรับ จะต้องไม่ถูกเคลือบแคลงสงสัย ยิ่งหากจะเป็นบุคคลของโลกก็ต้องทำให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ซึ่งยึดโยงกับชุดคุณค่าสากล แต่หากบุคคลที่เราเชิญมาพูดแทนภาพป๋วย คือคนที่มาจากรัฐบาลทหาร จะส่งผลให้ป๋วยเสื่อมเสีย แล้วจะทำให้เราไม่สามารถพูดถึงป๋วยได้ชัดถ้อยชัดคำสำหรับข้อสรุปการเจรจามีดังนี้- ตัวแทนผู้เกี่ยวข้องกับกำหนดการงานยอมรับว่าไม่ได้คิดให้รอบด้านในเรื่องการเชิญบุคคลมาร่วมงาน ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นก็จะเป็นบทเรียนในครั้งต่อไป แต่ครั้งนี้จำเป็นต้องคงชื่อนายยงยุทธ ยุทธวงศ์ ไว้ แต่จะปรับกำหนดการไม่ให้มีลักษณะเป็นปาฐกถา- ผู้อำนวยการสำนักบัณฑิตอาสาสมัคร รับปากว่าจะยกเลิกกวีเนาวรัตน์ในช่วงเวลากลางคืนตามกำหนดการ- ด้านตัวแทน บอ.ป. ยังคงยืนยันที่จะเคลื่อนไหวคัดค้านจนถึงที่สุด หากรองนายกในรัฐบาล คสช. ยังคงมาร่วมกิจกรรม- ด้านตัวแทนผู้เกี่ยวข้องกับกำหนดการยอมรับการเคลื่อนไหว แต่ขอให้เป็นการเคลื่อนไหวคัดค้านอย่างมีอารยะ ซึ่งทาง บอ.ป. ได้ยอมรับข้อเสนอ เนื่องจากเห็นว่า การคัดค้านบุคคลที่เกี่ยวพันกับคณะรัฐประหารทั้งสองของ บอ.ป. คือ คัดค้านการขัดต่อหลักการสันติประชาธรรม ตามปณิธานของ ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ทาง บอ.ป.ต้องการรักษาปณิธานให้สืบไปด้วยการดำเนินการคัดค้านบุคคลทั้งสองอย่างถึงที่สุดด้วยแนวทางสันติประชาธรรมเช่นกันในช่วงท้ายของการเจรจา บอ.ป. ได้มีการมอบจดหมายเปิดผนึกให้แก่ทางผู้อำนวยการสำนักบัณฑิตอาสาสมัครและตัวแทนมูลนิธิบัณฑิตอาสาสมัคร และได้มอบรูปปณิธานอาจารย์ป๋วย ให้ผู้อำนวยการสำนักบัณฑิตอาสาสมัครไว้เป็นที่ระลึก
|
บัณฑิตอาสาสมัครปกป้องประชาธิปไตยเผยผลการเจรจากับตัวแทนผู้เกี่ยวข้องกับกำหนดการ โครงการสืบสานปณิธานป๋วย ระบุทางออกต้องให้ ยงยุทธ ถอนตัวไปเองซึ่งมีความเป็นไปได้ยาก แต่ยกเลิกกวีเนาวรัตน์
|
การเมือง
|
กลุ่มบัณฑิตอาสาสมัครปกป้องประชาธิปไตย,จิตติ มงคลชัยอรัญญา,บอ.ป.,ป๋วย อึ๊งภากรณ์,มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์,มูลนิธิบัณฑิตอาสาสมัคร,ยงยุทธ ยุทธวงศ์,อภิชาต พงษ์สวัสดิ์,อิทธิพล โคตะมี,เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
|
https://prachatai.com/journal/2015/02/58134
|
ป้าไม่รู้ ขับซีอาร์วีจากกทม.ถึงระยอง ถนนบีบเหลือ2เลน ชน6ล้อตายคารถ
|
เวลา 10.00 น.วันที่ 22 มิ.ย. พ.ต.ท.ไพฑูรย์ ตั้งความเพียร สว.สอบสวน สภ.แกลง จ.ระยอง รับแจ้งเหตุรถยนต์ชนกัน เกิดไฟลุกไหม้บริเวณถนนสายบายพาส ตำบลทางเกวียน บ้านนา มีคนติดภายในและเสียชีวิตคารถ 1 คน,ที่เกิดเหตุ เลยเกาะกลางถนนไปประมาณ 100 เมตร กลางถนนพบรถยนต์ฮอนด้า ซีอาร์วี สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน วง-1116 กรุงเทพมหานคร สภาพด้านรถพังยับเยิน มีคนเจ็บนั่งด้านข้างคนขับ เป็นสุภาพสตรี มีบาดแผลฉกรรจ์แขนขวาขาด อาการสาหัส ถูกนำตัวส่ง รพ.แกลง,ในรถพบผู้เสียชีวิต ทราบชื่อ นางสาริศา ขจรกิตติยุทธ อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14/85 แขวงทวีวัฒนา เขตทวีวัฒนา กทม. ถูกอัดติดกับพวงมาลัยรถยนต์ กู้ภัยต้องใช้เครื่องตัดถ่างนำร่างออกมา ห่างออกไป 50 เมตร ในคูข้างถนนพบรถบรรทุก 6 เล็ก ฮีโน่ ทะเบียน 83-2637 ระยอง ตกอยู่สภาพล้อหน้าหลุด ถังน้ำนมันหลุด เกิดไฟลุกไหม้ ต้องใช้รถน้ำฉีด มีนายรุติภาพ ถวิล อายุ 23 ปี เป็นคนขับได้รับบาดศีรษะแตก นำตัวส่ง รพ.แกลง,สอบสวนทราบว่า รถเก๋งขับมาจาก กทม.มุ่งหน้า จ.จันทบุรี โดยที่นางสาริศา เป็นคนขับ ระหว่างที่ขับมาทางเป็นสี่เลน มีเกาะกลางถนนเมื่ออเลยเกาะกลางถนนจะเป็นทางสองเลน คาดว่าผู้ขับไม่ชินเส้นทางและมีรถบรรทุกวิ่งสวนมาพาดี เกิดชนกันอย่างจัง รถบรรทุกกระเด็นไปตกข้างทางถังน้ำหลุดเกิดไฟลุกไหม้ ส่วนรถซีอาร์วี พังยับเป็นเศษเหล็ก คนขับตายคาที่ คนนั่งข้างแขนขาด
|
หญิงวัย 59 ปี ขับรถซีอาร์วี จากกทม. มีเพื่อนนั่งมาด้วย ถึงอ.แกลง ระยอง ถนนจาก 4เลน เหลือ2เลน คาดไม่รู้ ขับชนรถบรรทุกหกล้อกระเด็น ซีอาร์วีพังยับ เพื่อนแขนขาด ส่วนคนขับถูกอัดก๊อบปี้คาพวงมาลัย
|
ข่าว,ทั่วไทย
|
ชนหกล้อ,ซีอาร์วีชนหกล้อ,ป้าซิ่งชนหกล้อ,ข่าวทั่วไป
|
https://www.thairath.co.th/news/local/1597758
|
#Saveubonสุดารัตน์-อนาคตใหม่ อัด รบ.จัดลำดับความสำคัญใช้งบกลางผิด ควรใช้แก้วิกฤตกลับซื้อยานเกราะ
|
สุดารัตน์ แนะรบ.จัดลำดับความสำคัญใช้งบให้ถูก อนาคตใหม่ ย้ำ รบ.สอบตก ชี้งบกลางฯ ควรใช้แก้วิกฤตกลับถูกนำไปให้ ทบ.ซื้อ สไตรเกอร์17 ก.ย.2562 ปัญหาการจัดการและการช่วยเลือสถานการณ์วิกฤติน้ำท่วมที่ภาคอีสาน โดยเฉพาะ จ.อุบลราชธานี โดยวานนี้เทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่ารัฐบาลจะได้จัดรายการ ร่วมใจ พี่น้องไทย ช่วยภัยน้ำท่วม ในวันที่ 17 ก.ย.นี้ นั้นวันนี้ (17 ก.ย.62)สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ทวิตข้อความวิจารณ์ผ่านบัญชี ว่า ช่วยเหลือก็ชักช้า พอจะมาก็ขอบริจาค งบกลางที่เก็บไว้ หายไปไหนหมด?? นายกฯต้องจัดลำดับความสำคัญ ของการใช้งบให้ถูกต้องค่ะ พวกของที่ซื้อมาโชว์วันเด็กปีละครั้ง และเอาออกมาวิ่งบนถนน เพื่อปล้นประชาธิปไตยอ่ะ เลิกซื้อเหอะ #แม่ขอร้อง #ทุกข์ชาวบ้านรอช้าไม่ได้ช่วยเหลือก็ชักช้าพอจะมาก็ขอบริจาคงบกลางที่เก็บไว้ หายไปไหนหมด??นายกฯต้องจัดลำดับความสำคัญของการใช้งบให้ถูกต้องค่ะพวกของที่ซื้อมาโชว์วันเด็กปีละครั้งและเอาออกมาวิ่งบนถนนเพื่อปล้นประชาธิปไตยอ่ะเลิกซื้อเหอะ — คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ Sudarat Keyuraphan (@sudaratofficial) นอกจากนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวแสดงความคิดเห็นกรณีการแก้ปัญหาน้ำท่วมใน จ.อุบลราชธานี หลังจากมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง โดยล่าสุด นายกฯ ออกมาพูดทำนองว่าเรื่องการช่วยเหลือนั้นไม่มีงบประมาณและไม่อยากให้ประชาชนขอแต่เงินแจก นั้นณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ รองโฆษกพรรคอนาคตใหม่ และส.ส.กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า พรรคอนาคตใหม่ขอย้ำอีกครั้งว่า รัฐบาลสอบตกในการแก้ปัญหาน้ำท่วม โดยเฉพาะปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องชาว จ.อุบลราชธานีถือว่าหนักหนาสาหัสมาก น้ำท่วมใหญ่ในรอบ 40 ปี ครั้งนี้ถูกซ้ำเติมด้วยการไม่มีความสามารถของรัฐบาลในการบริหารประเทศ โดยเฉพาะการแก้ปัญหาเหตุการวิกฤตเร่งด่วน การที่นายกรัฐมนตรีออกมาบ่นว่าอยากช่วยแต่ไม่มีเงิน ถ้าเราลองไปดูข่าวที่เกิดขึ้นในช่วงเดียวกัน ก็จะพบว่า งบกลางของรัฐบาลซึ่งควรจะถูกใช้ไปกับการแก้วิกฤต แก้ภัยพิบัติเร่งด่วน กลับถูกนำไปโปะให้กับงบประมาณของกองทัพบกถึง 2.8 ล้านบาท เพื่อใช้ในการจัดซื้อยานเกราะสไตรเกอร์นี่คือตัวอย่างของสิ่งที่เรียกว่าไร้ความสามารถ นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้นำประเทศ เป็นผู้นำในการแก้ปัญหา ต้องจัดลำดับความสำคัญของเรื่อง ซึ่งเห็นชัดจากกรณีนี้ว่าท่านทำไม่เป็น และกรณีงบการจัดซื้อสไตรเกอร์ของกองทัพนั้น ไม่ควรที่จะมายุ่งกับงบกลางในการบริหารประเทศ อีกประเด็นหนึ่งในการพูดถึงเรื่องการแก้ปัญหาน้ำท่วมของ พล.อ.ประยุทธ์ นั่นคือการที่ท่านพูดว่าประชาชนที่เดือดร้อนไม่เข้าใจ จ้องแต่จะรอขอเงิน นี่เป็นทัศนคติของผู้นำประเทศ ที่ดูถูกประชาชนอย่างยิ่ง ก็ไม่แปลกใจถ้าประเทศจะยังเป็นรัฐบาลเผด็จการ แต่เมื่อท่านชอบอ้างว่าเป็นประชาธิปไตย มาจากการเลือกตั้งของประชาชนแล้ว ควรให้เกียรติประชาชนด้วย ณัฐชา กล่าวขณะที่เมื่อวันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมาและรายงานตรงกันว่าเดือนเม.ย. 2562 กองทัพบกได้เสนอความต้องการในการจัดหายานเกราะล้อยางสไตรเกอร์ RTA ICV เพื่อสนับสนุนภารกิจปรับโอนหน่วยออกนอกกองทัพบก และภารกิจเสริมสร้างพล.ร.11 จากสหรัฐฯ รวมทั้งสิ้นจำนวน 70 คัน เป็นการจัดหาโดยใช้งบประมาณกลางของรัฐบาล วงเงิน 2860000000 บาท จำนวน 37 คัน และจัดหาโดยใช้งบประมาณของกองทัพบก วงเงิน 850000000 บาท จำนวน 10 คัน รวมถึงจากการช่วยเหลือทางทหารจากสหรัฐฯ อีกจำนวน 23 คัน
|
สุดารัตน์ แนะรบ.จัดลำดับความสำคัญใช้งบให้ถูก อนาคตใหม่ ย้ำ รบ.สอบตก ชี้งบกลางฯ ควรใช้แก้วิกฤตกลับถูกนำไปให้ ทบ.ซื้อ สไตรเกอร์17 ก.ย.2562
|
การเมือง,ความมั่นคง
|
งบกลาง,ยานเกราะ,สไตรเกอร์,#Saveubon,สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์,พรรคอนาคตใหม่,น้ำท่วม
|
https://prachatai.com/journal/2019/09/84365
|
เสือคิม ศิษย์ สท.แต๋ว ปะทะ รุ่งกิจ หมอเบสกมลา ศึกเกียรติเพชรนัดใหญ่เงินล้าน
|
เสือคิมแรงเชียร์ดีกว่าจะชนะรุ่งกิจท้ายๆ,วิว–สปรินเตอร์–กล้าศึก–เพชรภูไท–มีลุ้น,เวทีลุมพินี วันอังคารที่ 2 ต.ค. (วันนี้) เป็นรายการมวย ศึกเกียรติเพชรนัดใหญ่เงินล้าน จัดโดยโปรโมเตอร์ เสี่ยชุ้น พีรพงศ์ ธีระเดชพงศ์ คู่มวยคู่คี่ เก็บค่าดู 500–1,000–2,000 บาท ชัย ศิษย์ อ.บี้ ขอวิจารณ์ไปตามฝีมือดังนี้,เพชรรุ่งเรือง อ๊อดตึกแดง มวยจังหวะเตะต่อยหมัดแทงเข่าปล้ำตีรุนแรงมีฮึดตลอด จะชนะ ซีอุย สิงห์มาวิน 111 ป.,โรโบค๊อป แรดโกลด์ยิม มวยบู๊ทรหดเตะต่อยหมัดแทงเข่าศอกปล้ำตีรุนแรงมีฮึดตลอดการเตรียมตัวดีกว่า จะชนะ พยัคฆ์จิ๋ว กีล่าสปอร์ต 114 ป.,เพชรภูไท ศิษย์สารวัตรเสือ มวยแข็งแกร่งเตะต่อยหมัดแทงเข่าปล้ำตีรุนแรงฟิตซ้อมเตรียมตัวมาแก้มือ จะชนะ ปีใหม่ เอราวัณ ชนิดสนุกอีกครั้ง 117 ป.,กล้าศึก เพชรจินดา มวยจังหวะเตะต่อยหมัดแทงเข่าศอกปล้ำตีรุนแรงมีฮึดตลอดถ้ามาสู้น่าลุ้นกว่า จะชนะ ศิวกร เกียรติเจริญชัย ชนิดสนุกอีกครั้ง 126 ป.,สปรินเตอร์ แป๋งกองปราบ มวยจังหวะฝีมือเตะต่อยหมัดแทงเข่า แม่นยำรุนแรงฉลาดหลักเหลี่ยมดีกว่า จะชนะ ชายหล้า ภ.หลักบุญ 123 ป.,วิว เพชรโกศล (แพ้คะแนน วรวุฒิ บ่าววียีนส์ ที่ ลพน.) มวยจังหวะฝีมือเตะต่อยหมัด แทงเข่าปล้ำตีรุนแรงฉลาดสภาพร่างกายสดการเตรียมตัว ดีกว่า จะชนะ เมสซี่ แป๋งกองปราบ (แพ้คะแนนวิว เพชรโกศล ที่ ลพน.) มวยจังหวะเตะต่อยหมัดแทงเข่าปล้ำตีรุนแรงมีฮึดแต่มาเข้าเวรแทนการเตรียมตัว เป็นรองชนิดสนุกอีกครั้ง 124 ป.,เสือคิม ศิษย์ สท.แต๋ว (ชนะคะแนน เทพบุตร เพชรเกียรติเพชร ที่ ลพน.) มวยแข็งแกร่งเตะต่อยหมัดแทงเข่าศอกปล้ำตีรุนแรงมีฮึดตลอดสภาพแวดล้อมแรงเชียร์ดีกว่า จะชนะ รุ่งกิจ หมอเบสกมลา (ชนะทีเคโอ มงคลชัย สกินเดียวยิม ยก 3 ที่ รดน.) มวยจังหวะฝีมือเตะต่อยหมัดแทงเข่าปล้ำตีรุนแรงฉลาดฟอร์มสด แต่ข้ามถิ่นมาเยือนสภาพแวดล้อมเป็นรองชนิดสนุก 130 ป.,ราชเดช ทีเอ็นมวยไทย มวยจังหวะเตะต่อย หมัดแทงเข่าปล้ำตีคล่องแต่เสียดสีเป็นรอง จะแพ้ เพชรศิลา ศิษย์สารวัตรเสือ 101 ป.,ยอดเพชร ส.สปาร์คยิม จะชนะ ยอดจักรี ม.ทัศนัย 100 ป.,ชัย ศิษย์อาจารย์บี้
|
เวทีลุมพินี วันอังคารที่ 2 ต.ค. (วันนี้) เป็นรายการมวย ศึกเกียรติเพชรนัดใหญ่เงินล้าน จัดโดยโปรโมเตอร์ เสี่ยชุ้น พีรพงศ์ ธีระเดชพงศ์ คู่มวยคู่คี่
| null |
ชี้มวยเด็ด,ชัย ศิษย์อาจารย์บี้,มวยไทย,มวยไทยรัฐ,วิจารณ์มวย
|
https://www.thairath.co.th/sport/boxing-mma/1387853
|
ตำรวจออกหมายเรียกแฟนสาวพีท
|
วานนี้ (12 ก.ย.61) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ระบุว่า มีบุคคลใกล้ชิด และยี่ปั๊วอีกอย่างน้อย 3 คน มีส่วนรู้เห็นกับการปลอมแปลงสลาก อ้างว่าถูกรางวัลและเผยแพร่ในสื่อออนไลน์ โดยเขาได้นำหลักฐานทั้งภาพถ่ายและคลิปภาพคนใกล้ชิด นายธนวรรธน์ คำแหงผล หรือ พีท ผู้ต้องหาคดีปลอมสลากฯ 90 ล้านบาท ไปมอบให้ พล.ต.ต.มานะ อินพิทักษ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร เพื่อตรวจสอบความเชื่อมโยงส่วนแฟนสาว มีการออกหมายเรียกไปแล้ว พร้อมผู้ที่ช่วยกันขายสลากหน้าร้าน รวมทั้งหมด 3 คน หากออกหมายเรียก 2 ครั้งแล้วยังไม่มาพบ จะออกหมายจับต่อไป เบื้องต้นมีการติดต่อเข้ามาให้ปากคำ แต่ยังไม่ระบุว่าวันไหนขณะที่ศาลจังหวัดสมุทรสาคร มีคำสั่งให้ประกันตัวนายธนวรรธน์ ตีราคาหลักทรัพย์ 300000 บาท ซึ่งนายธนวรรธน์ให้สัมภาษณ์หลังได้ประกันตัว ยืนยันอีกครั้งว่า เป็นผู้ทำเรื่องนี้เพียงคนเดียวไม่มีบุคคลอื่นเกี่ยวข้อง พร้อมบอกว่าจะไม่ทำแบบนี้อีกส่วนการต่อสู้คดี ว่าที่ ร.ต.ศักดิ์ชาย มีสมบรูณ์ ทนายความของนายธนวรรธน์ กล่าวว่า เป็นไปตามขั้นตอน ซึ่งต้องรอว่าอัยการจะสั่งฟ้องในข้อหาใด จาก 4 ข้อหาที่พนักงานสอบสวนส่งให้อัยการพิจารณา คือ ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ ขายลอตเตอรี่เกินราคา ฉ้อโกงประชาชน และปลอมแปลงเอกสาร
|
ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ระบุว่า มีบุคคลใกล้ชิดและยี่ปั๊วอีกอย่างน้อย 3 คน มีส่วนรู้เห็นกับการปลอมแปลงสลาก อ้างว่าถูกรางวัลและเผยแพร่ในสื่อออนไลน์ ขณะที่แฟนสาวของนายธนวรรธน์ ตำรวจได้ออกหมายเรียกไปแล้ว
|
อาชญากรรม
|
พีท,90ล้าน,อัจฉริยะ,ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม,ยี่ปั๊ว,ปลอมแปลงสลาก,ThaiPBSnews,ข่าวไทยพีบีเอส,ไทยพีบีเอส,ThaiPBS
|
https://news.thaipbs.or.th/content/274554
|
นายกฯพร้อมคณะรัฐมนตรีประชุมครม.ไทย-เวียดนาม
|
รายการ รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน วันนี้เผยแพร่เทปบันทึกของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก่อนออกเดินทางประชุมร่วมคณะรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการไทย-เวียดนาม ที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสาระสำคัญของการประชุมว่า จะเป็นการเพิ่มความร่วมมือกับเวียดนามในทุกด้าน โดยเฉพาะการสนับสนุนจัดตั้งสมาพันธ์โรงสีข้าวและผู้ค้าข้าวอาเซียน พร้อมขับเคลื่อน 8 ยุทธศาสตร์ร่วมกัน เพื่อก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียนขณะที่การประชุมร่วมครม.ไทย-เวียดนามนั้น ขณะนี้นายกรัฐมนตรี นำรัฐมนตรีเจ้ากระทรวง 8 กระทรวง ร่วมประชุมแล้ว โดยสาระการประชุมครั้งนี้ เน้นการหารือความร่วมมือใน 3 กลุ่ม ประกอบด้วยกลุ่มการเมือง และความมั่นคง แก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ และการหารือกลุ่มเศรษฐกิจ เพื่อแก้ปัญหาเรื่องข้าวและการส่งออก ตลอดจนการพัฒนาด้านคมนาคม และการหารือกลุ่มสังคมและวัฒนธรรม เพื่อแลกเปลี่ยนความร่วมมือในการส่งเสริม ด้านวัฒนธรรม และการศึกษาก่อนเดินทางกลับครม.ไทยและเวียดนามจะร่วมลงนามเอกสารสำคัญ 3 ฉบับ ประกอบด้วย จ้อยซ์เสตทเม้นท์ระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของทั้ง 2 ประเทศ และไทยแลนด์ เวียดนาม ซีเคียวริตี้ เอ้าม์ลุค ระหว่างเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) และรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงสาธารณะของเวียดนาม และ MOU เพื่อจัดตั้งสภาธุรกิจไทย-เวียดนาม ทั้งนี้ การประชุม ครม.ไทยและเวียดนามทั้งนี้มีข้อสังเกตเกิดขึ้นว่า รัฐมนตรีที่ร่วมคณะการประชุมนั้น โดยทั้งหมดเป็นรัฐมนตรีที่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีการแต่งตั้งปรับเปลี่ยน ครม. หรือ ครม.ยิ่งลักษณ์ 3 ซึ่งเหตุผลหนึ่ง คือการป้องกันปัญหาด้านกฎหมายที่จะตามมา เนื่องจากอยู่ระหว่างการสับเปลี่ยนหน้าที่ แต่อีกกรณีหนึ่งก็มีกระแสว่าเกิดจากความพลาดหวังในตำแหน่ง จึงขอยกเลิกที่จะร่วมคณะไปด้วย อย่างไรก็ตามกาประชุม ครม.ร่วมไทย-เวียดนาม ว่างเว้นมาเป็นเวลานานกว่า 8 ปีแล้ว โดยครั้งแรกเกิดขึ้น เมื่อปี 2547 ที่นครดานัง และจังหวัดนครพนม ในสมัยรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี
|
นายกรัฐมนตรีพร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี 8 กระทรวง ประชุม ครม.ร่วมไทย-เวียดนาม ที่กรุงฮานอย หลังว่างเว้นมา 8 ปี นับตั้งแต่การประชุมครั้งแรก เมื่อปี 2547 สมัยรัฐบาลพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร โดยการประชุมครั้งนี้เตรียมกระชับความร่วมมือกัน โดยเฉพาะการสนับสนุนการจัดตั้งสมาพันธ์โรงสีข้าวและผู้ค้าข้าวอาเซียน
|
การเมือง
|
คณะรัฐมนตรี,นายกรัฐมนตรี,ประชุม ครม.ร่วม,ไทย-เวียดนาม
|
https://news.thaipbs.or.th/content/121472
|
ป๋าชูแจกเสื้อ
|
รายการทีวีที่ คุณชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ มารับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการ ร่วมกับผู้ร่วมดำเนินรายการอีกสองท่าน คือ คุณมิ้น อรชพร ชลาดล และ คุณนิวนาว สุภาณี คชพันธุ์สมโภชน์,ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา รายการชูวิทย์ตีแสกหน้าได้ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง และได้รับความนิยมจากคนดีอย่างต่อเนื่อง,และเนื่องในโอกาสที่รายการชูวิทย์ตีแสกหน้าออกอากาศมาครบหนึ่งปีเต็ม เพื่อเป็นการขอบคุณผู้ชมรายการที่ติดตามชมมาโดยตลอด,ทางรายการจึงจะมอบเสื้อยืดแขนสั้น สีขาวลายเนกไทสีดำให้ผู้ชมไว้เป็นที่ระลึกแทนคำขอบคุณ โดยเสื้อยืดนี้เป็นรุ่นลิมิเต็ด มีเงินก็ไม่สามารถซื้อได้ เพราะไม่มีการวางจำหน่ายที่ไหนทั้งสิ้น มูลค่าทางจิตใจจึงมีมากมายอย่างแน่นอน,ท่านใดอยากได้เสื้อยืดชูวิทย์ตีแสกหน้า สามารถทำได้ง่ายๆ ก่อนอื่นต้องขอแอดไปเป็นเพื่อนกับ ไลน์ Thairath,จากนั้นก็คอยเฝ้าหน้าจอติดตามชมรายการชูวิทย์ตีแสกหน้า ซึ่งออกอากาศทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32 โดยวันจันทร์ถึงวันพฤหัสบดี เวลา 20.30 น. ส่วนวันศุกร์ เวลา 20.45 น. ซึ่งอยู่ในช่วงหนึ่งของรายการไทยรัฐนิวส์โชว์,หลังจากนั้นก็แสดงความคิดเห็นผ่านทาง ไลน์ thairath โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น เฉพาะในช่วงเวลาที่รายการชูวิทย์ตีแสกหน้ากำลังออกอากาศเท่านั้น,ทีมงานจะคัดเลือกข้อความที่โดนใจเพื่อมอบเสื้อให้เป็นที่ระลึก วันละ 5 รางวัล และจะประกาศรายชื่อผู้โชคดีในวันถัดๆไป,ทั้งนี้ ผู้ชมสามารถร่วมสนุกได้เฉพาะวันที่รายการมีการออกอากาศ ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2561,รายการชูวิทย์ตีแสกหน้าจะทำให้คนไทยตาสว่าง ได้รู้เรื่องราวสำคัญต่างๆในแบบเจาะลึก รวมถึงข้อกฎหมายต่างๆที่เป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรรู้ไว้.,วีระชัย ฉัตรใบโพธิ์,แจ๋วริมจอ,[email protected]
|
วันที่ 30 มกราคม 2560 คือวันแรกของการออกอากาศรายการใหม่ของช่องไทยรัฐทีวี ที่ชื่อว่า ชูวิทย์ตีแสกหน้า รายการทีวีที่ คุณชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ มารับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการ ร่วมกับผู้ร่วมดำเนินรายการอีกสองท่าน
| null |
ทีวีบันเทิง,แจ๋วริมจอ,ชูวิทย์ตีแสกหน้า,ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์,ไทยรัฐทีวี
|
https://www.thairath.co.th/entertain/news/1195765
|
เหตุใช้อาวุธเคมี ในซีเรีย ส่อเป็นฝีมือกบฏ
|
ทั้งเมืองดะราทางภาคใต้ เมืองฮามาในภาคกลาง รวมถึงรอบกรุงดามัสกัสและพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศ ยังคงเป็นแนวรบแย่งชิงพื้นที่กันอย่างดุเดือด แม้ฝ่ายกบฏจะมีอาวุธหนัก แต่ก็ยังด้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับฝ่ายรัฐบาล ซึ่งโหมการโจมตีทางอากาศอย่างต่อเนื่องสงครามกลางเมืองในซีเรียมีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 100000 คน โดยเหตุการณ์โจมตีด้วยอาวุธเคมี บริเวณชานกรุงดามัสกัสเมื่อคืนวันที่ 21 สิงหาคม ทำให้สหรัฐฯเกือบใช้ปฏิบัติการทางทหาร ซึ่งก็ต้องสะดุดลงด้วยข้อเสนอริบทำลายอาวุธเคมี และกลายเป็นข้อตกลงระหว่างรัสเซียกับสหรัฐฯเมื่อวานนี้ (18 ก.ย.) นายเซอร์ไก ไรยาบคอฟ รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศรัสเซีย เดินทางเยือนซีเรียและเข้าหารือกับประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซ๊าด จากนั้นได้กล่าวในการแถลงข่าวว่า ประธานาธิบดีบาชาร์มอบหลักฐานที่ชี้ชวนให้เห็นว่าฝ่ายกบฏเป็นผู้ใช้อาวุธเคมีโจมตีชานกรุงดามัสกัส โดยรัสเซียยังไม่เชื่อและจะตรวจพิสูจน์ตามกระบวนการที่ได้มาตรฐานของรัสเซีย แต่เขาได้เลี่ยงที่จะตอบคำถามที่ว่า สหประชาชาติคาดว่าจรวดบรรจุแก๊สพิษซารินถูกยิงมาจากบริเวณภูเขา ที่เป็นฐานทหารของฝ่ายรัฐบาล
|
รัสเซียอ้างว่า รัฐบาลซีเรียมอบหลักฐานชี้ชวนให้เห็นถึงเหตุการณ์ใช้อาวุธเคมีชานกรุงดามัสกัส เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม เป็นฝีมือของฝ่ายกบฏ ส่วนสถานการณ์สู้รบภายในซีเรียยังคงเป็นการแย่งชิงพื้นที่กันอย่างดุเดือดทั่วประเทศ
|
ต่างประเทศ
|
กบฏ,ซีเรีย,บาชาร์ อัล อัสซ๊าด,สหรัฐฯ,อาวุธเคมี
|
https://news.thaipbs.or.th/content/196634
|
จิบชาคุยกับ Undergrad Rewrite: ว่าด้วยโลกวิชาการของวันพรุ่งนี้
|
ไม่มีใครปฏิเสธความสำคัญของงานวิชาการได้ แต่ก็ไม่มีใครตอบได้เหมือนกันว่าตำแหน่งของงานวิชาการอยู่ที่ไหนในสังคมไทย ปัจจุบัน งานวิชาการถึงแม้จะสำคัญแต่ก็ดูไร้อนาคต ในสภาพที่เงินเดือนอาจารย์มหาวิทยาลัยต่ำเตี้ยจนต้องพากันไปรับใช้ภาครัฐ(ประหาร) เช่น การเป็น สนช. หรือตำแหน่งอื่น ๆ งานวิชาการก็ไร้คนอ่าน วารสารวิชาการพากันปิดตัว และเด็กไทยก็ไม่อ่านหนังสือ คุณ บรรณาธิการวารสาร ผู้สามารถมองเห็นคำอธิบายของแทบทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวให้เกียรติจิบชาอภิปรายว่าด้วยทางไปของโลกวิชาการและโฆษณาหนังสือที่ทำอยู่ ในศตวรรษที่ 21 โลกแห่งความรู้จะหมุนต่อไปอย่างไรผมว่ามันไม่ค่อยมีความจำเป็นต้องอ่านอะไรที่เป็นตัวหนังสือ เหมือนเคยอธิบายไปในบทความหนึ่งในนี่แหละว่ารูปแบบของการอ่านเองมันเปลี่ยนไป ถ้าเราบอกคนสมัยก่อนอ่านหนังสือมาก แต่ก็กลับเป็นหนังสือนิยายอะไรทำนองนี้ คนสมัยนี้ก็มีลักษณะการอ่านแบบดังกล่าวที่มากเช่นกัน แต่เปลี่ยนไป เป็น interactive reading (อ่านแบบตอบสนองได้) คือไปอ่านผ่านสัมผัสของการเล่นเกม มองเห็น ได้ยิน คิด ตอบโต้ ประมาณว่า มันเป็นเรื่องอะไรที่คุณจะต้องนั่งจ่อมและจ้องอ่านสิ่งที่นักเขียนเขียนออกมาเป็นตัวหนังสือ ในเมื่อสิ่งที่คุณสามารถอ่านได้ด้วยผัสสะอื่นๆ มันเกิดขึ้น และคุณสามารถมีความรู้สึกของการร่วมเขียนมันได้ด้วยในงานเสนอบทความวิชาการด้านมนุษยศาสตร์ของจุฬาฯ (งานนกยูง) ก็มีการนำเสนอสื่อร่วมสมัยอย่างเกม เพลง รายการทีวี ด้วยมุมมองแบบมนุษยศาสตร์แบบวรรณกรรมวิจารณ์ได้เหมือนกัน มันยังแสดงให้เห็นด้วยว่าแม้พื้นที่ที่ traditional (เป็นขนบ) พอสมควรอย่างจุฬาฯ ก็ยังแสดงความยอมรับในการอ่านรูปแบบใหม่ตรงนี้ คือคนเราไม่ได้อ่านในเชิงการสื่อสารน้อยลง แต่อ่านหนังสือน้อยลงก็อาจจะใช่ เพราะโครงสร้างพื้นฐานมันเอื้อให้เป็นแบบนั้น หนังสือจากที่เคยเป็นพระเอกก็กลายเป็นตัวเลือกหนึ่งไปจริงๆ มันไม่ใช่วารสาร เพราะผมคนเดียวไม่มีปัญญาทำตามวาระได้ เพียงแต่เลือกเอามาตรฐานบางตัวมาจากวารสารวิชาการเลยมีเลือดเนื้อของวารสารอยู่นิดหนึ่ง ส่วนทำไมยังมายุ่งกับสิ่งพิมพ์คือผมแอบคิดว่ายุคนี้เป็นยุคที่ความเป็นหนังสือกลายเป็นความขรึมขลังที่มากกว่ายุคก่อนๆ เพราะมันเป็นตัวแทนของปัญญาแบบเก่า แบบที่มี authority มีการส่งทอด มีอำนาจในทางการอ้างอิง ในขณะที่สื่ออื่นๆ ยังไม่ได้อยู่ในสถานะขึ้นหิ้งขนาดนั้น และในขณะที่ความเข้มข้นของเนื้อหาหนังสือก็มีความสัมพัทธ์เช่นเดียวกันกับสื่ออื่นๆ ก็เพราะเห็นแบบนี้เลยเห็นว่าการใช้ platform (พื้นที่) ของหนังสือเป็นก้าวที่ค่อนข้างจำเป็นในการค่อยๆ เคลื่อนนิยามความเป็นวิชาการครับเราอยากจะทำสิ่งที่ bridge ระหว่างหลายๆ อย่าง โลกเก่ากับโลกใหม่ วิชาการกับไม่ใช่ ศาสตร์กับอศาสตร์ อะไรแบบนั้น เราทั้งอยากเอาสิ่งที่ไม่เป็นวิชาการเข้าไปอยู่ในพื้นที่วิชาการ และสิ่งที่เป็นวิชาการไปอยู่ในพื้นที่ที่ไม่เป็นวิชาการ ประเด็นหลักๆ คือเมื่อหนังสือมันมีอำนาจ เราก็อยากให้อำนาจทางความรู้ของคนรุ่นใหม่ๆ เข้าไปอยู่ในพื้นที่ของอำนาจนั้น ในขณะเดียวกันก็เพื่อที่จะค่อยๆ ดึงมันออกในภายหลัง อะไรที่ไม่มีความเป็นตัวเล่มหรือความเป็นตาราง หรือตัวเลขมาตรฐานบางอย่างมาครอบ ผู้ใหญ่เขาไม่ค่อยฟังหรอกครับผมว่าเกณฑ์ที่ว่าเนี่ยมันอยู่ที่คนอื่น คืออยู่ที่มาตรฐานวิชาการแบบมหาลัย ศูนย์ดัชนีการอ้างอิงวารสารไทย (TCI) หรือศูนย์วิจัย หรืออะไรก็ตามที่พวกนี้ที่จะทำให้แนวคิดหนึ่งมีอำนาจในการนำไปใช้อ้างอิงจนกลายเป็นนโยบายต่างๆ ได้ ในขณะที่โลกนอกวิชาการขนบแบบนั้นก็มีความสามารถในการผลิตเนื้อหาและองค์ความรู้ไม่แพ้กัน แต่มันค่อนข้างจะถูกกีดกันออกไปจากอำนาจเพราะมันดูไม่เป็นวิชาการ เช่น ศิลปะ หรือข้อสังเกต หรือพิธีกรรมของชุมชน ผมเห็นว่าความรู้ที่จะมีพลังต่อสังคมได้มันไม่จำเป็นจะต้องผูกกับฟอร์มขนาดนั้น ความรู้อื่นๆ ที่ไม่ดูเป็นวิชาการควรจะมีเครดิตทางสังคมมากขึ้น ในแบบที่ไม่ใช่ใต้ดินใต้โต๊ะด้วย อะไรทำนองนี้ก็ควรที่จะได้รับเครดิตในการกลายเป็นนโยบายที่อย่างน้อยๆ ก็ใช้ปกครองหรือดำเนินชีวิตตัวเองได้ พูดอีกอย่างก็คือความถูกต้องของพรมแดนทางองค์ความรู้ควรจะถูกนิยามใหม่ ไม่จำเป็นจะต้องมา apa (แบบของการอ้างอิงที่เป็นที่นิยม) จุดประสงค์ สิ่งที่คาดว่าจะได้รับ เป็นวิทย์ เป็นศิลป์ และอื่นๆเรื่องตลกคือในขณะที่งานวิชาการบางชิ้นแทบจะไม่ได้นำเสนออะไรเลย แต่พอมันถูกแปะด้วยภาพลักษณ์ของความเป็นวิชาการเข้ามา มันกลับถูกให้ค่ามหาศาลในทางนโยบายหรือในการได้รับทรัพยากรเรื่องตลกคือในขณะที่งานวิชาการบางชิ้นแทบจะไม่ได้นำเสนออะไรเลย แต่พอมันถูกแปะด้วยภาพลักษณ์ของความเป็นวิชาการเข้ามา มันกลับถูกให้ค่ามหาศาลในทางนโยบายหรือในการได้รับทรัพยากร เอาเข้าจริงแล้วอาจจะนับความเป็นวิชาการเป็นเพียงการตกแต่งที่ทำให้แนวคิดบางตัวถูก overrate (ให้ค่ามากเกินไป) ด้วยซ้ำ คุณไปเปิดเจอร์นัลวิชาการในไทยดูก็จะเห็นเต็มไปหมดที่ไปวิจัยอะไรมาใส่ตารางวุ่นวายสุดท้ายเสนอได้แค่ โอเค ต้องปลูกฝังค่านิยม ต้องใช้สื่อ ต้องทำอะไรก็ตามที่มันทำมาตั้งนานแล้วมากขึ้น แบบนี้สำหรับผมไม่ได้เรียกว่าคิดแก้ปัญหา เรียกว่ามาบอกให้คนอื่นคิดแก้ปัญหาอีกที ผมว่ามันสิ้นเปลืองที่เราจะไปให้ค่ากับอะไรแบบนี้ เราจะเห็นว่าความเป็นวิชาการไม่สัมพันธ์โดยตรงเสียทีเดียวกับเนื้อหาที่มีความเป็นวิชาอยู่ในนั้นและวิธีหนึ่งที่จะทำให้สิ่งที่ดูไม่เป็นวิชาการแต่มีวิชาถูกยอมรับได้ในแบบหนึ่งที่ใกล้เคียงกับวิชาการได้ ก็คือหยิบยืมความขรึมขลังแล้วตัดต่อจัดวางมันบางส่วนเท่าที่จะไม่ทำลายเนื้อหาเดิมๆ ของสิ่งที่เราตัดต่อไปใส่ก็กลายเป็นสิ่งสำคัญ เช่น ผมเอา peer review หรือการสอบทานด้วยอาจารย์และผู้เชี่ยวชาญในสายตรวจสอบคุณภาพบทความเอาไว้ โดยให้เป็นลักษณะของการแสดงความคิดเห็นแทนที่จะสั่งให้แก้ ในขณะที่การมานั่งสั่งให้นักเขียนทำตัวเอียง ตัวหนา วัดบรรทัด เขียนสิ่งที่คาดว่าจะได้รับ ตัดออกให้หมด และในตัวเล่มก็มีอะไรที่ไม่ใช่วิชาการเลย แต่มีความเกี่ยวข้องกันบางประการมาอยู่ข้างๆ งานวิชาการด้วยกัน ให้มันมีความหมายเท่าๆ กัน ถูกมองเป็นน้ำหนักเดียวกันเปล่า มันคือการกลืนกัน ไม่ใช่กลืนเป็นวิชาการนะ แต่กลืนกันและกันกลับไปเป็นการส่งต่อทางภูมิปัญญาของมนุษย์ที่ไมไ่ด้จำกัดว่ามันคืออะไร ไม่ใช่แค่วิชาอย่างเดียว แต่มีอารมณ์ด้วย มีอย่างอื่นด้วย ซึ่งไอเดียนี้ไม่ใช่สิ่งใหม่เลย แวดวงวิชาการเองก็เปิดประตูตรงนี้มานานแล้วตั้งแต่แนวคิดพวก postmodern (หลังสมัยใหม่) ontology (ภววิทยา) หรือ affect theory/sensory turn หรือแม้แต่ในบทสนทนาทั่วๆ ไปของมานุษยวิทยา หรือคำตัดพ้อของมนุษยศาสตร์ เพียงแต่มันไม่ค่อยถูกทำให้มี credibility (ความน่าเชื่อถือ) มากไปกว่าความเป็นอินดี้ ความเป็นทางเลือก หรือความเป็นอศาสตร์ ที่ไม่สามารถเทียบเคียงได้กับศาสตร์ที่ผมเล็งไว้คือ ถ้ามันจะเป็นทางเลือก มันควรเป็นทางเลือกที่มีความมั่นคงแข็งแรง มากพอจนวันหนึ่งไอ้พวกที่จัดตั้งอะไรเป็นทางการมากๆ ทั้งหลายไม่ค่อยมีเหตุผลให้เข้าหาและทำตามอีกต่อไป อันนี้ฝันๆ เอาไว้ ทำได้รึเปล่าไม่รู้ แต่สิ่งที่ไม่เป็นวิชาการและวิชาการชายขอบอย่างมนุษยศาสตร์สังคมศาสตร์ก็ควรจะตระหนักว่าตัวเองมีส่วนในการขับเคลื่อนสังคมได้มากขนาดไหน และไม่จำเป็นต้องตัดขาดตัวเองเข้ามุมไปนั่งตีความอยู่แต่ในสายของตัวเองและยินยอมรับความเป็นอศาสตร์หลายๆ ระดับอยู่ในมุมมืดอย่างเดียวอันที่จริงผมว่ามันก็ดีขึ้น นักวิชาการที่รู้จักหลายๆ คนก็ตระหนักตรงนี้ และมีความเคลื่อนไหวหลายๆ แบบที่พยายามพูดถึงกันอยู่ ใน school ใหญ่ๆ ด้วยนะ แต่ถ้าพูดถึงปัญหาหรอ ที่เป็นหนักๆ ตอนนี้มันเหมือนจะเป็นการสร้างคำอธิบายที่วกวนในตัวเอง อย่างแรกคือแค่เอาทุกอย่างมาแปะศัพท์วิชาเท่ากับเป็นวิชาการ แปะคำว่าย้อนแย้ง เท่ากับกูเข้าใจไม่ได้แล้ว ไม่มีอะไรต้องทำต่อแล้ว ทิ้งมันไปเลยดีกว่า สังคมไทยมัน absurd (ไร้สาระ ไม่เป็นเหตุผล) ตบมุกทีนึงแล้วก็จบกันแค่นั้น เป็นกันเยอะ เป็นแล้วเท่ด้วยไม่รู้ทำไม อย่างที่สองคือนักต่างๆ หันไปทำงานแบบนักวรรณกรรมกันหมด คือไปตีความหาความเชื่อมโยงระหว่างตัวบทหรือ intertextuality โอเค เห็นอันนี้แล้วนึกถึงนักปรัชญาคนนี้และนึกถึงวรรณกรรมเรื่องนี้ แล้วหยุดเลย จบกันแค่นี้ และอีกอย่างที่ดีดไปเลยก็คือหันไปทำงานกับสถิติ ตัวเลข และการชี้วัดที่แน่นอนไปเลย แบบหลังนี้คือสิ่งที่แหล่งทุนและอำนาจชอบใจที่จะยอมรับ แต่ประสบความล้มเหลวในฐานะเครื่องมือแห่งชีวิตนอกจากนี้ปัญหาที่หนักแน่นกว่านั้นถูกพูดถึงไปมากแล้วโดยนักวิชาการที่เก่าแก่ อยู่ในระบบ และเห็นปัญหามาก่อนผมหลายคน คือปัญหาการเอาวิทยาศาสตร์ไปครอบการทำงานของศิลปศาสตร์จนเกิดเป็นระบบต่างๆ ที่ิพิกลพิการ อันนี้ผมไม่อยากอธิบาย มีคนอธิบายเยอะแล้ว หาอ่านง่าย แต่อยากพูดถึงการโต้กลับของศิลปศาสตร์ที่เหมือนฆ่าตัวตายซ้ำหลังจากโดนเขาทำร้าย คืองอน งอนว่าเขาด่าว่าไร้ค่าก็เลยยอมรับตัวเองว่าไร้ค่า ด้วยวาทศิลป์แนวๆ postmodern แนวๆ ช่างแม่ง แล้วมุ่งทำงานที่ตัวเองสนใจให้ดูไร้ค่าไปเลย ไม่ bridge (เชื่อม) มันกับเรื่องอื่น ทำจนพอใจแล้วหยุด เหมือนประชด ซึ่งจริงๆ แล้ว ความคิดที่ไร้ค่ามันแทบจะไม่มีอยู่เลย มีแต่ความคิดที่ไม่ถูก bridge ให้มาเจอสิ่งที่จะนิยามคุณค่าของมันได้ นักมนุษยศาสตร์สังคมศาสตร์ที่งอน ไม่ยอมทำหน้าที่ตรงนี้ ไม่ใช่แค่กับวิทยาศาสตร์ แต่กับสังคมของตัวเอง กับโลก มันก็เลยยิ่งทำให้วิทยาศาสตร์และรัฐมีเหตุผลที่จะแยกและตัดทรัพยากรออกจากมนุษยศาสตร์สังคมศาสตร์มากกว่าเดิม อันนี้แค่ในเปราะที่มันเป็นวิชาการแล้วนะ ที่ไม่เป็นวิชาการยิ่งโดนหนักกว่านี้เคยเห็นพวกคำคมประเภท บนโลกนี้มีคนอยู่สองประเภทไหม เออ คุณว่าจริงป่ะล่ะ แม่งโคตรไม่จริง คือระหว่างสอง หรือเหนือสอง ใต้สอง มันมีมากกว่านั้นเป็นรายละเอียดนับไม่ถ้วน การแยกเป็นสองขั้วแบบนี้ คือ วิทย์กับศิลป์ วิชาการกับไม่ใช่วิชาการ แล้วต่างคนต่างอยู่ในโลกของตัวเอง เช่น หมอเลือกที่จะตัดขาดภาวะอารมณ์และความเชื่อทางวัฒนธรรมของคนไข้ สักแต่จะเอามีดผ่าอย่างเดียว เพราะหมอมาจากสายวิทย์ คนไข้งมงาย คนไข้ไม่มีความรู้ คนไข้ต้องฟังหมอทุกอย่าง พยาบาลมึงอย่าแสดงความคิดเห็น ทุกคนฟังกู อันนี้คือหมอทำงานแบบเป็นหมออย่างเดียว เป็นวิทยาศาสตร์อย่างเดียว มันก็ไปทำลายรายละเอียดที่อยู่กึ่งๆ ซึ่งความเป็นมนุษย์และสังคมมนุษย์อยู่ตรงนั้นผลก็คือ คุณอาจจะทำให้คนไข้กลายเป็นอะไรคล้ายๆ โรคซึมเศร้าทั้งที่อาการทางกายหายไข้ หรือไม่ก็ผ่าเสร็จแล้วโดดออกไปฆ่าตัวตายต่อ เพราะหมอไปผ่าโดนอะไรที่มันสำคัญในทางวัฒนธรรมของเขา อะไรแบบนี้ก็เกิดขึ้นเพราะหมอแบ่งความเป็นหมอออกจากความเป็นเพื่อนมนุษย์กับคนไข้ แบ่งความเป็นวิทย์ออกจากความเป็นศิลป์ แบ่งวิทยาศาสตร์ออกจากความเป็นมนุษย์ และเชื่อไปในทางใดทางหนึ่ง ในทางกลับกัน ถ้าหมอจะเอาแต่ความเป็นมนุษย์อย่างเดียวโดยไม่จับมีดรักษาคนไข้ทางกายเลย คนไข้ก็อาจตายทั้งๆ ที่ไม่ได้อยากตายอยู่ดีใช่ ใต้การกีดกันกันเองในโลกวิชาการ ยังมีการกีดกันที่ซ้ำลงไปอีก คือการกีดกันความไม่เป็นวิชาการแบบใดแบบหนึ่งให้หลุดออกไปจากการมีส่วนร่วมทางการพัฒนาความคิด ทั้งที่ในความเป็นจริงมันมีมาตลอด แต่รูปแบบของโลกวิชาการต้องทำเป็นไม่ยอมรับมัน เพราะใส่ลงไประบบก็ไม่เชื่อ อาจารย์ที่เป็นที่ปรึกษาก็ไม่กล้าตรวจ สมมติคุณจะทำเรื่องอารมณ์ขัน มันเป็นไปไม่ได้ที่คุณจะเข้าใจอารมณ์ขันโดยไม่ดูสิ่งที่เป็นวัฒนธรรม และในขณะเดียวกันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะปฏิเสธวิทยาศาสตร์ที่พูดเกี่ยวกับชีววิทยา เคมี และสิ่งแวดล้อมที่ทำให้เกิดอารมณ์ขัน และเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เข้าไปยุ่งกับสิ่งที่ดูไม่เป็นวิชาการ แต่ถ้าคุณทำงานของคุณให้ครอบคลุมสิ่งเหล่านี้ คุณก็จะไม่มีอาจารย์กล้าตรวจให้ เพราะระบบ discipline (ขนบ) หรือการแบ่งสายมันไม่ยอมรับเช่นถ้าคุณไปศึกษาร่างทรงคนหนึ่ง คุณเกิดเริ่มเชื่อขึ้นมาว่าเขาเป็นอะไรมากกว่าอาการทางจิต มีปัจจัยทางร่างกายของเขาเปลี่ยนไป คุณเริ่มอัดคำอธิบายของร่างทรงมาพิจารณา แล้วคุณก็พบว่าตัวเองจำเป็นต้องอธิบายคำอธิบายนั้นซ้ำอีกทีด้วยเทพทางวิชาการคือนักปรัชญา แพทย์ จิตแพทย์ต่างๆ นานา เสียงของร่างทรงคนนั้นไม่สามารถอธิบายตัวเองให้กรรมการสอบวิทยานิพนธ์ของคุณฟังได้ ไม่มีใครสามารถคิดถึงคำพูดของเขาในฐานะคำอธิบายที่อธิบายตัวเองเสร็จสรรพแล้วได้ มันต้องถูกความเป็นวิชาการอธิบายทับ ทั้งที่เราก็ไม่อาจมั่นใจได้เลยว่าคำอธิบายทับนั้นจะอธิบายได้ดีกว่าคำอธิบายตัวเองของเขา หรือข้อค้นพบร่วมกันระหว่างคุณกับเขาได้อย่างไรปัญหาโดยทั่วไปซึ่งมีคนพยายามแก้มานานแล้ว จึงเกิดเป็นสหวิทยาการขึ้น แต่สหวิทยาการก็มีปัญหาอีกว่า พอทิ้งระยะไปสักพัก สหวิทยาการก็จะสถาปนาความเป็นศาสตร์ของตัวเองขึ้นมา อย่างที่เราเห็นกันว่ามันได้เละเทะไปแล้วในนิเทศศาสตร์ที่มีขนบเป็นของตัวเอง ซึ่งมันเคยเป็นสหวิทยาการมาก่อน แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าถ้าจะทำงานในแนวนิเทศ สามารถอ้างถึงแต่จากงานในนิเทศก็ได้ แล้วคุณไปเช็ควารสารนิเทศศาสตร์หลายๆ หัวได้เลย แทบไม่มีความคิดอะไรที่มีพลังให้อ่านมานานแล้วปัญหาโดยทั่วไปซึ่งมีคนพยายามแก้มานานแล้ว จึงเกิดเป็นสหวิทยาการขึ้น แต่สหวิทยาการก็มีปัญหาอีกว่า พอทิ้งระยะไปสักพัก สหวิทยาการก็จะสถาปนาความเป็นศาสตร์ของตัวเองขึ้นมา อย่างที่เราเห็นกันว่ามันได้เละเทะไปแล้วในนิเทศศาสตร์ที่มีขนบเป็นของตัวเอง ซึ่งมันเคยเป็นสหวิทยาการมาก่อน แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าถ้าจะทำงานในแนวนิเทศ สามารถอ้างถึงแต่จากงานในนิเทศก็ได้ แล้วคุณไปเช็ควารสารนิเทศศาสตร์หลายๆ หัวได้เลย แทบไม่มีความคิดอะไรที่มีพลังให้อ่านมานานแล้ว ในอีกทางหนึ่ง สื่อปัจจุบันที่พยายามย่อยความเป็นวิชาการให้เข้าใจง่ายก็กลายเป็น oversimplification คือทำให้กลับมากลายเป็นความง่าย ความสบายใจกับสิ่งเดิมที่รู้อยู่แล้ว ไม่ได้ให้รายละเอียดที่จะทำให้เห็นโอกาสและปัญหาใหม่ กลายเป็นสื่อที่น่าเชื่อถือมากขึ้นสำหรับผู้เสพเท่านั้น ที่ผมพยายามทำเนี่ยก็เป็นความทะเยอทะยานที่จะแก้ปัญหาทั้งหมดเหล่านี้ คือการสร้างสะพานระหว่างสิ่งต่างๆ มากกว่าจะกลายสิ่งหนึ่งให้กลายเป็นอีกสิ่งหนึ่ง ผมอยากทำให้ทุกสิ่งเกื้อกูลคุณค่าในตัวมันเองขึ้นมาได้บนเครือข่ายของความรู้ที่ไม่เป็นวงปิด แต่จะแก้ได้หรือเปล่าอันนี้ก็ไม่รู้นะ และหนังสือที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี่ก็ไม่ใช่คำตอบเดียว หรืออาจจะไม่ใช่คำตอบเลย ถึงยังพูดว่ามันเป็นแค่ความทะเยอทะยานเอาตรงๆ ตอนแรกก็กะจะทำให้ผู้ใหญ่ดูว่านี่คือโลกวิชาการที่คนรุ่นกูจะเอานะ กูไม่เอาแบบเดิมแล้ว แล้วก็จะค่อยๆ เปลี่ยนทิศไป แต่มันก็กลับมีคนรุ่นใหม่ๆ จองเข้ามาอยู่ ผมเอาเนื้อหาไปแอบเล่าให้ใครฟังเขาก็สนใจกัน คือมันก็ยังมีคนอ่านของมันอยู่โดยที่เขาไม่ต้องรู้ว่านี่คือกูกำลังซื้อหนังสือวิชาการหรืออะไร แต่นั่นไม่ใช่เรื่องหลักเท่าไหร่ ความสำคัญที่มันต้องกลายเป็นหนังสือก็คืออำนาจในการกลายเป็นเอกสารอ้างอิงที่ใช้พูดคุยกับอำนาจอื่นๆ ส่วนในทางความเป็นสื่อผมมองเป็นประเด็นรอง เมื่อมันออกมาเป็นหนังสือ คนรุ่นใหม่ๆ จะมองว่ามันขรึมขลัง ในขณะที่คนรุ่นเก่าๆ จะมองว่ามันเป็นความแปลกใหม่ที่เข้ามาในพื้นที่ความขรึมขลังของเขา และมันก็มีนักเขียนที่ส่งงานมาลงที่นี่สามารถเอาประวัติไปใช้ต่อยอดชีวิตตัวเองในทางวิชาการในโลกของผู้ใหญ่ได้แล้ว ซึ่งหมายความว่ามันก็เป็นทางเลือกทางวิชาการที่ใช้งานในทางอำนาจได้พอสมควร (ยังไม่นับว่ามันจะไปถึงการส่งพลังต่อสังคมไหม) แต่ในความใช้งานได้นั้น เราได้ตัดรายละเอียดอื่นๆ ที่กดทับการแสดงออกทางวิชาการออกไป จากที่ก่อนหน้านี้จะใช้งานได้ต้อง conform (ทำตาม) เขาทุกอย่าง อันนี้เราก็ทำให้มันเป็นพื้นที่ที่เจ้าของงานเขียนได้เป็นเจ้าของงานตัวเองมากขึ้นประโยชน์ตรงนี้คือสิ่งที่ผมเล็งเอาไว้มากกว่าแค่อยากทำหนังสือ ถัดมาคือผมก็มีความพยายามที่ทำให้มันออกไปมากกว่าความเป็นหนังสือเล่มอยู่ เพราะในอนาคตผมก็อยากจะให้วีดีโอ กลิ่น เสียง และสิ่งอื่นๆ จากผัสสะอื่นๆ มันใช้อ้างอิงได้เท่าตัวอักษรด้วย มันไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่ถ้ามนุษย์เรามีผัสสะได้มากมายหลายประเภท มันตลกที่เราเขียนวิจารณ์หนังเป็นตัวหนังสือ แทนที่จะกดหยุดเป็นจังหวะแล้วพูดถึงหนังทีละจังหวะ ส่งแบบนี้อาจเป็นงานวิจารณ์หนังที่ละเอียดกว่าแบบตัวหนังสือได้เลย แต่ credibility มันกลับไม่ได้มีเท่างานวิจารณ์ที่เป็นตัวหนังสือ เราอนุญาตให้สื่อที่เป็นตัวอักษรเป็นหัวหอกของโลกวิชาการอย่างเดียว ทั้งที่มนุษย์เราทำได้มากกว่านั้นมาตั้งนานแล้ว ส่วนนี้ก็กำลังค่อยๆ คิด ค่อยๆ ทำอยู่ ส่วนยอดขาย หรือคนจะมองว่าใหม่เก่า ผมก็ค่อนข้างพร้อมรับชะตากรรม หนังสือน่ะครับ ได้ต้นทุนคืนก็ฉลองได้แล้วมั้งใช่ครับ ในที่นี้งานวิชาการแบบ entertainment ก็มีส่วนในความเคลื่อนไหวต่างๆ ของสังคมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ด้วย วิชาการที่เรียกว่าหอคอยงาช้างที่จริงก็ไม่ได้อยู่บนหอคอยมาตั้งแต่ต้น เพียงแต่ความเชื่อมโยงของมันต่อสังคมอาจจะมองเห็นได้ยากหน่อย ผมอยากทำให้มันตอแหลน้อยลง แล้วส่งผลต่อสิ่งต่างๆ ได้มากขึ้น วันดีคืนดีงานปรัชญาอ่านไม่รู้เรื่องก็อาจเข้าไปแก้ไขปัญหาน้ำท่วมได้อย่างที่ (นักวิชาการที่ศึกษาเกี่ยวกับวิธีวิทยาและกระบวนทัศน์แบบภววิทยา และมีส่วนที่สำคัญในเทรนด์วิชาการ Ontological Turn) ได้ทำไว้กับงานวิจัยของเขาที่ไปมองเรื่องโครงสร้างพื้นฐานของน้ำที่พนมเปญ Casperทำได้แบบนั้นเพราะผมก็ตามว่าแกก็เขียนงานหอคอยงาช้างมาเป็นปีๆ เป็นพื้นฐานให้ตัวเองลงวิจัยภาคสนามอย่างอิสระได้อย่างสมเหตุสมผล ทีนี้บ้านเรานี่งานหอคอยงาช้างดีๆ มันก็มีแต่มันยังไม่มีคน bridge หรือสร้างสะพานจากหอคอยงาช้างตรงนั้นสู่สังคม นี่ผมไม่ได้จะมาด่านักวิชาการหอคอยงาช้างอะไรอีก ผมแค่จะมาบอกว่ามันต้องมีคน bridge เพิ่มขึ้น แล้วผมก็จะดีใจมากถ้านักวิชาการหอคอยงาช้าง bridge งานของตัวเองได้ทั้งหมดครับไม่ได้ หนังสือเล่มนั้นทำไม่ได้ แต่ทีนี้เวลานโยบายหรือการโยกย้ายทรัพยากรต่างๆ มันเกิดขึ้น นอกจากอำนาจแบบหนักแบบที่คุณเอาปืนไปจ่อหัวเขาจนได้มาแล้ว มันยังมีอำนาจในทางองค์ความรู้ที่มีอำนาจขึ้นมาได้ด้วยการอ้างถึงกันไปมาไม่จบสิ้น แต่เครือข่ายของการอ้างองค์ความรู้เก่าๆ เป็นสิ่งที่ผมไม่เชื่อเท่าไหร่ เพราะอ้างแต่ source เดิมๆ นั้น มันถึงได้วกวนกันอยู่กับข้อจำกัดแบบเดิมเหล่านั้น ผมต้องการที่จะสร้างเครือข่ายองค์ความรู้ชุดใหม่ที่ใช้ในการอ้างอิงต่อกันได้ผ่านฐานความคิดของคนรุ่นหลังๆ กันเองที่ทำหน้าที่เลือกใช้บางส่วนของคนรุ่นก่อนมา ทีนี้เวลาจะขยับเคลื่อนไหวเรื่องใดๆ เราก็จะอ้างอิงเครือข่ายงานเหล่านี้ที่สนับสนุนต่อวัฒนธรรมต่างๆ ที่มันกลั่นออกมาจากสมองของคนรุ่นหลังมากกว่าคนรุ่นเก่า กลายเป็นกระดูกสันหลังที่แข็งแรงของคนรุ่นหลังเองที่สร้างพื้นฐานทางความคิดของตัวเองใหม่ ซึ่งหนังสืออาจจะได้ทำหน้าที่ตรงนั้น วิธีคิดแบบนี้เป็นที่มาของชื่อศูนย์วิจัย (ศูนย์วิจัยเกี่ยวกับวัฒนธรรมคนรุ่นใหม่ ที่เกิดจากความร่วมมือของหลายเครือข่ายเยาวชน อยู่ระหว่างการจัดตั้งมีวัตถุประสงค์ผลิตงานวิจัยเพื่อนโยบายที่เกี่ยวข้องกับชีวิตที่ดีขึ้น และทบทวนเกี่ยวกับวัฒณธรรมของคนรุ่นใหม่โดยไม่จำกัดขนบวิธีวิจัย) กล่าวคือถ้าไปเริ่มอ้างจากงานเก่าที่สร้างขึ้นมาในพื้นที่เวลาเก่าๆ ซะเยอะเกินไป มันก็จะไม่พ้นการวกกลับไปเจอปัญหาคล้ายเดิมนับครั้งไม่ถ้วน หรือมองปัญหาไม่เห็นด้วยซ้ำ แต่ถ้าเริ่มใหม่ตั้งแต่ฐาน มันอาจจะมีความเป็นไปได้ใหม่รอเราอยู่ผมหมดหวังกับตรงนั้น และค่อนข้างดูถูกสติปัญญากับกำลังของตัวเองที่จะแก้ปัญหาที่ยากขนาดนั้น ปัญหาโลกวิชาการที่ผมคลุกคลีอยู่ค่อนข้างที่จะมีความเป็นไปได้ว่าจะอยู่กับเรามาก่อนและต่อไปไม่ว่าเราจะมีรัฐบาลแบบไหน ผมไม่ได้ปฏิเสธว่าสภาพการเมืองทุกวันนี้ไม่ใช่ปัญหาหรือไม่มีความเกี่ยวข้องกับปัญหาเรื่ององค์ความรู้ หรือทุกๆ อย่าง มันย่อมมีความเกี่ยวข้องโดยตรงอย่างที่เห็น แต่ผมมีข้อจำกัดอื่นๆ รวมถึงขอบเขตความกล้าหาญของผมอย่างปฏิเสธไม่ได้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่ามันก็มีส่วนอื่นที่ปรับเปลี่ยน แก้ไข เยียวยาได้เป็นการเมืองในอีกระดับหนึ่ง ผมทราบว่าปัญหาเรื่ององค์ความรู้ในทำนองเดียวกันนี้มันเป็นปัญหาร่วมในภูมิภาคของเรา มากกว่าแค่ในประเทศด้วย จากที่ทั้งมองทั้งทำมาในระยะสั้นๆ ปัญหาที่ร่ายมาทั้งหมดในบทสนทนานี้มันมีจุดร่วมที่น่าจะใช้เปลี่ยงแปลงอะไรได้จากมุมความสัมพันธ์ภายในภูมิภาค นี่เป็นทางที่ผมพอจะทำได้ และทำอยู่ กับส่วนอื่นๆ คงได้เพียงแต่เป็นกำลังใจให้ครับ /ไม่รู้ ยังไม่ได้ทำ เพจยังไม่ได้เปิด กรุณารอติดตามชมต่อไป
|
ไม่มีใครปฏิเสธความสำคัญของงานวิชาการได้ แต่ก็ไม่มีใครตอบได้เหมือนกันว่าตำแหน่งของงานวิชาการอยู่ที่ไหนในสังคมไทย ปัจจุบัน งานวิชาการถึงแม้จะสำคัญแต่ก็ดูไร้อนาคต
|
การเมือง,การศึกษา
|
Undergrad Rewrite,งานวิชาการ,นักข่าวพลเมือง,พริษฐ์ ชิวารักษ์,วริศ ลิขิตอนุสรณ์,สัมภาษณ์
|
https://prachatai.com/journal/2017/08/72791
|
มันนี่ เอ็กซ์โป สะพัดแสนล้านบาท
|
โดยธนาคารพาณิชย์ ได้นำแอพพลิเคชั่น สังคมไร้เงินสด มาเปิดให้บริการภายในงานนี้ เพื่อให้ประชาชนได้ทดทองใช้งานจริง,นางสาวภาคนี วิริยะรังสฤษฎ์ รองประธานจัดงานมหกรรมการเงิน Money Expo กล่าวว่า 4 วันของการจัดงาน มีประชาชนและผู้ประกอบการสมัครใช้บริการทางการเงินและการลงทุนรวม 106,000 ราย มียอดธุรกรรมการเงินเกิดขึ้นรวม 116,300 ล้านบาท โดยสินเชื่อบ้านยังเป็นบริการที่ประชาชนสมัครใช้บริการเป็นอันดับ 1 รวม 23,400 ราย รวมมูลค่า 74,000 ล้านบาท โดยเป็นการให้กู้เพื่อบ้านอย่างครบวงจร ทั้งซื้อ สร้าง ต่อเติม ซ่อมแซม ไถ่ถอนจำนอง (รีไฟแนนซ์) อันดับ 2 ได้แก่ สินเชื่อเอสเอ็มอี รวมวงเงินกู้และยอดค้ำประกันสินเชื่อ 31,900 ล้านบาท เอสเอ็มอีที่มากู้ในงานได้รับโปรโมชั่นพิเศษดอกเบี้ยต่ำ 1-4% เช่น สินเชื่อกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐคิดดอกเบี้ย 1% ต่อปี ไม่ต้องมีหลักประกัน และสินเชื่อเอสเอ็มอีสตาร์ตอัพ ดอกเบี้ย 3.99% ต่อปี เป็นต้น,อันดับ 3 เงินฝากที่มีจำนวน 1,990 ล้านบาท จากโปรโมชั่นเงินฝากดอกเบี้ยสูงของธนาคารที่นำมาแข่งขันกัน เช่น ธนาคารออมสิน มีโปรโมชั่นเงินฝากเผื่อเรียกพิเศษ 4 เดือน อัตราดอกเบี้ย Step up สูงสุด 4% ต่อปี, เงินฝากออมทรัพย์ ดอกเบี้ยสูง 1.8% ต่อปี ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ ส่วนสินเชื่อบุคคลมีผู้สมัครใช้บริการสูงเป็นอันดับ 4 รวม 13,400 ราย มูลค่ารวม 1,800 ล้านบาท อับดับ 5 บัตรเครดิต มีผู้สมัคร 19,000 ใบ รวมมูลค่า 1,300 ล้านบาท โดยผู้สมัครบัตรเครดิต สามารถรับบัตรได้ทันทีภายใน 1 ชั่วโมง ส่วนการบริการทางการเงินการลงทุนอื่นๆ เช่น การลงทุนซื้อกองทุนรวม 970 ล้านบาท การลงทุนซื้อประกันชีวิตและประกันวินาศภัย คิดเป็นทุนประกัน 1,400 ล้านบาท.
|
นายสันติ วิริยะรังสฤษฎ์ ประธานจัดงานมหกรรมการเงิน มันนี่ เอ็กซ์โป (Money Expo) ครั้งที่ 17 เมื่อวันที่ 11-14 พ.ค.ที่ผ่านมา ณ อาคารชาเลนเจอร์ 2-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ประสบความสำเร็จอย่างมาก
|
ข่าว,เศรษฐกิจ
|
มันนี่ เอ็กซ์โป,Money Expo,มหกรรมการเงิน,บริการทางการเงิน,เงินฝากดอกเบี้ยสูง
|
https://www.thairath.co.th/news/business/finance-banking/942152
|
แม่หญิงชาวเมียนมาสารภาพกุเรื่องถูกขโมยทอง
|
เมื่อวานนี้ (30 พ.ค.2562) ตำรวจ สภ.องครักษ์ จ.นครนายก พร้อมชุดสืบสวนนำตัว นางมะแลง ชาวเมียนมา อายุ 58 ปี ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ หลังตำรวจสอบปากคำจนทราบว่า นางมะแลง เป็นคนนำทองรูปพรรณของลูกสาวที่ฝังดินไว้ไปจำนำขณะทำการสอบสวนนางมะแลงให้การวกวน เจ้าหน้าที่จึงให้นางมะแลงสาบานต่อหน้าพระพุทธรูปในห้องสืบสวนเหมือนคำสาบานขณะในการในชั้นศาล ซึ่งทำให้นางมะแลงเกิดความกลัว จึงยอมรับสารภาพเรื่องทั้งหมดว่านำทองรูปพรรณน้ำหนักกว่า 7 บาทไปจำนำ เพื่อนำเงินไปรักษาสามีที่ป่วยเป็นโรคตับแข็งและจ่ายค่าทำพาสปอร์ตให้ลูกสาวขณะที่ น.ส.เชอรี่ และสามี ทราบว่าแม่ตนเองเป็นคนสร้างเรื่องทั้งหมด ทำให้รู้สึกตกใจและเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งเปิดบ้านให้แม่เข้ามาเอาตั๋วจำนำใบสุดท้ายที่นางมะแลงเก็บไว้ในบ้านมาให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเก็บไว้เป็นหลักฐาน
|
แม่หญิงชาวเมียนมารับสารภาพสร้างเรื่องถูกขโมยขุดทองที่ลูกสาวฝังดินไว้ พร้อมยอมรับนำทองไปจำนำเพื่อรักษาสามีที่เมียนมา
|
อาชญากรรม
|
ขโมยทอง,กุเรื่อง,เมียนมา,นครนายก,ThaiPBSnews
|
https://news.thaipbs.or.th/content/280506
|
ตร.จับเครือข่ายยาเสพติดเรือนจำนครศรีฯได้ผู้ต้องหา 9 คน พร้อมของกลางหลายรายการ
|
ปืนคาร์บินพร้อมกระสุน 19 นัด ปืนขนาด 9 มิลเมตร 2 กระบอก และ ยาบ้ากว่า 20000 เม็ด เป็นของกลางที่ตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานีตรวจยึดได้ หลังจับนายสมพร อ่อนเย็น พร้อมพวก 5 คน ซึ่งเป็นเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ในจังหวัดนครศรีธรรมราช นายสมพร รับสารภาพว่า มีการติดต่อสั่งซื้อยาเสพติดกับนายเบียร์ไม่ทราบนามสกุลนักโทษในเรือนจำกลางนครศรีธรรมราชเช่นเดียวกับตำรวจจังหวัดกระบี่จับนายอนุพงษ์ ขนานใต้ และพวก 2 คน พร้อมของกลางยาไอซ์กว่า 100 กรัมและเงิน 80000 บาท จากการสอบสวนพบว่า นายอนุพงษ์ เป็นบุตรชายเจ้าของรีสอร์ทในพื้นที่อ่าวไร่เล จังหวัดกระบี่ โดยนายอนุพงษ์ให้การว่ามีการติดต่อซื้อขายยาเสพติด ผ่านนักโทษรายหนึ่งซึ่งถูกจำคุกอยู่ในเรือนจำกลางนครศรีธรรมราชที่จังหวัดเชียงใหม่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรสันทราย ควบคุมผู้ค้ายาบ้ารายย่อยและผู้เสพ 6 คน ที่มีอายุระหว่าง 18- 20 ปี ภายในบ้านพัก ตำบลหนองหาร อำเภอสันทราย หลังได้รับแจ้งว่า มีกลุ่มวัยรุ่นลักลอบจำหน่ายยาบ้า โดยตรวจยึด ยาบ้า 1500 เม็ด ปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ 2 กระบอก พร้อมกระสุน และ ลูกระเบิด 1 ลูก โดยผู้ต้องหารับสารภาพว่าร่วมกันค้ายาบ้า โดยมีเครือข่าย กว่า 10 คน ที่รับยาไปขายต่อ
|
ตำรวจจังหวัดกระบี่ และ จังหวัดสุราษฎร์ธานีจับผู้ต้องหาค้าเสพติดเครือข่ายยาเสพติดในเรือนจำกลางนครศรีธรรมราชได้ผู้ต้องหา 9 คน พร้อมของกลาง ยาเสพติด เงิน และ ปืนหลายรายการ
|
ภูมิภาค
|
นครศรีธรรมราช,ยาเสพติด,เครือข่าย,เรือนจำ
|
https://news.thaipbs.or.th/content/88307
|
กองปราบ จับสาวใหญ่สุดแสบ หลอกตุ๋นเพชร 18 รายการ มูลค่ากว่า 7 ล้าน
|
วันที่ 8 เม.ย. ที่ กองปราบปราม พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป.สั่งการ พ.ต.อ.แมน เม่นแย้ม ผกก.4 บก.ป. พ.ต.ต.ณัฐพงศ์ อำไพจิตร์ สว.กก.4 บก.ป.นำกำลังจับกุม น.ส.จุฑารัตน์ นาวารัตน์ อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 61 หมู่ 1 ต.ศรีษะทอง อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ตามหมายจับศาลแขวงพระนครเหนือ ที่ จ.752/2561 ลงวันที่ 26 ตุลาคม 2561 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกง ได้ที่หน้าบ้านเลขที่ 61 หมู่ 1 ต.ศรีษะทอง อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ,พ.ต.ต.ณัฐพงศ์ กล่าวว่า เมื่อเดือน ม.ค.-พ.ค. 2560 น.ส.จุฑารัตน์ ได้ร่วมกับพวกรวม 4 ราย ติดต่อซื้อขายเครื่องประดับเพชรพลอยกับผู้เสียหาย รวม 18 รายการ เป็นเงินกว่า 7 ล้านบาท โดยขอเอาสินค้าไปให้ไฮโซ และคนมีชื่อเสียงในสังคมดูสินค้าก่อน จากนั้นจะจ่ายเงินให้ผู้เสียหายเมื่อมีการซื้อขายกันแล้ว เมื่อผู้ต้องหากับพวกได้เครื่องประดับไปแล้ว ยังได้หลอกยืมเงินผู้เสียหายอีก 5 แสนบาท,พ.ต.ต.ณัฐพงศ์ กล่าวต่อว่า ต่อมาผู้เสียหายได้ทวงเงินค่าเครื่องประดับและเงินที่ให้ยืมคืน แต่ถูกกลุ่มผู้ต้องหาเลื่อนเรื่อยมา จึงเดินทางแจ้งกับ กก. 4 บก.ป. ต่อมา ผู้ต้องหาในคดี 3 ราย เข้ามารับทราบข้อกล่าวหา เหลือเพียง น.ส.จุฑารัตน์ ที่หลบหนี จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขอหมายจับต่อศาล กระทั่งสืบทราบว่าผู้ต้องหาหลบหนีมาอยู่ใน จ.นครปฐม จึงนำกำลังจับกุมดังกล่าว ,สอบสวน น.ส.จุฑารัตน์ ให้การปฏิเสธ นำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ป.ดำเนินคดี สำหรับผู้ต้องหา 3 ราย ที่เข้ารับทราบข้อกล่าวหาก่อนหน้านี้ได้หลบหนีไม่มาพบพนักงานสอบสวน เพื่อนำตัวส่งอัยการ จึงได้ออกหมายจับต่อศาลแขวงพระนครเหนือ เพื่อติดตามจับกุมมาดำเนินคดี ต่อไป
|
กองปราบ จับสาวใหญ่ หลอกตุ๋นเพชรสุดแสบ ยืมเครื่องประดับ 18 รายการ มูลค่ากว่า 7 ล้าน อ้าง เอาไปให้พวกไฮโซดู แล้วบ่ายเบี่ยงไม่คืน แถมยังหลอกยืมเงินสดอีก 5 แสน
|
ข่าว,ทั่วไทย
|
สาวใหญ่,ตุ๋นเพชร,เพชร มูลค่า 7 ล้าน,หลอกยืมเครื่องประดับ,กองปราบปราม,ข่าวทั่วไป
|
https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1539838
|
ชาคริต ถูกใจฉายา เลื้อยสะดุดหยุดที่เจ๊ ปัดถูกปลดพิธีกร เชฟกระทะเหล็ก
|
ชาคริต แย้มนาม, หลัง ,แอน–ภัททิรา รุ่งโรจน์, ตั้งครรภ์ได้ 6 เดือนกว่า เจอ ชาคริต มาร่วมงาน Teapot Choc It Out อร่อยช็อก กับ Teapot ที่เซ็นทรัลเวิลด์ เลยถามว่า ,เห็นภาพตัวเองเป็นคุณพ่อรึยัง?, อีก 3 เดือนแล้ว เร็วเนอะ ส่วนกำหนดคลอดหมอบอกว่า 1 พ.ค.ครับ ถามว่าต้องดูฤกษ์มั้ย เคยถามอยู่เหมือนกัน แต่เราก็ดูไว้คร่าวๆ เพราะเราก็ดูตามสุขภาพคุณแม่ว่าจะธรรมชาติหรือผ่า เดี๋ยวอีกสักเดือนนึงก็จะวางแพลนแล้ว ,แอนเห่อมั้ย?, ก็เริ่มโอย ลุกขึ้นก็โอย เพราะน้องเริ่มฟอร์มร่างกายแล้ว ถามว่าเราเห่อมั้ย ทุกคนนะ เพื่อนๆด้วย ลูกเราเหมือนลูกเค้าเลย เราก็ดีใจที่มีพี่ป้าน้าอาหลายคนพร้อมเลี้ยง ช่วยกันเลี้ยงช่วยกันดู,อาการแพ้ท้องแทนภรรยาหายไปรึยัง?, ตอนนี้ยังเป็นอยู่ กินเยอะอยู่บ้าง อาจจะมีเรื่องอารมณ์ขี้หงุดหงิด ขี้น้อยใจ กลายเป็นเราเป็นแทน เค้าไม่เป็นเท่าไหร่ ,ถามถึงฉายาของเรา เลื้อยสะดุด หยุดที่เจ๊ เป็นไงบ้าง?, เออ ชอบๆ อันนี้หยุดซะทีเหอะ (หัวเราะ) อันนี้แฮปปี้สุดละ ก็ไม่เคยไปไหนเนอะ หยุดก็หยุด ,มีข่าวเราหลุดงานพิธีกรรายการ เชฟกระทะเหล็ก?, เป็นการคุยกัน ทางพี่หนุ่มเองเค้าเปลี่ยนรูปแบบรายการ ซึ่งเราเข้าใจอยู่แล้ว มันก็อาจจะถึงจุดอิ่มตัวของมันเพราะมันก็ 6 ปีแล้วถามว่าตัวเราเองเสียดายมั้ย มันก็เป็นรายการที่เราชอบนะ สุดท้ายเราเองก็ต้องมีอย่างอื่นที่เราต้องไปทำ มีรายการของเราต้องทำต่อไป เดี๋ยวเดือน ก.พ.นี้ รายการ ทัวร์ตัวแตก จะเริ่มทำเป็นทัวร์แล้ว ไปตามรอยที่พวกผมไปกินอะไรกันในแต่ละซีซั่น อันนี้ก็ต้องให้เวลาเต็มที่เหมือนกัน,มีข่าวว่าเราไปทำงานสายเลยโดนปลด?, อันนี้ก็แล้วแต่ ทุกคนก็เข้าใจว่าผมทำงานเยอะ มันก็โหลด อาจจะมีที่ไปสายกว่าเวลานัด แต่พอไปถึงเราก็ทำงาน โชคดีที่เราทำงานเร็ว แต่ด้วยการคุยกัน เค้าอยากเปลี่ยนให้มันเป็นรูปแบบตลกมากกว่า แต่เรากับอาหารมันไม่ค่อยขำ เรารู้สึกว่าเราเป็นคนไม่เล่นตลกกับอาหาร ผมว่าอาหารเป็นสิ่งที่ต้องเคารพ มันไม่ใช่สิ่งที่มาโยนทิ้งโยนขว้าง แต่ก็ยังคุยกันตลอดเวลา ไม่มีอะไรครับ.
|
นับถอยหลังใกล้เป็นคุณพ่อป้ายแดงแล้วสำหรับพระเอกฮอต ชาคริต แย้มนาม หลัง แอน–ภัททิรา รุ่งโรจน์ ตั้งครรภ์ได้ 6 เดือนกว่า
|
บันเทิง,ข่าวบันเทิง
|
ชาคริต แย้มนาม,แอน ภัททิรา,มาสาย,เชฟกระทะเหล็ก,ฉายา,ดารา
|
https://www.thairath.co.th/entertain/news/1175988
|
กู้ภัย พกประแจเบอร์ 12 ทุกวัน โอดช่วยคนเจ็บบน มอเตอร์เวย์ สุดลำบาก
|
นายสุรวุฒิ เกิดชัย รองประธานกู้ภัยสว่างประทีป ศรีราชา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เปิดเผยว่า ก่อนปี 2560 ประชาชนและชาวบ้านในพื้นที่ ได้ใช้ถนนมอเตอร์เวย์สาย 7 ช่วง หนองมน ศรีราชา แหลมฉบัง ยาวไปจนถึง พัทยา ฟรี ต่อมาเริ่มมีการเก็บเงินค่าผ่านทาง มีการกั้นรั้ว ทำให้บริเวณดังกล่าวไม่มีจุดเข้าออก,อย่างไรก็ตาม หากเกิดอุบัติเหตุบนถนนมอเตอร์เวย์ช่วงบริเวณ ศรีราชา ยาวไปจนถึงหนองมน ไม่ว่าจะเป็นขาเข้าเมืองพัทยา หรือ ขาออกมุ่งหน้าไปกรุงเทพฯ สิ่งที่กู้ภัยทำได้เพื่อเข้าไปช่วยเหลือคนเจ็บก็คือ ต้องใช้ประแจเบอร์ 12 ขันนอตเพื่อนำเหล็กลูกกรงออก หรือต้องปีนข้ามรั้วไปช่วยผู้บาดเจ็บ จากนั้นก็จะลำเลียงคนบาดเจ็บออกมาเพื่อส่งต่อโรงพยาบาล,อุบัติเหตุบนถนนมอเตอร์เวย์ตรงนี้เป็นปัญหาบ่อยมากๆ การเข้าไปช่วยเหลือต้องตัดลูกกรงเหล็กบ้าง ปีนเข้าไปบ้าง และต้องยกคนเจ็บปีนข้ามรั้ว ซึ่งหากเหตุเกิดช่วงศรีราชา บางครั้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องเข้าไปในถนนมอเตอร์เวย์ และหากจะออกมาจากถนนเส้นนี้ก็ต้องขับรถไปไกลถึง 20 กิโลเมตร ซึ่งตรงนั้นก็ถึงทางออก อ.เมืองชลบุรี พอดี กรณีคนเจ็บต้องการกลับมารักษาที่ศรีราชา กู้ภัย ก็ต้องขับพามาอีก 20 กิโลเมตร,ทั้งนี้ ประเด็นดังกล่าวทั้งชาวบ้าน และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้พยายามพูดคุยกันมาโดยตลอดว่า เราอยากได้ทางออกฉุกเฉิน สำหรับช่วยเหลือคนเจ็บ หรือผู้ประสบอุบัติเหตุบนมอเตอร์เวย์,ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์, ถามว่า บริเวณดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่ของมอเตอร์เวย์ดูแลหรือไม่ นายสุรวุฒิ ระบุว่า บริเวณนั้นมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกให้ เช่น รถกระบะที่ให้สัญญาไฟว่ามีอุบัติเหตุ แต่ไม่มีรถพยาบาล หากเกิดอุบัติเหตุ และมีผู้บาดเจ็บจะเป็นหน้าที่ของกู้ภัยเข้าช่วยเหลือ,ยกตัวอย่างเช่น เมื่อวันที่ 12 มี.ค. 62 ที่ผ่านมา มีอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำบนถนนมอเตอร์เวย์ ช่วงศรีราชา มีผู้ได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องใช้ประแจเบอร์ 12 ไขเหล็กเอารั้วออก ซึ่งสภาพอากาศร้อนมากๆ จากนั้นก็ต้องปีนข้ามรั้วออกมา ซึ่งหากเป็นช่วงกลางคืน ทีมกู้ภัยไม่สามารถเอารถเข้าไปบนนถนนมอเตอร์เวย์ได้ เราก็ต้องใช้คนจำนวนมากในการลำเลียงคนออกมาเพื่อส่งต่อโรงพยาบาล ,ผมก็อยากฝากให้ผู้ที่เกี่ยวข้องช่วยดูแลตรงนี้ให้ด้วย อยากให้คำนึงถึงหากมีผู้บาดเจ็บที่ต้องได้รับการช่วยเหลือแบบทันท่วงที ไม่ใช่แค่ตรงจุดนี้เพียงอย่างเดียว แต่อาจจะยาวไปช่วงถนนที่ไม่มีทางออกฉุกเฉิน,(ขอบคุณภาพจาก สุรวุฒิ เกิดชัย )
|
กู้ภัย พกประแจเบอร์ 12 ทุกวัน โอดช่วยคนเจ็บบนถนนมอเตอร์เวย์ สาย 7 ช่วง หนองมน ศรีราชา แหลมฉบัง พัทยา สุดลำบาก ต้องปีน ใช้ประแจไขรั้ว ช่วยเหลือคน
|
ข่าว,สังคม
|
มอเตอร์เวย์ ชลบุรี-พัทยา,กู้ภัย,ทางออกฉุกเฉิน,ข่าวโซเชียล,ศรีราชา,ข่าวทั่วไป
|
https://www.thairath.co.th/news/society/1518116
|
หิมะตกหนักในมณฑลชิงไห่ของจีน
|
มีหิมะตกหนักทางตอนใต้ของมณฑลชิงไห่ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน เนื่องจากอิทธิพลของอากาศเย็นที่ปกคลุมภูมิภาค ในหลายพื้นที่มีหิมะตกวัดปริมาณได้ 8.3 มิลลิเมตร ขณะที่บางเมืองมีหิมะตกวัดปริมาณได้ 120 มิลลิเมตรในช่วงเวลา 12 ชั่วโมง นอกจากนี้หิมะยังส่งผลกระทบต่อการเลี้ยงสัตว์ในภูมิภาคนี้ด้วยหลายพื้นที่ทางตอนใต้ของมณฑลชิงไห่ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของที่ราบสูงชิงไห่ธิเบตมีอุณหภูมิติดลบ 8 องศาเซลเซียส ทางหลวงหลายสายถูกปกคลุมด้วยหิมะที่จับตัวเป็นน้ำแข็ง คนขับรถจำนวนมากต้องใช้อุปกรณ์เหมือนโซ่ติดตั้งที่ล้อรถเพื่อความปลอดภัย นอกจากนี้หมอกที่ลงจัดซึ่งเป็นผลจากหิมะตกยังส่งผลต่อทัศนวิสัยในการขับขี่ด้วยสถานีอุตุนิยมวิทยาชิงไห่เตือนชาวเมืองว่าจะต้องเผชิญกับหิมะตกและฝนตกอีกครั้งในสัปดาห์หน้า สภาพอากาศที่ย่ำแย่ส่งผลต่อโครงการก่อสร้างในเมืองอวี้ชู ซึ่งเสียหายจากแผ่นดินไหวขนาด 7.1 ริกเตอร์เมื่อเดือน เม.ย.53 ด้วย
|
อากาศเย็นที่ปกคลุมภูมิภาคทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีนทำให้เกิดหิมะตกหนักในมณฑลชิงไห่
|
ต่างประเทศ
|
จีน,มณฑลชิงไห่,หิมะ
|
https://news.thaipbs.or.th/content/43756
|
น่าสงสาร ดาบตร.ดวงดับเตรียมรับขบวนเสด็จ รถตู้ตีนผีพุ่งชนดับ
|
เมื่อวันที่ 9 พ.ย.2558 พ.ต.ท.สฤษดิ์ บุตรหนองแสง พนักงานสอบสวนชำนาญการ สภ.ท่าฉัตรไชย จ.ภูเก็ต ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าเกิดอุบัติเหตุรถตู้พุ่งชนรถจักรยานยนต์เจ้าหน้าที่ตำรวจบริเวณสามแยกร้านป้าเนินผัดไทยสนามบิน หมู่ 1 ถ.สนามบิน-บ้านสาคู ต.สาคู อ.ถลาง มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าฉัตรไชย ได้รับบาดเจ็บสาหัสขณะปฏิบัติหน้าที่,ที่เกิดเหตุเป็นสามแยกทางไปสนามบินภูเก็ต ที่พื้นถนนบริเวณทางแยก พบเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่งเครื่องแบบนอนอยู่ที่พื้นถนน สภาพเครื่องแบบฉีกขาดสลบไม่รู้สึกตัวเลือดอาบร่าง ทราบชื่อในเวลาต่อมาคือ ด.ต.สุทัศน์ สองเมือง อายุ 40 ปี ผบ.หมู่งานป้องกันปราบปราม สภ.ท่าฉัตรไชย โดยมี พ.ต.อ.สมาน ชัยณรงค์ รอง.ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าฉัตรไชย อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุขณะเกิดเหตุ เนื่องจากอยู่ระหว่างการรักษาความปลอดภัยเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดอาคารเฉลิมพระเกียรติ 59 พรรษาสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ณ โรงพยาบาลวชิระภูเก็ตในเวลา 13.00 น.,โดยพบรถตู้ยี่ห้อโตโยต้าสีบรอนซ์เงิน ทะเบียนป้ายเหลือง 30-0404 พังงา สภาพบริเวณกันชนขวาแตกเสียหายจอดอยู่ริมถนน ใกล้กับรถ จยย.ฮอนด้าเวฟสีบรอนซ์เงิน ทะเบียน 1 กก7196 ภูเก็ต สภาพด้านหน้าและหลังพังเสียหาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถควบคุมตัวคนขับรถตู้ไป,สอบสวนและนำตัวไปตรวจวัดแอลกฮอล์ที่ รพ.ถลางตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดของชาวบ้านที่ติดตั้งอยู่หน้าบ้าน พบว่า ก่อนเกิดเหตุ ด.ต.สุทัศน์ ได้ขี่รถ จยย.คันดังกล่าวมาจอดอยู่บริเวณทางเลี้ยวกลับรถเพื่อจะเลี้ยวรถไปยังสามแยกสนามบินภูเก็ตสายใหม่ ต.สาคู อ.ถลาง เพื่อไปปฏิบัติหน้าที่ดูแลเส้นทางขบวนเสด็จ ทันใดนั้นได้มีรถตู้คันดังกล่าววิ่งมาด้วยความเร็วมุ่งหน้าไปสนามบินภูเก็ตปีนขึ้นเกาะกลางถนนชนต้นไม้ ป้ายสัญลักษณ์และพุ่งชนรถ จยย.ของ ด.ต.สุทัศน์ กระเด็นไปกลางถนนจนได้รับบาดเจ็บสาหัสและไปเสียชีวิตที่ รพ.ถลาง ในเวลาต่อมา อย่างไรก็ดีเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สอบสวนข้อเท็จจริงอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อแจ้งข้อหาโชเฟอร์รถตู้คันดังกล่าวต่อไป.
|
อีกแล้ว! ดาบตำรวจ ผบ.หมู่งานป้องกันปราบปราม สภ.ท่าฉัตรไชย เตรียมพร้อมตั้งขบวนรับเสด็จที่ ถ.สนามบิน-บ้านสาคู อ.ถลาง จ.ภูเก็ต โชเฟอร์รถตู้ตีนผี ขับปีนฟุตปาท ก่อนพุ่งชน ตร.ขณะขับขี่จยย.บาดเจ็บสาหัสแล้วไปเสียชีวิต รพ.
|
ข่าว,ทั่วไทย
|
ดาบตำรวจโดนรถชน,ท่าฉัตรไชย,สฤษดิ์ บุตรหนองแสง,รพ.ถลาง,สุทัศน์ สองเมือง,รถชนตำรวจภูเก็ตดับ,อุบัติเหตุ,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวทั่วไทย
|
https://www.thairath.co.th/news/local/538174
|
เสวนา: สิทธิการชุมนุมของกรรมกร กรณีคนงานไทรอัมพ์ฯ
|
แต่รัฐซึ่งหมายรวมถึงศาลต้องปฏิบัติตาม ขณะผู้นำแรงงานสงสัยทำไมตั้งข้อหาแค่สามคน ทั้งที่ไปเป็นร้อยๆ(19 ส.ค.55) ในการเสวนา เรื่อง จัดโดยเครือข่ายนักกฎหมายสิทธิ ร่วมกับสหภาพแรงงานไทรอัมพ์อินเตอร์เนชั่นแนลแห่งประเทศไทย กลุ่มคนงาน Try Arm และกลุ่มประกายไฟ ณ ห้องประชุมอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา ร่วมเสวนาโดยจิตรา คชเดช เจ้าหน้าที่สหภาพแรงงานไทรอัมพ์ฯ และผู้ต้องหาในคดี ศราวุฒิ ประทุมราช นักกฎหมายสิทธิมนุษยชน จันทจิรา เอี่ยมมยุรา อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชาลี ลอยสูง ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงาน ทั้งนี้ ผู้จัดแจ้งว่าได้ติดต่อกระทรวงแรงงานแล้ว แต่อธิบดีและผู้อำนวยการแรงงานสัมพันธ์ติดราชการต่างประเทศจึงไม่สามารถมาร่วมได้จิตรา คชเดช เจ้าหน้าที่สหภาพแรงงานไทรอัมพ์ฯ และผู้ต้องหาในคดีฝ่าฝืนมาตรา 215-216 ประมวลกฎหมายอาญา เล่าที่มาของคดีดังกล่าวว่า สืบเนื่องจากการเลิกจ้างพนักงานขนานใหญ่ของบริษัทบอดี้แฟชั่น ประเทศไทย จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายชุดชั้นในไทรอัมพ์ ในวันที่ 27 มิ.ย.52 ซึ่งสหภาพแรงงานมองว่าขัดต่อสภาพการจ้างที่ตกลงกันไว้ว่าถ้าจะมีการเลิกจ้างจำนวนมาก ต้องแจ้งล่วงหน้า 60 วัน และจ่ายค่าชดเชยมากกว่ากฎหมายกำหนด อย่างไรก็ตาม บริษัทได้แจ้งว่าประกาศเลิกจ้างจะมีผลในวันที่ 27 ส.ค. ซึ่งเข้าข่ายแจ้งล่วงหน้า 60 วันแล้ว รวมถึงขอให้คนงานไม่ต้องมาทำงานในช่วงดังกล่าว แต่จะได้รับค่าจ้างจน 27 ส.ค. ส่วนเรื่องการจ่ายเงินชดเชยตามกฎหมายนั้น บริษัทระบุเพียงว่าไม่เข้าข่ายจิตรา เล่าต่อว่า จากนั้น สหภาพแรงงานไทรอัมพ์ฯ เดินทางไปชุมนุมยังหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อเรียกร้องให้แก้ไขปัญหา ให้มีการรับคนงานกลับเข้าทำงานและปฏิบัติตาม พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล บีโอไอ ซึ่งอนุมัติเงินลงทุนให้บริษัท สถานทูตสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นประเทศที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทตั้งอยู่ ฯลฯ จนวันที่ 27 ส.ค. ซึ่งเป็นวันที่การเลิกจ้างจะมีผล จึงได้เดินทางไปทวงถามความคืบหน้าจากรัฐบาลอีกครั้ง โดยยืนยันว่าไม่ได้มีวาระทางการเมืองใดๆ แต่ดูเหมือนรัฐบาลมองว่าเป็นเรื่องเกี่ยวโยงกับกลุ่มเสื้อแดงซึ่งจะชุมนุมในวันที่ 30 ส.ค.ในขณะนั้นอดีตประธานสหภาพแรงงานไทรอัมพ์ เล่าว่า โดยวันดังกล่าว เมื่อไปถึงทำเนียบรัฐบาล ไม่มีใครมารับหนังสือจึงเดินทางต่อไปที่รัฐสภา ซึ่งได้รับการอำนวยความสะดวกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจในการเดินทาง พอไปถึงหน้ารัฐสภา ได้รับแจ้งว่านายกฯ (อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) ไม่ออกมารับหนังสือ และจากการประสานงาน ท้ายที่สุด ได้เข้าพูดคุยกับประธานวิปฝ่ายค้านและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ซึ่งรับปากว่าจะแก้ปัญหา จากนั้นจึงได้เดินทางกลับจิตรา เล่าว่า ขณะที่อยู่ที่หน้ารัฐสภานั้น คนงานเห็นเครื่อง LRAD (Long Range Acoustic Device) ตั้งอยู่ใกล้รั้ว แต่ไม่รู้ว่าคือเครื่องอะไร ยังนึกกันว่าเป็นเครื่องถ่ายทอดสด และเมื่อมีการใช้เครื่องดังกล่าว ก็ยังเข้าใจกันว่าเป็นเสียงไมค์หอนด้วยซ้ำ เพราะเครื่องดังกล่าวส่งเสียงดังรบกวนจนทำให้การสื่อสารระหว่างกันไม่รู้เรื่อง จนคนงานต้องตะโกนร้องเพลงตอบโต้ ทั้งนี้ ภายหลังเพิ่งรู้ว่าเครื่องดังกล่าวคือ LRAD ที่ใช้กันในสงครามอิรัก ใช้กับโจรสลัดโซมาเลีย หรือศัตรูระยะไกลที่มองไม่เห็นตัว เพื่อทำให้ศัตรูวิ่งออกจากที่ซ่อนจิตรา กล่าวว่า ผลจากวันนั้น มีคนงานที่หูชั้นกลางอักเสบ รวมถึงร่างกายอ่อนเพลียต้องพักหลายวัน ขณะที่ตนเองและเพื่อนคนงานอีก 2 คนถูกออกหมายจับ ด้วยข้อหามั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย หรือทำให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง เจ้าพนักงานสั่งให้เลิกแล้วไม่เลิก และ พ.ร.บ.จราจร โดยมี พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์ และสุดา รังกุพันธุ์ อาจารย์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นนายประกัน ต่อมา อัยกาารสั่งฟ้องด้วยข้อหามั่วสุมเกินสิบคน สั่งให้เลิกแล้วไม่เลิก ส่วน พ.ร.บ.จราจร นั้นหมดอายุความ จึงฟ้องไม่ได้ ในชั้นนี้ได้ ส.ส.สุชาติ ลายน้ำเงิน ใช้ตำแหน่งประกันตัวให้วงเงินคนละ 200000 บาท โดยจะมีการนัดสืบพยานที่ศาลอาญา ในวันที่ 23-24 และ 28-30 ส.ค.นี้จิตรา กล่าวด้วยว่า ยังเชื่อมั่นในสิทธิการชุมนุม และยืนยันว่าวันดังกล่าวไม่มีการก่อความวุ่นวาย พร้อมตั้งคำถามด้วยว่าอะไรคือความวุ่นวายที่หมายถึงผู้ใดมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับถ้าผู้กระทำความผิดคนหนึ่งคนใดมีอาวุธ บรรดาผู้ที่กระทำความผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับถ้าผู้กระทำความผิดเป็นหัว หน้า หรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการในการกระทำความผิดนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ เมื่อเจ้าพนักงานสั่งผู้ที่มั่วสุมเพื่อกระทำความผิดตามมาตรา 215 ให้เลิกไป ผู้ใดไม่เลิก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับศราวุฒิ ประทุมราช นักกฎหมายสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า เสรีภาพในการชุมนุมโดยปราศจากอาวุธ ถูกรับรองอยู่แล้วในกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางแพ่งและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights: ICCPR) ข้อ 21 และไทยก็เข้าภาคีของกติกาฉบับนี้ อย่างไรก็ตาม กรณีประเทศไทย เมื่อมีการรับรองกฎหมายระหว่างประเทศแล้วไม่สามารถอนุวัตใช้กับกฎหมายภายในได้ทันที แต่ต้องออกเป็นพระราชบัญญัติก่อน ขณะที่ในกฎหมายระหว่างประเทศระบุว่า หลังเข้าเป็นภาคี รัฐนั้นๆ ต้องทำให้กฎหมายของตัวเองสอดคล้องกับกติกาดังกล่าว ซึ่งส่วนตัว เขามองว่ารัฐในที่นี้หมายรวมถึงอำนาจทั้งสามส่วน คือ ตุลาการ บริหาร และนิติบัญญัติศราวุฒิ กล่าวว่า การชุมนุมเป็นเสรีภาพในการแสดงความเห็น เพื่อทำให้เห็นถึงความเดือดร้อนของผู้ชุมนุม และให้รัฐบรรเทาความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น ซึ่งไม่ควรต้องใช้กฎหมายอาญามาจัดการ โดยควรดูเจตนาและองค์ประกอบต่างๆ ด้วย ทั้งนี้ เขามองว่า กฎหมายอาญา มาตรา 215 นั้น เป็นเรื่องของการรวมตัวกันเพื่อทำผิดกฎหมาย ก่อความไม่สงบ เปลี่ยนแปลงการปกครอง หรืออั้งยี่ มากกว่าเขาชี้ว่า ที่ผ่านมา การชุมนุมตั้งแต่ 14 ต.ค.16 พ.ค.35 พ.ค.53 หรือการชุมนุมเรื่องราคาพืชผลต่างๆ แม้จะอ้างสิทธิตามรัฐธรรมนูญ แต่รัฐก็มักอ้างเหตุการคุ้มครองประโยชน์สาธารณะ เพื่อสลายการชุมนุม นั่นเพราะเรายังไม่มีกฎหมายการชุมนุม อย่างไรก็ตาม ย้ำว่า หากจะมีกฎหมายการชุมนุมจะต้องมีเพื่อส่งเสริมการใช้เสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบเขามองว่าชุมนุมป็นการแสดงสัญลักษณ์อย่างหนึ่ง เช่น การจุดเทียนเพื่อบอกว่ามีความมืดในการใช้เสรีภาพหรือระลึกผู้เสียชีวิต การนอนกีดขวางเส้นทาง แต่สิ่งเหล่านี้เป็นการกระทำชั่วคราวแล้วเลิก บอกให้รัฐรู้ว่ากำลังละเมิดสิทธิเสรีภาพ อย่างไรก็ตาม เมื่อรัฐไม่ออกมารับหนังสือ คนงานที่อยากแสดงความรู้สึกเดือดร้อน บางครั้งก็เลือกปิดถนนเขาตั้งคำถามว่า ความเดือดร้อนจากการปิดถนนกับการถูกเลิกจ้าง จะจัดความสัมพันธ์กันอย่างไร ทั้งนี้ เขาเห็นว่า ผู้ใช้รถใช้ถนนต้องสละเสรีภาพของตัวเองชั่วคราวเพื่อให้ผู้ที่เดือดร้อนได้ใช้เสรีภาพในการเรียกร้องให้รัฐมาแก้ไขปัญหา ดีกว่ามาบอกว่าเมื่อปิดถนนทุกครั้งต้องสลายการชุมนุมจันทจิรา เอี่ยมมยุรา อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า กรณีคดีของจิตราและเพื่อนคนงาน ถ้ากระบวนการยุติธรรมเป็นธรรมต้องไม่เป็นคดีแต่แรก เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ควรดำเนินคดี และพนักงานอัยการไม่ควรสั่งฟ้องเลยด้วยซ้ำจันทจิรา กล่าวว่า เสรีภาพในการชุมนุมเป็นเสรีภาพระดับรัฐธรรมนูญ และเป็นเสรีภาพที่สอดคล้องกับเสรีภาพในการรวมตัวเป็นสหภาพแรงงาน การนัดหยุดงาน การชุมนุมเพื่อต่อรองกับนายจ้าง ดังนั้น จะต้องผูกพันทุกองค์กรของรัฐ รวมทั้งศาลด้วย ตามมาตรา 27 ของรัฐธรรมนูญ (สิทธิเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญรับรองโดยชัดแจ้งย่อมได้รับความคุ้มครองผูกพันรัฐสภา รัฐมนตรี ศาล และองค์กรตามรัฐธรรมนูญ) เราสามารถกล่าวอ้างสิทธินี้ต่อศาล ต่อรัฐสภา ต่อกระทรวง ทบวง กรม ทั้งหมดได้ทั้งนี้ มาตรา 63 วรรคแรก ระบุว่า การชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ ย่อมได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย คำว่า โดยสงบ นั้นไม่ได้หมายถึง พับเพียบเรียบร้อย อยู่นิ่งๆ ไม่มีกิจกรรม แต่คำว่า โดยสงบ หมายความรวมถึงการใช้เครื่องเสียง ซึ่งบางทีอาจเป็นการก่อกวน เดือดร้อน รำคาญ หรือการเดินบนถนนทางเท้า จะเห็นว่ารบกวนทั้งสิ้น แต่อยู่ในข่ายที่รัฐธรรมนูญยังให้การรับรอง ถ้าใช้เสรีภาพอย่างสุจริตจันทจิรายกตัวอย่างว่า ผู้ชุมนุมมากัน 200 คน ก็ต้องแบ่งพื้นที่ให้รถใช้ส่วนหนึ่ง ทั้งนี้ ต้องแปรตามสภาพข้อเท็จจริง เช่น ถ้ามากันเป็นแสน ตำรวจก็ต้องปิดถนน จัดการจราจรเลี่ยงเส้นทางชุมนุม เป็นต้น โดยสงบ จึงไม่ใช่ไม่รบกวน หรือก่อความรำคาญเลย แต่ต้องเป็นไปอย่างได้สัดส่วน ดูตามสภาพข้อเท็จจริงเป็นเรื่องๆ ไปนอกจากนี้ คำว่าโดยสงบ ก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่ไปหน้าทำเนียบ หรือ หน้ารัฐสภา ถ้าเรื่องที่ต้องชุมนุมต้องเจรจากับผู้ออกกฎหมาย สถานที่ชุมนุมก็ต้องเป็นหน้ารัฐสภา ดังนั้นการดูว่าการชุมนุมเป็นไปโดยสงบหรือไม่ต้องดูเรื่องวัตถุประสงค์ ข้อเรียกร้องของการชุมนุม ต่อสถานที่และเวลาในการชุมนุม แม้ว่าจะรบกวนบุคคลที่ไม่ได้เห็นพ้องกับการชุมนุมก็ตามส่วน ปราศจากอาวุธ นั้น จันทจิรา กล่าวว่า การชุมนุมสมัยใหม่ ที่ต้องการเรียกร้องความสนใจจากสังคมและสื่อ ก็ต้องมีอุปกรณ์ ริ้ว ธง รถ ประกอบ หากอธิบายได้ว่า ใช้ในการชุมนุม ก็เป็นการใช้เสรีภาพโดยสุจริต โดยยกตัวอย่างคดีที่จะนะ ตำรวจฟ้องว่า ชาวบ้านไม่ได้ปราศจากอาวุธ มีด้ามธงไม้ไผ่เหลาปลายแหลมจำนวนมาก ชาวบ้านพกมีดสปาร์ต้า ตะกั่วถ่วงอวนปลา กรรไกร มีดพก ซึ่งศาลปกครอง ระบุว่า อาวุธมีสองประเภทคือ อาวุธโดยสภาพ หมายถึงมองแล้วรู้ว่าเป็นอาวุธ เช่น ปืน มีด และสิ่งที่ไม่ใช่อาวุธโดยสภาพ แต่กรณีนี้เมื่อเจ้าหน้าที่ใช้กำลังสลายการชุมนุม ชาวบ้านจึงใช้สิ่งใกล้มือเพื่อป้องกันตัว การชุมนุมดังกล่าวจึงถือเป็นการชุมนุมที่ปราศจากอาวุธจันทจิรา กล่าวว่า ในกฎหมายของต่างประเทศ รัฐอาจจำกัดเสรีภาพในการชุมนุมได้ เมื่อชุมนุมในที่สาธารณะ หมายถึง ที่เปิดโล่ง ไม่มีกำแพง รั้วหลังคา เช่น สี่แยก ถนน ลานกว้าง ทางพิเศษ เวลาวิกาล โดยเฉพาะต่อเนื่องหลายวันหลายคืน และมีลักษณะการชุมนุม ที่ยุยงให้ใช้กำลัง ก่อจลาจล หรือฝ่าฝืนกฎหมาย อย่างไรก็ตาม กรณีประเทศไทย หากรัฐจะจำกัดเสรีภาพ ต้องเสนอต่อรัฐสภา เพื่อออกกฎหมายในระดับพระราชบัญญัติ ทั้งนี้การจำกัดเสรีภาพดังกล่าว ต้องเป็นไปเพื่อให้บุคคลที่สามมีโอกาสใช้พื้นที่ สาธารณะร่วมด้วยจันทจิรา แสดงความเห็นต่อคดีที่ฟ้องคนงานไทรอัมพ์ฯ ว่า โดยหลักทั่วไป การชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธนั้นไม่ต้องขออนุญาต มาตรา 108 ของ พ.ร.บ.การจราจรทางบก ที่กล่าวว่าต้องขออนุญาตพนักงานจราจรก่อน ต้องหลีกทางให้กับเสรีภาพในการชุมนุมตามรัฐธรรมนูญ การแจ้งให้พนักงานจราจรทราบ ควรเป็นไปเพื่อให้เจ้าหน้าที่มีโอกาสอำนวยความสะดวกเท่านั้น เพื่อเป็นการแบ่งใช้พื้นที่สาธารณะและสร้างสมดุลระหว่างสิทธิเสรีภาพของผู้ชุมนุมกับผู้ใช้ถนน และแม้ว่า ไม่ได้แจ้งเพราะเป็นการจัดการชุมนุมโดยเร่งด่วน ในกฎหมายยังระบุว่า กรณีที่มีเหตุผลอันสมควร รัฐธรรมนูญยังคุ้มครองเสรีภาพให้เป็นการชุมนุมที่ชอบด้วยกฎหมายอยู่ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถออกคำสั่งให้ปฏิบัติตามในการแบ่งพื้นที่ได้อาจารย์คณะนิติศาสตร์ กล่าวว่า ประมวลอาญา 215 และ 216 เป็นกฎหมายอาญายอดฮิตที่พนักงานตำรวจมักตั้งข้อหากับผู้ชุมนุมในปัญหาปากท้อง หากเป็นการชุมนุมทางการเมืองก็จะพ่วงมาตรา 116 ว่าด้วยกบฏในราชอาณาจักรมาด้วย อย่างไรก็ตาม มาตรา 215 และ 216 จะเป็นความผิดเมื่อการชุมนุมนั้นมีวัตถุประสงค์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เช่น รวมตัวกันเพื่อปล้น เผา ก่อความวุ่นวาย ขณะที่การชุมนุมไม่ว่าจะเรียกร้องทางการเมืองให้ยุบสภา ไม่ให้ออกกฎหมาย หรือแก้ปัญหาปากท้อง เป็นการชุมนุมที่มีวัตถุประสงค์ที่ชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่เข้าลักษณะข่ายมั่วสุมส่วนการใช้เครื่องมือก่อกวนขัดขวางการชุมนุมอย่าง LRAD นั้น จันทจิรากล่าวว่า ในหลักสากล เมื่อประชาชนใช้เสรีภาพในรัฐธรรมนูญ ในทางตรงกันข้าม รัฐมีหน้าที่ส่งเสริมหรืออำนวยความสะดวก หรืออย่างน้อยไม่ขัดขวางการใช้เสรีภาพของประชาชน กรณีนี้ เจ้าหน้าที่บอกว่าใช้เป็นลำโพง แต่ไม่แจ้ง ก่อให้เกิดการข่มขวัญ กดดันผู้ชุมนุม อาจเข้าข่ายขัดขวางการใช้เสรีภาพโดยสงบของประชาชน ซึ่งในกฎหมายต่างประเทศ ถือเป็นโทษทางอาญาจันทจิราเรียกร้องว่า ถึงเวลาแล้วที่จะมีกฎหมายว่าด้วยการชุมนุมในที่สาธารณะ เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์การใช้เสรีภาพให้ชัดเจน ให้เจ้าหน้าที่รัฐรู้ว่าทำอะไรได้ไม่ได้ ขณะที่คนงานเองควรทำงานในเชิงรุก โดยใช้กลไกขององค์กรต่างๆ เช่น ผลักดันให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เสนอรายงานเชิงนโยบายต่อรัฐบาลเรื่องการใช้เสรีภาพในการชุมนุม ให้ตำรวจไม่ตั้งข้อหามาตรา 215-216 หรือออกหมายจับโดยง่าย เพราะหลายครั้งเมื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติมักอ้างว่าอยู่นอกเหนืออำนาจของตนเองแล้วต่อข้อเสนอดังกล่าว จิตราให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า กรณีที่คนงานไทรอัมพ์เคยไปร้องเรียนต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เรื่องการเลิกจ้าง ทำลายสหภาพฯ และการใช้เครื่อง LRAD ของเจ้าหน้าที่รัฐ เมื่อปี 52 เมื่อ 16 ส.ค. ที่ผ่านมา รายงานออกมาแล้ว โดยเชื่อตามเจ้าหน้าที่ตำรวจที่บอกว่าไม่ได้ใช้เครื่องดังกล่าว ทั้งที่ฝ่ายคนงานมีหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอชัดเจนชาลี ลอยสูง ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย กล่าวว่า คนงานที่จะเรียกร้องสิทธิของตัวเองต้องเกาะกลุ่มกัน แต่นายจ้างอาจจะไม่ให้ตามข้อเรียกร้อง การชุมนุมจึงถือเป็นอาวุธหนึ่งของคนงานในการสร้างอำนาจต่อรอง โดยเมื่อ 30 ปีก่อน การชุมนุมจะอยู่ในบริเวณสถานประกอบการ พอชุมนุมก็ปิดโรงงานไม่ให้นายจ้างเข้าไปได้ ส่วนคนงานก็มีน้ำ-ไฟใช้ มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ทำให้คนงานมีพลังและมีอำนาจต่อรองมาก ต่อมาในช่วงประมาณปี 2520 เมื่อมีการชุมนุมมากๆ เข้า นายจ้างก็ตอบโต้ด้วยการใช้กฎหมาย ใช้พนักงานรักษาความปลอดภัย รวมถึงตำรวจ มาไล่คนงานออกจากโรงงาน ทำให้คนงานกำลังต่อสู้ถดถอย เพราะการชุมนุมอยู่ตามท้องถนนหรือหน้าบริษัท มีค่าใช้จ่าย เช่น ค่าเต๊นท์ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย กล่าวต่อว่า ในช่วงหลัง ขบวนการแรงงานเปลี่ยนรูปแบบโดยออกไปหาผู้บริหารประเทศ หรือไปตามจุดยุทธศาสตร์ต่างๆ เช่น กระทรวงแรงงาน ทำเนียบ รัฐสภา ลานพระบรมรูปทรงม้า อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ให้สังคมเห็น ให้สื่อมาทำข่าว เพื่อสะท้อนปัญหาออกไป ทั้งนี้ ยืนยันว่า การชุมนุมของคนงานนั้นไม่ได้ต้องการสร้างความเดือดร้อน แต่เพราะไม่ได้รับการเหลียวแล จึงต้องมาเรียกร้องกับผู้มีอำนาจ แต่เมื่อไปเป็นจำนวนมาก รถก็อาจจะติด ทำให้เดินทางไม่สะดวก อย่างไรก็ตาม ย้ำว่าไม่เคยทำลายทรัพย์สินราชการชาลี กล่าวต่อว่า ถ้าชุมนุมแล้วรถติด เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ควรเข้ามาดูแล ไม่ใช่ใช้เครื่องมือ LRAD อย่างไรก็ตาม มองว่า กรณีที่มีการใช้กับสหภาพแรงงานไทรอัมพ์ฯ นั้นเป็นการทดลองเครื่องมือใหม่ ไม่ใช่เพื่อป้องปราม ทั้งนี้ การปราบปรามผู้ชุมนุมต้องมีขั้นตอน มีการเตือนก่อน ไม่ใช่ใช้ทันที อย่างกรณีไทรอัมพ์ ชุมนุมอยู่เพียง 2-3 ชั่วโมงเท่านั้นก็ใช้เครื่องดังกล่าวเลย ในวันดังกล่าว ตนเองก็ร่วมชุมนุมอยู่ด้วย ยืนยันว่าไม่ได้ทำทรัพย์สินราชการเสียหาย หรือทำให้ประชาชนเดือดร้อน เพราะมีการเปิดเส้นทางให้สัญจรได้ทั้งนี้ เขากล่าวด้วยว่า ลูกจ้างมาชุมนุมด้วยเจตนาบริสุทธิ์ เพื่อเรียกร้องสิทธิของตัวเอง ไม่ได้จะทำให้ประเทศเสียชื่อเสียง หรือทำให้ปกครองกันไม่ได้ การกระทำดังกล่าวจึงชอบด้วยกฎหมาย พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า ถ้าการชุมนุมดังกล่าวผิดจริง ทำไมไม่จึงแจ้งข้อหาทุกคน ทั้งที่ไปกันหลายร้อยคน ทำไมจึงมีการแจ้งข้อหาแค่สามคน
|
นักวิชาการแจงหลักกฎหมายสิทธิในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ นักกฎหมายสิทธิฯ ชี้ไทยเข้าเป็นภาคีกติการะหว่างประเทศฯ ซึ่งคุ้มครองสิทธิการชุมนุมแล้ว แม้ยังไม่มีกฎหมายรองรับ
|
คุณภาพชีวิต,สิทธิมนุษยชน,แรงงาน
|
การชุมนุม,จันทจิรา เอี่ยมมยุรา,จิตรา คชเดช,ชาลี ลอยสูง,มัลติมีเดีย,ศราวุฒิ ประทุมราช,สหภาพแรงงานไทรอัมพ์อินเตอร์เนชั่นแนลแห่งประเทศไทย,ไทรอัมพ์
|
https://prachatai.com/journal/2012/08/42184
|
แหวกฮอลลีวูด 28/08/60
|
เอาชีวิตจริงแต่งเพลงตลอด ซิงเกิลใหม่ Look what you made me do เผยดาร์กไซด์ ของ เทย์เลอร์ สวิฟต์ แต่ไม่รู้ว่า คิม คาร์เดเชียน นิกกี้ มินาจ หรือ เคที่ เพอร์รี่ ทำให้สติแตกสุด,เห็น เดวิด ฟอสเตอร์ โพสต์รูป Wishing Happy Birthday กับ เอริน ฟอสเตอร์ ลูกสาวคนเก่ง จอห์น เมเยอร์ รักคุดมา 5-6 ปี รีบเข้าทางพ่อขอเดตซะ ก่อนที่ฝ่ายหญิงจะคว้าเพศเดียวกันมาแก้ขัด เพราะนางนิยมแบบชายทีหญิงที,น้ำตาแม่ไหลพราก หลัง วิคตอเรีย เบคแคม ส่ง Freshman นักเรียนทุน บรูคลิน เข้าหอพักในนิวยอร์ก ส่วนพ่อ เดวิด เบคแคม เดินถ่ายรูปรอบรั้วมหาลัยจนลูกอาย,สร้างเรตติ้งหรือเปล่า เมื่อกรรมการปากเสีย ไซม่อน โคเวลล์ ถูก เมลบี สาดน้ำใส่ ดันสะกิดปมแต่งงาน ใน Americas Got Talent,Box Office คึกคัก เมื่อฮิตแมนบอดี้การ์ด ไรอัน เรย์โนลด์ กับ แซลมวล แอล แจ็คสัน เข้าวีกแรกเบียดตุ๊กตาผีแอนนาเบลล์ แต่วีกต่อมาเรตติ้งตกฮวบ 60% ทั่วโลก แต่พี่ไทยเริ่มได้มันส์,ตกใจลุคใหม่ เบน แอฟเฟล็ค อ้วนล่ำนึกว่าเป็น รัสเซล โครว์ Gladiator รักเลิกหลายรอบกับอดีตเมีย เจนนิเฟอร์ การ์เนอร์ แต่ยังพาลูกไป Vacation ด้วยกัน แถมไป มาหาสู่แม่ผัว จนคนยกให้เป็นคู่หย่า ยอดเยี่ยม,เจ้าพ่อ Playboy วัย 91 เหี่ยวจนยาเอาไม่ขึ้น เลยสละบัลลังก์ให้ลูกชายคนสุดท้อง คูเปอร์ ฮัฟเนอร์ วัย 25 สานต่อให้ GEN Y ดู แต่ลูกชายขอให้แม่ อดีตเพลย์บอยเพลย์เมท คิมเบอร์ลี่ คอนราด ขึ้นปกเอาฤกษ์.,ซุปเปอร์เกิร์ล
|
น้ำตาแม่ไหลพราก หลัง วิคตอเรีย เบคแคม ส่ง Freshman นักเรียนทุน บรูคลิน เข้าหอพักในนิวยอร์ก ส่วนพ่อ เดวิด เบคแคม เดินถ่ายรูปรอบรั้วมหาลัยจนลูกอาย // เอาชีวิตจริงแต่งเพลงตลอด ซิงเกิลใหม่ Look what you made me do เผยดาร์กไซด์
| null |
GossipHollywood,แหวกฮอลลีวูด,เทย์เลอร์ สวิฟต์,เคที่ เพอร์รี่,วิคตอเรีย เบคแคม,กอสซิป
|
https://www.thairath.co.th/entertain/inter/1051314
|
แย่พอกัน
|
ดูเหมือนว่าในหลายๆอย่างที่ทำดี ระบบต่างๆ ที่อยู่ในระดับมาตรฐานสากล ไม่ค่อยจะมีคนพูดถึงด้วยในอีกหลายๆส่วน ไม่ว่าจะการรายงานผลที่ล่าช้า ผิดพลาด ระบบการจัดการ การเตรียมอาหารให้นักกีฬาชาติต่างๆไม่เพียงพอ ถ้านักกีฬาไทยไม่ได้อาหารจากไทยเฮาส์และซีพีมาช่วยคงจะแย่ รวมถึงระบบคมนาคมขนส่งที่ไม่ได้เรื่อง ทำให้นักกีฬาของทุกชาติได้รับผลกระทบมีเกิดขึ้นต่อเนื่อง,ยังมีเรื่องของการตัดสินที่ก่อนหน้ากังวลกัน ก็โดนกันถ้วนหน้า อย่างล่าสุด ทีมตะกร้ออินโดนีเซีย ก็ไม่พอใจผลการตัดสิน ในนัดที่เจอมาเลเซีย จนต้องวอล์กเอาต์ออกจากการแข่งขันไป,ไม่น่าเชื่อเหมือนกัน ยุคนี้แล้ว กีฬายังมีวอล์กเอาต์กันอยู่อีก,วันก่อนระหว่างเดินทางมาทำข่าวซีเกมส์ 2017 ได้ร่วมวิ่งในงานที่ทางเจ้าภาพมาเลเซียจัดขึ้น ที่เมืองปูตราจายา ซึ่งเป็นงานวิ่งที่เปิดให้คนทั่วไปได้สมัครเข้ามาวิ่งในเส้นทางเรียบๆเคียงๆ และเวลาใกล้เคียงกับที่นักวิ่งมาราธอนแข่งขันในครั้งนี้กันเลย,สำหรับผมและเพื่อนๆนักข่าวจำนวนหนึ่ง เห็นว่ามีการเปิดรับสมัครก่อนหน้านี้ เลยพร้อมใจกันลงทะเบียนผ่านทางเว็บไซต์ของการแข่งขันในระยะทาง 15 กิโลเมตร ด้วยสนนราคา 60 ริงกิต ก็ประมาณ 500 บาทของไทยเรา,ขั้นตอนการวิ่งหลายคนที่เคยวิ่งคงทราบดี ก่อนวันวิ่งก็มารับเสื้อและหมายเลขวิ่งปกติ,ในเช้าวันวิ่ง ที่นี่ออกสตาร์ตเวลาท้องถิ่น 07.00 น. ต้องนั่งรถแท็กซี่ออกจากที่พักในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ที่ห่างกันเกือบ 30 กิโลเมตร ตั้งแต่เวลา 05.00 น.,เมื่อมาถึงก็อย่างที่ข้อมูลในเว็บไซต์บอก ครั้งนี้จะมีคนร่วมวิ่งทั้งระยะทาง 15 กิโลเมตร และ 5 กิโลเมตร รวมประมาณ 2 หมื่นคน ซึ่งก็เป็นเช่นนั้น บรรยากาศคึกคักไม่เบา,ก่อนวิ่งก็ได้เชียร์และทำข่าวนักวิ่งมาราธอนของไทย และระหว่างวิ่งก็ได้ชมทิวทัศน์ในเมือง ซึ่งเป็นที่ตั้งของฝ่ายบริหารของมาเลเซียไปด้วย ก็ถือว่าตื่นตาตื่นใจดี,แน่นอนว่าแนวคิดในการจัดให้คนทั่วไปได้ร่วมวิ่งร่วมไปกับบรรยากาศของการแข่งขันวิ่งมาราธอนในซีเกมส์ เป็นไอเดียที่ส่วนตัวยกนิ้วให้เลย สร้างการมีส่วนร่วมได้ดี,แต่ปัญหาของงานนี้ก็ยังมีอยู่ ถ้าเป็นบ้านเราวิ่งเข้าเส้นชัย ก็แจกเหรียญรางวัลกันไปเลยทันที แต่นี่ไม่แจก วิ่งเสร็จให้คนไปต่อแถวอีกเกือบกิโลเมตร เพื่อรับเหรียญรางวัล,คนเหนื่อยๆแทนที่จะได้พัก ให้ไปยืนขาแข็งต่อคิวอีกเป็นชั่วโมง ตรงนี้ไม่ค่อยเวิร์กเท่าไหร่,เอาเป็นว่า เมื่อเปรียบเทียบการบริหารจัดการของซีเกมส์กับงานวิ่งครั้งนี้ ถือว่าใกล้เคียงกัน ไม่มีอะไรดีไปกว่ากัน,สรุปง่ายๆคือมาเลเซียทำได้แย่,พอๆกันนั่นเอง,ฟ้าคำราม
|
ระหว่างที่การชิงชัยในมหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 29 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย กำลังเข้มข้นอยู่นั้น ชักเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเจ้าภาพจะได้ชื่อเสียง สร้างชื่อ หรือว่าเสียชื่อเพราะงานนี้กันแน่!!!
| null |
บุกถ้ำเสือเหลือง ตะลุยซีเกมส์,ฟ้าคำราม,ซีเกมส์,เจ้าภาพ มาเลเซีย,การตัดสิน
|
https://www.thairath.co.th/sport/others/1046797
|
ดารา IGคนดัง พลาดอย่างจัง ไลฟ์สด มีเซ็กซ์กับแฟนหนุ่ม 3 นาที
|
(ภาพจากยูทูบ Kristen Hancher),คริสติน แฮนเชอร์ ดารา IG สาวสวยเซ็กซี่คนดัง เจออุบัติเหตุ ผิดพลาดอย่างจัง ไลฟ์สดทางอินสตาแกรม ขณะกำลังมีเซ็กซ์กับแฟนหนุ่ม มารู้ตัวอีกทีก็ผ่านไป 3 นาที มีคนดูกว่าหมื่นแล้ว,เมื่อ 11 ต.ค.60 เว็บไซต์ metro และnews.com.au รายงานเกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นกับ คริสติน แฮนเชอร์ ดาราอินสตาแกรม สาวสวยสุดเซ็กซี่ชาวอเมริกัน ที่มีคนฟอลโลว์อินสตาแกรมของเธอ @kristenhancherมากถึง 3.9 ล้านคน เมื่อแฮนเชอร์ เจออุบัติเหตุไม่คาดคิด ไปไลฟ์สตรีมสด ขณะเธอกำลังมีเซ็กซ์กับแฟนหนุ่มลงในอินสตาแกรม เป็นเวลานานถึง 3 นาที และกว่าจะมารู้ตัวว่าเกิดความผิดพลาดร้ายแรงขึ้นและหยุดลง ก็มีคนดูไลฟ์สดนี้ไปแล้วถึง 14,000 คน,ตามรายงานของ We The Unicorns บอกว่า มีคนประมาณ 14,000 คนดูไลฟ์สตรีมสดของแฮนเชอร์ ขณะที่เธอกับ แอนดรูว์ เกรกอรีย์ แฟนหนุ่มกำลังมีเซ็กซ์กัน และมีใครคนใดคนหนึ่งพลาดไปกดปุ่มบนโทรศัพท์มือถือ ขณะที่โหมด ไลฟ์สดบนอินสตาแกรมอยู่ในตำแหน่งเปิดใช้งาน ขณะที่แฮนเชอร์ ยืนยันว่าเธอไม่รู้เลยว่าเธอถูกบันทึกวิดีโอในขณะนั้น และยังโชคดีที่กล้องบนมือถือ ไม่ได้จับภาพของทั้งคู่ จึงไม่มีภาพมาประกอบกับเสียงที่ได้ยิน,อย่างไรก็ตาม ต่อมา แฮนเชอร์ ได้โพสต์ข้อความ ขอโทษต่อแฟนเพจของเธอ พร้อมบอกว่าเธอรู้ว่าบางคนคงไม่พอใจในเรื่องนี้ เพียงแต่เธอหวังว่า ทุกคนคงเข้าใจว่าเรื่องนี้เป็นอุบัติเหตุอย่างแท้จริง,ที่มา ,metro.co.uk, และ,news.com.au
|
คริสติน แฮนเชอร์ ดารา IG สาวสวยเซ็กซี่คนดัง เจออุบัติเหตุ ผิดพลาดอย่างจัง ไลฟ์สดทางอินสตาแกรม ขณะกำลังมีเซ็กซ์กับแฟนหนุ่ม มารู้ตัวอีกทีก็ผ่านไป 3 นาที มีคนดูกว่าหมื่นแล้ว
|
ข่าว,ต่างประเทศ
|
คริสติน แฮนเชอร์,ไลฟ์สตรีม,ดาราIG,อินสตาแกรมดารา,ไลฟ์สด
|
https://www.thairath.co.th/news/foreign/1096120
|
อนุทิน บินด่วนเกาะสมุย รับอวัยวะบริจาค ช่วยชีวิตผู้ป่วย ต่อลมหายใจ
|
อนุทิน ขับเครื่องบินส่วนตัว พาหมอบินด่วนสมุย รับ หัวใจ-ไต หนุ่มเชียงราย ที่บริจาคอวัยวะ หลังเสียชีวิต ไปช่วยต่อลมหายใจผู้ป่วย รอการช่วยเหลือผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 7 ส.ค.63 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ได้ขับเครื่องบินส่วนตัว นำ นพ.พัชร อ่องจริต แพทย์ศัลยกรรมหัวใจและทรวงอก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย พร้อมคณะเดินทางไปโรงพยาบาลเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อผ่าตัดนำหัวใจและไตของผู้ป่วย ซึ่งเสียชีวิต แต่อวัยวะยังใช้งานได้ และได้แสดงความจำนงในการบริจาคอวัยวะ ไปให้ผู้ป่วยซึ่งรอการช่วยเหลือ สำหรับผู้บริจาคเป็นชาวเชียงราย อายุ 39 ปี เสียชีวิตด้วยสาเหตุเลือดออกในสมอง อย่างไรก็ตาม นายอนุทิน ได้ขับเครื่องบินส่วนตัวสนับสนุนทีมแพทย์ รับส่งอวัยะเพื่อช่วยชีวิตผู้ป่วย มาตั้งแต่ปี 2557 และได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง สำหรับภารกิจล่าสุดเป็นภารกิจครั้งที่ 36 แล้ว
|
อนุทิน ขับเครื่องบินส่วนตัว พาหมอบินด่วนสมุย รับ หัวใจ-ไต หนุ่มเชียงราย ที่บริจาคอวัยวะ หลังเสียชีวิต ไปช่วยต่อลมหายใจผู้ป่วย รอการช่วยเหลือ
|
ข่าว,การเมือง
|
อนุทิน ชาญวีรกูล,ขับเครื่องบิน,เกาะสมัย,รับอวัยวะบริจาค,ช่วยชีวิตผู้ป่วย,สภากาชาดไทย,ข่าวทั่วไป
|
https://www.thairath.co.th/news/politic/1905812
|
หมอสวีเดน วางยาสลบสาว ขังไว้เป็นแฟน 6 วัน ก่อนเรื่องแดง จนถูก ตร. จับ
|
หมอหนุ่มชาวสวีเดน นัดเดทกับหญิงสาว ก่อนวางยาเสียสาวให้ดื่มในแชมเปญ แล้วนำตัวมาขังในเตียงนอนอยู่ในบังเกอร์ ที่บ้านในเมืองสตอกโฮล์ม โดยที่แขนยังมีเข็มฉีดยาปักอยู่ เป็นเวลา 6 วัน ก่อนที่เรื่องจะแดง, ,เมื่อวันที่ 22 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวสวีเดนต่างช็อกกับข่าวน่าหวาดกลัว เมื่อหมอหนุ่มวัย 38 ปี วางแผนกักขังหญิงสาวไว้ในบังเกอร์ และจับตัวมาขังไว้ไม่ให้ออกไปไหน โดยหมอหนุ่มถูกจับกุมหลังจากกักขังหญิงสาวไว้เป็นเวลา 6 วัน,นายแพทย์มาร์ติน เทรนน์บอร์ก ดูจากภายนอกก็เหมือนชายหนุ่มปกติทั่วไป จบการศึกษาด้านแพทยศาสตร์ อายุ 38 ปี เมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา เขาเริ่มทำการก่อสร้างบังเกอร์ที่โดดเดี่ยวจากโลกภายนอกขึ้นภายในเนื้อที่สวนของบ้านเขาเอง เรื่องราวของเขาถูกเปิดเผยขึ้น เมื่อหญิงสาวคนหนึ่งที่เขาจับกุมตัวมาคุมขังไว้เป็นเวลา 6 วันได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้เขาถูกจับกุมในที่สุด,อินกริด (นามสมมติ) อายุ 30 ปีเศษ ได้ตอบตกลงรับนัดหมายกับชายหนุ่มที่เธอเห็นครั้งแรกว่า ดูดีมีเสน่ห์ หลังจากที่พบปะกันหลายครั้ง ทั้งสองก็ตกลงมีความสัมพันธ์ทางเพศกัน เธอกล่าวว่า มันเป็นช่วงเวลาที่แปลกประหลาด เมื่อเขาจ้องมองฉันอย่างตรงเป๋งตลอดเวลาที่เรามีอะไรกัน แม้ว่าเธอจะรู้สึกประหลาดใจกับพฤติกรรมอันประหลาดของเขา แต่เธอก็ยังรับนัดเขาอีกครั้ง ทั้งสองพบกันที่อพาร์ตเมนต์ของฝ่ายหญิงในกรุงสตอกโฮล์ม หมอหนุ่มได้นำสตรอว์เบอร์รี่ และแชมเปญที่เขาได้ฉีดยา rohypnol หรือที่รู้จักกันดีว่า ยาเสียสาว หลังจากที่เขาป้อนสตรอว์เบอร์รี่ให้เธอกินและดื่มแชมเปญ เธอก็เหมือนตกอยู่ในหลุมดำไม่รู้สึกตัวแต่อย่างใด เขาข่มขืนเธอขณะที่เธอหมดสติ และอุ้มเธอนั่งบนรถเข็นพร้อมกับใส่หน้ากากคนชราเพื่ออำพรางเธอ และนำไปขึ้นรถยนต์,โดยหมอหนุ่มขับรถยนต์พาหญิงสาวที่หมดสติไปยังบ้านของเขาที่อยู่หมู่บ้านอากเซลทอร์ป ใกล้กับเมืองคริสเตียนสตัด ทางตอนใต้ของกรุงสตอกโฮล์ม เขาขับรถยนต์เป็นเวลา 5 ชั่วโมง เธอรู้สึกตัวบางช่วงขณะอยู่ในรถยนต์ที่หมอหนุ่มขับอยู่โดยมีเครื่องตรวจชีพจรอยู่ที่นิ้วของเธอด้วย โดยเมื่อเธอรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาบนเตียงนอนในบังเกอร์ ฉันรู้สึกเหมือนตกอยู่ในฝันร้าย เขานั่งอยู่ข้างๆ มีเข็มฉีดยาสองอันปักอยู่ที่แขนของฉัน เขาบอกกับฉันว่า บังเกอร์ของเขาแน่นหนามาก และฉันต้องเป็นแฟนของเขาอยู่เป็นเวลาหลายปีทีเดียว เธอถูกกักตัวอยู่ที่นั่นเป็นเวลา 6 วัน ก่อนที่เรื่องราวจะกลับตาลปัตร หมอหนุ่มตัดสินใจเดินทางกลับไปยังอพาร์ตเมนต์ของเหยื่อสาวเพื่อเอาสิ่งของบางอย่าง เมื่อเขาไปถึงก็พบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มาตรวจค้นอพาร์ตเมนต์ของเธอและได้มีการประกาศหาคนหายด้วย,หมอหนุ่มจึงตัดสินใจพาอินกริดเหยื่อสาวของเขาเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ และบังคับให้เธอบอกเล่าเรื่องที่ไม่จริงว่า เธอปลอดภัยดีและได้ย้ายไปอยู่กับคนรักคนใหม่แล้ว แต่เมื่อทั้งคู่เดินทางมาถึง เจ้าหน้าที่ตำรวจก็สังเกตเห็นว่า ชายหนุ่มมีท่าทีเป็นพิรุธ จึงได้ตัดสินใจขอคุยกับอินกริดตัวต่อตัว หญิงสาวจึงได้เล่าเหตุการณ์ที่เธอถูกกักขังไว้เป็นเวลา 6 วัน หมอเทรนน์บอร์กก็ถูกจับกุมในข้อหาลักพาตัว ข่มขืน และกักขังเหยื่อโดยใช้ยาอันตราย.
|
หมอหนุ่มชาวสวีเดน นัดเดทกับหญิงสาว ก่อนวางยาเสียสาวให้ดื่มในแชมเปญ แล้วนำตัวมาขังในเตียงนอนอยู่ในบังเกอร์ ที่บ้านในเมืองสตอกโฮล์ม โดยที่แขนยังมีเข็มฉีดยาปักอยู่ เป็นเวลา 6 วัน ก่อนที่เรื่องจะแดง
| null |
มาร์ติน เทรนน์บอร์ก,หมอชาวสวีดน,หมอกักขังหญิงสาว6วัน,กักขังหญิงไว้ในบังเกอร์ฉีดยาเสียสาว,หมู่บ้านอากเซลทอร์ป,เมืองคริสเตียนสตัด,กรุงสต๊อกโฮล์ม,สวีเดน,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวทั่วไทย,ข่มขืน,ลักพาตัว,ซ่อนตัวแฟน,บังคับข่มขู่,ข่มขืนแฟน,ล่วงละเมิดทางเพศ
|
https://www.thairath.co.th/content/566760
|
เตรียมตัวลงทะเบียน ชิมช้อปใช้ เฟส 3 วันแรก รอบ 6 โมงเช้า
|
ชิมช้อปใช้ เฟส 3, วันแรก เตรียมเปิดให้ประชาชนรับสิทธิ์รอบ 6 โมงเช้า โดยจำกัดจำนวนผู้ลงทะเบียนรอบละ 3.75 แสนคนเท่านั้น,วันที่ 14 พ.ย. 2562 โครงการ ,ชิมช้อปใช้เฟส 3, เปิดให้นักท่องเที่ยวชาวไทยทุกคนได้ลงทะเบียนรับสิทธิ์ ซึ่งมาตรการ ,ชิมช้อปใช้เฟส 3, จะไม่มีการแจกเงิน 1,000 บาท ในกระเป๋าใบที่ 1 แต่ยังคงให้สิทธิ์ในส่วนกระเป๋าใบที่ 2 ซึ่งได้เงินคืน (cash back) กรณีใช้เงินในกระเป๋าใบที่ 2 หากมียอดใช้ถึง 30,000 บาท จะได้รับเงินคืน 15% หรือไม่เกิน 4,500 บาท,แต่ถ้าหากใช้เงินเพิ่มขึ้นอีก 20,000 บาท หรือ เกินวงเงิน 30,000 บาท แต่ไม่เกิน 50,000 บาท จะได้รับเงินคืนอีก 20% แต่ไม่เกิน 4,000 บาท ซึ่งรวมแล้วจะได้รับเงินคืนสูงสุดไม่เกิน 8,500 บาท เพื่อไม่ให้วงเงินเกิน 9,000 ล้านบาท,ทั้งนี้ ชิมช้อปใช้เฟส 3 จะเปิดให้โดยแบ่งวันละ 2 รอบ คือ 06.00 น. และ 18.00 น. รอบละ 3.75 แสนราย โดยเปิดให้ลงทะเบียนวันละ 7.5 แสนราย กันสิทธิ์ให้เฉพาะผู้สูงอายุเท่านั้น รวม 500,000 ราย (จาก 2 ล้านราย) โดยสามารถลงทะเบียนได้วันที่ 17 พ.ย. 62 ขยายเวลามาตรการจากเดิมสิ้นสุดในวันที่ 31 ธ.ค.2562 ออกไปเป็น 31 ม.ค. 2563 เพื่อให้รองรับการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลตรุษจีน,(เข้าสู่หน้าเว็บไซต์ที่สามารถกรอกข้อมูลทันที ,คลิกที่นี่,),อย่างไรก็ตาม สำหรับประชาชนที่ยังไม่ได้รับสิทธิ์ หรือลงทะเบียนไม่ทันใน ,ชิมช้อปใช้ ,เฟส 1 และ เฟส 2 สามารถลงทะเบียนได้ในวันนี้ (14 พ.ย.) ช่วงเวลา 06.00 น. และ 18.00 น. ซึ่งจำกัดจำนวนผู้ลงทะเบียนเพียงรอบละ 3.75 แสนคนเท่านั้น หากครบจำนวนจะปิดลงรับสิทธิ์ทันที แต่ถ้าใครยังไม่สามารถลงทะเบียนได้ สามารถลงทะเบียนได้วันที่ 15 พ.ย. 2562 อีกครั้ง.,,เปิดรายละเอียด ชิมช้อปใช้ เฟส 3 14 พ.ย.นี้ กันที่ 5 แสนให้คนพิเศษ ,ไขข้อข้องใจ ชิมช้อปใช้ เฟส 3 ทำไมไม่แจกเงิน 1,000 บาท ใช้ได้กระเป๋าเดียว,เปิดเทคนิค ลงทะเบียนชิมช้อปใช้เฟส 3 แบบปรมาจารย์ ง่าย ไม่หงุดหงิด ลงได้แน่นอน
|
ลงทะเบียน ชิมช้อปใช้ เฟส 3 วันแรก เตรียมเปิดให้ประชาชนรับสิทธิ์รอบ 6 โมงเช้า โดยจำกัดจำนวนผู้ลงทะเบียนรอบละ 3.75 แสนคนเท่านั้น
|
ข่าว,สังคม
|
ลงทะเบียนชิมช้อปใช้เฟส3,ข่าวเด่น,ชิมช้อปใช้ 3,ชิมช้อปใช้,ชิมช้อปใช้ ลงทะเบียน,ข่าวทั่วไป
|
https://www.thairath.co.th/news/society/1703658
|
กรมปศุสัตว์สั่งสอบโรงชำแหละไก่ตาย
|
จังหวัดนครราชสีมาสั่งย้ายปศุสัตว์อำเภอปากช่อง และตั้งคณะกรรมการสอบสวนในส่วนของผู้ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่แล้ว หลังจากมีการดำเนินคดีกับเจ้าของโรงงานชำแหละไก่ตายผิดกฎหมายที่อำเภอปากช่องขณะเดียวกัน นายปรีชา สมบูรณ์ประเสริฐ อธิบดีกรมปศุสัตว์ ยังตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง ซึ่งหากพบว่ามีผู้ใดร่วมกระทำผิดก็จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเต็มที่ และได้คาดโทษกับปศุสัตว์ทุกจังหวัดให้เข้มงวดในการลงพื้นที่ตรวจสอบโรงฆ่าสัตว์ โรงชำแหละสัตว์ไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำรอย โดยหากพบพื้นที่ใดปล่อยปละละเลยในการทำงานจนเกิดปัญหาอีกก็จะดำเนินการตามระเบียบราชการและตามกฎหมายพร้อมระบุการแก้ไขปัญหาระยาวจะมีการหารือร่วมกันระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อหามาตรการทางกฎหมายที่จะช่วยกันทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมขอความร่วมมือจากประชาชนช่วยชี้เบาะแสในแต่ละพื้นที่ ให้เจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบ ซึ่งกรมได้เปิดหมายเลขโทรศัพท์เพื่อให้ประชาชนชี้เบาะแสหมายเลข 085-660-9906 ตลอด 24 ชั่วโมง
|
อธิบดีกรมปศุสัตว์สั่งตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีโรงชำแหละไก่ตายผิดกฎหมายที่จังหวัดนครราชสีมา พร้อมสั่งปศุสัตว์ทุกจังหวัดเข้มงวดลงพื้นที่ตรวจโรงฆ่าสัตว์ไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอย
|
ภูมิภาค
|
กรมปศุสัตว์,ระบาด,สอบ,โรงชำแหละ,ไก่
|
https://news.thaipbs.or.th/content/16705
|
ร็อดเจอร์ส ปิดปากเงียบ กรณีเตรียมสอย เดปาย
|
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันที่ 27 เม.ย.ว่า เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล งดให้ความเห็นกรณีทีมหงส์แดงเตรียมเจรจาคว้าตัวปีกเนื้อหอมทีมชาติเนเธอร์แลนด์อย่าง เมมฟิส เดปาย มาร่วมทีมในฤดูกาลหน้า แต่แง้มว่าทีมยังต้องการผู้เล่นในแนวรุกเพิ่มอีกหลายคน,ปีกความเร็วสูงวัย 21 ปี ชาวดัตช์ มีข่าวพัวพันกับสองทีมยักษ์ใหญ่ในศึกพรีเมียร์ลีกอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และลิเวอร์พูล โดยเฉพาะในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีข่าวว่าเจ้าตัวพร้อมเอเย่นต์ได้นั่งเครื่องบินส่วนตัวมายังเมืองแมนเชสเตอร์ เพื่อเปิดโต๊ะเจรจาอย่างเป็นทางการ กับอดีตแชมป์พรีเมียร์ลีกหลายสมัย,อย่างไรก็ตาม เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือใหญ่ของทีมหงส์แดง ยังคงสงวนท่าทีในการคว้าตัว เดปาย มาร่วมทีมในฤดูกาลหน้า,ผมไม่สามารถจะยืนยันอะไรได้เลยในตอนนี้ คุณก็รู้ดีว่าผมต้องการคนที่มีความพร้อมและเหมาะสำหรับทีมมากที่สุด ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ชัดเจนสำหรับการเสริมตัวผู้เล่นในแนวรุกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ แต่ทั้งหมดต้องขึ้นอยู่กับว่านั้นต้องเป็นนักเตะที่ราคาไม่แพงเกินความเป็นจริง และสามารถเล่นเข้ากับผู้เล่นคนอื่นได้เป็นอันดับแรก ร็อดเจอร์ส กล่าว
|
เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือหงส์แดง ปิดปากเงียบกรณีเตรียมคว้าตัว เมมฟิส เดปาย ปีกความเร็วสูงทีมชาติเนเธอร์แลนด์มาร่วมทีม แต่แง้มว่าทีมยังต้องการแนวรุกมาร่วมทีมอีกหลายตำแหน่งในฤดูกาลหน้า
| null |
เมมฟิส เดปาย,ลิเวอร์พูล,แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด,ปิศาจแดง,ทีมชาติเนเธอร์แลนด์,ข่าว,ข่าวกีฬา,ไทยรัฐออนไลน์,เบรนแดน ร็อดเจอร์ส
|
https://www.thairath.co.th/content/495433
|
ฟีเจอร์ใหม่ในอินสตาแกรม Nametag คืออะไร?
|
เมื่อไม่นานมานี้ อินสตาแกรมเพิ่งอัพเดตลูกเล่นใหม่ให้เราได้ลองกัน นั่นคือการสร้างนามบัตรส่วนตัว เอาไว้ให้เพื่อนสแกนค้นหาเราได้ง่ายขึ้น,เชื่อว่า หลายคนที่ชอบเล่นอินสตาแกรม (Instagram) ต้องถูกอกถูกใจกับฟีเจอร์ใหม่ของอินสตาแกรมแล้วแน่ๆ เพราะล่าสุดอินสตาแกรม @instagram ได้อัพเดตเวอร์ชั่นใหม่ 65.0 ซึ่งนอกจากคุณจะสามารถส่ง GIF ทาง Direct Message ได้แล้ว ยังมี Nametag ให้คุณได้เล่นอีกด้วย ซึ่งวันนี้ IT by Choice จะมาแนะนำฟีเจอร์ใหม่นี้ให้คุณได้รู้จักกัน เริ่มที่,ทำความรู้จักกับ Nametag,หลังจากอินสตาแกรมเปิดให้อัพเดตเวอร์ชั่นใหม่ เจ้าฟีเจอร์ใหม่จะมีลักษณะเหมือน QR code หรือนามบัตรส่วนตัวของเรา เพื่อที่เมื่อไรที่เราไปเจอเพื่อน หรือมีคนขออินสตาแกรมของเรา อีกฝ่ายจะได้หยิบมือถือขึ้นมาสแกนได้สะดวก ไม่ต้องพิมพ์หาชื่อกันอีกต่อไป,Nametag หน้าตาเป็นอย่างไร,เราสามารถสร้าง Nametag ได้ง่ายๆ โดยการไปที่หน้าโปรไฟล์ของเรา > แตะที่มุมขวาบน > แตะเนมแท็ก (Nametag) หลังจากนั้นก็ปรับเปลี่ยนสีได้ตามชอบใจ โดยมี 3 ลักษณะให้เลือก ได้แก่,1. เปลี่ยนสีฉากหลัง: ซึ่งเราสามารถแตะเพื่อเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ ได้,2. อีโมจิ: แตะเพื่อเปลี่ยนหน้าอีโมจิตามที่เราต้องการ และสีก็จะเปลี่ยนไปด้วย,3. เซลฟี่หน้าตัวเอง: เซลฟี่หน้าตัวเอง เพื่อให้ฉากหลังกลายเป็นหน้าเราในหลายรูปแบบ,แล้วแชร์อย่างไร?,สิ่งที่เราทำได้คือ แตะปุ่มด้านบนขวาเพื่อส่งให้เพื่อนทางช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ หรือเมื่อเราพบเพื่อนแล้วต้องการสแกน (เหมือนสแกน QR code) ก็สามารถเปิด Nametag ขึ้นมา แล้วให้เพื่อนสแกนได้ทันที แต่มีข้อแม้ว่าการสแกนต้องทำผ่านแอปพลิเคชันอินสตาแกรมเท่านั้น ไม่สามารถสแกนผ่านแอปฯ กล้องได้,น่าสนใจไม่ใช่น้อยจริงไหม? ดูง่าย และสะดวกกว่าการพิมพ์หาชื่อเพื่อนเยอะเลย อย่างไรก็อยากให้สาวๆ เอาไปลองเล่นกันดูนะจ๊ะ.
|
Nametag คือฟีเจอร์ใหม่จากอินสตาแกรมที่เอาไว้ค้นหาเพื่อน ในลักษณะคล้ายกับการสแกน QR Code แต่ง่ายกว่า
|
ข่าว,ไอที
|
อินสตาแกรม,ฟีเจอร์ใหม่,IG,Instagram
|
https://www.thairath.co.th/news/tech/1392550
|
เตรียมพัฒนาเส้นทางเข้าสนามบินอู่ตะเภา คาดเปิดบริการเชิงพาณิชย์ปี 59
|
วันนี้ (28 ก.ค.2558) นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการพัฒนาท่าอากาศยานอู่ตะเภาให้เป็นท่าอากาศยานเชิงพาณิชย์แห่งที่ 3 โดยโครงการดังกล่าวกระทรวงคมนาคมได้ลงนามความร่วมกับกองทัพเรือ ทั้งนี้จะมีการก่อสร้างเส้นทางพนมสารคาม-สัตหีบ ซึ่งคาดว่า จะเริ่มการก่อสร้างในปี 2560 โครงการมอเตอร์เวย์ พัทยา-มาบตาพุด จะก่อสร้างปี 2561 โดยขณะนี้อยู่ระหว่างจัดหาผู้รับเหมาและเส้นทางเข้าท่าอากาศยานระยะทาง 12 กิโลเมตรขณะที่ระบบทางรถไฟอาจเป็นเส้นทางรถไฟความเร็วสูง หรือเส้นทางแอร์พอร์ตลิงค์ โดยจะปรับเส้นทางให้สามารถเข้าสู่สนามบินได้ นอกจากนี้ยังมีการจัดระบบรถสาธารณะ เส้นทาง กรุงเทพฯ-อู่ตะเภา พัทยา-อู่ตะเภา และมาบตาพุด-อู่ตะเภา โดยองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จะประสานขอเส้นทางเดินรถกับกองทัพเรือ ทั้งนี้คาดว่าจะมีข้อสรุปโครงสร้างพื้นฐานในสนามบิน และการวางแผนธุรกิจได้ วันที่ 6 ส.ค.นี้
|
กระทรวงคมนาคม เตรียมพัฒนาเส้นทางเข้าสู่ท่าอากาศยานอู่ตะเภา ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการในเชิงพาณิชย์ได้ ปี 2559
|
เศรษฐกิจ
|
กระทรวงคมนาคม,ชลบุรี,ท่าอากาศยานอู่ตะเภา,นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์,พนมสารคาม,พัทยา,มอเตอร์เวย์,สัตหีบ
|
https://news.thaipbs.or.th/content/3945
|
ชี้ไม่มีที่ไหนในโลกทำกัน ศูนย์การค้างงรัฐให้ เซเว่น ตัวแทนคืนแวต
|
จากหลักเกณฑ์ที่รัฐต้องการไม่เกิน 3 จุด งงทำไมรัฐไปคืนแวตที่ร้านสะดวกซื้อแทนศูนย์การค้า ซึ่งไม่มีที่ไหนในโลกทำกัน ขณะที่สรรพากรเองยืนยันให้เคาน์เตอร์เซอร์วิสทดลอง 6 เดือน,นายวรวุฒิ อุ่นใจ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย เปิดเผยว่า จากกรณีที่กรมสรรพากรประกาศการแต่งตั้งตัวแทนคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) เพียงรายเดียวให้กับนักท่องเที่ยว คือ บริษัท เคาน์เตอร์เซอร์วิส จำกัด โดยให้บริการ 3 จุด คือสาขาลิโด้, สาขาแบงค็อกไนท์บาร์ซาร์ และสาขา ผดุงด้าว (เยาวราช) นั้น ซึ่งส่งผลให้บริษัทร่วมทุนที่จดทะเบียนในนามแวต รีฟันด์ เซ็นเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด ที่ประกอบด้วย ห้างเซน ในศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์, ห้างเซ็นทรัล ชิดลม, ดิเอ็มโพเรียม, โรบินสัน สุขุมวิท และสยามพารากอน ที่เตรียมความพร้อมเคาน์เตอร์แวตรีฟันด์ฟอร์ทัวริสต์ไว้เรียบร้อยแล้ว พลาดโอกาสในการสนับสนุนภาครัฐอย่างน่าเสียดาย ทั้งที่มีการเตรียมความพร้อมร่วมกันกับกรมสรรพากรมาเกือบปี และรับทราบแต่แรกแล้วถึงเหตุผลว่าทำไมจึงเป็น 5 จุด เพื่อตอบโจทย์ในการอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว และเพื่อผลสัมฤทธิ์ของโครงการฯ,ทั้งนี้ สาเหตุหลักที่ทำให้บริษัทไม่ผ่านการอนุมัติ คือได้เสนอจุดคืนภาษีไป 5 จุด ซึ่งผิดหลักเกณฑ์ข้อกำหนดที่กรมสรรพากรต้องการไม่เกิน 3 จุด จากประกาศในเว็บไซต์เมื่อวันที่ 7 ก.ย. 2561 ที่ผ่านมา จึงทำให้ทางบริษัทซึ่งเดิมทำงานร่วมกับกรมสรรพากรมาตั้งแต่ต้นปีนี้ และมีการตกลงในรายละเอียดการยื่นพิจารณาได้ 5 จุดจนจดทะเบียนกลายเป็นบริษัทร่วมทุนกันเรียบร้อยแล้ว ไม่สามารถไปยื่นขอจดทะเบียนใหม่เป็นนิติบุคคลที่ต้องใช้ระยะเวลาดำเนินการ 15 วันได้ทันกับช่วงเวลายื่นขออนุมัติของกรมสรรพากร,เรามีสิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ แต่ต้องรอหนังสืออย่างเป็นทางการจากกรมสรรพากรก่อน เบื้องต้นเงื่อนไขอื่นๆเราผ่านหมด แต่สงสัยว่าทำไมต้องมีแค่ 3 จุด หากทำเลเป็นย่านที่มีนักท่องเที่ยวหนาแน่น ก็จะได้ผลทดลองได้ดีมากกว่า เราไม่ได้คอมเพลนว่าร้านสะดวกซื้อไม่ดี แต่แค่คิดว่าการสุ่มตัวอย่างของทำเลดังกล่าวไม่ค่อยเหมาะสม ถ้าจะมีการยื่นอุทธรณ์ก็คงยืนยัน 5 ทำเลเหมือนเดิม คงต้องวอนภาครัฐให้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง สมาคมฯ ตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมกรมสรรพากรเริ่มต้นโครงการที่ร้านสะดวกซื้อก่อน ซึ่งไม่มีประเทศไหนในโลกทำกัน เพราะโดยปกติแล้วนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาช็อปปิ้งจะซื้อสินค้าในห้างสรรพสินค้ามากกว่า และต้องการคืนภาษีแวตในสถานที่ที่เดินทางสะดวกมากกว่า เนื่องจากนักท่องเที่ยวมีเวลาจำกัดและการขอคืนภาษีจะต้องนำสินค้าไปด้วย ซึ่งหากต้องไปหาจุดบริการนอกห้างจะยิ่งสร้างความยุ่งยากให้กับนักท่องเที่ยว ซึ่ง 5 จุดยุทธศาสตร์แหล่งช็อปปิ้งเป็นคำตอบที่ตรงตามวัตถุประสงค์ที่กรมสรรพากรกำหนดไว้เพราะเป็นแหล่งที่มีร้านค้าจดทะเบียน Vat Refund for Tourists มากที่สุด จึงช่วยลดความแออัดให้กับนักท่องเที่ยวในสนามบินได้เป็นอย่างดี,ด้านนายปิ่นสาย สุรัสวดี รองโฆษกกรมสรรพากร กล่าวว่า ขณะนี้กรมสรรพากรอยู่ระหว่างรอรับหนังสืออย่างเป็นทางการจากสมาคมผู้ค้าปลีกไทย เพื่อรายงานให้อธิบดีกรมสรรพากรรับทราบต่อไป ซึ่งล่าสุดกรมสรรพากรยังไม่มีนโยบายใดๆเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว หลังจากที่ประกาศให้ บริษัท เคาน์เตอร์เซอร์วิส จำกัด ได้ทดลองคืนแวตให้นักท่องเที่ยว ณ จุดขายเป็นระยะเวลา 6 เดือนไปแล้ว.
|
ศูนย์การค้าร่อนหนังสือถึงรัฐทบทวนตั้งตัวแทนแวตรีฟันด์ใหม่ก่อนยื่นอุทธรณ์ หลังพลาดท่าให้เคาน์เตอร์เซอร์วิสของเซเว่นอีเลฟเว่น พร้อมแจงเหตุผลทำไมถึงต้องเสนอจุดคืนแวต 5 จุด
|
ข่าว,เศรษฐกิจ
|
ศูนย์การค้า,วรวุฒิ อุ่นใจ,คืนแวต,เซเว่นอีเลฟเว่น,คืนภาษี
|
https://www.thairath.co.th/news/business/finance-banking/1389826
|
พระสุเทพสึกแล้ว ประกาศเดินหน้าผลักดันข้อเรียกร้อง กปปส.-เตรียมแถลง 30 ก.ค.นี้
|
พระสุเทพสึกแล้ว หลังบวชหนึ่งปี ประกาศเดินหน้าผลักดันให้มีการปฏิรูปประเทศ 6 ข้อ ตามที่กลุ่ม กปปส.เคยเรียกร้อง เตรียมแถลงข่าววันที่ 30 ก.ค.นี้ 28 ก.ค. 2558 - เมื่อเวลา 05.19 น. พระสุเทพ ปภากโร หรือนายสุเทพ เทือกสุบรรณ พร้อมด้วยพระชินวรณ์ จันทสาโร พระเชน เทือกสุบรรณ และพระธีรภัทร พริ้งศุลกะ อดีต ส.ส.จังหวัดสุราษฎร์ธานี เข้าร่วมพิธีลาสิกขาที่วัดไตรธรรมาราม อ.เมืองสุราษฎร์ธานี โดยมี พระธรรมวิมลโมลี เจ้าคณะภาค 16 เป็นพระอุปัชฌาย์ทำพิธีลาสิกขาให้ ท่ามกลางอดีตแกนนำ กปปส. และอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เข้าร่วมโดยหลังจากลาสิกขาแล้วอดีตพระสุเทพได้สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวลายจุดสีฟ้า บริเวณหน้าอกด้านขวาปักธงชาติ ด้านซ้ายสัญลักษณ์ กปปส. สวมกางเกงขายาวสีครีมเมื่อเสร็จพิธีลาสิกขา นายสุเทพ และคณะ ได้เดินทางไปยังสวนโมกขพลาราม อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อร่วมทำบุญตักบาตรพระบวชใหม่และร่วมเป็นเจ้าภาพถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ที่วัดท่าไทร อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นวัดที่มีพระครูพิพัฒนาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัด เป็นเจ้าอาวาส และทำพิธีอุปสมบทให้พระสุเทพ เมื่อปีที่แล้ว และหลังจากนี้ นายสุเทพจะอยู่ที่วัดเป็นเวลา 3 วัน และจะเดินทางกลับไปแถลงข่าวอย่างเป็นทางการที่ กทม.ในวันที่ 30 กรกฎาคมนี้สุเทพ กล่าวหลังลาสิกขาว่า ที่ลาสิกขาครั้งนี้เพราะมีภารกิจที่ต้องดำเนินการต่อ โดยจะดำเนินกิจกรรมของมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปแห่งประเทศไทย และเคลื่อนไหวในภาคประชาชนตามที่เคยระบุ คือ เป็นปากเสียงแทนพี่น้องประชาชนที่ออกมาร่วมชุมนุมเรียกร้องให้มีการปฏิรูปประเทศด้านต่างๆ ก่อนการเลือกตั้ง โดยเฉพาะการผลักดันให้มีการปฏิรูปประเทศ 6 ข้อ ที่กลุ่ม กปปส.เคยเรียกร้องให้มีการดำเนินการเขากล่าวถึงสิ่งที่ได้จากการบวชพระ 1 ปีที่ผ่านมาว่า การบวชพระในครั้งนี้ได้หลายด้านทั้งการใช้ชีวิตแบบสมถะ ตามหลักพระพุทธศาสนา การมีชีวิตอยู่เพื่อคนอื่น รวมถึงการฝึกสมาธิเพื่อให้เกิดสติ ใช้ชีวิตหลังจากนี้ เพื่อการร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยในรูปแบบภาคประชาชน รวมถึงการต่อสู้คดีที่มีอยู่จำนวนมากสุเทพ ระบุว่า ที่ผ่านมาก็ได้เดินทางเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างต่อเนื่อง แม้จะบวชเป็นพระไม่ได้บวชพระเพื่อหนีคดีแต่อย่างใด สำหรับทุกคดี มีความพร้อมขึ้นมากที่จะต่อสู้ แต่ก็มีความกังวลใจอยู่ไม่น้อย และไม่อยากให้มีการนิรโทษกรรมให้กับตนเองเกิดขึ้น แม้คดีของตนเองในบางข้อกล่าวหามีโทษสูงถึงประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิตก็ตาม รวมถึงผู้ที่โดนคดีหมิ่นเบื้องสูงและคดีร้ายแรงอย่างอื่น ก็ไม่ควรนิรโทษกรรม ควรให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย แต่สำหรับประชาชนทั่วไปที่ร่วมดำเนินการต่อสู้ทางการเมือง ควรนิรโทษกรรมให้บุคคลเหล่านี้ด้าน พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ในฐานะทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) จะมีการแถลงข่าวกับสื่อมวลชนในวันที่ 30 ก.ค. นี้ โดยเชื่อว่า ตามแนวทางการปฏิบัติเดิม ของ คสช. ทาง นายสุเทพ คงจะได้มีการประสานกับทางเจ้าหน้าที่เพื่อให้เจ้าหน้าที่พิจารณาทราบในรายละเอียดเกี่ยวกับเนื้อหาหรือข้อมูลต่างๆ ที่จะมีการนำเสนอ ซึ่งก็คงเป็นไปตามแนวทางเดิมที่ทาง คสช. เคยขอความร่วมมือไว้กับหลายๆ บุคคลหรือหลายๆ กลุ่มเหมือนในห้วงที่ผ่านมาทั้งนี้ พ.อ.วินธัย กล่าวว่า เท่าที่ได้ทราบในเบื้องต้นจากสื่อเห็นว่า จะเป็นเรื่องในทางสังคมเกี่ยวกับมูลนิธิฯ และเรื่องของอนาคตสังคมไทยเชิงสร้างสรรค์ และยังไม่ได้รับข้อมูลว่าจะมีแนวทางการให้ข้อมูลไปในลักษณะไปกระทบความขัดแย้ง หรือเป็นเรื่องของการเมือง แต่ทั้งนี้ อาจต้องรอรายละเอียดเพิ่มเติมกับหน่วยในพื้นที่อีกครั้งหนึ่ง และ
|
พระสุเทพสึกแล้ว หลังบวชหนึ่งปี ประกาศเดินหน้าผลักดันให้มีการปฏิรูปประเทศ 6 ข้อ ตามที่กลุ่ม กปปส.เคยเรียกร้อง เตรียมแถลงข่าววันที่ 30 ก.ค.นี้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
|
การเมือง
|
กปปส.,คสช.,สุเทพ เทือกสุบรรณ
|
https://prachatai.com/journal/2015/07/60562
|
ปชป.ถกวิเคราะห์ตัดสิน จำนำข้าว สั่งลูกพรรคอย่าซ้ำเติม ยิ่งลักษณ์
|
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคประชาธิปัตย์ว่า เมื่อวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้มีการหารือรอบนอกของผู้บริหารพรรคบางส่วน ถึงสถานการณ์การเมืองและคดีรับจำนำข้าว ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดอ่านคำพิพากษาในวันที่ 25 ส.ค.นี้ โดยในวงกาแฟดังกล่าวมีแกนนำสำคัญของพรรคร่วมหารือ อาทิ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์, นายชำนิ ศักดิเศรษฐ, นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์, นายอัศวิน วิภูศิริ รองหัวหน้าพรรค ร่วมประเมินและวิเคราะห์เห็นพ้องว่า ผลการตัดสินจะออกมา 3 แนวทางตามที่สื่อมวลชนได้มีบทวิเคราะห์มาก่อนหน้านี้ ซึ่ง นายอภิสิทธิ์ ได้กำชับให้รองหัวหน้าพรรคที่ดูแลรับผิดชอบพื้นที่แต่ละภาค ไปกำชับให้อดีต ส.ส.และสมาชิกพรรค มีความระวัดระวังในการใช้คำพูด อย่าใช้ในลักษณะยั่วยุ ท้าทาย หรือซ้ำเติม เพราะไม่อยากให้เกิดสภาพแอร์วอร์ ในกรณีการให้สัมภาษณ์ข่าวหรือสื่อมวลชนจากท่าทีของคนในพรรคประชาธิปัตย์ โดยไม่ควรแสดงออกโดยการซ้ำเติมคนที่กำลังลำบาก โดยเฉพาะบุคคลที่เป็นผู้แถลงข่าวที่เป็นสัญลักษณ์ของพรรค จึงขอร้องให้ระมัดระวังท่าที ไม่แสดงออกในเชิงซ้ำเติม หรือการกระแนะกระแหน ซึ่งไม่เป็นผลดีใดๆ หรือสงครามน้ำลายผ่านสื่อ พร้อมกันนี้ได้มีการส่งข้อความเตือนในไลน์กลุ่มอดีต ส.ส.ของพรรคด้วย
|
ปชป.ถกวิเคราะห์สถานการณ์ตัดสิน จำนำข้าว สั่งลูกพรรคระมัดระวังจ้อสัมภาษณ์ อย่ากระแนะกระแหน ซ้ำเติม ทำสงครามน้ำลายผ่านสื่อ
|
ข่าว,การเมือง
|
ประชาธิปัตย์,ปชป.,จำนำข้าว,ตัดสินจำนำข้าว,ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร,ข่าวทั่วไป
|
https://www.thairath.co.th/news/politic/1047480
|
ชักธงรบ : อักโกสวัตถุ
|
ถึงกับอึ้งก็คือ ที่เรียกว่าคำหยาบนั้น มีอะไรเป็นเครื่องกำหนด,(เกร็ดภาษาหนังสือไทย เล่ม 1 สำนักพิมพ์ พิมพ์คำ พิมพ์ครั้งที่ 7 พ.ศ.2553),แต่อภิมหาหนอนหนังสือ รุ่นอาจารย์ ส.พลายน้อย ไหนเลยจะพลาด,ท่านว่าเคยอ่านหนังสือโบราณ กำหนดถึงลักษณะของสิ่งที่จะนำมาใช้ด่า ที่ตั้งชื่อไว้ว่าอักโกสวัตถุ มีอยู่ 10 ประการ,1.กำเนิดของคน 2.นาม ชื่อ 3.โคตร แซ่ 4.การงาน 5.ศิลปะ ฝีมือ และความรู้ 6.อาพาธ ความเจ็บไข้ 7.ลิงคะเพศ 8.กิเลส 9.อาบัติ 10.คำด่านอกจากนี้,ในสิ่ง 10 ประการ ที่แยกแยะไว้ด่าหรือประชดกัน ส.พลายน้อย พยายามจะหาตัวอย่างคำอธิบาย แต่นึกไม่ออก เช่น ข้อ 8 ข้อ 9 คือ กิเลส อาบัติ,แต่ถ้าเป็นข้อ 1 คือ กำเนิดของคนนั้น พอยกตัวอย่างได้ เพราะกำเนิดของคนไม่เหมือนกัน บางคนเกิดในสกุลสูง บางคนเกิดในสกุลต่ำ,ถ้าเป็นสมัยมีทาส ก็จะถูกเรียกว่า อ้ายลูกทาส,คำด่าจำพวกนี้มีมาก เช่น ไพร่สถุล ลูกกบฏ ฯลฯ,ส.พลายน้อยบอกว่า คำหยาบหรือคำด่าในภาษาไทยมีมากมาย เคยสำรวจดูเล่นๆก็เห็นประหลาดคำบางคำไม่น่าจะหยาบหรือใช้เป็นคำด่าได้เลย แต่คนเราก็เอามาใช้ด่าว่ากันได้,คำหยาบหรือคำด่า น่าจะแยกออกได้เป็นสองอย่าง,1.ใช้ภาษาหรือถ้อยคำตรงๆคือ พูดไม่อ้อมค้อม ฟังแล้วรู้ได้ทันที คำจำพวกนี้มักหยาบถึงขนาดฟังไม่ได้ หรือเขียนเป็นตัวหนังสือไม่ได้,2.เป็นคำเปรียบเทียบ พูดอ้อมๆให้เข้าใจเอาเอง,สิ่งที่ใช้เปรียบ บางทีก็เป็นลักษณะของโลหะ ลักษณะของเครื่องใช้ ลักษณะของสัตว์,ส.พลายน้อยแนะนำให้เรียนรู้เรื่องคำด่าเอาไว้ แต่ถ้าจะ ใช้ในภาษาเขียน พึงเว้นคำหยาบทุกประเภท ถ้าจำเป็นต้องใช้ ก็ต้องหาคำที่มีความหมายเบาๆมาใช้แทน,หนังสือโบราณที่อาจารย์ ส.พลายน้อย อ่าน ที่จริงเป็นคัมภีร์พุทธศาสนา อยู่ในเรื่องวินัยครับ,ผมเปิดพจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่านอาจารย์พระมหาประยุทธ์ ได้ความทำนองเดียวกัน,อักโกสวัตถุเรื่องสำหรับด่า มี 10 อย่าง 1.ชาติ ได้แก่ ชั้นหรือกำเนิดของคน 2.ชื่อ 3.โคตร คือตระกูลหรือแซ่ 4.การงาน 5.ศิลปะ 6.โรค 7.รูปพรรณสัณฐาน 8.กิเลส 9.อาบัติ 10.คำสบประมาทอย่างอื่นๆ,สมมติตัวอย่าง คำว่า สวะ ที่กำลังดังเป็นคดีรกสภาฯก็น่าจะอยู่ในข้อที่ 7 รูปพรรณสัณฐาน,ผมพยายามมโนตามรูปพรรณสวะ น่าเกลียดน่าชัง จนเป็นคำด่าได้ยังไงกัน,จำได้แต่สวะแบบหนึ่งในคำกลอน เหมือนบายศรีมีงานท่านถนอม เจิมแป้งหอมกระแจะจันทน์เครื่องหรรษาพอเสร็จการท่านก็ลงในคงคา ต้องลอยมาลอยไปเป็นใบตอง,อย่างน้อย บายศรี ที่เป็นศรีสง่าในพิธี เมื่อกลายเป็นสวะใบตองก็ย่อยสลายในน้ำได้ง่ายๆ,ไม่เหมือนสวะพลาสติก ที่เจ้าเงือกน้อยมาเรียมกินตาย เป็นปัญหาใหญ่ให้บ้านเมืองตอนนี้,ชื่อชั้นของสวะ จึงมีทั้งสวะน่ารัก สวะน่าชัง ถ้าเป็นคำด่าก็ไม่น่าจะเจ็บปวดนักหนา จนต้องไปฟ้องร้องกันเลย.,กิเลน ประลองเชิง
|
ระหว่างบรรยายเรื่องสำนวนในวรรณคดี ถึงสำนวนหนึ่งเป็นคำหยาบคำถามของเด็กนักเรียนคนหนึ่ง ที่ทำให้อาจารย์ ส.พลายน้อย
| null |
ส.พลายน้อย,อักโกสวัตถุ,คำหยาบ,คำด่า,ภาษาไทย,ชักธงรบ,กิเลน ประลองเชิง
|
https://www.thairath.co.th/newspaper/columns/1706683
|
เกปาโคตรเซฟ จอร์จินโญซัดชัย เชลซีลิ้นห้อยเฉือนฟูแลม 2-1
|
การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2018-19 ประจำวสันอาทิตย์ที่ 3 มี.ค. คู่ที่น่าสนใจ เจ้าสัวน้อย ฟูแลม เปิดสนามคราเวน คอตเทจ รับการมาเยือนของ สิงโตน้ำเงิน เชลซี,เปิดฉากครึ่งแรกมาถึงนาทีที่ 20 เชลซี ขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ วิลเลียน จ่ายออกทางขวาให้ เซซาร์ อัซปิลิกูเอตา ปาดเข้ากลางให้ กอนซาโล อิกวาอิน ยิงเสียบเสาแรกเข้าไป,จากนั้นนาทีที่ 28 ฟูแลม ตามตีเสมอเป็น 1-1 จากจังหวะที่ ไรอัล บาเบล เปิดบอลจากฝั่งซ้ายมาที่เสาสอง คาลัม แชมเบอร์ส ยืนโล่งไร้ตัวประกบก่อนยิงเข้าไปตุงตาข่าย,แต่ทว่านาทีที่ 31 เชลซี ขึ้นนำเป็น 2-1 จอร์จินโญ ปั่นด้วยขวาจากนอกเขตโทษ บอลพุ่งเสียบมุมเข้าไป,นาทีที่ 33 โอกาสของเชลซีอีกแล้ว เมื่อ จอร์จินโญ เปิดบอลยาวให้ กอนซาโล อิกวาอิน หลุดกับดักล้ำหน้าแต่ยิงข้ามคานไปอย่างน่าเสียดาย,ถัดมา 7 นาที เชลซีได้ลุ้นอีกครั้ง เอเดน อาซาร์ด หลุดเข้าเขตโทษฝั่งซ้ายก่อนซัดเน้นๆ แต่ เซร์คิโอ ริโก เซฟออกมาได้,เข้าสู่ช่วงทดเจ็บ นาทีที่ 45+2 เชลซีน่าได้ประตูที่ 3 เมื่อ เซซาร์ อัซปิลิกูเอตา เปิดบอลจากฝั่งขวาเข้าเขตโทษ กอนซาโล อิกวาอิน วิ่งมาซัดเต็มข้อ ริโก ปัดออกหลังไปได้อย่างเหลือเชื่อ,กลับมาเล่นต่อครึ่งหลัง นาทีที่ 52 เชลซีเกือบได้อีกแล้วเมื่อ วิลเลียน วอลเลย์ด้วยขวาในเขตโทษ บอลพุ่งเข้าข้างตาข่าย,จากนั้น นาทีที่ 66 ฟูแลมได้ลุ้นตีเสมอเมื่อ ทอม แคร์นีย์ ซัดด้วยซ้ายจากนอกกรอบ เกปา อาร์ริซาบาลากา พุ่งปัดออกไปได้,ถึงนาทีที่ 72 ฟูแลม น่าตีเสมอสุดๆ เมื่อ โจ ไบรอัน ปั่นด้วยขวาจากนอกกรอบ บอลพุ่งจะเสียบมุม แต่ เกปา บินปัดออกไปได้,เข้าสู่ช่วงท้ายเกมนาทีที่ 89 ฟูแลม พลาดได้ประตูเหลือเชื่อ เมื่อ อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช ได้โขกจ่อๆ เกปา ปัดออกไปได้อย่างสุดยอด,ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันไม่ได้ จบเกม เชลซี บุกมาชนะ ฟูแลม 2-1 เก็บเพิ่มเป็น 56 คะแนน อยู่อันดับ 6 ต่อไป ส่วน ฟูแลม มี 17 คะแนน รั้งรองบ๊วย
|
สิงโตน้ำเงิน เชลซี บุกมาเอาชนะ ฟูแลม ไปแบบหวุดหวิด 2-1 ชนิดที่ต้องขอบคุณ เกปา อาร์ริซาบาลากา นายด่านจอมหนึบ ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดล่าสุด
|
กีฬา,ฟุตบอลยุโรป
|
เชลซี,ฟูแลม,พรีเมียร์ลีก
|
https://www.thairath.co.th/sport/eurofootball/premiereleague/1510095
|
กล้วยนํ้าว้า กินขายคุ้ม
|
ผลดิบต้มกินแก้ท้องเสีย ผลสุกกินเป็นยาระบาย หัวปลี กินสดหรือปรุงเป็นอาหารรับประทานแก้โรคเกี่ยวกับลำไส้ แก้โรคโลหิตจาง ลดนํ้าตาลในเลือด (เบาหวาน) ได้ดีมาก ในทางอาหาร หยวกแกงส้ม แกงกะทิ กินสดหรือต้มกินกับขนมจีน ผลดิบทำแกงป่า แกงกะทิ,ผลสุกกินเป็นผลไม้ ใช้กินกับข้าวเหนียวนึ่งสุกใหม่ๆได้คุณค่าทางอาหารสูงมาก เด็กๆและคนชรากินแล้วจะดีต่อสุขภาพ ผลสุกทำขนมบวชชี กล้วยทอด กล้วยแขก หัวปลีกินสดลวกจิ้มนํ้าพริก ผสมทำห่อหมกปลา ไก่ ผัดหรือแกงได้หลายอย่าง ใบของ กล้วยนํ้าว้า ใช้ทำห่อหมก ซึ่งใบตองของกล้วยชนิดอื่นใช้ทำห่อหมกไม่ได้ รสชาติเสียหมด ใครไม่เชื่อก็ต้องทดลองดู,กล้วยนํ้าว้า อยู่ในวงศ์ MUSACEAE ลำต้นเทียมหรือต้นสูงประมาณ 3-4 เมตร เนื้อใบค่อนข้างหนา ก้านใบใหญ่และยาว ร่องกลางใบลึก ก้านใบส่วนใหญ่จะชูตั้งขึ้น ต้นที่สมบูรณ์ใบจะดกมาก ผู้ปลูกสามารถตัดก้านลงมาแล้วเอาใบไปขายได้ราคากิโลกรัมละหลายบาท ตลาดต้องการสูงมาก,ก้านช่อดอกไม่มีขน ใบประดับปลีรูปค่อนข้างป้อม ม้วนงอขึ้น ปลายป้าน ด้านบนเป็นสีแดงอมม่วงมีนวล ด้านล่างเป็นสีแดงเข้ม เวลาติดเครือ เครือจะใหญ่และยาวมากแล้วแต่ละสายพันธุ์ หนึ่งเครือจะติดหวี 10-12 หวี หรือ 18-20 หวี ในหนึ่งหวีจะมีผล 10-16 ผลเป็นอย่างตํ่า ผลแก่จัดจะอวบอ้วน ผลดิบสีเขียว หากผลไม่แก่จัดจะมีเหลี่ยม ผลสุกสีของเปลือกผลจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง เนื้อในเป็นสีขาวนวล ไส้กลางเป็นสีเหลืองหรือสีส้ม,รสชาติผลสุกหวานหอมรับประทานอร่อยมาก จะติดเครือและผลเมื่อต้นสมบูรณ์เต็มที่ ขยายพันธุ์ด้วยหน่อ เมื่อตัดเครือควรล้มต้นด้วย เพื่อจะได้มีต้นใหม่แทงขึ้นมาแทนที่มีต้นขาย ทั่วไปที่ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ หลายแผงหลายเจ้า ราคาสอบถามกันเอง เหมาะจะปลูกเพื่อใช้ประโยชน์ตามที่กล่าวข้างต้นครับ.,นายเกษตร
|
ผู้อ่านไทยรัฐ จำนวนมากอยากทราบว่า กล้วยนํ้าว้า เป็นอย่างไรและมีประโยชน์ในด้านไหนบ้าง ซึ่งยาง ของเปลือกจากผลดิบหรือสุกของ กล้วยนํ้าว้า เป็นยาสมานแผลห้ามเลือด
|
ข่าว,ทั่วไทย
|
กล้วยน้ำว้า,แก้ท้องเสีย,ยาระบาย,เกษตรกรบนแผ่นกระดาษ,นายเกษตร,เกษตร
|
https://www.thairath.co.th/news/local/1369563
|
ตะครุบมือปืนยิงนักการเมืองท้องถิ่น จ.พังงา คาด่านอรัญประเทศ
|
เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 20 ส.ค. 58 ที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว พ.ต.อ.ไพรัช พุกเจริญ ผกก.ตม.สระแก้ว ประสาน พ.ต.อ.เสกสรร วัฒนพงษ์ ผกก.สภ.คลองลึก พ.ต.ท.เบญจพล รอดสวาสดิ์ รอง ผกก.ตม.สระแก้ว พ.ต.ท.จตรภัทร สิงหัษฐิต รอง ผกก.ป.สภ.คลองลึก พ.ต.ท.เรืองเดช ธรรมนันท์ สว.ตม.สระแก้ว ร.ต.อ.หญิง เปรมฤดี ใหญ่มีศักดิ์ รอง สว.ตม.สระแก้ว ได้รับประสาน พ.ต.ท.อุทัย เพชรอาวุธ สว.สส. สภ.ท้ายเมือง จับกุมนายยอดยิ่ง จันทรโชติ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 23/4 หมู่ 7 ตำบล ชะอวด อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช ถือหนังสือเดินทางประเทศไทย เลขที่ AA5173535 ตามหมายจับของศาลจังหวัดพังงา ที่ จ.62/2557 ลงวันที่ 16 มิ.ย.57 วันหมดอายุ 18 ก.พ. 2577 สืบเนื่องจากกรณีคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงนักการเมืองท้องถิ่น เทศบาลลำแก่น อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 17.30 น. วันที่ 18 ก.พ. 2557,จากการสืบสวนสอบสวนทราบว่า คนร้ายกลุ่มดังกล่าวใช้รถกระบะ สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนเป็นพาหนะ เหตุเกิดบนถนนหมู่บ้านดอนจันทร์ ใกล้ปากซอย หมู่ที่ 1 ต.ลำแก่น อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา ข้อหาร่วมกันฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน,เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ ตม.สระแก้ว ได้รับหลักฐานตามที่ตำรวจเจ้าของคดี ผู้ต้องหาตามหมายศาลได้ คดีดังกล่าวนี้ เจ้าหน้าที่สืบสวนกองบังคับการตำรวจภูธรพังงา ได้ใช้เวลาในการตามแกะรอยคนร้าย จนเป็นที่แน่ชัดและได้นำหลักฐานนำเสนอต่อศาลจังหวัดพังงา เพื่อขอออกหมายจับบุคคลดังกล่าว และศาลได้พิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว จึงออกหมายจับคนร้าย จากนั้น ตม.สระแก้ว นำส่ง พงส.สน.บางโพงพาง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
|
ตม.สระแก้ว รวบมือปืนยิงนักการเมืองท้องถิ่น เทศบาลลำแก่น อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา คาด่านตรวจคนเข้าเมืองคลองลึก ก่อนจะหลบหนีออกนอกประเทศ
|
ข่าว,ทั่วไทย
|
ตม.สระแก้ว,จับมือปืน,ยิงนักการเมืองท้องถิ่น,ด่านอรัญประเทศ,ด่านตรวจคนเข้าเมือง,สภ.คลองลึก,สระแก้ว,ยิงนักการเมืองพังงา,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์
|
https://www.thairath.co.th/news/local/519677
|
จ่อเจรจาขอคืนที่ตลาดกลางคลองหลวง พระ-ศิษย์ธรรมกาย ทยอยมาสวดมนต์แน่น
|
ดีเอสไอ ประชุมร่วมตำรวจ ฝ่ายสงฆ์ เตรียมเจรจากับพระ และกลุ่มลูกศิษยานุศิษย์ ธรรมกาย ให้ออกจากพื้นที่ตลาดกลางคลองหลวง โดยพระที่อยู่ในตลาด จะให้พระวินยาธิการเป็นผู้เจรจา หากฝืนเกิน 3 ครั้ง จะพิจารณาบทลงโทษทางสงฆ์ต่อไป ขณะที่ พ.ต.ต.วรณัน เผยรอประเมินสถานการณ์อีกครั้ง คุมตัวพระสนิทวงศ์ ที่เตรียมแถลงข่าวต่อสื่อ 5 มี.ค.นี้ ,เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ บก.ตชด.ภ.1 พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ รอผลประชุมคณะผู้บริหาร ดีเอสไอ ตำรวจ ฝ่ายสงฆ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึง การดำเนินการเจรจากับพระ และกลุ่มลูกศิษยานุศิษย์ เพื่อให้ออกจากพื้นที่ตลาดกลางคลองหลวง โดยจะมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง พระวินยาธิการ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และดีเอสไอ โดยพระที่อยู่ในตลาด จะให้พระวินยาธิการเป็นผู้เจรจา ซึ่งหากไม่ปฏิบัติตาม ก็ถือว่ามีความผิดทางวินัยสงฆ์ หากฝ่าฝืนคำสั่งเกิน 3 ครั้ง ก็จะพิจารณาบทลงโทษทางสงฆ์ต่อไป ซึ่งจะเริ่มจากการนิมนต์พระให้ออกจากพื้นที่,จากมาตรการกดดันให้ออกไปจากพื้นที่ตลาดกลางคลองหลวงทำให้ผู้ชุมนุมเตรียมย้ายสถานที่ และเมื่อวันที่ 3 มี.ค.ที่ผ่านมา ก็พบการเตรียมพื้นที่บริเวณโกดังเก็บน้ำหมักของป้าเช็ง เจ้าหน้าที่ก็ได้มีการตรวจสอบและเก็บประวัติหลักฐานไว้หมดแล้วรวมถึงมีการจับกุมพระ 2 รูปเณร 9 รูป ฆราวาสและคนงาน 23 คนเป็นต่างด้าว 6 คน ที่ตรวจสอบแล้วมีใบอนุญาตถูกต้อง พ.ต.ต.วรณัน กล่าว,พ.ต.ต.วรณัน เผยต่อว่า ส่วนการดำเนินการกับ พระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ผอ.สำนักสื่อสารองค์กรวัดพระธรรมกาย ขณะนี้มีการแจ้งความกับกองปราบไปแล้ว 2 คดี และคดีอื่นๆ อีก 31 คดี หลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะออกหมายเรียกตามขั้นตอน หากไม่มาพบพนักงานสอบสวน ก็จะออกหมายจับต่อไป ส่วนที่มีข่าวว่าพระสนิทวงศ์จะออกมาแถลงข่าวกับสื่อมวลชนในวันอาทิตย์ที่ 5 มี.ค.นี้ เจ้าหน้าที่จะทำการควบคุมตัวพระสนิทวงศ์เลยหรือไม่นั้น ฝ่ายปฏิบัติงานที่จะประเมินสถานการณ์เฉพาะหน้าอีกที,กรณีที่สังคมมีการตั้งคำถามว่าภารกิจติดตามตัว พระธัมมชโย ของดีเอสไอใช้งบประมาณไปมากกว่า 10 ล้านบาท แต่ยังไม่สามารถนำผู้ต้องหาตามหมายศาลมาดำเนินคดีได้นั้น ตนคงไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้ แต่ดีเอสไอก็ต้องปฏิบัติตามแผนที่วางไว้ คือติดตามตัวพระธัมมชโยมาดำเนินคดีตามหมายจับ และขอเรียกร้องให้ พระธัมมชโย ออกมามอบตัวแล้วทุกอย่างก็จะจบ สำหรับกรณีที่มีข่าวว่าผู้บัญชาการทหารบกเข้าหารือกับนายกรัฐมนตรี เพื่อเพิ่มกำลังทหารในแผนปฏิบัติงานนั้น โดยส่วนตัวยังไม่ทราบถึงรายละเอียดในเรื่องดังกล่าว รองโฆษกดีเอสไอ กล่าว,เมื่อเวลา 10.00 น. บริเวณจุดคัดกรองคลอง 3 ถนนคลองหลวง(ขาเข้า) ก่อนถึงตลาดกลางคลองหลวงมีเหล่าลูกศิษย์วัดธรรมกายเดินทางมาเป็นจำนวนมากขึ้นกว่าทุกวัน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จุดคัดกรองดังกล่าว เผยว่า ที่คนมาเยอะน่าจะเป็นเพราะช่วงวันหยุด ทำให้มีผู้เดินทางมาร่วมสวดมนต์มากขึ้น,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการตรวจคัดกรอง เจ้าหน้าที่ไม่ได้หวงห้าม เพียงแต่ต้องแสดงตนด้วยบัตรประชาชน ซึ่งเจ้าหน้าที่ของดีเอสไอ จะบันทึกเลข 13 หลัก และลงรายละเอียดบ้านเลขที่ หรือที่อยู่ตามบัตรประชาชน เป็นที่น่าสังเกตว่า มีบางคนที่ไม่ยอมให้บัตรประชาชน และยอมเดินทางกลับ ส่วนหนึ่งแจ้งว่า มาจากต่างจังหวัดฝั่งภาคอีสาน บางส่วนหนึ่งแจ้งว่าอยู่ในเขตกรุงเทพฯ.
|
ดีเอสไอ ถกฝ่ายเกี่ยวข้อง เจรจาพระ-ศิษย์ธรรมกาย ออกจากพื้นที่ตลาดกลางคลองหลวง โดยพระที่อยู่ในตลาด จะให้พระวินยาธิการเป็นผู้เจรจา หากฝืนเกิน 3 ครั้ง จะพิจารณาบทลงโทษทางสงฆ์ต่อไป
|
ข่าว,ทั่วไทย
|
ธรรมกาย,ธัมมชโย,จับ ธัมมชโย,ตลาดกลางคลองหลวง,พระสนิทวงศ์
|
https://www.thairath.co.th/news/local/874000
|
สทท.ยื่นนายกฯ สั่งปิดธุรกิจ ของดจ่ายเงินต้นและดอกเบี้ยเงินกู้เดิม 6 เดือน
|
จากคำสั่งทางปกครอง พร้อมขอให้ผ่อนปรนคุณสมบัติการยื่นกู้เงิน พร้อมขอตั้งกองทุนฟื้นฟูผู้ประกอบการท่องเที่ยว 1.5 แสนล้านบาท ของดจ่ายเงินต้นและดอกเบี้ยเงินกู้เดิม 6 เดือนผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชัยรัตน์ ไตรรัตนจรัสพร ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ได้ทำหนังสือ 4 ฉบับแจ้งถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา และ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกรุงเทพมหานคร หลังจากที่ผู้ประกอบการท่องเที่ยว บริษัททัวร์ ธุรกิจโรงแรม ซึ่งเป็นธุรกิจแรกๆได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) แต่ไม่สามารถเข้าถึงมาตรการเยียวยาของรัฐบาลได้ โดยหนังสือที่เสนอต่อนายกรัฐมนตรี และ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา มีเนื้อหาเหมือนกัน มีสาระ สำคัญว่า สทท.ได้รับทราบสถานการณ์ของผู้ประกอบการ รายย่อยและรายเล็ก ซึ่งเป็นผู้ประกอบการที่ไม่ถูกสั่งปิดโดยตรงตามคำสั่งของราชการ แต่มีผลเท่ากับถูกสั่งปิด เนื่องจากคำสั่งปิดสถานที่ที่ผ่านมาได้สั่งปิดแหล่งท่องเที่ยวทั้งทางธรรมชาติและที่มนุษย์สร้างขึ้น ก็ทำให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวในส่วนของโรงแรม กรุ๊ปทัวร์ และขนส่งนักท่องเที่ยว ฯลฯ ไม่สามารถทำธุรกิจได้ และไม่สามารถเข้าถึงมาตรการเยียวยาได้ โดยเฉพาะด้านค่าจ้างแรงงานในระบบขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการบางรายมีปัญหาเรื่องหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) แต่ยังดำเนินกิจการอยู่ โดยยังมีการประกอบธุรกิจ จ่ายค่าจ้างแรงงาน และค่าน้ำค่าไฟตามปกติ จะไม่สามารถกู้เงินตามมาตรการได้ เนื่องจากมีการตรวจสอบประวัติการชำระหนี้ ประเด็นต่อมา คือ ขณะนี้ผู้ประกอบอาชีพอิสระได้โอกาสในการรับเงินช่วยเหลือ 5000 บาทเป็นเวลา 3 เดือน แต่ลูกจ้างในธุรกิจนี้ที่เป็นผู้ประกันตนตามระบบกลับไม่ได้รับการชดเชยใดๆเลย จึงควรมีมาตรการช่วยเหลือผู้ประกันตนตามระบบด้วย ทั้งนี้ สทท.จึงเสนอแนวทางในการเยียวยาเพิ่มเติม ได้แก่1.มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว (ซอฟต์โลน) 10000 ล้านบาท ที่ผ่านมติคณะรัฐมนตรีแล้วนั้น ขอให้พิจารณาผ่อนปรนคุณสมบัติของผู้ยื่นขอกู้บางประการ ได้แก่เรื่องการทำกำไรในการเงิน และผ่อนปรนเรื่องการตรวจสอบประวัติการชำระหนี้ จะทำให้ผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งเงินกู้ สามารถนำเงินไปจ่ายค่าจ้างเพื่อประดับประคองธุรกิจต่อไปได้ รวมถึงของดจ่ายทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภทที่มีภาระผูกพันอยู่แล้วอย่างน้อย 6 เดือน และขอให้ภาครัฐโดยกระทรวงการคลัง สั่งการให้ธนาคารทุกธนาคารลดดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวทุกประเภท 50% อย่างน้อย 6 เดือน โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ชดเชยดอกเบี้ยส่วนต่าง2.เสนอจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 จำนวน 150000 บาท โดยมีกระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และสทท. เป็นกรรมการกองทุน เพื่อออกเกณฑ์การสนับสนุนผู้ประกอบการด้วยวิธีให้ทุนสนับสนุน ให้กู้ยืม หรือการร่วมทุน3.ด้วยเหตุที่ว่าสำนักงานประกันสังคมไม่ยอมรับมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 31 มี.ค.2563 เรื่องธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาด Covid-19 ให้หมายรวมถึงธุรกิจด้านการท่องเที่ยวอยู่ด้วย ทำให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวไม่ได้รับการช่วยเหลือจากกองทุนประกันสังคมเลย จึงขอให้พิจารณาสนับสนุนเงินค่าใช้จ่ายให้ผู้ประกันตนทั่วประเทศ 62% ของค่าจ้างรายวัน เป็นเวลา 6 เดือน และให้มีความชัดเจนว่าการปิดกิจการชั่วคราวด้วยตนเอง และให้ยกเว้นการจ่ายเงินสมทบประกันสังคม ทั้งฝั่งนายจ้างและลูกจ้างเป็นระยะเวลาสูงสุด 180 วันขณะเดียวกัน หนังสือที่เสนอต่อรองนายกฯสมคิดได้ขอเสนอแนวทางผ่อนปรนเงื่อนไขการขอยื่นกู้ โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการทำกำไรในงบการเงิน การผ่อนปรนเรื่องของการตรวจสอบประวัติการชำระหนี้ ในส่วนของการผิดนัด เนื่องจากการกำหนดคุณสมบัติของผู้ยื่นกู้ที่ค่อนข้างเข้มงวด ขัดแย้งกับธรรมชาติการดำเนินธุรกิจของรายย่อยและเล็ก ซึ่งปกติจะมีสภาพคล่องและผลการดำเนินงานที่ไม่สม่ำเสมอนอกจากนี้ หนังสือฉบับที่เสนอต่อผู้ว่าฯ กทม.มีประเด็นสำคัญ คือขอให้ประกาศสั่งโรงแรมที่ไม่มีนักท่องเที่ยวเข้าพักแล้ว ผู้ประกอบการด้านการขนส่งนักท่องเที่ยวทั้งทางบกและทางน้ำ บริษัททัวร์หรือผู้ประกอบการนำเที่ยว รวมถึงมัคคุเทศก์ หยุดดำเนินกิจการชั่วคราว เพื่อให้ลูกจ้างในระบบประกันสังคมของธุรกิจข้างต้นสามารถเข้าถึงมาตรการเยียวยาของรัฐบาล ด้านค่าจ้างแรงงานจากประกันสังคม เพราะการไม่ถูกสั่งปิดทางปกครอง ทำให้ ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากกองทุนประกันสังคม และผู้ประกอบการก็ไม่มีรายได้ที่จะจ่ายเงินเดือนให้พนักงานอีกต่อไปผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะนี้มีผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี จันทบุรี พังงา ชลบุรี และคาดว่าจะมีนนทบุรีที่ตัดสินใจสั่งปิดธุรกิจโรงแรมในจังหวัดแล้ว เพื่อให้ลูกจ้างสามารถรับเงินทดแทนประกันสังคมได้.
|
สทท.ยื่นหนังสือ 4 ฉบับส่งตรงถึง ประยุทธ์-สมคิด-พิพัฒน์-อัศวิน ขอให้สั่งปิดธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม ธุรกิจขนส่งนักท่องเที่ยว เพื่อให้ลูกจ้างได้รับเงินทดแทนจากกองทุนประกันสังคม
|
ข่าว,เศรษฐกิจ
|
โควิด-19,ไวรัสโคโรนา,ผลกระทบโควิด-19,ผู้ประกอบการท่องเที่ยว,ประกันสังคม,เงินทดแทน ประกันสังคม,ข่าววันนี้,ข่าวทั่วไป
|
https://www.thairath.co.th/news/business/1811348
|
รวบสาวลาวนับ 10 ที่ร้านดังเชียงคาน DSI รับทำคดีต่อ หวั่นค้ากามข้ามชาติ
|
เมื่อวันที่ 21 มี.ค.62 นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้อำนวยการส่วนกำกับสืบสวนและปราบปราม และฝ่ายปกครองจังหวัดเลย ร่วมกับชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ได้รับร้องเรียนให้เข้าตรวจสอบสถานประกอบการ ชื่อร้าน, อย่าอิจฉา, ตั้งอยู่ที่ 401/2 หมู่ที่ 6 ต.เชียงคาน,จากการตรวจสอบพบว่า มีการนำหญิงสัญชาติลาว จำนวน 10 คน มาค้าประเวณี โดยมีการสร้างโรงแรม ชื่อ ,ขวัญเรือนรีสอร์ท, ตั้งอยู่ในอาณาบริเวณเดียวกัน เพื่อรองรับการค้าประเวณีด้วย โดยเจ้าหน้าที่ได้นำพนักงานหญิงทั้ง 10 คน ไปทำการคัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ โดยเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพ และหากพบว่าเข้าข่ายเป็นความผิดฐานค้ามนุษย์ ก็จะแจ้งข้อหากับเจ้าของสถานประกอบการเพิ่มเติม รวมทั้งให้ความคุ้มครองและฟื้นฟูผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ต่อไป,อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่พบว่า ขบวนการนำพาหญิงชาวลาวเข้ามาค้าประเวณีในประเทศไทย และยังน่าเชื่อว่า ,เจ้าหน้าที่รัฐ ,น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการดังกล่าวด้วย ซึ่งหากเป็นความผิดฐานค้ามนุษย์หรือเข้าข่ายเป็นองค์กรอาชญากรข้ามชาติ,โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้รับไว้เป็นคดีพิเศษเพื่อสอบสวนขยายผลต่อไป และแจ้งข้อกล่าวหาเจ้าของกิจการเป็นธุระจัดหาหญิงมาเพื่อค้าประเวณี ตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน ประกอบธุรกิจโรงแรมโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน มีอาวุธปืนไว้ครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน,ขณะที่ นายชัชพงษ์ อาจแก้ว นายอำเภอเชียงคาน เปิดเผยว่า ทางอำเภอเชียงคาน ได้มีการจัดเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ออกตรวจสอบป้องกันร้านค้าคาราโอเกะที่แอบแฝงขายบริการตลอดทุกสัปดาห์ แต่ก็มีเล็ดลอดสายตาไป จนมี ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง มาตรวจค้นและจับกุมในครั้งนี้ และมีการรายงานไปยังนายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าฯ จังหวัดเลยให้ทราบแล้ว
|
ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง บุกร้านดังเชียงคาน พบสาวลาวนับ 10 คน หวั่นมีการค้าประเวณี ดีเอสไอรับทำคดีต่อ คาดเจ้าหน้าที่รัฐอาจรู้เห็น และมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นการค้ากามข้ามชาติ
|
ข่าว,สังคม
|
รณรงค์ ทิพย์ศิริ,ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง,ดีเอสไอ,ร้านคาราโอเกะ,ข่าวทั่วไป
|
https://www.thairath.co.th/news/society/1526111
|
ป.ป.ช. ป้อง บิ๊กกุ้ย ชี้นำลงมติไม่ยื่นอุทธรณ์ 3 จำเลยสลายพันธมิตรฯ
|
,เมื่อวันที่ 1 ก.ย.60 นายปรีชา เลิศกมลมาศ กรรมการ ป.ป.ช.กล่าวถึงกรณีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.) เตรียมยื่นถอดถอนคณะกรรมการ ป.ป.ช.ต่อประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) กรณียื่นอุทธรณ์คดีสลายการชุนนุมกลุ่มพันธมิตรฯ ปี 51 เฉพาะ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีต ผบช.น.เพียงคนเดียว ว่า มีสิทธิยื่นได้แต่ต้องดูว่า จะยกเหตุพฤติการณ์ใดมาถอดถอน ป.ป.ช. ยืนยันว่าการที่ ป.ป.ช.ยื่นอุทธรณ์เฉพาะ พล.ต.ท.สุชาติ เพียงคนเดียว ยึดจากคำพิพากษากลางและคำวินิจฉัยส่วนตัวขององค์คณะศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่รับฟังได้ว่า จำเลยที่ 1-3 คือ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร.ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์การชุมนุมขณะนั้น ขณะที่กรณี พล.ต.ท.สุชาตินั้น ถือเป็นผบ.เหตุการณ์และไม่มีการปรับเปลี่ยนมาตรการปราบปรามให้สอดคล้องกับสถานการณ์ อีกทั้งการลงมติการยื่นอุทธรณ์ของ ป.ป.ช.ครั้งนี้ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานป.ป.ช.ไม่สามารถโน้มน้าวกรรมการ ป.ป.ช.คนอื่นๆในการลงมติได้ เพราะทุกคนเป็นอิสระ ซึ่งตัวประธาน ป.ป.ช.ก็ของดออกเสียงในการลงมติ,นายปรีชา กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่มีอดีต ผอ.สำนักงาน ป.ป.ช.จังหวัดมหาสารคาม ร่วมแถลงข่าวกับกลุ่มพันธมิตรฯ โดยระบุว่า มีกรรมการป.ป.ช.ชุดปัจจุบัน 4 คน เคยร่วมลงมติชี้มูลความจำเลยทั้งสี่คนในสมัยที่มี นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ เป็นประธาน ป.ป.ช. แต่ล่าสุดกรรมการป.ป.ช.ทั้งสี่คนกลับลงมติไม่อุทธรณ์จำเลยที่ 1-3 นั้น ขอชี้แจงว่าในวันที่ ป.ป.ช.ชุดเดิมลงมติชี้มูลความผิดจำเลยทั้งสี่คน เมื่อวันที่ 7 ก.ย.52 กรรมการ ป.ป.ช.ทั้งสี่คนที่ถูกอ้างถึง ยังไม่ได้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่เป็นกรรมการ ป.ป.ช. ดังนั้นสิ่งที่กลุ่มพันธมิตรฯกล่าวอ้างจึงไม่ถูกต้อง
|
ป.ป.ช.ป้อง วัชรพล โน้นน้าวกรรมการ ป.ป.ช.คนอื่นลงมติไม่อุทธรณ์ สมชาย-ชวลิต-พัชรวาท ไม่ได้ ย้ำ ป.ป.ช.ทุกคนทำงานเป็นอิสระต่อกัน ยืนกรานปล่อยจำเลยที่ 1-3 เพราะไม่เกี่ยวข้องกับเหตุสลายม็อบ พธม.ปี 51
|
ข่าว,การเมือง
|
ป.ป.ช.,สลายชุมนุม ปี 51,พันธมิตรฯ,สลาย พธม.ปี 51,ม็อบเหลือง,ข่าวทั่วไป
|
https://www.thairath.co.th/news/politic/1056837
|
ร็อดเจอร์ส ชี้ เฟอร์มิโน ต้องการเวลาปรับตัวกับหงส์แดง
|
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานวันที่ 17 ก.ค. ว่า เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล ชี้ กองกลางชาวบราซิเลียนอย่าง โรแบร์โต เฟอร์มิโน ต้องการเวลาในการปรับตัวให้เข้ากับเกม และวิถีชีวิตการค้าแข้งบนแผ่นดินอังกฤษในฤดูกาลหน้า,ปีกกึ่งกองหน้าวัย 23 ปี จรดปากกาเซ็นสัญญาย้ายจาก ฮอฟเฟนไฮม์ ในเยอรมัน มาร่วมทีมลิเวอร์พูลด้วยค่าตัวสูงถึง 29 ล้านปอนด์ พร้อมกับได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นหนึ่งในคีย์แมนคนสำคัญ ที่พาหงส์แดงกลับมาประสบความสำเร็จอีกครั้ง,อย่างไรก็ตาม นายใหญ่ของ ทีมเรด แมชชีน กลับมองว่า ดาวเตะอนาคตไกลรายนี้ต้องการเวลาในการปรับตัวกับวิถีชีวิต และสไตล์ฟุตบอลของอังกฤษอย่างน้อย 1 ฤดูกาล,เขาคือผู้เล่นชั้นยอด และสามารถเล่นได้ดีในศึกฟุตบอลลีกชั้นนำของยุโรปอย่างบุนเดสลีกา ก่อนหน้าหน้านี้ และแน่นอนว่าเขาจะไม่รู้สึกกดดันเมื่อย้ายมาอยู่ดับเรา ลูคัส รู้ดีกว่าใครว่า การที่ผู้เล่นบราซิลสักคนหนึ่งย้ายมาเล่นในพรีเมียร์ลีก ย่อมต้องการเวลาในการปรับตัว,เขามีลักษณะรายละเอียดทุกอย่างซึ่งตรงตามที่เราต้องการ เขาทำงานหนักเพิ่มขึ้นในทุกๆ วัน เพื่อที่จะตอบแทนทีมให้ได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด ผมตื่นเต้นมากที่จะได้ร่วมงานกับเขาในเร็วๆ นี้ กุนซือทีมหงส์แดง กล่าวกับเว็บไซต์สโมสร
|
กุนซือทีมหงส์แดง ระบุ โรแบร์โต เฟอร์มิโน ดาวเตะแซมบ้า ต้องการเวลาในการปรับตัวเพื่อเข้ากับวิถีชีวิต และเกมฟุตบอลบนแผ่นดินอังกฤษ อย่างน้อย 1 ฤดูกาล พร้อมเผย รู้สึกตื่นเต้นจนแทบจะรอร่วมงานกับลูกทีมรายนี้ไม่ไหวแล้ว
| null |
เบรนแดน ร็อดเจอร์ส,โรแบร์โต เฟอร์มิโน,ลิเวอร์พูล,ฮอฟเฟนไฮม์,บุนเดสลีกา,หงส์แดง,เรด แมชชีน,ข่าว,ข่าวกีฬา,ไทยรัฐออนไลน์
|
https://www.thairath.co.th/content/512374
|
ปิดจ๊อบ ปราสาท ได้ 18 แข้งประจวบเข้ารอบสุดท้าย ล่องใต้ส่องเพชรเม็ดงาม
|
วันที่ 29 ส.ค.60 ที่สนามสามอ่าว สเตเดียม ปราสาทสายฟ้า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ได้ทำการล่องใต้ทำโครงการ BURIRAM UNITED ACADEMY TRIAL ON TOUR 2017 หรือ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ล่องใต้ส่องเพชรเม็ดงาม เพื่อคัดเด็กเยาวชนฝีเท้าดี เข้าสู่บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อะคาเดมี เพื่อโอกาสก้าวไปเป็นนักเตะอาชีพในอนาคต ซึ่งสนามนี้ถือเป็นเฟสที่ 2 ก่อนหน้านี้ได้เดินทางล่องใต้คัดเยาวชนมาแล้ว 4 สนาม ได้นักเตะฝีเท้าดี 24 คน เข้าสู่รอบสุดท้าย โดยการคัดเลือกมี นายทรงเกียรติ ลิ้มอรุณรักษ์ ประธานสโมสรพีที ประจวบ เอฟซี และนายไชยชนก ชิดชอบ รองผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด สโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เดินทางมาให้กำลังใจ และให้โอวาทกับน้องๆ,การคัดเลือกครั้งนี้ก็เป็นไปด้วยความเข้มข้นเช่นเดิมจากการควบคุมของ มร.โจเซ่ อัลเวส บอจีส หัวหน้าฝ่ายพัฒนาเยาวชน สโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และทีมงานสตาฟฟ์โค้ช ก่อนจะได้นักเตะเยาวชนฝีเท้าดีรวมทั้ง 3 รุ่น 18 คน จากน้องๆ นักเตะที่เดินทางมาร่วมคัดเลือก 500 คน สนามนี้ถือเป็นสนามที่ได้นักเตะเข้าสู่รอบสุดท้ายมากที่สุดเท่าที่มีล่องใต้ 4 สนามก่อนหน้านี้,โดยรุ่นอายุไม่เกิน 11 ปี ได้ 11 นักเตะ ประกอบด้วย โอฬาร เจือสุข, วงศกร ขุนพิทักษ์, เมธัส ถุงทอง, ธนกฤต จงช่วยวงศ์, พัทรพงศ์ อินทชยาคม, นันทิพัฒน์ สมิงนคร, นวินเมธ เชี่ยวชาญ, ปลื้ม บัณฑิตวงศ์ไพศาล, ภูมิศักดิ์ จอมทอง, โทโมคูนิ ธีม ทากิ, ธนโชติพัฒน์ เข็มเพ็ชร,รุ่นอายุไม่เกิน 13 ปี 3 คน ปรเมษฐ์ โกยปฐม, วัฒนพัฒน์ ฤกษ์ศิลปวิทยา, วริศ เกาะแก้ว และรุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี 4 คน จักรภัทร พุมนวน, เกียรติศักดิ์ รัตนราช, สารินท์ พิณพรม และพงษ์พันธ์ สุขสำอางค์ โดยนักเตะทั้ง 18 คน จะต้องไปร่วมเก็บตัวจากเด็กทั่วภาคใต้ อีกครั้งในรอบคัดเลือก รอบสุดท้าย ของโครงการบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ล่องใต้ส่องเพชรเม็ดงาม ที่จังหวัดบุรีรัมย์ ระหว่างวันที่ 9-13 ตุลาคม 2560,ทำให้เวลานี้โครงการ BURIRAM UNITED ACADEMY TRIAL ON TOUR 2017 ผ่านมาแล้ว 5 สนาม ได้นักเตะฝีเท้าดีมาแล้วทั้งสิ้น 42 คน โดยเฟสสอง สนามสุดท้าย จะมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 16 สิงหาคม 2560 ที่จังหวัดพัทลุง สนามองค์การบริหารส่วนจังหวัดพัทลุง , ,สำหรับโครงการ BURIRAM UNITED ACADEMY TRIAL ON TOUR 2017 จะทำการเดินสายไปคัดนักเตะฝีเท้าดีจากทั่วภาคใต้ น้องๆ ที่สนใจสามารถติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด www.buriramunited.com หรือ แฟนเพจเฟซบุ๊ก BURIRAM UNITED และแฟนเพจเฟซบุ๊ก Buriram United Academy
|
ปราสาทสายฟ้า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ได้ 18 ยอดแข้งประจวบ เข้ารอบสุดท้ายล่องใต้ส่องเพชรเม็ดงาม จาก 3 รุ่นที่มีผู้เข้าร่วมคัดเลือกมากกว่า 500 คนเลยทีเดียว
|
กีฬา,ฟุตบอลไทย
|
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด,บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อะคาเดมี,โจเซ อัลเวส บอจีส,ฟุตบอลไทย
|
https://www.thairath.co.th/sport/thaifootball/1053709
|
ผบ.ทบ.ระบุ ตอบโจทย์ ฉายได้ตาม รธน. แต่ใครอยู่เมืองไทยแล้วอึดอัดขอให้ไปที่อื่น
|
กระทรวงพลังงาน 2 ตอน ถ้าฝ่ายหลังไม่มาถือว่าสละสิทธิ จะขอจัดเองตามที่เมื่อเวลา 22.00 น. เมื่อวานนี้ (18 มี.ค.) ทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส มีการเผยแพร่รายการตอบโจทย์ประเทศไทย ดำเนินรายการโดย ภิญโญ ไตรสุริยธรรมา ตอน สถาบันพระมหากษัตริย์ ภายใต้รัฐธรรมนูญ ตอนที่ 5 เป็นการอภิปรายตอนจบระหว่างสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล นักวิชาการประวัติศาสตร์ และสุลักษณ์ ศิวรักษ์ นักเขียนและผู้ก่อตั้งศึกษิตสยาม โดยการออกอากาศดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่เมื่อ 15 มี.ค. ที่ผ่านมาผู้บริหารไทยพีบีเอสตัดสินใจชะลอการออกอากาศเนื่องจากมีผู้ชุมนุมเรียกร้องให้ยุติการออกอากาศภายในสถานี ก่อนที่คณะอนุกรรมการรับและพิจารณาเรื่องร้องเรียนจากประชาชน จะมีผลวินิจฉัยว่าการชะลอการออกอากาศเป็นการผิดข้อบังคับขององค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) และให้มีการ เยียวยาผู้ชมรายการ โดยการออกอากาศรายการดังกล่าวโดยเร็ว เป็นที่มาของรายการตอบโจทย์ประเทศไทยเมื่อคืนวันที่ 18 มี.ค. ดังกล่าว ล่าสุดวันนี้ (19 มี.ค.) ที่กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 พัน 1 รอ.) พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงกรณีที่สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส เผยแพร่รายการตอบโจทย์ประเทศไทย ตอน สถาบันพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ ตอนที่ 5 โดย รายงานคำแถลงของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่กล่าวว่า การกลับมาฉายใหม่ถือว่าเป็นสิ่งที่ทำได้ตามรัฐธรรมนูญ แต่ไม่เหมาะสมที่จะมานำเสนอในช่วงเวลานี้ เพราะประเทศไทยยังคงมีความขัดแย้ง ทั้งนี้อยากให้รำลึกว่า การที่ประเทศไทยได้รับความสนใจจากชาวโลก ส่วนหนึ่งก็มาจากสถาบันพระมหากษัตริย์ อีกทั้งประเทศไทยเป็นแผ่นดินที่บรรพบุรุษต่อสู้รักษาไว้ และปัจจัยที่ทำให้ประชาชนกับแผ่นดินยึดเหนี่ยวด้วยกันได้คือสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์อีกทั้งประเทศไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยที่มาจากสถาบันพระมหากษัตริย์ ดังนั้นพระมหากษัตริย์จึงทรงอ่อนแอเพราะไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ จึงต้องมีกฎหมายมาคุ้มครอง ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่มีปัญหาอะไร พึ่งจะมามีปัญหาในช่วงหลังผู้บัญชาการทหารบก ยังกล่าวอีกว่า ตนไม่กล้าที่จะก้าวล่วงสิทธิ์ของสื่อ และไม่สามารถกล่าวได้ว่าผิดหรือถูก และคิดว่าคนส่วนใหญ่ทั้งประเทศไม่ได้มีความคิดอย่างที่รายการตอบโจทย์ประเทศไทยนำเสนอ พร้อมยืนยันว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่เคยทำร้ายประชาชน ตรงข้ามกลับมีแต่ให้ประชาชนจากทรัพยากรที่ได้จากประชาชนโดยส่วนตัวรู้สึกอึดอัดกับเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้ยอมรับว่าเป็นเพราะยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป แต่หากผู้ใดทำผิด และรู้ว่าถ้าทำผิดกฎหมายแล้วจะถูกดำเนินคดีก็ขออย่าให้ทำผิดกฎหมาย ทั้งนี้ประเทศไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยเมื่อคนส่วนใหญ่รักสถาบันพระมหากษัตริย์คนส่วนน้อยก็ต้องยอมรับหากคิดว่าอยู่เมืองไทยแล้วอึดอัดที่มีสถาบันพระมหากษัตริย์และมีกฎหมายคุ้มครองสถาบันพระมหากษัตริย์ก็ขอให้ไปอยู่ที่อื่น อย่างไรก็ตามยอมรับว่ากระบวนการล้มเจ้ามีมาตั้งแต่สมัย พ.ศ. 2475 แล้วส่วนการทำรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ที่หลายคนเข้าใจว่าพระมหากษัตริย์เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า การที่พระองค์ท่านลงพระปรมาภิไธย เป็นไปตามกฎหมายทั้งสิ้น เพราะขณะนั้นคณะรัฐประหารถือว่าเป็นรัฐบาลเมื่อมีการเสนอขึ้นไปพระองค์ก็ต้องลงพระปรมาภิไธยตามกฎหมายดังนั้นต่อไปนี้ ต้องระมัดระวังอย่าให้พระองค์ท่านต้องเสื่อมเสีย และให้ไปตีความก่อนว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญเป็นอย่างไร และเรียกร้องให้ผู้ที่มีความคิดและพฤติกรรมที่เป็นอันตรายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าวแต่เชื่อว่าสิ่งที่ตนร้องขอไปคงไม่สำเร็จและคนผู้นั้นก็ต้องรอรับผลทางกฎหมายขณะเดียวกัน ต่อกรณีที่รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. ได้โพสต์สเตตัสเมื่อเช้ามืดวันนี้ (19 มี.ค.) เสนอให้ไทยพีบีเอส ให้โอกาส ไปออกอากาศสัก 3 ตอนในเรื่อง ปตท. นั้น ล่าสุด รสนา ได้ในเฟซบุคว่าสเตตัสของรสนา ทิ้งท้ายไว้
|
ประยุทธ์บอกฉาย ตอบโจทย์ ได้แต่เวลานี้ไม่เหมาะสม เพราะประเทศยังขัดแย้ง คนส่วนน้อยที่คิดว่าอยู่เมืองไทยแล้วอึดอัดขอให้ไปอยู่ที่อื่น ด้าน รสนา ท้าไทยพีบีเอสออกทีวี 5 ตอน และขอศึก ปตท. -
|
การเมือง
|
กองทัพไทย,การปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์,ตอบโจทย์ประเทศไทย,ปตท.,ประยุทธ์ จันทร์โอชา,พลังงาน,รสนา โตสิตระกูล,สื่อมวลชนไทย,ไทยพีบีเอส
|
https://prachatai.com/journal/2013/03/45828
|
คาดการณ์หน้าตารัฐบาลอังกฤษชุดใหม่จะกระทบต่อไทยอย่างไร
|
สหราชอาณาจักรกำลังจะจัดการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 8 มิถุนายนที่จะถึงนี้ การเลือกตั้งครั้งนี้เกิดขึ้นภายหลังจากการประกาศยุบสภาของนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ ในวันที่ 18 เมษายน 2017 การเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎรในสหราชอาณาจักร หรือที่เรียกอย่างเป็นทางการว่า สภาสามัญชน (โดยมีสภาสูงหรือสภาขุนนางคอยคานอำนาจในบางกรณี) ใช้ระบบแบ่งเขตและมีทั้งหมด 650 เขต โดย ส.ส. ที่ได้รับคะแนนเสียงมากที่สุดในแต่ละเขตจะได้รับเลือกตั้งเป็นผู้แทนในสภาของเขตนั้นๆ พรรคที่มี ส.ส. ชนะเลือกตั้งเกินกึ่งหนึ่งหรือเกิน 325 ที่นั่ง ก็จะได้จัดตั้งรัฐบาลโดยมีหัวหน้าพรรคนั้นๆ เป็นนายกรัฐมนตรี เราจะขอนำผู้อ่านมาดูโฉมหน้ารัฐบาลสหราชอาณาจักรหลังการเลือกตั้ง โดยแบ่งความเป็นไปได้ออกเป็น 4 แบบ เรียงลำดับความเป็นไปได้ตามผลสำรวจโพลตั้งแต่หลังประกาศยุบสภาจนถึงต้นเดือนมิถุนายน และโฉมหน้ารัฐบาลชุดใหม่ในแต่ละแบบนั้นจะส่งผลกระทบต่อไทยอย่างไรPhoto: BEN STANSALL AFPความเป็นไปได้แบบที่หนึ่ง: รัฐบาลพรรคอนุรักษนิยมจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก ความเป็นไปได้ที่พรรคอนุรักษนิยมจะครองเสียงข้างมากในสภาและจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวนั้นดูจะเป็นความคาดหมายของทั้งนางเมย์ และกรรมการบริหารระดับสูงของพรรคเอง รวมไปถึงบางส่วนของพรรคฝ่ายค้าน (เช่น พรรคชาติสกอต (SNP) ซึ่งรณรงค์หาเสียงให้ผู้สนับสนุนเลือกพรรคตน เพื่อเข้าไปเป็น ฝ่ายค้าน เพื่อต่อต้านนโยบายรัดเข็มขัดของรัฐบาล) แม้ว่าก่อนหน้านี้อดีตนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน จะเพิ่งนำพรรคอนุรักษนิยมชนะการเลือกตั้ง โดยครองเสียงข้างมากในสภาเป็นครั้งแรกในรอบ 23 ปี รัฐบาลพรรคอนุรักษนิยมในขณะนี้มีเสียงข้างมากในสภาเพียง 12 เสียง ซึ่งถือว่าค่อนข้างน้อย ทำให้การโหวตในสภาในอนาคต พรรคอนุรักษนิยมมีโอกาสจะแพ้ผลโหวตในสภาได้ง่าย หาก ส.ส. เพียง 7 คนในพรรคเลือกที่จะไม่สนับสนุนนโยบายบางอย่างของรัฐบาล การยุบสภาและจัดการเลือกตั้งใหม่ในขณะที่รัฐบาลกำลังได้รับความนิยมในผลสำรวจจึงอาจเป็นวิธีที่ดีในการเพิ่มเสียงข้างมากในสภา อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ ให้เหตุผลในการยุบสภาว่า การเลือกตั้งครั้งใหม่นี้มีความจำเป็นเพื่อให้รัฐบาลมีเสถียรภาพมากขึ้น โดยเฉพาะภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งสหราชอาณาจักรกำลังเข้าสู่กระบวนการเจรจาข้อกำหนดในการออกจากสหภาพยุโรป นางเมย์เตือนว่าหากรัฐบาลไม่สามารถครองเสียงข้างมากได้ สหราชอาณาจักรจะแลดู อ่อนแอ ในสายตาของนานาประเทศในสหภาพยุโรป ทำให้อาจถูก ลงโทษ ด้วยข้อกำหนดการออกจากการเป็นสมาชิกที่ไม่เป็นธรรม ตัวอย่าง เช่น สินค้าจากสหราชอาณาจักรอาจถูกเก็บภาษีในอัตราสูงโดยประเทศในสหภาพยุโรป ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาคการส่งออกของสหราชอาณาจักรซึ่งยังคงฟื้นตัวจากวิกฤตเศรษฐกิจยูโร นางเมย์จึงพยายามรณรงค์หาเสียงในการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยมุ่งเน้นในเรื่อง Brexit เป็นหลัก ภายใต้สโลแกน Strong and Stable Leadership หรือ รัฐบาล(อนุรักษนิยม)ที่แข็งแกร่งและมั่นคง นางเมย์นั้นใช้วลีนี้บ่อยครั้งจนถูกนำมาล้อเลียนทั้งในโทรทัศน์และอินเทอร์เน็ต แต่ในขณะเดียวกันก็ประสบความสำเร็จในการแสดงให้เห็นถึงข้อแตกต่างระหว่างเธอและนายเจเรมี คอร์บิน ผู้นำฝ่ายค้านพรรคแรงงาน ซึ่งถูกมองว่าอ่อนแอกว่าโดยเฉพาะในเรื่องของ Brexit อย่างไรก็ตาม พรรคฝ่ายค้านอย่างพรรคแรงงานภายใต้หัวหน้าพรรคนายคอร์บิน โต้แย้งว่ารัฐบาลอนุรักษนิยมนั้นพยายามให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับ Brexit เพียงอย่างเดียว เนื่องจากรัฐบาลขาดผลงานด้านอื่นในช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมา มาตรการรัดเข็มขัดทางเศรษฐกิจของพรรคอนุรักษนิยมได้ส่งผลเสียอย่างมากต่อระบบบริการสุขภาพแห่งชาติ (National Health Service) และบริการสาธารณะอื่นๆ นโยบายเศรษฐกิจของพรรคอนุรักษนิยมมีผลกระทบโดยตรงต่อกลุ่มผู้มีรายได้น้อย แต่รัฐบาลก็มีผลงานในการลดหนี้สาธารณะซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของกลุ่มธุรกิจและผู้มีสิทธิเลือกตั้งบางกลุ่ม ในขณะเดียวกันมีความเป็นไปได้ว่าเหตุผลที่แท้จริงที่พรรคแรงงานพยายามพูดถึงเรื่องคุณภาพบริการสาธารณะ ก็เป็นเพราะว่าพรรคแรงงานเองขาดเอกภาพในเรื่องสหภาพยุโรป โดยที่คนส่วนใหญ่ในพรรคสนับสนุนให้สหราชอาณาจักรพยายามเจรจาเพื่ออยู่ในตลาดร่วมต่อไป หรือแม้กระทั่งทบทวนการออกจากสหภาพยุโรป แต่นายคอร์บินและกรรมการพรรคบางส่วนต้องการออกจากสมาชิกสภาพอย่างชัดเจน การเลือกตั้งครั้งนี้จึงเสมือนศึกชิงพื้นที่ในสื่อโดยต่างฝ่ายต่างพยายามเบี่ยงประเด็นไปในทางที่ตนเองต้องการ สุดท้ายนี้ นักวิเคราะห์เชื่อว่าเหตุผลหลักที่แท้จริงในการยุบสภาของรัฐบาล ก็เป็นเพราะว่าพรรคอนุรักษนิยมกำลังมีคะแนนเสียงนำพรรคฝ่ายค้านอยู่ในผลโพลทุกสำนัก แหล่งข่าวอ้างว่าอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสมัยรัฐบาลของนายคาเมรอน ได้กล่าวเป็นการส่วนตัวว่า จะเป็นการ โง่เขลา อย่างมาก หากนางเมย์ไม่ยุบสภาในขณะนี้ ผลโพลช่วงต้นเดือนพฤษภาคมคำนวณว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้รัฐบาลอาจจะได้รับเสียงข้างมาก 50 ที่นั่งเป็นอย่างต่ำ และอาจได้มากถึง 212 ที่นั่ง (ขึ้นอยู่กับคะแนนเสียงพรรคอื่นๆ ในเขตนั้นๆ เนื่องจากสหราชอาณาจักรใช้ระบบแบ่งเขตในการเลือกสมาชิกสภาผู้แทนฯ) การเลือกตั้งครั้งนี้จึงอาจเป็นการฉวยโอกาสทางการเมืองเพื่อยืดอายุรัฐบาลออกไปอีกหนึ่งสมัย ความเป็นไปได้แบบที่สอง: รัฐบาลพรรคแรงงานจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรค SNP ตลอดช่วงเดือนพฤษภาคม คะแนนเสียงพรรคอนุรักษนิยมกลับค่อยๆ ลดลงในผลสำรวจ และพรรคแรงงานมีคะแนนเสียงเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ ทั้งนี้สาเหตุมาจากหลายเหตุการณ์รวมกัน ก่อนอื่นนางเมย์ซึ่งมีพื้นเพมาจากการเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยนั้นไม่ได้มีความสามารถในการรณรงค์หาเสียงแบบนายโทนี แบลร์ หรือนายคาเมรอน และมักจะถูกล้อเลียนในสื่อหลายๆ ครั้ง โดยเฉพาะปัญหาที่เธอมักจะใช้วลีเดิมซ้ำๆ ในการให้สัมภาษณ์ ในขณะเดียวกันความนิยมของนายคอร์บินซึ่งถึงแม้จะยังไม่เทียบเท่ากับนางเมย์แต่ก็เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มคนอายุน้อยซึ่งมองว่านายคอร์บินเป็นตัวแทนของคนหัวก้าวหน้า โดยปกตินั้นกลุ่มคนอายุต่ำกว่า 25 ปีมักจะออกมาใช้เสียงเพียงร้อยละ 40 เทียบกับกลุ่มคนวัยเกษียณที่ออกมาใช้เสียงเกินร้อยละ 80 แต่ในการเลือกตั้งครั้งนี้มีแนวโน้มว่ากลุ่มคนอายุน้อยอาจจะออกมาใช้เสียงมากขึ้นกว่าทุกครั้ง ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากนโยบายของนายคอร์บินที่เป็นที่ชื่นชอบของคนอายุน้อยหัวก้าวหน้า หากคนกลุ่มนี้ออกมาใช้เสียงมากกว่าที่โพลคาดการณ์ไว้ก็อาจจะเกิดการพลิกโพลขึ้นได้ นโยบายหัวก้าวหน้าเหล่านี้ประกอบไปด้วย การแปรรูปการรถไฟและการไปรษณีย์ของสหราชอาณาจักรให้กลับมาเป็นของรัฐ การยกเลิกการเก็บค่าเทอมในระดับมหาวิทยาลัย การเพิ่มภาษีนิติบุคคลและภาษีเงินได้สำหรับผู้มีรายได้สูง และคงระดับภาษีสำหรับกลุ่มผู้มีรายได้ต่ำถึงปานกลาง (คิดเป็น 90% ของผู้มีรายได้) และการยกเลิกนโยบายมาตรการเศรษฐกิจแบบรัดเข็มขัดของรัฐบาลอนุรักษนิยม แทนที่ด้วยมาตรการใช้จ่ายของภาครัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ นโยบายเหล่านี้ถือเป็นการเดิมพันที่เสี่ยงในระดับหนึ่ง เพราะอาจทำให้พรรคเสียการสนับสนุนจากกลุ่มที่มีแนวคิดทางการเมืองเป็นกลาง (ซึ่งกลุ่มนี้เป็นผู้ที่ทำให้นายแบลร์นำพรรคแรงงานภายใต้สโลแกน พรรคแรงงานใหม่ ชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลายในปี ค.ศ. 1997) แต่ในขณะเดียวกัน นายคอร์บินก็หวังว่านโยบายใหม่ๆ เหล่านี้อาจทำให้ผู้ที่ปกติเลือกที่จะไม่มาออกเสียง เช่น กลุ่มคนอายุน้อย และกลุ่มชนกลุ่มน้อย (คนผิวสี คนเอเชีย และคนที่ไม่ใช่คนขาวอื่นๆ) ออกมาใช้เสียงมากกว่าทุกครั้ง ในตอนนี้จึงยากที่จะคาดเดาว่าวิธีการนี้จะประสบความสำเร็จหรือไม่ แต่ตัวเลขของผู้มีสิทธิใช้เสียงกลุ่มอายุต่ำกว่า 25 ปีที่ออกมาลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งนั้นสูงเป็นประวัติการณ์ ซึ่งกลุ่มผู้ใช้สิทธินี้มีแนวโน้มที่จะเลือกพรรคแรงงานมากกว่าพรรคอนุรักษนิยมถึงสองเท่า แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่ากลุ่มคนเหล่านี้จะมาใช้สิทธิในวันเลือกตั้งหรือไม่ ความนิยมที่ลดลงของนางเมย์และพรรคอนุรักษนิยมนั้นไม่ได้มาจากความนิยมที่เพิ่มขึ้นของพรรคแรงงานเพียงอย่างเดียว แต่สาเหตุใหญ่สาเหตุหนึ่งเกิดจากประเด็นเรื่องนโยบายค่าใช้จ่ายประกันสังคมสำหรับกลุ่มผู้สูงอายุที่เกษียณแล้ว ในนโยบายเริ่มแรกนั้น พรรคอนุรักษนิยมมีนโยบายให้กลุ่มผู้สูงอายุที่มีเงินเก็บและทรัพย์สินมากกว่า 100000 ปอนด์ หรือราว 5 ล้านบาท รับผิดชอบค่าใช้จ่ายเรื่องสุขภาพและค่าจ้างพยาบาลเอง แทนที่รัฐบาลจะออกค่าใช้จ่ายให้ตามเดิม นโยบายนี้ถูกวิจารณ์อย่างมาก และเนื่องจากกลุ่มผู้สูงอายุเป็นกลุ่มที่มักออกมาใช้เสียงในการเลือกตั้งจำนวนมาก นางเมย์จึงตัดสินใจยกเลิกนโยบายดังกล่าว แต่การยกเลิกนโยบายขณะอยู่ระหว่างการหาเสียงนั้น ทำให้ถูกพรรคฝ่ายค้านโจมตีว่านางเมย์พร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อชนะการเลือกตั้ง และขาดจุดยืนที่ชัดเจน การยูเทิร์นครั้งนี้จึงค่อนข้างเป็นผลเสียต่อเสียงสนับสนุนพรรคอนุรักษนิยมพอสมควร ในกรณีที่พรรคอนุรักษนิยมไม่สามารถชนะที่นั่งเกินกึ่งหนึ่งของสภาได้ มีความเป็นไปได้สูงว่าที่นั่งในสภาของพรรคแรงงานรวมกับของพรรคแห่งชาติสกอตแลนด์ (SNP) จะมีที่นั่งในสภาเกินกึ่งหนึ่ง เนื่องจากว่าพรรค SNP นั้นได้รับความนิยมอย่างมากในสกอตแลนด์ในการเลือกตั้งปี ค.ศ. 2015 ที่ผ่านมา และดูเหมือนว่าจะยังคงคะแนนความนิยมได้ต่อไป ในกรณีนี้มีความเป็นไปได้สูงว่าพรรคแรงงานจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลผสมได้ ถึงแม้ว่าในขณะนี้นายคอร์บินจะปฏิเสธถึงความเป็นไปได้ของการจัดตั้งรัฐบาลผสมกับพรรค SNP และยืนยันจะจัดตั้งรัฐบาลพรรคแรงงาน ทั้งนี้น่าจะเป็นเพราะว่าพรรคแรงงานมีความหวังที่จะชนะที่นั่งบางส่วนในสกอตแลนด์ แต่นางนิโคลา สเตอร์เจียน ผู้นำพรรค SNP ได้กล่าวว่าทางพรรคยินดีที่จะจัดตั้ง พันธมิตรก้าวหน้า ซึ่งรวมถึงความเป็นไปได้ในการเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคแรงงานซึ่งมีนโยบายหัวก้าวหน้าที่คล้ายคลึงกัน หากที่นั่งในสภาของทั้งสองพรรครวมกันยังไม่ถึงกึ่งหนึ่ง ก็ยังมีพรรคเสรีประชาธิปไตย พรรคชาติเวลส์ และพรรคกรีนส์ ซึ่งมีนโยบายไปในทิศทางเดียวกัน เรียกได้ว่าพรรคแรงงานมีตัวเลือกในการจัดตั้งรัฐบาลผสมที่มากกว่าพรรคอนุรักษนิยมพอสมควร อย่างไรก็ตาม ในประเทศไทยและในหลายประเทศในยุโรปนั้นมีรัฐบาลพรรคผสมบ่อยครั้ง แต่สำหรับสหราชอาณาจักรจะเป็นรัฐบาลพรรคผสมเพียงครั้งที่สอง และการขาดเอกภาพอาจส่งผลเสียต่อการเจรจาข้อกำหนดออกจากสหภาพยุโรป โดยเฉพาะข้อเรียกร้องของพรรค SNP พรรคเสรีประชาธิปไตย และพรรคเล็กอื่นๆ ที่ต้องการให้มีการจัดประชามติอีกครั้งภายหลังจากที่ข้อกำหนดการสิ้นสมาชิกสภาพยุโรปได้เจรจาเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งอาจเกิดการต่อต้านที่รุนแรงจากฝ่ายที่ต้องการออกจากสหภาพยุโรปทั้งในพรรคอนุรักษนิยมและพรรคแรงงานความเป็นไปได้แบบที่สาม: รัฐบาลพรรคอนุรักษนิยมมีที่นั่งมากที่สุดในสภา แต่ไม่ถึงกึ่งหนึ่งและขาดเพียงไม่กี่ที่นั่ง ในกรณีนี้ นางเมย์จะมีทางเลือก 2-3 ทาง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคะแนนเสียงของพรรคที่อาจมาเป็นพรรคร่วมกับพรรคอนุรักษนิยมได้ ทางเลือกที่ดูชัดเจนที่สุดคือการเข้าร่วมกับรัฐบาลผสมกับพรรคที่มีนโยบายใกล้เคียงกับพรรคอนุรักษนิยม อย่างเช่น พรรคเอกราชสหราชอาณาจักร และพรรคฝ่ายขวาในไอร์แลนด์เหนือ อย่างไรก็ตาม ทางเลือกนี้จะเกิดขึ้นได้หากพรรคอนุรักษนิยมมีที่นั่งขาดเพียง 5-10 ที่นั่ง เนื่องจากว่าพรรคทั้งสองนี้มีขนาดที่เล็กมากและไม่น่าจะชนะที่นั่งในสภาจำนวนมาก ขณะที่สำหรับพรรคอื่นโดยส่วนมากมีนโยบายตรงข้ามกับพรรคอนุรักษนิยมอย่างชัดเจน และต่างยืนยันที่จะเลือกเป็นฝ่ายค้านต่อนโยบายรัดเข็มขัดของรัฐบาลอนุรักษนิยม แทนที่จะเข้าร่วมกับรัฐบาล จึงมีความเป็นไปได้น้อยที่พรรคอื่นๆ จะเลือกผิดสัญญากับผู้สนับสนุนของตนเอง ทางเลือกสุดท้ายของพรรคอนุรักษนิยมคือ การจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย โดยอาศัยการสนับสนุนของพรรคเล็กอื่นๆ ในการผ่านกฏหมายต่างๆ เป็นครั้งๆ ไป ไม่ว่าโฉมหน้ารัฐบาลอนุรักษนิยมจะออกมาในรูปแบบใด การเสียเสียงข้างมากในสภาจากการยุบสภา น่าจะนำไปสู่การลาออกของนายกรัฐมนตรีเมย์ สิ่งที่น่าจับตามองในความเป็นไปได้แบบที่สามนี้ ก็คือใครจะขึ้นมาเป็นผู้นำพรรคอนุรักษนิยม (และจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีโดยทันที) และมีความเป็นไปได้หรือไม่ ที่ผู้นำพรรคคนใหม่ อาจจะมีทัศนคติต่อเรื่อง Brexit ที่แตกต่างออกไปจากนายกรัฐมนตรีเมย์ เช่น สนับสนุนให้สหราชอาณาจักรอยู่ในตลาดร่วมสหภาพยุโรปต่อไป เป็นต้น ความเป็นไปได้แบบที่สี่: ไม่มีพรรคใดมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งและทั้งสองพรรคใหญ่ไม่สามารถเจรจาจัดตั้งรัฐบาลร่วมได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ในประวัติศาสตร์การเมืองร่วมสมัยของสหราชอาณาจักรนั้น ตั้งแต่สมัยหลังสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา มีเพียงในปี ค.ศ. 2010 เท่านั้นที่ทั้งสองพรรคหลักมีที่นั่งไม่ถึงกึ่งหนึ่งของสภาในคราวนั้น พรรคอนุรักษนิยมสามารถจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคเสรีประชาธิปไตยได้ ถึงแม้ว่านโยบายของทั้งสองพรรคจะแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด แต่การมาร่วมจัดตั้งพรรครัฐบาลทั้งที่มีจุดยืนต่างกัน ก็ส่งผลเสียต่อพรรคเสรีประชาธิปไตยเป็นอย่างมาก เนื่องจากต้องผิดสัญญาจากนโยบายที่หาเสียงไว้ โดยเฉพาะนโยบายเรื่องการคงค่าเทอมระดับมหาวิทยาลัยในอังกฤษ คะแนนความนิยมของพรรคเสรีประชาธิปไตยตกต่ำเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะความนิยมในตัวรองนายกรัฐมนตรีนิก เคล็กก์ ส่งผลให้พรรคเสียที่นั่งในสภาถึง 49 ที่นั่ง คงเหลือเพียง 8 ที่นั่งในปี ค.ศ. 2015 บทเรียนของพรรคเสรีประชาธิปไตยครั้งนั้นทำให้มีความเป็นไปได้สูงว่า พรรคที่มีนโยบายตรงข้ามกับพรรคอนุรักษนิยม อย่างพรรค SNP พรรคเสรีประชาธิปไตย พรรคกรีนส์ พรรคชาติเวลส์ น่าจะหลีกเลี่ยงการเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคอนุรักษนิยม ถึงแม้ว่าพรรคอนุรักษนิยมอาจจะได้ที่นั่งมากที่สุดในสภา คงเหลือแต่เพียงพรรคเอกราชสหราชอาณาจักร หรือ UKIP ซึ่งรณรงค์การออกจากสหภาพยุโรป ซึ่งมีนโยบายที่ใกล้เคียงกับพรรคอนุรักษนิยมมากที่สุด แต่ในขณะนี้เป็นที่สังเกตว่า ผู้สนับสนุนพรรคเอกราชสหราชอาณาจักรนั้นหันกลับไปสนับสนุนพรรคอนุรักษนิยมตามเดิม เนื่องจากสหราชอาณาจักรกำลังอยู่ในกระบวนการออกจากสหภาพยุโรปอย่างเป็นทางการแล้ว ส่งผลให้พรรคเอกราชสหราชอาณาจักรอาจจะคงเหลือที่นั่งในสภาเพียง 1 ที่นั่ง จากการหันไปสนับสนุนพรรคอนุรักษนิยม และไม่สามารถช่วยจัดตั้งรัฐบาลผสมกับพรรคอนุรักษนิยมได้ ในกรณีที่พรรคอนุรักษนิยมไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ และที่นั่งพรรคแรงงาน รวมกับพรรคแนวหัวก้าวหน้าอื่นๆ มีที่นั่งรวมกันน้อยกว่ากึ่งหนึ่ง หรือไม่สามารถตกลงร่วมรัฐบาลกันได้ สถานการณ์นี้จะถือว่าเป็นปรากฏการณ์ทางการเมืองครั้งแรกในประวัติศาสตร์สหราชอาณาจักร และนำไปสู่ความไม่แน่นอนทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก ทางออกเดียวคือจะต้องมีการจัดเลือกตั้งใหม่อีกครั้ง ซึ่งก็ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าผลลัพธ์จะออกมาแตกต่างจากครั้งเดิม สหราชอาณาจักรจะเข้าสู่ช่วงเวลาที่ไม่แน่นอน และขาดผู้นำในการเจรจาข้อตกลงการออกจากสหภาพยุโรป ซึ่งจะต้องเกิดขึ้นภายในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2019ความเป็นไปได้ในแต่ละแบบและผลกระทบต่อประเทศไทย รัฐบาลพรรคอนุรักษนิยม ซึ่งในขณะนี้มีความเป็นไปได้มากที่สุด แต่ก็ดูจะไม่แน่นอนมากขึ้นเรื่อยๆ มุ่งเน้นที่จะออกจากสมาชิกสภาพของสหภาพยุโรปและตลาดร่วม ในกรณีนี้สหราชอาณาจักรจะต้องมองหาตลาดอื่นๆ นอกสหภาพยุโรปในการส่งออกและนำเข้า ประเทศไทยอาจจะได้รับผลดีจากรัฐบาลนี้ในระยะยาว หากมีการตกลงเจรจาสัญญาการค้าระหว่างกันได้ รัฐบาลผสมพรรคแรงงานมีนโยบายออกจากสหภาพยุโรปแบบเดียวกับพรรคอนุรักษนิยม อย่างไรก็ตาม พรรคร่วมอื่นๆ โดยเฉพาะพรรคแห่งชาติสกอตแลนด์ และพรรคเสรีประชาธิปไตย มีความต้องการให้มีการจัดประชามติอีกครั้งภายหลังจากการเจรจาข้อตกลงการออกจากสหภาพยุโรปสิ้นสุดแล้ว และให้ผู้มีสิทธิโหวตเลือกรับรองหรือไม่รับรองข้อตกลง หากผลประชามติออกมาไม่รับรอง พรรคเหล่านี้อาจผลักดันให้พรรคแรงงานอยู่ในตลาดร่วมสหภาพยุโรปต่อไป หรือแม้กระทั่งพิจารณาการออกจากสหภาพยุโรปอีกครั้ง ในกรณีนี้ผลกระทบเรื่อง Brexit ก็จะถูกจำกัดอยู่ในวงแคบๆ และสหราชอาณาจักรอาจคงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับสหภาพยุโรปต่อไป หากพรรคอนุรักษนิยมยังสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ แต่เสียเสียงข้างมากในสภา ผลกระทบต่อประเทศไทยจะขึ้นอยู่กับว่าใครได้ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีภายหลังการลาออกของนางเมย์ และสุดท้ายหากไม่มีพรรคใดสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ความไม่แน่นอนจะส่งผลกระทบค่อนข้างรุนแรงต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนอย่างน้อยในระยะสั้น ประเด็นสำคัญสุดท้ายที่น่าจับตามองก็คือ หากพรรค SNP เข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคแรงงาน ทางพรรค SNP อาจกดดันพรรคแรงงานให้มีการจัดประชามติประเด็นการเป็นเอกราชของสกอตแลนด์อีกครั้ง ซึ่งนายคอร์บินจะถูกกดดันให้เลือกระหว่างการอยู่รอดของสหราชอาณาจักร และการอยู่รอดของรัฐบาลพรรคแรงงานของตนเองCover Photo: LEON NEAL LESLEY MARTIN and OLI SCARFF AFP
|
สหราชอาณาจักรจะจัดการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 8 มิถุนายนนี้ หลังจากนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ ประกาศยุบสภาในวันที่ 18 เมษายน 2017 โดยอ้างว่ารัฐบาลต้องการเสถียรภาพในการเจรจานำสหราชอาณาจักรของจากสหภาพยุโรป (Brexit)โพลเลือกตั้งส่วนใหญ่ชี้ว่า ประชาชนให้ความไว้วางใจพรรคอนุรักษนิยมในการเจรจา (Brexit) อย่างไรก็ตามคะแนนนิยมของพรรคแรงงานได้ตีตื้นขึ้นมาเรื่อยๆ ความเป็นไปได้ของโฉมหน้าชุดรัฐบาลอังกฤษถูกคาดการณ์ออกมาได้ 4 แบบคือ 1. รัฐบาลพรรคอนุรักษนิยมจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก 2. รัฐบาลพรรคแรงงานจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรค SNP 3. รัฐบาลพรรคอนุรักษนิยมมีที่นั่งมากที่สุดในสภา แต่ไม่ถึงกึ่งหนึ่งและขาดเพียงไม่กี่ที่นั่ง และหันไปรวมกับพรรค UKIP 4. ไม่มีพรรคใดมีเสียงเกินกึ่งหนึ่ง และทั้งสองพรรคใหญ่ไม่สามารถเจรจาจัดตั้งรัฐบาลร่วมได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
| null | null |
https://thestandard.co/news-world-4-uk-election-candidate/
|
ป.รวบหนุ่มตุ๋นเหยื่อโพสต์ขายรถมือสองผ่านเว็บ สูญกว่า 5 ล้าน
|
เครดิตภาพจาก : กองบังคับการปราบปราม,ตำรวจกองปราบฯ ตามรวบหนุ่มวัย 23 หลอกขายรถมือสองผ่านเว็บไซต์ ลวงเหยื่อโอนมัดจำก่อนเชิดหนี รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 5 ล้าน ขณะเจ้าตัวยังปากแข็งให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา อ้างไม่รู้มีหมายจับดังกล่าว,เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 13 ก.ย.59 ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.กิตติเมศร์ โชติปิติเจริญรัฐ สว.กก.1 บก.ป. ร่วมกันจับกุมตัวนายนัฐวุฒิ เฉวียง อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 62/18 หมู่3 แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กทม. ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดเพชรบูรณ์ เลขที่ จ.247/2558 ลงวันที่ 6 ธันวาคม 2558 ในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ โดยจับกุมได้ที่บ้านพักซอยสามัคคี 19 ต.ท่าทราย อ.เมืองนนทบุรี,ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ กก.1.บก.ป. ได้รับร้องเรียนจากผู้เสียหายหลายรายว่าถูกนายนัฐวุฒิ หลอกให้ซื้อรถผ่านเว็บไซต์ขายดีดอทคอม โดยพฤติการณ์ผู้ต้องหาจะโพสต์รูปรถยนต์มือสองประกาศขายในเว็บไซต์ดังกล่าว หากใครสนใจจะซื้อต้องโอนเงินค่ามัดจำเป็นจำนวนเงินตั้งแต่หลักพันจนถึงหลักหมื่น เมื่อผู้เสียหายโอนเงินให้แล้วจะปิดเครื่องโทรศัพท์ จนไม่สามารถติดต่อได้อีก ผู้เสียหายจึงตัดสินใจเข้าแจ้งความให้ตำรวจ กก.1บก.ป. ติดตามจับกุมตัวเอาไว้ได้,จากการตรวจสอบมีผู้เสียหายในลักษณะดังกล่าวหลายรายหลงเชื่อ โอนเงินให้ รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 5 ล้านบาท สอบสวนนายนัฐวุฒิ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ว่าตนไม่ได้กระทำความผิด และไม่ทราบว่ามีหมายจับดังกล่าวได้อย่างไร เบื้องต้นตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การ ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองเพชรบูรณ์ ดำเนินคดีต่อไป.
|
ตำรวจกองปราบฯ ตามรวบหนุ่มวัย 23 หลอกขายรถมือสองผ่านเว็บไซต์ ลวงเหยื่อโอนมัดจำก่อนเชิดหนี รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 5 ล้าน ขณะเจ้าตัวยังปากแข็งให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา อ้างไม่รู้มีหมายจับดังกล่าว
| null |
ขายรถมือสองผ่านเว็บ,หลอกขายรถมือสอง,โพสต์ขายรถมือสอง,หลอกลวง,ต้มตุ๋น,กองปราบ,โอนเงินมัดจำ
|
https://www.thairath.co.th/content/721343
|
อนามัยโลก เตือนดังๆ กลับจากพท.ไวรัสซิการะบาด ควรมีเซ็กซ์แบบปลอดภัย
|
องค์การอนามัยโลก ออกคำเตือน หญิง-ชายกลับจากประเทศที่มีการระบาดของไวรัสซิกา ควรมีเซ็กซ์อย่างปลอดภัย 6 เดือน แม้จะไม่มีอาการป่วยของโรค ป้องกันความเสี่ยงแพร่ระบาดไวรัสซิกา ขณะที่ตอนนี้ พบการระบาดในกว่า 60 ประเทศ และมี 11 ประเทศที่มีคนติดเชื้อผ่านทางเพศสัมพันธ์,เมื่อวันที่ 7 ก.ย.59 สำนักข่าวต่างประเทศ รายงาน องค์การอนามัยโลก (WHO) ออกคำเตือน หญิงหรือชายที่เดินทางกลับจากพื้นที่หรือในประเทศที่มีการระบาดของไวรัสซิกา ควรมีเพศสัมพันธ์กันอย่างปลอดภัย เป็นเวลาอย่างน้อยถึง 6 เดือน เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของไวรัสซิกา อีกทั้ง ยังรวมถึงบุคคลที่ไม่ได้มีอาการจากการติดเชื้อไวรัสซิกาก็ตาม,คำเตือนขององค์การอนามัยโลก มีขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์ หลังจากมีคณะแพทย์ตรวจพบเชื้อไวรัสยังคงอยู่ในอสุจิของชายชาวอิตาเลียนคนหนึ่งทั้งที่เขาติดเชื้อไวรัสซิกาและมีอาการป่วยผ่านมาแล้วถึง 6 เดือน โดยก่อนหน้านี้ องค์การอนามัยโลกได้เตือน บรรดาผู้ชายที่กลับจากพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสซิกา ถึงแม้ไม่มีอาการป่วยด้วยว่า ควรสวมถุงยางอนามัยระหว่างมีเพศสัมพันธ์ หรืองดเว้นการมีเซ็กซ์สัก 8 สัปดาห์ เพื่อเป็นการป้องกันการระบาดของไวรัสซิกา,ทั้งนี้ ไวรัสซิกา ซึ่งปกติแล้ว มียุงลายเป็นพาหะ สามารถติดต่อผ่านทางของเหลวในร่างกาย โดยผู้คนจำนวนมากที่ติดเชื้อไวรัสซิกา จะไม่ได้แสดงอาการป่วยออกมา หรืออาจแค่เพียงมีไข้สูง ปวดกล้ามเนื้อ เท่านั้น โดยบราซิล ซึ่งเพิ่งเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ถือเป็นประเทศที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสซิกาหนักที่สุด แต่ขณะนี้ ยังไม่มีรายงานยืนยันว่ามีนักกีฬาหรือบุคคลที่ไปร่วมการแข่งขันโอลิปิกติดเชื้อไวรัสซิกากลับมา,ขณะเดียวกัน ตามรายงานขององค์การอนามัยโลก ระบุว่า ขณะนี้มี 11 ประเทศที่มีรายงานมีประชาชนติดเชื้อไวรัสซิกา จากการมีเพศสัมพันธ์ ขณะที่มีมากกว่า 60 ประเทศและดินแดน รวมทั้งสิงคโปร์ (,ยอดผู้ติดเชื้อซิกาสะสมในสิงคโปร์ ทะลุ 200 รายแล้ว ,)ยังคงมีการระบาดของไวรัสซิกาโดยมียุงในท้องถิ่นเป็นพาหะ
|
องค์การอนามัยโลก ออกคำเตือน หญิง-ชายกลับจากประเทศที่มีการระบาดของไวรัสซิกา ควรมีเซ็กซ์อย่างปลอดภัย 6 เดือน แม้จะไม่มีอาการป่วยของโรค ป้องกันความเสี่ยงแพร่ระบาดไวรัสซิกา ขณะที่พบการระบาดในกว่า 60 ประเทศ และมี 11 ประเทศ
| null |
ไวรัสซิกา,Zika,องค์การอนามัยโลก,ฮู,WHO,มีเซ็กซ์อย่างปลอดภัย,เพศสัมพันธ์,เพศสัมพันธ์ ปลอดภัย
|
https://www.thairath.co.th/content/715280
|
ฟีดแบ็กดี ยิปซี ใส่ชุดว่ายน้ำคนกดไลค์รัวๆ ไม่หึงไม่หวง ฌอห์ณ มีกระแสคู่จิ้นสาว พิม
|
ยิปซี-คีรติ มหาพฤกษ์พงศ์, แล้วล่ะก็ต้องเปลี่ยนความคิดซะใหม่ ให้ความฮอตปรอทแตกเธอไปเลย 10 ดาว เพราะขยันอวดความขาวเซ็กซี่ไม่มีเบื่อ,ล่าสุดเจอ ,ยิปซี, มาร่วมงาน LYN siam center opening new collection launch ที่ร้าน LYN สาขาสยาม เซ็นเตอร์ เลยถามว่า,ช่วงนี้ดูเซ็กซี่มากเลยนะ,เหมือนเดิมเลยค่ะ เราไปทำงาน ทางรีสอร์ตให้ไปพักเราก็ถ่ายรูปขอบคุณเค้าตามปกติเหมือนที่ดาราหลายๆคนไป,คนชื่นชอบเยอะมาก?,เอาจริงๆเราก็พยายามเซฟแล้วนะ หลังๆเหมือนเราไปเที่ยวบ่อย ครั้งนี้ไปเที่ยวก็ต้องลงรูปขอบคุณเค้าตามมารยาท แต่ก็ใส่วันพีซนะ ตอนนี้ก็พยายามซอฟต์ๆลงนิดนึงนะ (ยิ้ม),
,
,ซอฟต์ลงเพราะฟีดแบ็กแรงรึเปล่า?,ไม่หรอก ส่วนตัวถ้ารู้สึกว่าเราเที่ยวบ่อยจัง ก็ไม่อยากให้รูปออกไปซ้ำๆ ตัวเราอาจจะเบื่อตัวเองด้วย ก็เปลี่ยนบ้าง ปกติเราจะชอบใส่ทูพีซไง ทริปนี้ก็ใส่วันพีซบ้างดีกว่า พอลงรูปแล้วกระแสดีมากจนกังวลว่าจะมีดราม่าอะไรอีกรึเปล่า,จะมาสายเซ็กซี่มั้ย?,ส่วนตัวยิปซีชอบผู้หญิงเซ็กซี่ค่ะ แต่ตัวเราก็ไม่ได้จะมาทางนี้,ฌอห์ณว่ายังไงบ้าง?,เค้าก็ไม่ได้มายุ่งอะไรอยู่แล้ว ถามว่าเค้าชอบมั้ย เราก็ไม่ได้ถาม แล้วเค้าก็ไม่ได้มีคอมเมนต์หรือออกความคิดเห็นอะไรค่ะ มันเหมือนกับเค้าให้อิสระเราในการชอบอะไรแต่งตัวยังไง เป็นตัวเองเท่านั้นเอง,
,
,แต่ละรูปที่เราลงในความเซ็กซี่มีฟีดแบ็กยังไงบ้าง?,ส่วนใหญ่ยิปซีไม่ได้มานั่งอ่านคอมเมนต์ค่ะ แต่ก็จะเห็นว่ารูปนี้คนมานั่งไลค์เยอะจังมากกว่า,คุณพ่อคุณแม่ว่ายังไงบ้าง?,ไม่ได้ว่าอะไร คุณแม่ก็ถ่ายให้ (ยิ้ม) ทั้งทริปคุณแม่ก็ถ่ายให้หมดเลย เพราะฉะนั้นก็เหมือนแบบเรื่องรูปช่วยกันดูอยู่แล้ว ถ้ามันไม่โอเคเค้าก็คงไม่ถ่ายให้เราหรอก,มีฌอห์ณถ่ายให้เราบ้างมั้ย?,ไม่มีค่ะ ไม่ได้ไปเที่ยวทะเลด้วยกัน ส่วนใหญ่ยิปซีไปทะเลถ้าไม่ได้ไปกับครอบครัวก็เพื่อนผู้หญิง รูปแซ่บๆผู้หญิงถ่ายกันหมดเลยค่ะ ส่วนฌอห์ณจะถนัดถ่ายพวกสแนปบรรยากาศมากกว่า ไม่ได้เน้นพอร์ตเทรต ส่วนมากจะเป็นเพื่อนผู้หญิงช่วยกันถ่าย,ช่วงนี้ก็ไม่มีเวลาเจอกันเลย?,มันก็ตามช่วงค่ะ ช่วงไหนงานน้อยหน่อยก็เจอกันเยอะ งานเยอะหน่อยก็เจอกันน้อย ช่วงนี้เจอน้อยก็โอเคค่ะ เพราะทำงานกันทั้งคู่ มันก็ดีแล้วค่ะ,เค้าจิ้นกับ น้องพิม-พิมประภา เราหึงมั้ย?,ดีแล้วค่ะ ถ้าอันไหนกระแสดีมันก็เป็นผลดีกับเค้า เพราะมันก็จะดีต่องานของเค้า เราก็ซัพพอร์ตเต็มที่อยู่แล้ว,ไม่มีหวั่นไหวกับข่าวใช่มั้ย?,ไม่ค่ะ มันก็ทำงานกันแบบนี้ทั้งคู่ ถ้าวันนึงเราไปมีข่าวกับใครเค้าก็เข้าใจไง มันเป็นธรรมชาติของงานที่เล่นละครกับใครก็ต้องถูกเอาไปจับคู่กับใครซักคนนึงและเปลี่ยนไปเรื่อยๆอยู่แล้ว.
|
ที่จริงก็ไม่ได้มีชื่ออยู่ในทำเนียบสาวฮอตหรอกนะ แต่ว่าถ้าไปวาร์ปดูใน IG ของสาว ยิปซี-คีรติ มหาพฤกษ์พงศ์ แล้วล่ะก็ต้องเปลี่ยนความคิดซะใหม่ ให้ความฮอตปรอทแตกเธอไปเลย 10 ดาว
|
บันเทิง,ข่าวบันเทิง
|
ยิปซี คีรติ,ยิปซี คีรติ มหาพฤกษ์พงศ์,ยิปซี ฌอห์ณ แฟน,ฌอห์ณ จินดาโชติ,ยิปซี คีรติ เซ็กซี่,ดารา
|
https://www.thairath.co.th/entertain/news/1353853
|
เปิดประเด็นวงถกแนวปฏิบัติที่ดีสำหรับ LGBTQI ในภาคสื่อ
|
เข้าร่วมแลกเปลี่ยนโดยมีการหยิบยกที่มาของปัญหาการตีตรากลุ่มผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศผ่านสื่อ โดยมีรากฐานมาจากความเข้าใจและวิธีคิดที่ส่งผลต่ออคติทางเพศ รวมไปถึงปัญหาของการตีความกฎหมายเกี่ยวกับความเท่าเทียม ซึ่งมีความจำเป็นที่มุกฝ่ายต้องทำให้เกิดการร่วมมือกันอย่างสร้างสรรค์ช่วงบ่ายของกิจกรรมของงาน คนต้องมาก่อนผลกำไร: สู่แผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนที่มั่นคงเพื่อควบคุมการปฏิบัติการขององค์กร ในประเทศไทย ซึ่งจัดในโอกาสวันธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 2562 ได้มีวงเสวนาในเรื่อง การแบ่งปันแนวปฏิบัติที่ดีสำหรับ LGBTQI ในภาคสื่อ LGBTQI ในสื่อ:สื่อสารด้วยความเข้าใจและเท่าเทียม โดยมีการหยิบยกประเด็นเรื่องบทบาทของสื่อที่มีอิทธิพลต่อผู้รับสื่อ ในเรื่องของผู้ที่มีเพศสภาพและเพศวิถีที่หลากหลาย ซึ่งก็ยังคงมีบางสื่อที่ยังคงนำเสนอและผลิตซ้ำภาพของ LGBTQI ออกมาทางลบ แต่ขณะเดียวกัน สังคมไทยในปัจจุบันก็มีพื้นที่เปิดกว้างให้ LGBTQI ได้มีพื้นที่มากขึ้นจากอดีตที่ผ่านมาเวทีเสวนา LGBTQI ในสื่อ:สื่อสารด้วยความเข้าใจและเท่าเทียม มีจำนวนผู้บรรยายทั้งหมด 4 ท่าน ได้แก่ ศิริศักดิ์ ไชยเทศ นักกิจกรรมอิสระด้านสิทธิมนุษยชนเพื่อคนที่มีความหลากหลายทางเพศและพนักงานบริการ ตรี บุญเจือ ผู้อำนวยการส่วนสำนักคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ สำนักงาน กสทช. นัยนา สุภาพึ่ง อนุกรรมการ ชุดที่ 1 คณะกรรมการวินิจฉัยการเลือกปฏิบัติ โดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ วรลักษณ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้ช่วยบรรณาธิการข่าวสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ThaiPBS และรณภูมิ สามัคคีคารมย์ ประธานมูลนิธิเครือข่ายเพื่อนกะเทยเพื่อสิทธิมนุษยชนศิริศักดิ์ ไชยเทศ ได้เล่าถึงประสบการณ์ของตนเองเป็นส่วนหนึ่งในการเคลียนไหวด้านสิทธิมนุษยชนเพื่อคนที่มีความหลากหลายทางเพศในสื่อ โดยเมื่อปีก่อนตนได้อ่านข่าวที่มีการพาดหัวความรุนแรงโดยมีผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศเป็นผู้ลงมือกระทำความรุนแรงซึ่งความเป็นจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น เนื่องจากผู้กระทำคืออีกคนหนึ่งเพียงแต่ผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศเป็นผู้บันทึกวีดีโอเท่านั้นศิริศักดิ์ ได้ชี้แจงและเน้นย้ำประเด็นของการพาดหัวข่าวความรุนแรงโดยการใช้คำว่า กระเทย ซึ่งศิริศักดิ์มีความกังวลว่าการใช้คำดังกล่าวจะเป็นการผลิตซ้ำความหมายในเชิงลบและลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์แก่ผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศในสังคม เช่น กระเทย = ความรุนแรง โรคจิต เป็นเอดส์ตาย ฯลฯ ซึ่งความเข้าใจเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อชีวิตของผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศศิริศักดิ์ จึงได้ดำเนินเรื่องชี้แจ้งต่อหน่วยงานสื่อดังกล่าวที่นำเสนอข้อมูลไม่ตรงกับความจริงและขอให้มีการแก้ไขและรับผิดชอบ ผลลัพธ์คือสำนักสื่อดังกล่าวได้มีการออกมารับผิดชอบและแก้ไขโดยการออกนโยบายขององค์กรว่าให้สมาชิกในองค์กรสื่อทุกคนจะต้องคำนึงถึงความละเอียดอ่อนในการนำเสนอกับมิติทางเพศ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นมาอีกนัยนา สุภาพึ่ง กล่าวถึงปัญหาของการตีความการใช้กฎหมายในเรี่องความเท่าเทียมระหว่างเพศ โดยหยิบยกกรณีข่าวเท็จที่ศิริศักดิ์ได้เสนอมาข้างต้น โดยศิริศักดิ์เป็นผู้เสียหายซึ่งอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ แต่ไม่ได้เป็นผู้เสียหายที่อยู่ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซึ่งอยู่ที่จังหวัดอุบลราชธานี เหตุกาณณ์นี้จึงเป็นปรากฎการณ์ใหม่และความท้าทายของการตีความในการใช้กฎหมาย ซึ่งองค์กรที่มีความเกี่ยวข้องกับความยุติธรรมต้องหารูปแบบวิธีที่จะปรับใช้กับปรากฎการณ์เช่นนี้นัยนา ได้กล่าวถึงความท้าทายและความยากลำบากขององค์กรด้านความหลากหลายทางเพศที่กว่าจะสำเร็จในการจัดตั้งเป็นมูลนิธิเพื่อนกระเทยเพื่อสิทธิมนุษยชนได้ต้องใช้เวลา 3 ปีเพื่อให้กระทรวงมหาดไทยอนุมัติการใช้คำว่ากระเทยมาเป็นชื่อของมูลนิธิ ซึ่งอาจะเป็นสิ่งสะท้อนว่าโครงสร้างทางสังคมยังคงไม่เปิดพื้นที่ให้กับกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศอย่างแท้จริงนัยนา กล่าวว่าหลายครั้งที่องค์กรสื่อก็มีส่วนสำคัญที่ก่อให้เกิดการบิดเบือนข้อมูลความจริงที่ทำผู้มีความหลากหลายทางเพศต้องเป็นเครื่องมือในการขายข่าวต่อสังคมตรี บุญเจือ กล่าวว่า ที่ผ่านมาองค์กรของภาครัฐที่ดูแลสื่อหลากหลายประเภทอย่าง กสทช. ก็ยังไม่ได้เห็นถึงรายละเอียดของปัญหาที่ส่งผลต่อสาธารณะอย่างเพียงพอ ซึ่งสื่อส่วนใหญ่ในสังคมไทยก็ไม่ได้ถูกเซ็นเซอร์เหมือนกับในอดีตที่ผ่านมา ยกเว้นสื่อประเภทภาพยนตร์ อย่างไรก็ตาม กสทช. ก็ยังคงทำงานร่วมกับเครือข่ายทางสังคมอย่างกลุ่มผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศเพื่อเสริมความเข้มแข็งและเพื่อสื่อสารออกไปในสู่สังคมอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเนื้อหาและวิธีคิดต่างๆที่อยู่ในสื่อก็เกิดขึ้นจากกลุ่มทางสังคมต่างเช่นกันรณภูมิ สามัคคีคารมย์ กล่าวว่า การใช้กลไกทางกฎหมายอาจไม่ได้นำไปสู่ความขัดแย้งเสมอไป แต่นำไปสู่การเรียนรู้ร่วมกันมาเป็นช่องตัวอย่างในการพัฒนามากขึ้น ซึ่งก็จะมีคู่มือที่เป็นตัวชี้วัดสื่อที่เกิดขึ้นมาจากการที่เครือข่ายต่างๆทางสังคมได้ทำงานใกล้ชิดร่วมกับ กสทช. เพื่อเป็นแนวมาตรฐานในการปฏิบัติให้มีความเป็นกลางมากที่สุดกับกลุ่มผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศโดยเฉพาะเรื่องของการใช้คำและการสร้างองค์ความรู้ของสื่อในการนำเสนอประเด็นต่างในสังคมวรลักษณ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา กล่าวว่า ในฐานะของคนทำงานสื่อมองว่าหัวใจสำคัญที่สุดคือ หลักคิด ทัศนะคิดเรื่องการเคารพสิทธิ การมองผู้อื่นแบบให้เกียรติ มองว่าทุกๆคนมีความเท่าเทียมกัน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของคำตอบทุกๆอย่าง กล่าวคือมุมมองของนักข่าวก่อนเขียนข่าวมีความเคารพสิทธิต่อผู้อื่นอย่างไรวรลักษณ์ กล่าวว่า หลายกรณีที่เกิดขึ้นก็มีจากการมีอคติทางเพศที่เกิดจากความเข้าใจของสื่อต่อเรื่องทางเพศสภาพและเพศวิถีที่ยังมีไม่มากพอ ซึ่งอย่างไรก็ตามบางคนต่อให้มีความรู้ความเข้าใจเรื่องการให้เกียรติต่อความหลากหลาย แต่สุดท้ายก็เป็นเรื่องของผลประโยชน์ทางธุรกิจที่ทำให้ต้องนำเสนอภาพลบของผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศซึ่งสื่อแบบนี้ก็ยังคงมีอยู่ในสังคมไทย
|
วงเสวนาหัวข้อ LGBTQI ในสื่อ:สื่อสารด้วยความเข้าใจและเท่าเทียม โดยมีตัวแทนจากภาคประชาสังคม ตัวแทนภาคสื่อมวลชน และตัวแทนจากภาครัฐ
|
สังคม,วัฒนธรรม,สิทธิมนุษยชน
|
สื่อมวลชน,LGBTQI
|
https://prachatai.com/journal/2019/07/83286
|
ทีมกู้ภัยไทย ลงช่วยผู้ประสบภัยที่บ้านหาดใหญ่ เผยมีผู้เสียชีวิตแล้ว8ศพ
|
เครดิตภาพจาก ทีมกู้ภัยเต็กก่าจีแชเกาะ อ.ชุมแพ,จนท.กู้ภัยจากไทย คือ กู้ภัยเต็กก่าจีแชเกาะ อ.ชุมแพ ลงพื้นที่ช่วยผู้ประสบภัยชาวลาวที่บ้านหาดใหญ่ และบ้านส้มป่อย ติดชายแดนกัมพูชา ที่ถูกตัดขาดมาหลายวัน มีรายงานผู้เสียชีวิตแล้ว 8 ราย ,เมื่อบ่ายวันที่ 29 ก.ค. 2561 มีรายงานข่าว จนท.กู้ภัยจากไทยได้แก่กู้ภัยเต็กก่าจีแชเกาะ อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น ร่วมกับกู้ภัยศิษย์พระอรหันต์จี้กง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี พร้อม จนท.ทหาร สปป.ลาว และกู้ภัยจากประเทศจีน รวม 40 นาย ได้รับมอบหมายหน้าที่จากศูนย์อำนวยการกู้ภัยเมืองสะหนามไซย แขวงอัตตะปือ ให้นำเรือท้องแบนลงพื้นที่บ้านหาดใหญ่และบ้านส้มป่อย พื้นที่ติดชายแดนกัมพูชา ซึ่งมีแม่น้ำเซกองและแม่น้ำเซเปียนน้อยไหลผ่าน พื้นที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกนานหลายวันหลังเกิดเหตุภัยพิบัติ บ้านเรือนได้รับความเสียหายนับร้อยหลังคาเรือน,ทั้งนี้ จนท.กู้ภัย ได้นำอาหาร และสิ่งของไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย และออกค้นหาผู้รอดชีวิต ล่าสุดมีรายงานแจ้งว่า ที่บ้านหาดใหญ่ มีผู้เสียชีวิต 8 ศพ โดยบ้านหาดใหญ่ตั้งอยู่ท้ายเขื่อน มีแม่น้ำเซเปียนน้อยไหลผ่าน ถูกตัดขาดนานหลายวันหลังเกิดเหตุภัยพิบัติ.
|
จนท.กู้ภัยจากไทย คือ กู้ภัยเต็กก่าจีแชเกาะ อ.ชุมแพ ลงพื้นที่ช่วยผู้ประสบภัยชาวลาวที่บ้านหาดใหญ่ และบ้านส้มป่อย ติดชายแดนกัมพูชา ที่ถูกตัดขาดมาหลายวัน มีรายงานผู้เสียชีวิตแล้ว 8 ราย
|
ข่าว,ทั่วไทย
|
เขื่อนแตก,เขื่อนลาวแตก,บ้านหาดใหญ่,แขวงอัตตะปือ,ผู้ประสบภัย,ข่าวทั่วไป
|
https://www.thairath.co.th/news/local/northeast/1344002
|
กล้ามาก 3 โจ๋ขนไอซ์-ยาบ้ากว่าแสนเม็ด ขึ้นรถทัวร์ เชียงใหม่มุ่งหน้า กทม.
|
เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 4 พ.ย. 58 พล.ต.ต.สมสง่า ชรินทร์ ผบก.ภ.จว.ลำพูน ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร ด่านตรวจวังดิน อ.ลี้ จ.ลำพูน ว่าสามารถตรวจค้นยาเสพติดที่ซุกซ่อนมากับรถทัวร์บริษัทสมบัติทัวร์หมายเลขทะเบียน 15 - 3003 กรุงเทพมหานคร ที่วิ่งจากจอมทอง - กทม.โดยสามารถจับกุมตัว นายวิเชียร เลาตา อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10 หมู่ 12 ต.แม่วิน อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ นายสมพล แซ่ลี อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 32 หมู่ 12 ต.แม่วิน อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ และนายโกวิทย์ เลาตา อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10 หมู่ 12 ต.แม่วิน อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ ทั้ง 3 คน เป็นชาวเขาเผ่าม้ง จากจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยของกลางยาบ้าจำนวน 110,000 เม็ด ยาไอซ์ 27 ห่อ จับกุมได้ขณะที่ทั้ง 3 คนกำลังโดยสารรถทัวร์ เดินทางจาก อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ มุ่งหน้าสู่กรุงเทพมหานคร,สอบสวน นายวิเชียร เลาตา หนึ่งในผู้ต้องหา รับสารภาพว่า ยาบ้าและยาไอซ์ทั้งหมดรับมาจากชายไม่ทราบชื่อ ที่ว่าจ้างให้ขนขึ้นรถทัวร์ ไปส่งที่จังหวัดสุโขทัย โดยได้นำไปซุกซ่อนใส่กระเป๋าเดินทางปะปนไปกับผู้โดยสาร ซึ่งค่าจ้างขนในครั้งนี้อ้างว่าจะให้ 50,000 บาท หรืออาจจะได้มากกว่านี้หากงานส่งสำเร็จแล้ว จึงได้ชักชวนคนในหมู่บ้านร่วมทำจนกระทั่งมาถึงที่ด่านตรวจวังดิน เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร สามารถตรวจค้นเจอ และถูกจับกุมตัวได้ในที่สุด,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เส้นทางสาย อ.ลี้ จ.ลำพูน เป็นเส้นทางที่เชื่อมต่อระหว่าง อ.ดอยเต่า และ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ มีเพียงด่านตรวจวังดินที่เดียวซึ่งเจ้าหน้าที่เข้มงวดกวดขันตรวจค้นรถที่ผ่านมุ่งหน้าไปยังตัวเมืองลำพูนทุกวัน เนื่องจากที่ผ่านมาแก๊งค้ายาเสพติดมักใช้เส้นทางสายดังกล่าวลักลอบขนโดยอาศัยเจ้าหน้าที่เผลอ สามารถเล็ดลอดผ่านเส้นทางนี้หลุดไปถึงตัวเมืองลำพูน ก่อนจะส่งต่อไปยังจังหวัดอื่นเป็นจำนวนมาก บางครั้งนักค้ายาเสพติดยังสารภาพอีกว่า หลังจากรับยามาจากพื้นที่ อ.ฮอด อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ จะขนผ่านเส้นทางนี้นำไปส่งให้เอเย่นต์ในพื้นที่ จ.ลำพูน เพื่อนำไปขายให้กับวัยรุ่นย่านนิคมอุตสาหกรรมลำพูนซึ่งเป็นกลุ่มผู้ขายแรงงานที่มีกำลังซื้อมากกว่าที่อื่น
|
ตร.-ทหารด่านตรวจ ทอ.ลี้ จ.ลำพูน ตรวจเข้ม ค้นยาเสพติดผู้โดยสารซุกซ่อนมาในรถทัวร์บริษัทสมบัติทัวร์ วิ่งจาก จอมทอง - กทม. รวบผู้ต้องหาชาวเขาเผ่าม้ง 3 ราย ของกลางยาบ้าแสนกว่าเม็ด ยาไอซ์ 27 ห่อ สารภาพส่งต่อเอเย่นต์สุโขทัย
|
ข่าว,ทั่วไทย
|
ยาบ้า,ยาไอซ์,รวบผู้ต้องหาขนยา,ขนยาขึ้นรถทัวร์,รถทัวร์บริษัทสมบัติทัวร์,ข่าว,ลำพูน,ลี้,ยาเสพติด,ด่านตรวจยาเสพติด,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวทั่วไทย,จับยาบ้า
|
https://www.thairath.co.th/news/local/536946
|
มีชัย ยันร่าง ก.ม.ลูกเสร็จทัน กรอบเวลาเลือกตั้ง
|
เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 59 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายมีชัย ฤชุพันธ์ุ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และสมาชิกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวก่อนการประชุมร่วมระหว่างคณะรัฐมนตรี (ครม.) กับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่า กรธ.ไม่มีข้อเสนออะไรในการประชุมดังกล่าว แต่จะชี้แจงเกี่ยวกับบทเฉพาะกาลว่าใครจะต้องทำอะไร เรื่องอะไรอย่างไรบ้างเท่านั้น สำหรับเสียงที่เห็นต่างนั้น คงไม่สามารถไปปรับปรุงทำอะไรได้แล้ว เพราะผ่านไปแล้ว ,เมื่อถามว่า กรธ.กังวลหรือไม่ว่า เวลาสำหรับการจัดทำกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญกระชั้นชิด และจะต้องทำให้ทันตามโรดแม็ป นายมีชัย กล่าวว่า เวลาถูกกำหนดไว้ตายตัวอยู่แล้ว และคิดว่าจะทำให้การเลือกตั้งจะอยู่ภายในปี 2560 ซึ่งเราต้องทำงานให้หนักขึ้น ส่วนจะเริ่มเชิญนักการเมืองมาหารือเกี่ยวกับการทำกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น ตอนนี้ยังไม่ได้เริ่มประชุม กรธ. ซึ่งกรรมการทั้ง 21 คน สามารถร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ 10 ฉบับได้ทันตามเวลา 8 เดือน และหากมีความจำเป็นสามารถเพิ่มได้ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้คิดจะตั้งเพิ่ม ต้องไปหารือกันก่อนว่าจะทำงานอย่างไร ซึ่งจะมีการพูดคุยกันในวันที่ 10 ส.ค.นี้ ส่วนรายละเอียดในกฎหมายลูกนั้นตอบในรายละเอียดไม่ได้ เพราะยังไม่ได้ลงมือทำ ,เมื่อถามถึงกรณีแจกเอกสารบิดเบือนร่างรัฐธรรมนูญ แต่ยังไม่มีใครเห็นเอกสารดังกล่าวว่า ปลอมกันอย่างไร กล่าวว่า อย่าไปรื้อฟื้น ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปพิสูจน์กันเอง ตนไม่ทราบ
|
มีชัย แจง ครม.-คสช. ถึงข้อปฏิบัติบทเฉพาะกาล ย้ำร่าง ก.ม.ลูกทัน เลือกตั้ง ปี 60 บอกอย่ารื้อฟื้นปมเอกสารบิดเบือนร่างฯ ปลอม โยน ตร.จัดการ
|
เลือกตั้ง
|
ประชุมร่วม ครม.-คสช.,ประชุม ครม.,มีชัย ฤชุพันธ์ุ,ร่างรัฐธรรมนูญ,ประชามติ,ผลประชามติ,ร่างก.ม.ลูก,โรดแม็ป,เลือกตั้ง,เลือกตั้ง ปี 60,ก.ม.ประกอบร่าง รธน.,กรธ.,เอกสารร่างฯ ปลอม,บิดเบือน,ข่าว,ข่าวการเมือง,ไทยรัฐออนไลน์
|
https://www.thairath.co.th/content/685706
|
เปิดห้องเรียนประชาธิปไตย (ที่เกือบไม่ได้จัด) ว่าด้วยรัฐธรรมนูญชั่วคราว
|
เมื่อวันที่ 8 ส.ค.ที่ผ่านมา กลุ่มธรรมศาสตร์เสรีเพื่อประชาธิปไตย จัดงานเสวนาห้องเรียนประชาธิปไตย : บทที่ 1 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 วิทยากรร่วมเสวนาประกอบด้วยบัณฑิต จันทร์โรจนกิจและปิยบุตร แสงกนกกุล ที่ห้องประชุมประกอบ หุตะสิงห์ ชั้น 3 อาคารเอนกประสงค์ 1 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์)ก่อนการจัดงานมีกระแสข่าวแพร่สะพัดว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีคำสั่งห้ามการจัดงานเสวนาในครั้งนี้ ก่อนที่ผู้จัดจะเข้าเจรจากับทางตำรวจและมหาวิทยาลัย จนท้ายที่สุดทางมหาวิทยาลัยชี้แจงว่าได้อนุญาตให้จัดงานไปแล้ว และหากผู้จัดงานจะดำเนินการจัดเสวนาต่อก็เป็นเรื่องที่จะต้องรับผิดชอบต่อเจ้าหน้าที่ผู้สั่งห้ามเอง ซึ่งกลุ่มนักศึกษาและคณาจารย์ยืนยันที่จะจัดงานเสวนาวิชาการต่อไปเพื่อไม่ให้ เสียของ ประชาไทรวบรวมการเสวนาวิชาการครั้งนี้เผยแพร่ผ่านคลิปวิดีโอและถอดเทปในบางส่วนจะแบ่งการบรรยายเป็นสองส่วนใหญ่ ส่วนแรกจะลงไปในรายละเอียดของรัฐธรรมนูญ57 ส่วนที่สองจะวิจารณ์ในแง่การเกิดขึ้นของรัฐธรรมนูญโดยทั่วไปว่าเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ทำไมรัฐในโลกสมัยใหม่ต้องประกาศว่ามีรัฐธรรมนูญประเด็นแรก รัฐธรรมนูญ57 มี 48 มาตรา มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 22 ก.ค. หรือสองเดือนหลังรัฐประหาร 22 พ.ค.57 ขอแบ่งรัฐธรรมนูญเป็นสองส่วนสำคัญ ส่วนแรกคือ ปัจจุบัน ส่วนที่สองคืออนาคตส่วนของปัจจุบัน รัฐธรรมนูญ57 ให้กำเนิดสถาบันการเมืองขึ้นมา 5 สถาบัน หรืออย่างที่ ศ.ดร.วิษณุ เครืองาม ผู้มีส่วนในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ให้ชื่อเล่นของรัฐธรรมนูญนี้ไว้ว่า รัฐธรรมนูญฉบับแม่น้ำ 5 สาย องค์กรแรกคือ คสช. สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครม. สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) คณะกรรมธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ นับตั้งแต่รัฐธรรมนูญประกาศใช้ก็จะทยอยตั้งและเริ่มทำงานถามว่าทั้ง 5 สถาบันการเมืองทำงานกันอย่างไร ศาสตราจารย์กฎหมายของเยอรมนีท่านหนึ่ง คือ ศ.ดีเตอร์ กริมม์ ผู้เคยดำรงตำแหน่งสำคัญๆ หลายตำแหน่งเขียนส่วนหนึ่งของตำราขนาดใหญ่เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญเปรียบเทียบไว้ มีบทหนึ่งที่วิเคราะห์เอาไว้ว่า รัฐธรรมนูญในโลกใบนี้ถ้ายึดตามระบอบการเมืองการปกครองจะแบ่งได้กี่แบบ ท่านจับเอาเสรีนิยมกับประชาธิปไตยเข้าไว้ด้วยกัน รัฐธรรมนูญในประเทศตะวันตกเป็นเสรีประชาธิปไตย คือมีองค์ประกอบของความเป็นเสรีนิยมด้วย และประชาธิปไตยด้วย องค์ประกอบความเป็นประชาธิปไตยคือ อำนาจมหาชนทั้งหลาย ตัวองค์กรที่จะใช้อำนาจมหาชนนั้นในนามรัฐต้องมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกลับไปที่ประชาชน ในฐานะนี้อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน รัฐสภาจึงมาจากการเลือกตั้งของประชาชน แล้วสภาผู้แทนราษฎรจึงไปเลือกนายกรัฐมนตรี แล้วนายกรัฐมนตรีจึงไป form คณะรัฐมนตรีขึ้นมา นี่คือรูปแบบของประชาธิปไตย ส่วนความเป็นเสรีนิยมอยู่ตรงที่การรับรองสิทธิเสรีภาพให้แก่บุคคล มีระบบการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ มีองค์กรตุลาการ องค์กรอิสระต่างๆ มาคอยตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ หากมีครบทั้งสององค์ประกอบนี้ นั่นคือ รัฐธรรมนูญแบบเสรีประชาธิปไตยแบบที่สอง ขออนุญาตเรียกเป็นภาษาไทยว่า อเสรีแต่เป็นประชาธิปไตย คือ ไม่เสรีนิยมแต่เป็นประชาธิปไตย หมายความว่ามีการเลือกตั้ง องค์กรผู้ใช้อำนาจมีความเชื่อมโยงไปที่ประชาชน แต่กลับรับรองสิทธิและเสรีภาพไว้แบบไม่เคร่งครัด ไม่เป็นรูปธรรมเพียงพอ ไม่มีระบบตรวจสอบที่ดีนัก คือเน้นปีกอำนาจจากประชาชนเป็นหลักไม่เน้นปีกสิทธิเสรีภาพและการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐแบบที่สาม แบบเสรีแต่อประชาธิปไตย คือ มีระบบการเลือกตั้งโดยอ้อม ไม่ได้เชื่อมโยงกับประชาชนโดยตรง แต่มีการรับรองสิทธิเสรีภาพ มีการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐแบบที่สี่ เป็บแบบที่ไม่พึงประสงค์ในโลกปัจจุบัน อเสรีและอประชาธิปไตย คือ ไม่รับรองสิทธิเสรีภาพและไม่มีการตรวจสอบอำนาจรัฐ อีกทั้งองค์กรที่ใช้อำนาจต่างๆ ไม่ได้มีจุดเชื่อมโยงกลับไปที่ประชาชนรัฐธรรมนูญ2557 เป็นแบบไหนลองพิจารณาดูได้จากตัวบท ผมวิจารณ์รัฐธรรมนูญ57 ไม่ได้วิจารณ์ คสช.รัฐธรรมนูญฉบับนี้กำเนิดสถาบันการเมืองมา 5 อัน ตามหลักการแล้ว รัฐธรรมนูญที่เป็นเสรีประชาธิปไตยต้องมีการแบ่งแยกอำนาจ มีประชาธิปไตย มีนิติรัฐ มีการประกันสิทธิเสรีภาพและศักดิ์ศรีของบุคคล ต้องมีเรื่องเหล่านี้เป็นองค์ประกอบ ถ้าลองดูทั้ง 5 สถาบันการเมือง เรามีคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งเกิดมาหลังรัฐประหาร ตลอดสองเดือน แม้ว่าแต่ละคนจะยอมรับหรือไม่ยอมรับรัฐประหารก็ตาม แต่ตามประเพณีที่ผ่านมาเขาคือรัฏฐาธิปัตย์ เป็นผู้ทรงอำนาจในทางความเป็นจริง ตลอดสองเดือนที่ไม่มีรัฐธรรมนูญทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่ คสช. ท่านจึงเห็นการออกประกาศ คำสั่งต่างๆ เต็มไปหมด พอหลัง 22 ก.ค. มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญขึ้น ก็มีมาตราหนึ่งในรัฐธรรมนูญบอกว่า ให้คสช. ยังเป็นคสช.ต่อไปตามรัฐธรรมนูญ57 นี่คือกำเนิดของคสช.ที่เข้ามาอยู่ในรัฐธรรมนูญสถาบันการเมืององค์กรที่สอง เกิดขึ้นหมาดๆ คือ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำหน้าที่ตรากฎหมายแทนที่รัฐสภาในเวลาที่เรามีรัฐธรรมนูญถาวร ปัญหาคือที่มาของ สนช. มาตรา 6 ระบุไว้ว่า พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติตามคำแนะนำของคสช. พูดง่ายๆ คือ คสช.เป็นผู้รับผิดชอบในการแต่งตั้งแล้วให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงลงพระปรมาภิไธยแต่งตั้ง แล้วหัวหน้าคสช.ก็เป็นผู้รับสนองพระราชโองการ ต่อมา มาตรา 11 เขียนว่า สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติย่อมเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย แต่ตามตำราที่เราร่ำเรียนมาการเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยได้ก็ต้องมาจากการเลือกตั้ง ไม่ใช่การเลือกตั้งมั่วๆ ซั่วๆ ด้วย ต้องเป็นการเลือกตั้งที่วไป ทั่วถึง เท่าเทียม 1 คน 1 เสียง สุจริตและลับองค์กรที่สาม สภานิติบัญญัติแห่งชาติก็จะเป็นคนลงมติเลือกบุคคลมาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งคงจะเกิดในปลายเดือนสิงหาคมนี้ นายกฯ ก็จะฟอร์มคณะรัฐมนตรีขึ้นมาเป็นฝ่ายบริหาร ต่างจากรัฐธรรมนูญปกติที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะเป็นผู้ลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีแล้วนายกฯ ไปฟอร์มทีมบริหารองค์กรที่สี่ คือ สภาปฏิรูปแห่งชาติ เป็นองค์กรใหม่ปรากฎในรัฐธรรมนูญนี้ ในรัฐธรรมนูญปกติจะไม่มี สภาปฏิรูปแห่งชาติมีที่มาอย่างไร มีการตั้งคณะกรรมการสรรหา ที่คสช.เลือกมา แล้วคณะกรรมการสรรหาจะเสนอชื่อมากกว่า 250 ชื่อแล้ว คสช.ก็จะแต่งตั้งสภาปฏิรูปแห่งชาติองค์กรที่ห้า คือ สภาปฏิรูปจะปฏิรูปหลายเรื่อง แต่เรื่องหนึ่งที่สำคัญมากคือ การเข้าไปมีบทบาททำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่ไม่ได้ทำเอง ต้องมีองค์กรใหม่ขึ้นมาคือ คณะกรรมธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะเป็นคนทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่จะมาแทนที่ฉบับ 57 คณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญมี 36 คน ทั้งสนช. คสช. ครม.และสปช.จะเข้าไปมีส่วนในการเลือกคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ โดย สภาปฏิรูปแห่งชาติเลือก 20 คน สภานิติบัญญัติแห่งชาติเลือกมา 5 คน คณะรัฐมนตรีเลือกมา 5 คน คณะรักษาความสงบแห่งชาติเลือกมา 5 คน และเลือกประธานกรรมาธิการอีก 1 คน รวมเป็น 36 คนคราวนี้มาดูว่า 5 สถาบันการเมืองหรือแม่น้ำ 5 สายของอาจารย์วิษณุจะทำคลอดรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อย่างไรคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญจะเป็นคนร่าง ดราฟท์สุดท้ายต้องส่งมาถามความเห็นสภาต่างๆ รวมถึงคสช.ด้วย แล้วหน่วยงานต่างๆ ก็เสนอให้แก้ไขได้ แต่จะแก้หรือไม่แก้ก็แล้วแต่คณะกรรมาธิการยกร่าง แล้วจะส่งกลับไปให้สภาปฏิรูปแห่งชาติลงมติให้ความเห็นชอบ หลังจากนั้นก็ทูลเกล้าฯ ให้พระมหากษัติย์ลงพระปรมาภิไธย ประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แทนที่รัฐธรรมนูญ 57 นี้ท่านพอแยกออกไหมว่า รัฐธรรมนูญชั่วคราว 57 นี้แตกต่างจากรัฐธรรมนูญก่อนๆ อย่างไรทั้ง 5 สถาบันการเมือง ลองเช็คดูว่ามีหลักการแบ่งแยกอำนาจไหม หลักการแบ่งแยกอำนาจต้องมีการแบ่งแยกองค์กรที่เข้าไปใช้อำนาจ เช่น คนออกกฎหมายต้องไม่ใช่คนบริหาร ศาลต้องเป็นอิสระตรวจสอบถ่วงดุลองค์กรอื่นได้ แต่เมื่อพิจารณาดูจะพบว่า ในมาตรา 42 วรรคสาม ให้อำนาจคณะรักษาความสงบแห่งชาติสั่งคณะรัฐมนตรีได้ด้วย ในกรณีที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติเห็นว่าคณะรัฐมนตรีควรดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ที่กำหนดไว้ในมาตรา 19 ในเรื่องใด ให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติแจ้งคณะรัฐมนตรีทราบเพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไปคสช.ยังมีบทบาทเหนือจากทุกองค์กรตรงไหนอีกบ้าง นอกเหนือจากที่ตัวเองเป็นคนเลือก สนช. ซึ่งไปโยงกับการเลือกนายกฯ แล้ว เลือก สปช.ซึ่งมีหน้าที่เห็นชอบรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ คสช.ก็ยังสั่ง ครม.ได้ คณะกรรมาธิการยกร่าง คสช.ก็มีส่วนในการเลือก ทั้งหมดนี้ใครใหญ่ที่สุด หนีไม่พ้น คสช.ประการถัดมาในเรื่องการแบ่งแยกอำนาจที่มีข้อน่าวิพากษ์วิจารณ์ในรัฐธรรมนูญฉบับ มาตรา 44 ระบุไว้ว่าหัวหน้าคสช.ทำได้อีกหลายอย่างในกรณีที่หัวหน้า คสช.เห็นว่าจำเป็นเพื่อการปฏิรูป ส่งเสริมความสามัคคีสมานฉันท์ของคนในชาติ ป้องกันระงับปราบปรามการบ่อนทำลายความสงบเรียบร้อง มั่นคงของชาติ ราชบัลลังก์ เศรษฐกิจหรือราชการแผ่นดินต่างๆ ให้หัวหน้าคสช.โดยความเห็นชอบของคณะคสช. มีอำนาจสั่งการ ระงับยับยั้ง หรือกระทำการใดๆ ไม่ว่าการนั้นจะเป็นในทางนิติบัญญัติ บริหาร หรือตุลาการคือมีอำนาจสั่งได้ทั้งหมดนั้นเอง แล้วก็แจ้งให้สนช.ทราบว่า หัวหน้าคสช.ขอใช้อำนาจเหล่านี้ เป็นการรวมศูนย์อำนาจไว้ที่หัวหน้า คสช.นั่นเองประการถัดมา รัฐธรรมนูญที่เป็นเสรีประชาธิปไตย ต้องรับรองหลักการประชาธิปไตยไว้ คนที่ใช้อำนาจมหาชน นิติบัญญัติ บริหารต้องเชื่อมโยงไปหาประชาชน วิธีการที่เด่นชัดที่สุดที่รัฐเสรีประชาธิปไตยทั้งหลายต้องมีคือ การเลือกตั้ง สมาชิกสภานิติบัญญัติที่ทำหน้าที่ออกกฎหมายซึ่งเป็นเจตจำนงของคนทั้งประเทศ เป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย ดังนั้น สภานิติบัญญัติต้องมาจากการเลือกตั้ง แต่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ให้ คสช.เป็นผู้ถวายคำแนะนำให้พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้ง ซึ่งเกิดขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว และเป็นข้อที่น่าวิจารณ์ กระนั้นก็ตาม ในมาตรา3 ก็ยังเขียนว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย ปัญหาคือ การเขียนมาตรา 3 แค่นี้สามารถพิสูจน์ได้ไหมว่ารัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตยหรือไม่ รัฐธรรมนูญของเกาหลีเหนือก็เขียนแบบนี้ ไม่ว่าประเทศไหนก็เขียนแบบนี้ เราต้องมาดูเนื้อหาในรัฐธรรมนูญนั้นโดยละเอียดว่ามันเข้าองค์ประกอบหรือไม่ประการถัดมา ขัดกับหลักนิติรัฐหรือไม่ หลักนิติรัฐรับรองไว้ว่าองค์กรของรัฐทั้งหลายจะทำอะไรต้องมีกฎหมายรองรับ ต้องไม่ขัดต่อกฎหมาย มีการประกันสิทธิเสรีภาพ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ต่างๆ และต้องมีศาลที่เป็นกลาง เป็นอิสระ คอยตรวจสอบองค์กรทั้งหลายเหล่านี้ ท่านจะเห็นได้ว่าตอนเราใช้รัฐธรรมนูญ 50 รัฐสภาตรากฎหมายมาก็จะเจอศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบ นายกฯ ทำอะไรต่างๆ ก็จะมีการเข้าชื่อถอดถอน มีอภิปรายไม่ไว้ว่างใจ การดำเนินคดีอาญากับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีการยื่นเรื่องให้องค์กรอิสระอีกเต็มไปหมด รัฐธรรมนูญ57 ก็ไม่ได้ยกเลิกศาล ทุกศาล ทุกองค์กรอิสระยังอยู่ครบหมด เรื่องสิทธิเสรีภาพก็มีมาตราหนึ่งที่เขียนเต็มๆ เพื่อรับรองสิทธิเสรีภาพรัฐธรรมนูญ57 เขียนไว้ในมาตรา 4 ภายใต้บทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ ศักดิ์ความเป็นมนุษย์สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาค บรรดาที่ชนชาวไทยเคยได้รับความคุ้มครองตามประเพณีการปกครองประเทศไทยในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขและตามพันธกรณีระหว่างประเทศที่ประเทศไทยมีอยู่แล้วย่อมได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้แล้วมันมีปัญหาตรงไหนในเรื่องหลักนิติรัฐ การตรวจสอบและการประกันสิทธิเสรีภาพหนึ่ง ถ้าดูมาตรา 47 สรุปง่ายๆ ว่า คสช.ออกประกาศคำสั่งอะไรมาตั้งแต่วันรัฐประหาร จนวันที่รัฐธรรมนูญใช้ และต่อไปด้วย หรือกการะทำต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการประกาศของคสช.นั้นให้ชอบด้วยกฎหมายทั้งหมด ตรงนี้มาตรา44 เขียนไว้ ซึ่งหากผมต้องการโต้แย้งว่าประกาศคสช.ขัดรัฐธรรมนูญ57 เพราะไม่เคารพสิทธิเสรีภาพ ผมโต้ไปที่ศาลปกครองหรือศาลรัฐธรรมนูญแล้วแต่ว่าเข้าเขตอำนาจศาลไหน คำตอบที่ตามมาคือ ศาลจะบอกว่าวินิจฉัยแล้ว มาตรา 47 บอกให้ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมาย หรือสมตติ ปลัดกระทรวงถูกคำสั่งคสช.โยกย้าย หากเขาเห็นว่ากรณีถวิล เปลี่ยนศรี เป็นตัวอย่างอันดีขอทำแบบคุณถวิลบ้างโดยฟ้องไปที่ศาลปกครองว่าคำสั่งโยกย้ายของคสช.ไม่เป็นธรรม ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลปกครองก็จะตอบว่า มาตรา 47 บอกไว้แล้วว่า ประกาศ คำสั่งของคสช.ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมายแล้ว ดังนั้นสิทธิเสรีภาพที่รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญทั้งหลายทั้งปวงนั้น เราไม่สามารถโต้แย้งได้เลย อยากโต้แย้งก็โต้ไป แต่มาตรา 47 เขียนไว้แล้วว่าชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมาย มันจึงกระทบกับการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐและการประกันสิทธิเสรีภาพต่างๆอีกมาตราหนึ่ง คือ มาตรา 48 เรื่องการนิรโทษกรรม การกระทำตั้งแต่ 22 พ.ค.57 ของคสช. หากผิดกฎหมายก็ถือว่าไม่ผิดกฎหมาย หรือที่เราเรียกว่านิรโทษกรรม ถ้า ณ เวลานี้คุณฉลาด วรฉัตร อยากไปฟ้องว่า คสช. ทำผิดตามมาตรา 113 ของประมวลกฎหมายอาญา เป็นกบฏ ศาลก็จะบอกว่า นิรโทษกรรมเรียบร้อยแล้วตามมาตรา 48 อันนี้ก็กระทบกับหลักการตรวจสอบย้ำอีกครั้ง ผมอธิบายจากตัวบทรัฐธรรมนูญ57 ยังไม่ได้วิจารณ์ คสช.แต่อย่างใดฉะนั้น เราจะนิยามรัฐธรรมนูญฉบับ 57 อย่างไร ท่านลองพิจารณาเอาเองตามที่ผมยกการจำแนกของ ศ.กริมมาแล้วข้างต้นนั่นคือส่วนของปัจจุบัน แต่สิ่งที่อาจสำคัญกว่าคือส่วนของอนาคต เพราะทุกท่านอยู่ด้วยความหวัง เอาน่า ทนๆ กันไป มันเป็นสถานการณ์ยกเว้น ชั่วคราว ยอมอดทนอยู่กับกลไกแบบนี้ไปเพื่อที่วันหนึ่งจะเข้าสู่ระบบปกติ ทุกคนเลยคิดว่า อนาคตมันต้องดีกว่านี้แน่ลองดูที่มาตรา 38 คือกระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญ ปัญหาคือ ถ้าสภาปฏิรูปโหวตให้ไม่ผ่าน หรือร่างไม่ทันตามเวลา 20 วันจะทำอย่างไร คำตอบคือ ร่างใหม่ หากไม่ผ่านอีกก็ร่างใหม่ ร่างใหม่ ร่างใหม่ ร่างใหม่ไปเรื่อยๆ ยิ่งไปกว่านั้น รัฐธรรมนูญชั่วคราวฉบับนี้เป็นรัฐธรรมนูญชั่วคราวฉบับแรกในประวัติศาสตร์รัฐธรรมนูญไทยที่มีบทบัญญัติว่าด้วยการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญชั่วคราวเอง ปกติรัฐธรรมนูญชั่วคราวจะไม่มีเขียนเพราะรู้ว่ามาแป๊บเดียวหากจะแก้ให้ไปแก้กันในรัฐธรรมนูญถาวร แต่การให้แก้ในชั่วคราวได้ด้วยหมายความว่าถ้ามีการรัฐธรรมนูญชั่วคราวโดยให้ขยายเวลาทำรัฐธรรมนูญออกไปก็เป็นไปได้ แต่คิดว่าท่านคงไม่ทำ เพราะตามนโยบายอยากคืนความสุขให้กับประเทศน่าจะทำให้ได้เห็นรัฐธรรมนูญใหม่ในปี 58-59 ตามโรดแมพของท่าน แต่ปัญหาคือ ระหว่างที่กมธ.ยกร่าง ประชาชนวิจารณ์กันเยอะ สภาปฏิรูปโหวตไม่ผ่าน ตกแล้วผลที่ตามมาคือ ร่างใหม่ คนที่ประท้วง ประชาชนก็ต้องอยู่กับรัฐธรรมนูญ57 ต่อไปก่อน ถ้าอย่างนั้นก็ยอมๆ ไปก่อน เหมือนตอนรัฐธรรมนูญ50 รับๆ ไปก่อนแล้วแก้ไขทีหลังได้ผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไรให้เปิดไปดูมาตรา 35 ว่าด้วยกรอบการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มีอยู่ 10 ข้อลองเปิดดูได้เอง นศ.ที่เรียนวิชากฎหมายรัฐธรรมนูญกับผมจะเห็นว่าผมเน้นเรื่องอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญแล้วนำไปออกข้อสอบอยู่เป็นประจำ อำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญคืออำนาจที่ก่อตั้งตัวรัฐธรรมนูญ พูดง่ายๆ ว่าเป็นการกำหนดว่ารัฐรัฐหนึ่งจะเดินหน้าไปในทิศทางแบบใด จะปกครองในระบอบได้ จะมีสถาบันทางการเมืองแบบใด จะประกันสิทธิเสรีภาพอย่างไร ดังนั้น อำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญในทางทฤษฎีมันจึงเป็นอำนาจที่ไม่มีเงื่อนไข ปราศจากข้อจำกัดใดๆ ทั้งสิ้น ผู้ทรงอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญจะกำหนดประเทศเป็นแบบใดก็ได้ เป็นประชาธิปไตยก็ได้ เป็นเผด็จการก็ได้ แต่การสถาปนารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่จะตามมาปรากฏว่ามีเงื่อนไขอยู่ตามมาตรา 35 ว่าการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะต้องมีเนื้อหาตาม 10 ข้อที่กำหนดมาตรา 35 ระบุว่า คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญต้องจัดทำรัฐธรรมนูญให้ครอบคลุมเรื่องดังต่อไปนี้ด้วย (1) (2)….(10) พูดง่ายๆ 10 ขขข้อนี้คือสเป็กของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หมายความว่าอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญฉบับใหม่มีข้อจำกัด ไม่ตรงกับทฤษฎี อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจการทำรัฐธรรมนูญของประเทศต่างๆ ในโลก โดยเฉพาะประเทศที่มีการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ประชาธิปไตย เขาจะมีการจำกัดอำนาจสถานปนารัฐธรรมนูญไว้เหมือนกัน ไม่ให้ร่างสะเปะสะปะ เดี๋ยวกลับไปร่างแบบเผด็จการอีกจะยุ่ง ก็เลยมีการเขียนล็อคเอาไว้ในรัฐธรรมนูญชั่วคราวว่า เวลาทำรัฐธรรมนูญถาวรต้องมีเนื้อหาอย่างน้อยดังต่อไปนี้ อย่างนี้รัฐธรรมนูญ57 ก็เหมือนกันใช่ไหมไม่ได้ต่างจากประเทศประชาธิปไตยอื่นแต่อย่างใด แต่เมื่อลองไปดูในรายละเอียด เราจะเห็นความแตกต่างอย่างสำคัญ โลกใบนี้หลายรัฐเผด็จการก็จะทำตัวให้เป็นประชาธิปไตย ไม่ว่าขวาแบบฟาสซิสม์ นาซี ซ้ายแบบคอมมิวนิสต์ โลกมันบังคับให้เป็นเสรีประชาธิปไตยก็พยายามเปลี่ยนผ่านตัวเองเป็นรัฐเสรีประชาธิปไตยโดยผ่านกลไกตามรัฐธรรมนูญนี่แหละ เวลาเปลี่ยนผ่านก็ต้องมีรัฐธรรมนูญชั่วคราวมาคั่น ซึ่งตัวนี้จะบอกว่ารัฐธรรมนูญที่กำลังจะเกิดต้องมีเนื้อหาความเป็นเสรีประชาธิปไตยอย่างน้อยอะไรบ้าง ยกตัวอย่าง กัมพูชา ผ่านสงครามกลางเมืองเต็มไปหมด รบกันมานาน สุดท้ายไปสงบศึกจบกันได้ด้วยการเจรจา ไทยมีบทบาทมากในสมัยรัฐบาลชาติชาย ทำหนังสือเอาเขมรสามกลุ่มไปลงนามกันที่ปารีส เรียกว่า Paris Agreement ซึ่งกำหนดว่าจะต้องทำรัฐธรรมนูญใหม่แบบเสรีประชาธิปไตยขึ้นมาและรัฐธรรมนูญจะต้องมีเนื้อหาอย่างน้อยคือ ประกันสิทธิเสรีภาพ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ รับรองหลักประชาธิปไตยแบบมีทางเลือก มีความหลากหลาย รับรองความเป็นกลางและความเป็นอิสระของศาล รับรองเรื่องอำนาจอธิปไตยสูงสุดเป็นของประชาชนกัมพูชา แล้วจึงออกมาเป็น รัฐธรรมนูญ1993 ที่กัมพูชาใช้อยู่จนปัจจบันนั่นเองหรือรัฐธรรมนูญฝรั่งเศสที่ใช้จนปัจจุบันคือ รัฐธรรมนูญแห่งสาธารณรัฐที่ 5 ปี 1958 ในฝรั่งเศสช่วงเปลี่ยนผ่านตรงนี้ ในรัฐธรรมนูญก่อนหน้าก็เขียนล็อคเอาไว้ว่า ในการทำรัฐธรรมนูญต่อไปต้องมีเนื้อหาดังต่อไปนี้ เรื่องอำนาจมหาชนต่างๆ ต้องมาจากการเลือกตั้งแบบทั่วไป เท่าเทียม รับรองสิทธิเสรีภาพตามประกาศสิทธิมนุษยชนและพลเมืองของฝรั่งเศส การแบ่งแยกอำนาจสภาและฝ่ายบริหารออกจากกัน รับรองความเป็นกลางและความเป็นอิสระของศาล ทั้งหลายทั้งปวงเขาล็อคเอาไว้ พอรัฐธรรมนูญ 1958 เกิดขึ้นก็เดินตามที่ล็อคเอาไว้นั่นเอง อีกตัวอย่างหนึ่งคือ แอฟริกาใต้ ประเทศนี้ก็ผ่านสงครามกลางเมืองเกี่ยวกับชาติพันธุ์สีผิว สุดท้ายตกลงกันได้ ทำรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 1993 รัฐธรรมนูญชั่วคราวฉบับนี้เขียนล็อคสเป็กไว้ว่า รัฐธรรมนูญถาวรที่ตามมาต้องมี 34 หลักการ น่าจะเยอะที่สุดในโลก แต่ 34 เรื่องดังกล่าวเป็นการตอบปัญหาของแอฟริกาใต้ในเวลานั้นคือเรื่องฆ่ากันเองของคนในชาติ จึงต้องรับรองความแตกต่างทางเชื้อชาติ ศาสนา อย่าเลือกปฏิบัติ เขียนเรื่องภาษาด้วยว่าภาษาราชการไม่จำเป็นต้องเป็นภาษาอังกฤษอย่างเดียวแล้วรัฐธรรมนูญไทย ปี 2557 มีปัญหาอะไร ไม่น่าจะแตกต่างเพราะมี 10 หลักการที่ล็อคสเป็กไว้ให้เดินตาม อยู่ในมาตรา 35 แต่เมื่อดูในรายละเอียดจะพบปัญหาสำคัญ ปกติแล้วการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่รัฐธรรมนูญแบบประชาธิปไตย หลักการที่ต้องล็อคเอาไว้ให้เดินตามจะต้องเป็นเรื่อง แบ่งแยกอำนาจ สิทธิเสรีภาพ นิติรัฐ ความเป็นประชาธิปไตย ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ความเป็นอิสระของศาล แต่ของไทยเรามี1.รับรองว่าไทยต้องเป็นราชอาณาจักร สะท้อนจากประมุขของรัฐ หรือพระมหากษัตริย์สืบทอดทางสายโลหิต2.ประเทศไทยต้องเป็นรัฐเดี่ยว แบ่งแยกไม่ได้3.ต้องเป็นการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์อันเป็นประมุขที่เหมาะสมกับสภาพสังคมของไทย คำว่า ที่เหมาะสมกับสภาพสังคมของไทย เป็นครั้งแรกที่ปรากฏคำนี้ในรัฐธรรมนูญ แต่เดิม รัฐธรรมนูญไทยกำหนดเรื่องนี้ไว้โดยใช้คำว่า ประชาธิปไตยเฉยๆ ต่อมาหลังปี 2490 เพิ่มเติมอีกวรรค คือ พระมหากษัตริย์เป็นประมุข มาหลังปี 2534 เชื่อมต่อสองประโยค ให้เป็น ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และใช้ต่อเนื่องยาวนานจนปัจจุบัน แต่ปี 57 เติมเข้าไปอีก แต่ปัญหาคือ ไม่รู้ว่าที่เหมาะสมนั้นคืออะไร ถึงที่สุดประชาธิปไตยที่ว่าอาจไม่ได้มาจากเลือกตั้งทั้งหมดก็ได้ เพราะ เหมาะกับสังคมไทย สุดแท้แต่ว่า กมธ.ยกร่างจะคิดอย่างไร4 กลไกตรวจสอบการทุจริต ประพฤติมิชอบต่างๆ ตรวจสอบมิให้คนที่เคยต้องคำพิพากษาว่าทุจริตหรือโดนใบเหลืองใบแดงห้ามเข้ามาดำรงตำแหน่งทางการเมืองเด็ดขาด คำนูณ สิทธิสมาน วิเคราะห์ข้ามช็อตไปแล้วว่า สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ สุรเกียรติ เสถียรไทย เข้ามาดำรงตำแหน่งใน สนช.ไม่ได้เพราะเคยอยู่บ้านเลขที่ 111 คุณอินทรัตน์ ยอดบางเตย ก็ลาออกจาก สนช.ไปแล้วเพราะเคยอยู่บ้านเลขที่ 109 คุณคำนูณวิเคราะห์ต่อว่า ถ้ารัฐธรรมนูญเขียนตาม (4) พวกบ้านเลขที่ 111 109 ก็ลงสมัครรับเลือกตั้งไม่ได้ กลับมาเป็นครม.ไม่ได้5 เจ้าหน้าที่ของรัฐต่างๆ จะต้องปฏิบัติหน้าที่อิสระ ปราศจากการครอบงำของบุคคลหรือคณะบุคคลใด6 ต้องมีกลไกขับเคลื่อนระบบสังคมเศรษฐกิจที่เป็นธรรมอย่างยั่งยืน ป้องกันการบริหารราชการแผ่นดินที่มุ่งสร้างความนิยมทางการเมืองที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจและประชาชนในระยะยาว ตรงนี้ กกต.เริ่มเสนอแล้วว่าต้องตรวจสอบนโยบายพรรคการเมืองก่อนหาเสียงว่านโยบายของท่านสร้างความนิยมแบบทำให้ชิบหายวายวอดหรือเปล่า7 มีกลไกที่มีประสิทธิภาพในการใช้จ่ายเงินของรัฐอย่างคุ้มค่าในการตอบสนองประโยชน์ส่วนรวม9 กลไกที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันมิให้มีการทำลายหลักการสำคัญที่รัฐธรรมนูญจะได้วางไว้ หมายความว่า สมมติกลับเข้าสู่ระบบปกติ นักการเมืองไทยเก่งมาก ไม่ว่าจะดีไซด์ระบบการเลือกตั้งพิเศษแบบไหนนักการเมืองก็ยังชนะอีก เมื่อชนะการเลือกตั้งมาจะแก้รัฐธรรมนูญ ก็จะเจอคนหน้าเดิม คือ ศาลรัฐธรรมนูญ อาจเป็นไปได้ว่าจากวงเล็บ9 อาจให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่กำลังจะเกิดทุกครั้งว่า มันกระทบกระเทือนกับหลักการสำคัญ 10 ข้อของรัฐธรรมนูญชั่วคราวหรือเปล่า ฉะนั้น ถ้าวันหนึ่งเสียงข้างมากในสภา หรือผ่านการประชามติต่างๆ ที่อยากจะแก้รัฐธรรมนูญในหลักการสำคัญที่อยู่ใน (1)-(10) ก็อาจจะแก้ไม่ได้ ดังนั้น รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ท่านจินตนาการได้เลยว่า มันจะเป็นฉบับที่แก้ไขยาก ฉบับปี 50 รับๆ ไปก่อนแก้ทีหลังจึงแก้ไขไม่ยากมาก ใช้กึ่งหนึ่งของรัฐสภาแก้ได้เลย แต่ถึงกระนั้นก็ยังแก้ไม่ได้ แต่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะยิ่งแก้กว่าเดิม เพราะมาตรา 35(9) ล็อคไว้แล้วว่าต้องมีกลไกป้องกันหลักการสำคัญย้อนกลับมาที่มาตรา 38 ที่พูดไว้ หากโหวตกไปก็ร่างใหม่ ไม่เอา ตกไป ร่างใหม่ เอาไหมแบบนี้เพราะจะอยู่กับรัฐธรรมนูญ57 ต่อไปเรื่อยๆ มันก็จะกลายเป็นว่า อย่าไปยุ่งกับเขาให้เขาทำกันให้เสร็จ ออกเป็นรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แล้วลุ้นว่าวันหน้า อาจเลือกกันทล่มทลายแล้วเข้าไปแก้ ท่านก็จะแก้ไม่ได้นี่คือส่วนอนาคต ส่วนของปัจจุบันท่านอาจยอมอดทนกับมันในสถานการณ์พิเศษยกเว้น เพื่อรอรัฐธรรมนูญที่จะมาถึงวันข้างหน้า แล้วท่านก็จะเจอกับรัฐธรรมนูญที่หน้าที่เป็นอย่างไร ไม่ต้องสงสัยเพียงเปิดมาตรา 35 ดู หน้าตามันก็จะเป็นอย่างนั้นเอง นี่คือปัญหาเบื้องต้นที่จะพูดถึงรัฐธรรมนูญฉบับ 57 สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว โดยเฉพาะมาตรา 4 ที่บอกว่า ภายใต้บทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ ศักดิ์ความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาค บรรดาที่ชนชาวไทยเคยได้รับความคุ้มครองตามประเพณีการปกครองประเทศไทยในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขและตามพันธกรณีระหว่างประเทศที่ประเทศไทยมีอยู่แล้วย่อมได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เวทีวันนี้เราอาศัยสิทธิตามรัฐธรรมนูญ อาศัยเสรีภาพทางวิชาการที่พึงจะมี ณ เวลานี้ผู้มีอำนาจไม่ควรห่วงใยพวกเรามากนัก แต่ควรห่วงตัวเองมากกว่า เพราะฐานของรัฐธรรมนูญมันแคบลงเรื่อยๆ ทิศทางของสังคมไทยท่านก็เป็นผู้ตัดสินชะตากรรม พวกเราไม่มีอะไรน่าเป็ห่วง จะเปลี่ยนรัฐบาลอย่างไร นักวิชาการอย่างพวกเราก็เป็นฝ่ายค้านอยู่เสมอผมคิดถึง 2-3 เรื่องที่เตรียมมา ผมเองเพิ่งเปิดชั้นเรียนวิชากระบวนการนิติบัญญัติ ซึ่งต้องฉีกเอกสารทิ้งบางส่วนเพราะจาก 2 สภาก็เหลือสภาเดียว ต้องทำตำราใหม่ ในเบื้องต้นผมคิดว่าการเกิดของรัฐธรรมนูญก็น่าสนใจ มีไม่กี่ฉบับเท่านั้นที่กล้าประกาศว่า เป็นรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ในประการแรก จารีตทางการเมืองในสังคมไทย เราถือกันว่า ถ้าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว จะเรียกว่า ธรรมนูญการปกครอง เราถือขนบนี้มาเรื่อยๆ แต่มีกรณียกเว้นไม่กี่ครั้ง เช่น รัฐธรรมนูญฉบับ 2490 มีการรัฐประหารเสร็จก็ใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราวนี้นาน กว่าจะมีฉบับถาวรก็ 2492 ฉบับอื่นก็มี คือ รัฐธรรมนูญฉบับ 2549 ฉบับ 2519 และฉบับปัจจุบันมันสะท้อนอะไร ตอนที่เรามีรัฐธรรมนูญฉบับ 10 ธันวาคม 2475 เราคิดว่าจะมีฉบับถาวร จึงทำการเฉลิมฉลองจนคณะราษฎรหมดอำนาจ ในชั้นหลังตั้งแต่ปี 2490 เป็นต้นมา อะไรที่เราคิดว่าถาวรก็ไม่ถาวรอีกต่อไป อะไรที่คิดว่าอยู่ยงคงยืนก็ไม่คงยืนเสมอไป มีการเล่นกลกับคำว่า ธรรมนูญการปกครอง แล้วใช้คำว่า รัฐธรรมนูญแทน ตรงนี้มีคำอธิบายว่า ไม่อยากให้คนอึดอัดคับข้องใจกับคำว่าธรรมนูญ ตรงนี้ก็น่าสนใจ เพราะโดยปกติถ้าเราบอกว่าเป็นฉบับชั่วคราวก็จะมีกำหนดเวลาชัดเจน เช่น ฉบับปี 2520 กำหนดเวลายกร่างไว้ชัดเจนในมาตรา6 ให้สนช.ทำหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญและนิติบัญญัติ มาตรา 11 กำหนดว่าต้องเลือกตั้งภายในปี 2521 และหากจำเป็นก็ขยายได้อีก 120 วัน รวมความแล้ว การรัฐประหารในเดือนตุลาคม 2520 หรือ 1 ปีหลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 เป็นการรัฐประหารซ้ำตัวเอง ก็ยังระมัดระวังและกำหนดเงื่อนเวลาการใช้อำนาจอย่างจำกัด และกำหนดเวลาการยกร่างรัฐธรรมนูญชัดเจนมา ดังจะเห็นได้ว่า ในวันที่ 22 ธันวาคม 2521 มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับถาวร ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญที่ใช้มายาวนานฉบับหนึ่ง (2521-2534)อีกประการหนึ่งคือ เวลาพูดถึงคนที่มาใช้อำนาจนิติบัญญัติ ในรัฐธรรมนูญ2557 กำหนดคนที่ทำหน้าที่ในสภานิติบัญญัติ จากเดิมเรากำหนดไว้ที่อายุ 35 ปี สนช.ปี 2515 หรือปี 2549 ก็กำหนดอายุ 35 ปี แต่รัฐธรรมนูญปัจจุบันกำหนดว่า สนช.ต้องมีอายุ 40 ปีขึ้นไป ส่วนจำนวนของสมาชิกสนช.ก็ลดลงด้วย ปี 2515 มีสนช. 299 คน ปี 2549 มี สนช. 250 คน ฉบับปัจจุบันมี 220 คน แต่ลาออกเพราะขาดคุณสมบัติรวม 3 ท่าน ตรงนี้สะท้อนให้เห็นฐานที่คับแคบมากขึ้นและโน้มเอียงไปในทางอนุรักษ์นิยมด้วยเหตุที่กำหนดอายุของสนช.เพิ่มมากขึ้น และเป็นฉบับที่รังเกียจพรรคการเมืองอย่างถึงที่สุด ดังเห็นได้จากการกำหนดคุณสมบัติ สนช.ว่าต้องไม่มีลักษณะต้องห้าม ไม่เป็นสมาชิกหรือตำแหน่งอื่นใดในพรรคการเมืองภายใน 3 ปีก่อนเป็น สนช. ความรังเกียจนักการเมืองยังสะท้อนในการกำหนดคุณสมบัติของรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีอีกด้วย ผมไม่แน่ใจว่านี่เป็นครั้งแรกหรือเปล่าที่เรากันนักการเมืองออกจากกระบวนการทางการเมืองมากขนาดนี้ต้องดูต่อไปอีกว่า การกีดกันนักการเมืองมันหมายถึงอะไร มันสะท้อนในเหตุผล คำปรารภของรัฐธรรมนูญ ในตอนหนึ่งระบุว่า การตั้งสนช.และสภาปฏิรูป จะต้องให้มีการปฏิรูปการเมืองและอื่นๆ เพื่อให้รัฐธรรมนูญใหม่มีความเหมาะสม วางกติการทางการเมืองให้เหมาะสมรัดกุม ป้องกันและปราบปรามการทุจริต สามารถตรวจสอบอำนาจรัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพรวดเร็วและเป็นธรรม ก่อนจะส่งมอบภารกิจนี้แก่ผู้แทนปวงชนชาวไทยและคณะผู้บริหารราชการแผ่นดินในระยะต่อไป ในการดำเนินการดังกล่าวนี้จะให้ความสำคัญแก่หลักพื้นฐานยิ่งกว่าวิธีการในระบอบประชาธิปไตยเพียงประการเดียว พูดอย่างนี้ก็หมายความว่าไม่ต้องเป็นประชาธิปไตยก็ได้หรือเปล่า นี่คือการรังเกียจนักการเมืองและพูดอ้อมๆ ว่าไม่ต้องเป็นประชาธิปไตยก็ได้หรือไม่นอกจากนี้เวลาเราพูดถึงการทำงานของ สนช. ในมาตรา 12 วรรค 2 มติของ สนช.จะต้องมีจำนวนไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมด อันนี้น่าสนใจมากเพราะปกติแล้วกองทัพทั้งในและนอกประจำการ 105 คนนั้นเกือบ 2 ใน 3 แล้ว และต้องไม่ลืมว่าบรรดาคนที่ท่านตั้งส่วนใหญ่เป็นข้าราชการประจำที่มีงานประจำมากล้นอยู่แล้ว คำถามคือ เสียง 2 ใน 3 ในการลงมติแต่ละครั้ง อย่างน้อยก็ 130 กว่าคนขึ้นไป ถ้ามีใครเช็คองค์ประชุมอาจจะพบว่าล่มเหมือนกัน อันนี้ลองประเมินดูก่อนต้องโน้ตไว้ด้วยว่า รัฐธรรมนูญชั่วคราวก็มีเรื่องที่น่าสนใจ เป็นข้อดีเหมือนกัน คือ ในมาตรา 16 สมาชิกทุกคนมีสิทธิตั้งกระทู้ตามรัฐมนตรีในเรื่องใดอันเกี่ยวกับงานในหน้าที่ก็ได้ ในธรรมนูญปี 2502 ไม่ได้ให้อำนาจ สนช.ตั้งกระทู้ได้ ฉบับนี้ถ้าจะให้ใช้ได้มากกว่านี้อาจต้องมีข้อความใดหรือไม่ที่จะระบุถึงการตรวจสอบของ สนช.จะมีมิติอื่นได้ด้วยหรือไม่ ยกตัวอย่างเช่น ปัจจุบันเราไม่มีรัฐธรรมนูญปี50 แล้ว แต่พรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญ50 ยังบังคับใช้อยู่หลายฉบับ องค์กรหลายองค์กรก็ยังทำ น่าชื่นชมว่าเขาเลือกเก็บไว้หลายองค์กร เช่น กกต. ป.ป.ช. แต่ไม่รู้ว่าเขาล้ม กสม.ไปแล้วหรือยัง ตรงนี้ก็น่าคิด ในความรังเกียจพรรคการเมืองเหล่านี้ สิ่งที่ สนช. และ คสช. อยากจะทำให้ดีกว่านักการเมืองที่ตัวเองรังเกียจ อาจต้องสำแดงมโนสำนึกบางประการ เช่น หนึ่งในอดีตอธิการบดีของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ศ.ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ เป็นอธิการบดีด้วย และเป็นผู้ว่าฯ แบงก์ชาติด้วย ท่านเลือกรับเงินเดือนขาเดียว ตำแหน่งเดียว คำถามคือ มโนธรรมสำนึกนี้จะส่งผ่านไปยังคนที่อยู่ใน สนช.หรือไม่ เพราะสิ่งเหล่านี้สำคัญยิ่งกว่าตัวรัฐธรรมนูญที่เขียนไว้เป็นลายลักษณ์อักษร วันก่อนได้ยินว่า สนช.กำลังคุยกันว่า สนช.อาจไม่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินแบบที่นักการเมืองยื่น ประชาชนจะรับกันได้ไหม ในเมื่อคุณรังเกียจนักการเมืองที่ไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน ทำไมท่านดื้อตาใส ท่านอ้างว่าไม่มีกฎหมาย เมื่อไม่มีกฎหมายก็ให้ใช้ประเพณีการปกครอง มาตราเหล่านี้ไม่ต้องเขียนก็ได้ ยื่นเองก็ได้ ยิ่งเรารังเกียจนักการเมืองมากเท่าไร สิ่งที่นักการเมืองทำแล้วไม่ถูกต้องท่านต้องไม่ทำ และแสดงมโนธรรมสำนึกสำหรับท่านที่เราเชื่อกันว่าเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมือง มีความเป็นคนดีมากกว่านักการเมืองที่เรารังเกียจ ดังนั้น น่าจะช่วยกันถามว่าท่านจะยินยอมแสดงบัญชีทรัพย์สินหรือไม่ มันไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องกลัวนอกเหนือจากเรื่องเหล่านี้ บทเรียนอันหนึ่งที่ผมเป็นห่วงคือ เรื่องระยะเวลาในการร่างรัฐธรรมนูญ แม้รัฐธรรมนูญฉบับนี้จะพูดกระชับพอควรว่าให้เริ่มร่างเมื่อไร แต่บทเรียนที่ผ่านมาก็สะท้อนตัวอย่างที่น่าเป็นห่วง เช่น รัฐธรรมนูญ2502 ที่กำหนดให้ สนช.ทำหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญและเป็นสภานิติบัญญัติด้วย สมัยนั้นกว่าท่านจะเริ่มร่างรัฐธรรมนูญกันก็ปี 2504 เสร็จปี 2511 รวมระยะเวลาร่าง 7 ปีเศษและยังไม่ทันที่จะประกาศใช้ พลเอกหลวงสุทธิสารพลกร ประธาน สสร. เสียชีวิตระหว่างที่รัฐธรรมนูญยังไม่ผ่านสภา ในระหว่างนั้นพระยาศรีพิสารวาจา ก็เสียชีวิตก่อนที่รัฐธรรมนูญประกาศใช้ก่อน ผมก็เป็นห่วงเพราะอยากให้รัฐธรรมนูญเสร็จโดยเร็ว มาตรา 44 ให้อำนาจมากจะทำอะไรก็ได้ กับมาตรา 4 รับรองสิทธิเสรีภาพ เป็นการเขียนกฎหมายขัดกันหรือไม่ ? อาจารย์วิษณุ อาจารย์พรเพชรก็พูดตอนแถลงข่าว บอกชัดเจนว่าไม่ได้คิดว่าจะเอาไปทำแบบสมัยจอมพลสฤษดิ์ มาตรา 17 หรอก แต่เขียนเอาไว้ก่อน เชื่อว่าท่านพลเอกประยุทธคงไม่เอาไปใช้ในทางที่ไม่ชอบ เรามั่นใจท่านแต่เราดูจากตัวอักษร ดูตัวบท เพราะเราดูแบบภววิสัย subjective ไม่ได้แบบ objective ว่าท่านเป็นคนใช้อำนาจอย่างระมัดระวัง คงไม่ประพฤติปฏิบัติไปในทางเผด็จการ ถ้าท่านอ่านทั้งหมด จะเห็นว่ามีอำนาจสั่งการ ระงับยับยั้งในทางใดก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นนิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ และให้ถือว่าคำสั่งนั้นชอบด้วยกฎหมาย รัฐธรรมนูญนี้และเป็นที่สุด เป็นที่สุดหมายความว่าท่านไปโต้แย้งที่องค์กรไหนเขาก็จะบอกว่ามันเป็นที่สุดแล้ว ไม่ว่าที่ศาลรัฐธรรมนูญหรือศาลปกครองหรือศาลยุติธรรม ถ้าอ่านมาตรานี้ก็จะย้อนกลับไปเห็นมาตรา 17 สมัยธรรมนูญการปกครองของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ แล้วถ้าคำสั่งต่างๆ มันกระทบกับมาตรา 4 ที่เขียนรับรองไว้จะทำอย่างไร ท่านว่ามาตราไหนใหญ่กว่ากัน ท่านลองดูมาตรา 4 นี่คือวิธีการเขียนกฎหมายสไตล์นักร่างรัฐธรรมนูญ ท่านรับรองสิทธิไว้เยอะมากแต่ก็เว้นสิทธิได้ทั้งหมดภายในมาตราเดียวกัน มาตรา 4 ขึ้นต้นว่า ภายใต้บทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ สมมติไม่มีคำว่าภายใต้บทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ เริ่มต้นด้วยคำต่อไปว่า ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาค ย่อมได้รับความคุ้มครอง แต่เมื่อเติมประโยคนี้เข้ามา ภายใต้บังคับแห่งบัญญัติรัฐธรรมนูญนี้ ก็ต้องดูรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ และรัฐธรรมนูญนี้มันไปเว้นสิทธิไว้ในมาตราอื่นๆนอกจากนี้ยังมี 47 48 อีกที่รับรองความชอบด้วยรัฐธรรมนูญและนิรโทษกรรมพอดีเราพูดถึงมาตรา 17 เป็นเรื่องที่น่าคิด ตอนเขาร่างกันในปี 2502 นั้นแม้กระทั่ง ศ.ดร.สมภพ โหตระกิตย์ อาจารย์สมภพยังเคยพูดทำนองว่า ไม่คิดว่ามาตรา 17 จะออกอิทธิฤทธิ์ได้ขนาดนี้ แล้วท่านคิดว่าระหว่างจอมพลสฤษดิ์ กับจอมพลถนอม ใครใช้มาตรา 17 มากกว่ากัน ถูกต้องแล้ว จอมพลถนอม ในสมัยของจอมพลสฤษดิ์ ประหารชีวิตโดยมาตรา 17 รวมแล้ว 5 คน และโดยประกาศของคณะปฏิวัติอีก 6 คน รวมทั้งสิ้น 11 คน แต่ในสมัยของจอมพลถนอม กิตติขจร มีการประหารชีวิตรวมทั้งสิ้น 65 คน จำคุกทั้งสิ้น 113 คน ต้องไม่ลืมว่าจอมพลถนอมนั้นมีการปฏิวัติวันที่ 17 พ.ย.2514 ด้วยแล้วก็การใช้อำนาจตามธรรมนูญการปกครองระหว่างปี 2508-2510 ฉะนั้นจำนวนของผู้ที่ถูกประหารชีวิตภายใต้ธรรมนูญปี 02 รวมถึงการปฏิวัติ 17 พ.ย.2514 มีผู้ถูกประหารชีวิต 65 คน เรื่องนี้น่าคิด เพราะในภาพลักษณ์จอมพลถนอมเป็นคนธรรมะธรรมโม มีความอ่อนนุ่ม สุภาพ จนบางคนเรียกอาจารย์ถนอม และบางคนถึงขนาดพูดว่าอ่อนยวบยาบเรียก เจ๊หนอม ก็มี ข้อมูลทางประวัติศาสตร์นั้นบ่งชี้อะไรบางอย่างในมาตรา 17 ดูจากรัฐธรรมนูญแล้ว อยากทราบว่า คสช. กับศาลรัฐธรรมนูญใครใหญ่กว่ากัน ?ตอบว่าใครใหญ่กว่ากันนั้นคงตอบไม่ได้ เพราะที่เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ บทบาทหน้าที่ก็ต่างกันไป แต่ผมจะชี้ชวนให้ท่านลองดู ศาลรัฐธรรมนูญทำหน้าที่ตรวจสอบว่ากฎหมายขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ แต่ในช่วงระหว่างที่ 22 พ.ค.-22 ก.ค.57 คสช.ออกประกาศ คำสั่งเต็มไปหมด หากมีคนต้องการโต้ว่าประกาศคสช.ฉบับหนึ่งซึ่งมีผลเทียบเท่าพระราชบัญญัตินั้นขัดกับรัฐธรรมนูญ คำตอบที่ตามมา ศาลรัฐธรรมนูญก็จะอ้าง มาตรา 47 เราดูจากมาตรานี้แล้วท่านก็สามารถตอบคำถามได้เองขออีกนิดเดียว เมื่อสักครู่อาจารย์บัณฑิตพูดถึงมาตรา 17 อาจารย์สมภพ โหตระกิตย์ เล่าไว้ว่า พระยาอรรถการีย์นิพนธ์เป็นคนเขียน โดยรับไอเดียมาจากรัฐธรรมนูญ1985 มาตรา 16 แล้วตอนที่อาจารย์วิษณุ เครืองาม บรรยายตอนแถลงข่าวก็บอกอีกว่า มาตรา 17 นั้นเอามาจากฝรั่งเศสมาตรา 16 แต่จริงๆ แล้วมันไม่เหมือนกัน มาตรา 16 ของฝรั่งเศส กับมาตรา 44 ของไทยตอนนี้ต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนที่เหมือนกันคือในสถานการณ์อย่างนี้ เรียกรวมๆ ว่า สถานการณ์จำเป็นแล้วกัน อำนาจจะเข้าไปรวมศูนย์ที่ประธานาธิบดี ของไทยก็รวมศูนย์ที่หัวหน้า คสช. แต่มันแตกต่างกันตรงที่ ประธานาธิบดีของฝรั่งเศสมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน แต่หัวหน้า คสช.ท่านได้เป็นเพราะ ผมไม่ได้พูดเอง ดูคำปรารภก็ได้ที่ระบุว่า ท่านเข้ายึดอำนาจการปกครองในวันที่ 22 พ.ค.2557 ข้อแตกต่างอีกประการสำคัญ ศาลฝรั่งเศสได้วางแนวไว้เรียบร้อยแล้วว่า ถ้าประธานาธิบดีประกาศว่าตัวเองมีอำนาจรวมในมาตรา 16 แล้วต่อมามีการออกประกาศ คำสั่งต่างๆ ศาลจะเข้ามาตรวจสอบประกาศคำสั่งอื่นๆ เหล่านั้นได้ แต่ศาลไม่ตรวจสอบการตัดสินใจรวบอำนาจเข้าตัวเอง มาตรา 16 เป็นเรื่องทางการเมืองทางนโยบาย ศาลไม่ยุ่ง แต่คำสั่งอื่นๆ นั้นฟ้องศาลได้ แต่ของไทย มาตรา 44 ระบุให้คำสั่ง คสช.ชอบด้วยกฎหมาย ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและเป็นที่สุด นั่นหมายความว่า การตรวจสอบการใช้อำนาจของคสช.เป็นไปไม่ได้เลย ในขณะที่ฝรั่งเศสยังตรวจได้อยู่ นอกจากนี้ล่าสุด ฝรั่งเศสก็มีการแก้ไขมาตรา 16 ของเขาแล้วว่าถ้าประธานาธิบดีประกาศรวมศูนย์อำนาจเข้าตัวเองแล้ว ภายใน 2 เดือน ปธน.ต้องชี้แจงที่สภาว่ายังมีสถานการณ์ฉุกเฉินอยู่ต้องใช้ต่อ แต่ครบ 4 เดือนเมื่อไร องค์กรอื่นๆ เช่น คณะตุลาการรัฐธรรมนูญของฝรั่งเศสจะเข้ามาตรวจสอบว่าตอนนี้เลยสถานการณ์ฉุกเฉินแล้วหรือไม่ต้องเลิกใช้มาตราดังกล่าวหรือยัง ดังนั้น เวลาจะอ้างว่านำมาจากไหนต้องตามไปดูต้นตอด้วย แล้วจะพบว่ามันไม่เหมือนกัน
|
เมื่อวันที่ 8 ส.ค.ที่ผ่านมา กลุ่มธรรมศาสตร์เสรีเพื่อประชาธิปไตย จัดงานเสวนาห้องเรียนประชาธิปไตย : บทที่ 1 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557
|
การเมือง,สิทธิมนุษยชน
|
คสช.,บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ,ปิยบุตร แสงกนกกุล,มัลติมีเดีย,รัฐธรรมนูญ,รัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557,ห้องเรียนประชาธิปไตย
|
https://prachatai.com/journal/2014/08/55027
|
อันเช ย้ำชัด ไม่หวนรับงานจนกว่าจะถึงซีซั่นหน้า
|
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานวันที่ 7 ต.ค. ว่า คาร์โล อันเชลอตติ กุนซือมากประสบการณ์ชาวอิตาลี ออกมายืนยันอย่างเป็นทางการครั้งแรก ระบุ จะไม่หวนคืนกลับสู่สนามอีกครั้งจนกว่าจะถึงฤดูกาลหน้า หลังมีข่าวพัวพันกับหลายทีมดังในอังกฤษขณะนี้,กุนซือร่างอวบ วัย 56 ปี เพิ่งจะโบกมือลางานคุมทัพราชันชุดขาวไปเมื่อสิ้นฤดูกาลก่อน และเข้ารับการรักษาตัวเนื่องจากปัญหาเกี่ยวกับกระดูกสันหลัง แต่อย่างไรก็ตาม กลับมีรายงานว่า เจ้าตัวตกเป็นข่าวในการเข้ามารับงานอีกครั้งในพรีเมียร์ลีก กับสองทีมดังอย่าง ลิเวอร์พูล และ ซันเดอร์แลนด์,แต่อย่างไรก็ตาม อดีตกุนซือทีมเอซี มิลาน ได้ออกมาปฏิเสธข่าวลือทั้งหมด พร้อมยืนยันว่า จะยังไม่หวนกลับมารับงานคุมทีมข้างสนามจนกว่าจะถึงฤดูกาลหน้า,ผมกำลังสนุกกับชีวิตในตอนนี้ แต่แน่นอน ผมยังต้องการจะกลับมารับงานคุมทีมอีกครั้ง เพราะมันคือความรัก และเป็นสิ่งท้าทายในชีวิต,ตอนนี้ผมยังต้องการใช้เวลาในการพักฟื้นสภาพร่างกาย เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการกลับมาอีกครั้งในซีซั่นหน้า,ทั้งนี้ อันเชลอตติ เคยสร้างชื่อในพรีเมียร์ลีก ด้วยการพาทีมเชลซี คว้าดับเบิลแชมป์เมื่อฤดูกาล 2009-10
|
คาร์โล อันเชลอตติ ยืนยันชัดเจน จะไม่หวนกลับมารับงานคุมหงส์แดง หรือ แมวดำ อย่างที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ เนื่องจากต้องการใช้เวลาพักฟื้นร่างกายอย่างเต็มที่ ก่อนเริ่มกันใหม่ในฤดูกาลหน้า
| null |
คาร์โล อันเชลอตติ,พรีเมียร์ลีก,ลิเวอร์พูล,หงส์แดง,เชลซี,ซันเดอร์แลนด์,ทีมแมวดำ,ข่าว,ข่าวกีฬา,ไทยรัฐออนไลน์
|
https://www.thairath.co.th/content/530593
|
ทักษิณ ไปลาว วานนี้ ยืนยันพร้อมปรองดอง
|
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนายยงยุทธ ติยะไพรัช เดินทางมายังโรงแรมดอนจันพาเลซ นครเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เพื่อพบปะนักธุรกิจ และแสดงปาฐกถาพิเศษ โดยมีแกนนำพรรคเพื่อไทยหลายคน รวมถึงกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ หรือ นปช. มารอให้การต้อนรับ โดยพ.ต.ท.ทักษิณ เปิดเผยว่า เดินทางมาลาวครั้งนี้เพราะอยากมาทำบุญ อยากเจอกับประชาชนที่ไม่ได้เจอกันนาน ส่วนกรณีการปรองดอง พร้อมระบุทุกฝ่ายอยากเห็นการปรองดอง และบ้านเมืองสงบ ส่วนจะเจรจาพูดคุยกับใครนั้นพร้อมเสมอ ซึ่งจะต้องคุยกับคนที่พูดรู้เรื่อง พร้อมปฏิเสธว่า ไม่ได้เป็นคู่กรณีกับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประะธานองคมนตรีและรัฐบุรุษขณะที่ กลุ่ม นปช. จังหวัดหนองคาย ร่วมกิจกรรมรำวงย้อนยุค ในงานตุ้มโฮมประชาธิปไตย ส่งกำลังใจให้ พ.ต.ท.ทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรี บริเวณสนามกีฬากลาง จังหวัดหนองคาย โดยจะรอต้อนรับ นปช. ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและจังหวัดอื่นๆที่จะเดินทางไปพบพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งทั้งหมดจะเดินทางไปพบในวันนี้( 12 เม.ย.) เช่นเดียวกับกลุ่ม นปช. จังหวัดน่าน ที่รวมตัวกันที่ชมรม นปช. น่าน ชุมชนบ้านอภัย ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน ก่อนจะเดินทางไปรวมตัวกับกลุ่ม นปช.อีก 16 จังหวัดภาคเหนือ ไปยังจังหวัดหนองคาย เพื่อรอข้ามไปนครเวียงจันทร์ ในวันนี้เช่นกัน
|
กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ ในหลายจังหวัดเดินทางไปรวมกันที่จังหวัดหนองคาย เพื่อเตรียมเดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ อดีตนายกฯ ที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวในวันนี้ (12 เม.ย.)
|
การเมือง
|
ทักษิณ,นปช.,พร้อมปรองดอง,ลาว
|
https://news.thaipbs.or.th/content/78591
|
บิ๊กตู่ ดักคอ ส.ส.-ส.ว. โหวตนายกฯ ตามวาระ ไม่ใช่อภิปรายไม่ไว้วางใจ
|
เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.62 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงเหตุผลในการปฏิเสธไม่ไปแสดงวิสัยทัศน์ ในวันโหวตนายกฯ วันที่ 5 มิ.ย.นี้ ว่า เรื่องการแสดงวิสัยทัศน์ ตนได้ตอบไปแล้ว ที่ผ่านมาได้ทำหน้าที่โดยพยายามทำให้ดีที่สุด พยายามแก้ไขปัญหาต่างๆ มากมาย ทั้งนี้วิสัยทัศน์ของตนคือมั่นคง มั่นคั่ง ยั่งยืน ภายในหลักการสามัญ คือ การมองอนาคตไปข้างหน้า นั่นคือวิสัยทัศน์และเราได้มีแผนปฏิรูปราชการมาโดยตลอด มียุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทไว้อีก เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการบริหารราชการแผ่นดิน ลดความเหลื่อมล้ำ กระจายรายได้ เพิ่มความเชื่อมโยงในทุกมิติ ทั้งกายภาพและในส่วนของดิจิทัล ต้องปรับตัวเองให้สอดคล้องกับสถานการณ์โลกในวันนี้ด้วย,พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า หลายคนถามว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร จะเกิดอะไรขึ้นก็ขอให้มองในทางที่ดี อย่าไปมองในทางที่ไม่ดี ตนเชื่อในวุฒิภาวะของบรรดา ส.ส.และ ส.ว.สมาชิกผู้ทรงเกียรติทั้งหลาย รวมถึงขีดความสามารถและประสบการณ์ของประธานรัฐสภาทั้งสองท่าน น่าจะทำให้การประชุมในวาระการเลือกนายกฯ ดำเนินการต่อไปได้ตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง,ถ้าเป็นความเห็นส่วนตัวก็อยากให้พูดกันเฉพาะวาระที่กำหนดไว้ในการประชุม ไม่ใช่การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ อันนั้นไว้โอกาสต่อไปแล้วกันไม่ใช่เวลาในขณะนี้ ผมคิดว่าวันนี้คนไทยทุกคน มุ่งหวัง คาดหวัง และรอเฝ้าฟังการประชุมร่วมรัฐสภาของพวกเราในวันพรุ่งนี้ ผมอยากให้ทุกคนได้มั่นใจในบรรดานักการเมือง ส.ส.ต่างๆ ที่ได้คัดเลือกจากประชาชนเข้ามาทำหน้าที่ผู้ทรงเกียรติ และทุกคนทราบดีถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ในระยะเวลากว่า 10 ปี ทุกคนต้องนำมาเป็นบทเรียนว่าทำอย่างไรจะไม่เกิดขึ้นอีก ทำอย่างไรให้ประชาชนไม่เบื่อหน่าย ทำอย่างไรให้ประชาชนเชื่อมั่น ทำอย่างไรสิ่งที่ได้หาเสียงไว้ทำตามขั้นตอนตามความเหมาะสม ตามสถานการณ์ ซึ่งทุกอย่างไม่มีอะไรจะได้โดยเร็วทั้งหมด เพราะทั้งหมดจะต้องคำนึงถึงภาระงบประมาณของรัฐด้วย ถ้ายังเป็นแบบเดิมๆ ประเทศไทยจะเสียโอกาสอีกมากมาย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว,พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ช่วงนี้เศรษฐกิจโลกมีปัญหา สงครามการค้ายังไม่จบสิ้น สิ่งเหล่านี้มีผลกระทบกับประเทศไทยและอาเซียน ทุกภูมิภาคของโลกใบนี้ หลายคนบอกว่าอยากให้มีการปฏิรูปนู่นนี่ ซึ่งการเมืองเราเริ่มต้นมาระยะหนึ่งแล้ว จากนี้เป็นการปฏิรูปการเมืองในระบบรัฐสภา โดย ส.ส.และ ส.ว.ผู้ทรงเกียรติทั้งหลาย ต้องช่วยให้การปฏิรูปการเมืองของเราเดินหน้าไปด้วยดี ไม่กลับไปสู่ปัญหาเดิมๆ อีก ดังนั้นเราควรเริ่มจากการประชุมครั้งนี้เป็นครั้งแรก ที่แสดงให้ประชาชนมั่นใจว่าเขาเลือกมาแล้วไม่ผิด โอเคนะไม่ใช่ของพรรคใดพรรคหนึ่งหรอก,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ เดินยิ้มออกจากโพเดียม เมื่อได้ยินคำถามจากผู้สื่อข่าวว่า สรุปว่าไม่อยากให้มีการอภิปรายใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ถึงกับหุบยิ้มโดยทันที
|
นายกฯ ชี้ 5 มิ.ย.อภิปรายตามวาระ โหวตนายกฯ ไม่ใช่อภิปรายไม่ไว้วางใจ เชื่อประสบการณ์ ชวน-พรเพชร คุมเกมสภานัดแรกได้ ชี้ถึงเวลาปฏิรูปการเมืองเป็นหน้าที่รัฐสภา
|
เลือกตั้ง
|
การเมือง62,การเมือง,โหวตนายกฯ,นายกฯ,ประยุทธ์ จันทร์โอชา,เลือกตั้ง
|
https://www.thairath.co.th/news/politic/1583911
|
ผลเลือกตั้ง พรรคไหนชนะ ยังเจอด่านสำคัญ 376 เสียง
|
ตามโพลที่ออกมามีบางโพล เคาะว่า พรรคเพื่อไทย จะได้คะแนนนำ ส่วนจะนำแค่ไหนต้องรอนับของจริงจนจบ จุดนี้ที่แฟนคลับพรรคเพื่อไทยต้องลุ้นคือ พรรคเพื่อไทยต้องได้ ส.ส. จะเป็นจากเขต หรือปาร์ตี้ลิสต์ รวมกันแล้วต้องเกินกึ่งหนึ่งของ ส.ส.ทั้งหมด 500 คน นั่นคือต้องได้ 251 คน หรือไม่ถึง 251 คน แต่ได้สูงสุดกว่าทุกพรรค จะได้มีความชอบธรรมในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แม้ไม่มีกฎหมายระบุว่าพรรคที่ได้คะแนนเสียงสูงสุดได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล,เงื่อนไขตัวเลขสำคัญ จุดนี้ คือต้องรวมพรรคอื่นที่มาร่วมตั้งรัฐบาลได้ทั้งหมดรวมกัน 376 เสียง เพื่อให้ผ่านด่านสำคัญในการผลักดันคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็นนายกรัฐมนตรีได้ตามที่เสนอชื่อเป็นอันดับแรก,376 เสียง คือจำนวนกึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภา 750 ที่นั่ง ที่ประกอบด้วย ส.ส. 500 คนดังกล่าว และสมาชิกวุฒิสภา หรือ ส.ว.อีก 250 คน ที่เป็นตัวแปรสำคัญ เพราะตามรัฐธรรมนูญจะร่วมโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีด้วย ,ขณะเดียวกัน บางโพลให้พรรคพลังประชารัฐ ได้คะแนนเสียงเป็นที่ 1 ก็มีความชอบธรรมเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่หากเป็นที่ 2 ถ้ารวมพรรคอื่นร่วมด้วย ก็จัดตั้งรัฐบาลได้ แม้รวมได้เพียง 126 เสียง ก็สามารถผลักดันให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันเป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัยหนึ่งได้ ถ้าบวกด้วยการโหวตของ ส.ว.250 คนที่ถูกสรรหาในยุครัฐบาล คสช.
|
ปิดหีบเลือกตั้ง เข้าสู่การนับคะแนนเลือกตั้ง ถือว่าผ่านด่านแรกไปแล้วสำหรับพรรคการเมือง ที่มาจนถึงวันนี้ แต่ใครจะได้เป็นรัฐบาล และใครจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี ยังมีอีกหลายด่าน
|
เลือกตั้ง
|
ผลเลือกตั้ง,เลือกตั้ง62,พรรคเพื่อไทย,พรรคพลังประชารัฐ,ตั้งรัฐบาล,โพลเลือกตั้ง,เลือกตั้ง
|
https://www.thairath.co.th/news/politic/1527961
|
ประเทศไทยมีอุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้น อากาศร้อนในตอนกลางวัน
|
วันที่ 11 มี.ค. จากการตรวจสอบจากกรมอุตุนิยมวิทยาและระบบพยากรณ์อากาศของไทยรัฐทีวี เดอะ เวทเตอร์ คอมพานี (the weather company) พบว่า ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิสูงขึ้นกับมีอากาศร้อน ในตอนกลางวัน ประกอบกับลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งในระยะนี้,ส่วนการตรวจสอบภาพสภาวะอากาศจากทางดาวเทียม พบว่า ภาคเหนือ มีเมฆชั้นกลางเป็นบางส่วน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีเมฆชั้นสูงเป็นบางส่วน ภาคกลาง ท้องฟ้าโปร่งเป็นส่วนมาก ภาคตะวันออก ท้องฟ้าโปร่งเป็นส่วนมาก ลมตะวันออกเฉียงใต้ ภาคใต้ ท้องฟ้าโปร่งเป็นส่วนมาก,ลักษณะสภาพอากาศโดยทั่วไป,ประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิสูงขึ้นกับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก,ภาคเหนือ อากาศร้อนในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 20-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส,ภาคกลาง มีเมฆบางส่วน และมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-38 องศาเซลเซียส,ภาคตะวันออก อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-37 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร,ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆบางส่วน อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร,ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆบางส่วน อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร,กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆบางส่วน กับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส
|
ประเทศไทยมีอุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้น อากาศร้อนในตอนกลางวัน มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก
|
ข่าว
|
พยากรณ์อากาศ,ไทยอากาศร้อน,อุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้น,ไทยรัฐทีวี,เดอะ เวทเตอร์ คอมพานี
|
https://www.thairath.co.th/news/881055
|
งานกาชาดรณรงค์ลดขยะ หลังปี 2561 มีขยะมากถึง 30 ตันต่อวัน
|
สภากาชาดไทยรณรงค์เที่ยวงานกาชาด แบบงดโฟม ลดพลาสติก ด้วยการพกถุงผ้าและกระบอกน้ำ หลังพบข้อมูลจากกรุงเทพมหานครว่า งานกาชาดปี 2561 มีปริมาณขยะเฉลี่ยถึง 30 ตันต่อวัน จากจำนวนที่มีผู้เข้าชมงานตลอด 9 วัน กว่า 900000 คนโดยปีนี้ จะมีการกำหนดแนวทางการบริหารจัดการขยะภายในงาน หวังให้งานกาชาดเป็นต้นแบบของงานมหกรรมรื่นเริงการกุศล ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือ Red Cross Green Fair งานแรกของประเทศไทย ตอบสนองนโยบายของภาครัฐ และลดปริมาณขยะในงานกาชาด โดยขอความร่วมมือจากหน่วยงาน ร้านค้า ผู้มาเที่ยวงานคัดแยกขยะ โดยจะมีเจ้าหน้าที่ และจิตอาสา คอยให้คำแนะนำการคัดแยกขยะตามจุดต่าง ๆนางจันทร์ประภา วิชิตชลชัย รองผู้อำนวยการสำนักงานจัดหารายได้ สภากาชาดไทย กรรมการ และเลขานุการอำนวยการจัดงานกาชาดประจำปี 2562 ระบุว่าแนวทางบริหารจัดการขยะ เพื่อไม่ให้เกิดปริมาณขยะสะสมและตกค้างในงานกาชาดโดยในส่วนของร้าน ให้นำขยะมาทิ้งที่จุดพักขยะ 4 จุด ในช่วงเวลา 10.00 – 22.00 น. จากนั้นกรุงเทพมหานครจะเก็บขยะจากจุดพัก ส่วนขยะอินทรีย์ จะนำไปเข้าเครื่องย่อยขยะเศษอาหารเพื่อใช้เป็นปุ๋ยต่อไปส่วนขยะจากผู้มาเที่ยวชมงาน ได้จัดให้มีจุดตั้งถังขยะ แยกประเภท จำนวน 40 จุด ประกอบด้วย ถังสีเหลือง สำหรับขยะรีไซเคิล ถังสีเขียว สำหรับขยะอินทรีย์ ถังสีฟ้า สำหรับขยะทั่วไป และถังสีแดงสำหรับขยะอันตราย โดยจุดทิ้งขยะจะมีเจ้าหน้าที่ อาสาสมัคร คอยให้คำแนะนำในการคัดแยกขยะก่อนทิ้งลงถัง เพื่อให้กรุงเทพมหานครนำขยะแต่ละประเภทไปดำเนินการต่อได้ทันทีนอกจากนี้ ยังมีการรณรงค์ให้ประชาชนพกถุงผ้า มาเที่ยวในงานกาชาด และรณรงค์ให้หน่วยงาน ร้านค้าต่าง ๆ ภายในงาน งดการใช้โฟมในการบรรจุอาหาร ลดการใช้ถุงพลาสติกแบบ single use หลอดพลาสติก แก้วพลาสติก ภาชนะพลาสติก และช้อน ส้อม พลาสติกทั้งนี้ ปริมาณขยะอาจจะไม่น้อยลงจากเดิมนัก เพราะปีนี้ขยายเวลาจัดงานเป็น 10 วัน และมีจำนวนหน่วยงานร้านค้าที่มาร่วมออกร้านในงานกาชาดเพิ่มขึ้น แต่มั่นใจว่าการบริหารจัดการขยะแนวทางดังกล่าวจะทำให้ปริมาณขยะตกค้างในงานจะลดน้อยลงโดยงานกาชาดในปีนี้ จะจัดขึ้นที่ สวนลุมพินี ระหว่างวันที่ 15 - 24 พฤศจิกายนนี้
|
งานกาชาดสีเขียว Red Cross Green Fair หวังเป็นต้นแบบงานมหกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยมาตรการแยกขยะ พร้อมรณรงค์งดใช้โฟมและพลาสติก หวังช่วยลดปริมาณขยะจากปี 2561 ที่มีขยะเฉลี่ยมากกว่า 30 ตันต่อวัน
|
สิ่งแวดล้อม
|
โลกนี้ไม่มีขยะ,ใช้น้อยใช้ซ้ำทำใหม่,ขยะล้นโลก,ขยะพลาสติก
|
https://news.thaipbs.or.th/content/285950
|
เวียร์-แพต คว้านำชาย-หญิง มะลิลา ภาพยนตร์เยี่ยม ชมรมวิจารณ์บันเทิง
|
เสร็จสิ้นไปแล้วสำหรับงานประกาศรางวัล ภาพยนตร์ไทยยอดเยี่ยม ครั้งที่ 27 ประจำปี 2561 โดย ชมรมวิจารณ์บันเทิง ซึ่งจัดขึ้น ณ ห้องมัฆวานรังสรรค์ สโมสรทหารบก โดยมีเหล่าคนบันเทิงมาร่วมงานหลายคน อาทิ เวียร์ ศุกลวัฒน์ คณารศ, โอ อนุชิต สพันธุ์พงษ์, นนกุล ชานน สันตินธรกุล, อร BNK48, สู่ขวัญ บูลกุล, จิงจิง วริศรา ยู ฯลฯ,งานนี้ภาพยนตร์ มะลิลา คว้ารางวัลจากงานในวันนี้มากที่สุด โดยเข้าชิงรางวัล 8 รางวัลและคว้าไปถึง 7 รางวัล ในขณะที่ภาพยนตร์ โฮมสเตย์ และ ภาพยนตร์ 2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าวคว้าไปภาพยนตร์ละ 2 รางวัล,โดยผู้ที่ได้รับรางวัลมีดังต่อไปนี้,ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ได้แก่ ภาพยนตร์ มะลิลา โดย บริษัท จี วิลเลจ โค-ครีเอชั่น หับ จำกัด,ผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ได้แก่ อนุชา บุญยวรรธนะ จากภาพยนตร์ มะลิลา,นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ได้แก่ เวียร์ ศุกลวัฒน์ คณารศ จากภาพยนตร์ มะลิลา,นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม ได้แก่ แพต ชญานิษฐ์ ชาญสง่าเวช จากภาพยนตร์ มา ณ ที่นี้,นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม ได้แก่ โอ อนุชิต สพันธุ์พงษ์ จากภาพยนตร์ มะลิลา,นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม ได้แก่ สู่ขวัญ บูลกุล จากภาพยนตร์ โฮมสเตย์,บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ได้แก่ อนุชา บุญยวรรธนะ, วาสุเทพ เกตุเพ็ชร์ จากภาพยนตร์ มะลิลา,กำกับภาพยอดเยี่ยม ได้แก่ ชัยพฤกษ์ เฉลิมพรพานิช จากภาพยนตร์ มะลิลา,ลำดับภาพยอดเยี่ยม ได้แก่ ภาพยนตร์ APP WAR แอปชนแอป โดย รัชพันธุ์ พิศุทธิ์สินธพ, เฉลิมเกียรติ แซ่หย่อง, ธีรภัทร เจริญภักดี, มานุสส วรสิงห์, อาทิตย์ เคนชมพู,ออกแบบงานสร้างยอดเยี่ยม ได้แก่ ภาพยนตร์เรื่อง โฮมสเตย์ โดย อรรคเดช แก้วโคตร,ดนตรีประกอบยอดเยี่ยม ได้แก่ ชัพวิชญ์ เต็มนิธิกุล จากภาพยนตร์ มะลิลา,เพลงจากภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ได้แก่ กำแพง จากภาพยนตร์ เณรกระโดดกำแพง,ภาพยนตร์สารคดียอดเยี่ยม ได้แก่ ภาพยนตร์ 2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว โดย บริษัท จีดีเอช ห้าห้าเก้า จำกัด,นักทำหนังหน้าใหม่ยอดเยี่ยม (Young Filmmaker Award) ได้แก่ ณฐพล บุญประกอบ จากภาพยนตร์ 2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว,รางวัลเกียรติคุณแห่งความสำเร็จ (Lifetime Achievement Award) ได้แก่ ชาลี อินทรวิจิตร (ผู้ประพันธ์คำร้อง, ผู้กำกับภาพยนตร์, ผู้สร้างภาพยนตร์).
|
เสร็จสิ้นไปแล้วสำหรับงานประกาศรางวัล ภาพยนตร์ไทยยอดเยี่ยม ครั้งที่ 27 ประจำปี 2561 โดย ชมรมวิจารณ์บันเทิง ซึ่งผลรางวัลได้แก่
|
บันเทิง,ข่าวบันเทิง
|
ชมรมวิจารณ์บันเทิง,รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมครั้งที่ 27,งานประกาศรางวัล,รางวัลชมรมวิจารณ์บันเทิง ครั้งที่ 27,ดารา
|
https://www.thairath.co.th/entertain/news/1531116
|
นายกฯตู่ ขอประชาชนเชื่อมั่น หนักแน่น เป็นหนึ่งเดียว ร่วมกันฝ่าวิกฤติโควิด
|
เมื่อวันที่ 6 เม.ย. 2563 พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า ฝ่ายความมั่นคงมีความกังวลกับสถานการณ์การบิดเบือนข้อมูล การให้ข้อมูลอันเป็นเท็จและไม่สร้างสรรค์ที่มีมากขึ้นในปัจจุบัน ท่ามกลางวิกฤติสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 โดยอาจเกิดจากการได้รับข้อมูลไม่ถูกต้องครบถ้วน ความไม่ตั้งใจ หรืออาจมีความตั้งใจต้องการเสียดสีโทษกันไปมา สร้างความโกรธเกลียด แตกแยกและไม่พอใจกันในสังคมก็ตาม ซึ่งการนำเสนอข้อมูลดังกล่าวผ่านสื่อต่างๆ ไม่เป็นผลดีอย่างมาก และทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง ท่ามกลางความพยายามและความตั้งใจของทุกภาคส่วน ที่กำลังร่วมกันนำพาประเทศและเพื่อนร่วมชีวิตทุกคนให้สามารถฝ่าวิกฤติครั้งนี้พล.ท.คงชีพ กล่าวอีกว่า ฝ่ายความมั่นคง ขอทำความเข้าใจร่วมกันว่า รัฐบาลยังคงระบบบริหารราชการแผ่นดินปกติ โดยการแก้ปัญหาวิกฤติโรคระบาดผ่านศูนย์บริหารสถานการณ์ โควิด-19 นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อความเป็นเอกภาพในนโยบายและการบูรณาการขับเคลื่อนการทำงานเฉพาะกิจของทุกหน่วยงานร่วมกันในทุกมิติ โดยมีเป้าหมายต้องการผลสัมฤทธิ์สูงสุดในระยะเวลาที่กำหนด เพื่อความอยู่รอดปลอดภัยและสวัสดิภาพของประชาชนทุกชีวิตในภาพรวม ทั้งนี้ นโยบายจาก ศบค. ที่เกี่ยวข้องกับทุกหน่วยงาน จะถูกนำไปจัดทำแผนงาน โครงการและมาตรการต่างๆ รองรับ โดยมีงบประมาณรายจ่ายประจำปี 63 และงบกลางที่ผ่านการอนุมัติ ภายใต้การขับเคลื่อนงาน การกำกับดูแลและอำนวยการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีทุกท่านนายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า การขับเคลื่อนประเทศฝ่าวิกฤติภัยโรคระบาดครั้งนี้ เป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่บนความยากลำบากของประชาชนทุกชีวิต โดยมีความมุ่งหวังให้ประชาชนทุกคนต้องหนักแน่น มีความรับผิดชอบตนเองและสังคมมากขึ้น รวมทั้งให้ความร่วมมือกันทางสังคมอย่างแรงกล้า ด้วยความเข้าใจและวางใจกัน พร้อมขอให้เชื่อมั่นในระบบงานและตัวบุคคล ทั้งข้าราชการฝ่ายการเมืองและข้าราชการประจำ เพื่อต่อสู้และผ่านวิกฤติโรคระบาดครั้งนี้ไปด้วยกันอย่างสวัสดิภาพ
|
โฆษกกลาโหม เผย บิ๊กตู่ ขอให้เชื่อมั่น หนักแน่น และเป็นหนึ่งเดียวกัน ร่วมผ่านวิกฤติโรคโควิด-19 ไปด้วยกันอย่างสวัสดิภาพ
|
ข่าว,การเมือง
|
โควิด-19,ไวรัสโคโรนา,ไวรัสโคโรน่า,COVID-19,ประยุทธ์ จันทร์โอชา,คงชีพ ตันตระวาณิชย์
|
https://www.thairath.co.th/news/politic/1813696
|
ค้นซากเจออีก3 รอดตายเนปาล (ชมคลิป)
|
ปาฏิหาริย์8วันรันเวย์บินร้าวห้ามลําใหญ่ลง,สุดปาฏิหาริย์ เจอผู้รอดชีวิตเนปาลอีก 3 ราย เป็นชาย 2 หญิง 1 หลังติดใต้ซากอาคารถึง 8 วัน เร่งนำตัวส่ง รพ.ทหาร ขณะที่ทีมกู้ภัยพบอีก 6 ศพนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในพื้นที่หิมะถล่ม จากเหตุแผ่นดินไหวใหญ่ แต่ยังไม่สามารถระบุสัญชาติ หวั่นใกล้เข้าฤดูมรสุมเป็นอุปสรรคใหญ่ในการค้นหาผู้สูญหาย และเกิดโรคระบาด ขณะเดียวกันยังเจอปัญหาใหม่ สนามบินกาฐมาณฑุห้ามเครื่องบินขนาดใหญ่ลงจอด เหตุพื้นรันเวย์เริ่มแตกร้าวและที่จอดไม่เพียงพอ ขณะที่ยังมีอีกหลายพื้นที่รอบนอก ความช่วยเหลือยังไปไม่ถึง ด้านยอดเงินบริจาคเข้าบัญชี หัวใจไทย ส่งไปเนปาล ได้ 106 ล้านบาท,สำหรับความช่วยเหลือจากไทย วันเดียวกัน นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า สถานเอกอัครราชทูตไทยในกรุงกาฐมาณฑุยังคงเปิดศูนย์ช่วยเหลือต่อไป หน่วยชุดบัญชาการกองทัพไทยร่วมกับทีมเนปาล ญี่ปุ่น และเม็กซิโก ปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยห่างจากกรุงกาฐมาณฑุ 10 กิโลเมตร ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ ไม่พบผู้รอดชีวิตหรือบาดเจ็บเพิ่มเติม นอกจากนี้ กองทัพอากาศส่งเครื่องบิน ซี-130 จำนวน 2 ลำ เดินทางไปประเทศเนปาล วันที่ 4 พ.ค. เพื่อนำสิ่งของช่วยเหลือเพิ่มเติม อาทิ เต็นท์ ผ้าพลาสติกปูนอนขนาดใหญ่ น้ำดื่มอุปกรณ์ผลิตน้ำดื่ม รวมทั้งสิ่งของพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สำหรับเงินบริจาคเข้าบัญชี หัวใจไทย ส่งไปเนปาล ณ เวลา 16.00 น. วันที่ 2 พ.ค.มีจำนวน 106,747,126.39 บาท,ขณะที่การช่วยเหลือชาวเนปาลในส่วนของคณะสงฆ์ไทย พระเทพโพธิวิเทศ (วีรยุทธ วีรยุทฺโธ) หัวหน้าพระธรรมทูตไทย สายอินเดีย-เนปาล กล่าวว่า มอบงานให้พระธรรมทูตไทยเร่งเข้าสำรวจพื้นที่ที่ยังเข้าไปไม่ถึง เพื่อรีบนำอาหารเข้าไปช่วยเหลือประชาชน โดยไม่รอว่าจะพร้อมทุกด้านแล้วจึงลงพื้นที่ช่วยเหลือ,ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 2 พ.ค.พระมหานิพนธ์ ญาณวีโร พระครูสมุห์สงกรานต์ กิตฺติวํโส พระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย-เนปาล ประจำศูนย์พึ่งพิงชาวเนปาล วัดศรีศากยะสิงหวิหาร และชาวเนปาลท้องถิ่น เดินทางไปสำรวจหมู่บ้านพื้นที่ที่ได้รับภัยพิบัติแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง บริเวณริมภูเขาจันทราคีรี ห่างจากเมืองกาฐมาณฑุ 16 กม. มีทั้งหมด 4 หมู่บ้าน โดยหมู่บ้านแรก คือบ้านโดมบุโฏล มีจำนวน 38 หลังคาเรือน พบบ้าน 3 หลัง เสียหายทั้งหมดไม่สามารถอยู่ได้ หมู่บ้านที่ 2 บ้านฆารีคาว มีจำนวน 30 หลังคาเรือน บ้านพังเสียหายไม่สามารถอยู่ได้ 26 หลัง หมู่บ้านที่ 3 บ้านเปาเดลคาว ทั้งหมด 12 หลังคาเรือน บ้านพักเสียหายไม่สามารถอยู่ได้ 4 หลัง และหมู่บ้านที่ 4 บ้านฆิมิเรคาว มีทั้งหมด 12 หลังคาเรือน บ้านพักเสียหายไม่สามารถอยู่ได้ 8 หลัง ซึ่งทางคณะพระธรรมทูตไทยมอบข้าวสารให้กับชาวบ้านในพื้นที่ดังกล่าว ที่วัดวิชยรามวิหาร ต.จันทราคีรี เขต อ.กาฐมาณฑุ,ในส่วนของเงินบริจาคจากทางคณะสงฆ์ไทยยังคงมีการบริจาคเข้ามาอย่างต่อเนื่องผ่านทางสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ วัดสระเกศฯ และสำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมฯ วัดสระเกศฯ โดยล่าสุดสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา บริจาคเงิน 200,000 บาท พระธรรมทูตไทยในสหราชอาณาจักร บริจาค 250,000 บาท พระธรรมทูตไทยในจีน บริจาค 100,000 บาท รวมยอดบริจาคทั้งหมดในขณะนี้กว่า 11 ล้านบาท โดยมีการทยอยส่งเงินบริจาคไปยังศูนย์พึ่งพิงชาวเนปาล วัดศรีศากยะสิงหวิหาร ประเทศเนปาล อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้พระธรรมทูตที่ปฏิบัติงานในพื้นที่นำไปซื้ออาหาร เครื่องใช้ มอบให้กับชาวเนปาลต่อไป,ขณะเดียวกัน มีรายงานจากผู้สื่อข่าวไทยรัฐทีวี ที่นำโดรนขึ้นบินสำรวจเหนือหมู่บ้านรามโกศ ในเมืองดาห์ดิง ห่างจากกรุงกาฐมาณฑุราว 100 กิโลเมตร พบว่า บ้านของชาวบ้านหลายหลังพังถล่มลงมา แต่โชคดีที่คนในหมู่บ้านไม่มีใครเสียชีวิต เนื่องจากในช่วงที่เกิดเหตุชาวบ้านส่วนใหญ่ออกไปทำงาน แต่ก็มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากบ้านพังลงมาทับร่าง เช่น บ้านหลังหนึ่งที่สร้างขึ้นด้วยการนำหินมาเรียงต่อกันและประสานด้วยดิน จึงไม่สามารถรับแรงสั่นสะเทือนได้ จนพังถล่มลงมาและมีผู้บาดเจ็บ 3 คน คนแรกเป็นชายชราเจ้าของบ้านที่ล้มป่วย นอนอยู่ภายในบ้านขณะเกิดเหตุ ส่วนอีก 2 คน คือคนที่พยายามจะเข้ามาช่วยนำชายชราคนนี้ออกไป ซึ่งล่าสุดยังพักรักษาตัวในโรงพยาบาล,ส่วนการให้ความช่วยเหลือชาวบ้านในพื้นที่ ทางรัฐบาลเนปาลได้จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือในหมู่บ้านห่างไกลในเมืองดาห์ดิงแล้ว และใช้เฮลิคอปเตอร์ 3 ลำในการลำเลียงสิ่งของบรรเทาทุกข์ และผู้บาดเจ็บออกจากหมู่บ้านไปส่งยังโรงพยาบาล นอกจากนี้ ยังมีอาสาสมัครจากนานาชาติที่คอยส่งความช่วยเหลือให้แก่ผู้ประสบภัย แต่ยังคงไม่เพียงพอต่อความต้องการและยังมีหมู่บ้านอีกหลายแห่งที่ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ,นอกจากนี้ มีรายงานจากนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อตอนสายวันที่ 2 พ.ค.ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 11 ชั่วโมง ที่วัดพุทธไทยถาวรวนาราม เมืองควีนส์ นครนิวยอร์ก นางสุจิตรา ปาลีวงศ์ ประธานศูนย์วัฒนธรรมไทยแห่งรัฐนิวยอร์ก ได้จัดพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ น.ส.มาริสา หรืออีฟ จีรวงศ์ไกรสร ผู้ช่วยแพทย์ชาวไทยที่เสียชีวิตจากเหตุหิมะถล่ม ระหว่างร่วมไปกับคณะปีนเขาเอเวอเรสต์ขณะเกิดแผ่นดินไหวที่ประเทศเนปาล โดยมีนายกริช จีรวงศ์ไกรสร พี่ชายของอีฟ และเพื่อนสนิทของอีฟที่เคยเรียนด้วยกันที่โรงเรียนศูนย์วัฒนธรรมไทยฯ คณะครูและสมาชิกศูนย์ฯ ตลอดจนเพื่อนของนายอาคมและนางวีรุดา จีรวงศ์ไกรสร บิดามารดาของอีฟ ไปร่วมงานเนืองแน่นประมาณ 300 คน ท่ามกลางความอาลัย พร้อมกันนี้ นายพรพงค์ กนิษฐานนท์ กงสุลใหญ่ ณ นครนิวยอร์ก ซึ่งติดราชการอยู่ที่กรุงเทพฯ ได้มอบหมายให้ น.ส.สุวนิช สมบัติพิบูลย์ รองกงสุลใหญ่ฯ และ น.ส.วรรัตน์ พิริยานสรณ์ กงสุล พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากสถานกงสุลไปร่วมพิธีด้วย,นางสุจิตรา ปาลีวงศ์ ประธานศูนย์วัฒนธรรมไทยแห่งรัฐนิวยอร์ก ได้กล่าวไว้อาลัยและเล่าให้ทุกคนในงานฟังว่า ทุกครั้งที่ศูนย์วัฒนธรรมไทยแห่งรัฐนิวยอร์กจัดงานประจำปี เพื่อหารายได้สมทบทุนแผนกการศึกษาของศูนย์ฯในช่วงระหว่างวันคริสต์มาสและปีใหม่ ทางศูนย์ฯจะจัดให้น้องอีฟตัดเค้กทุกครั้ง เพราะว่าน้องอีฟเกิดในคืนคริสต์มาสอีฟวันที่ 24 ธ.ค. บิดามารดาจึงตั้งชื่อว่าอีฟ สำหรับน้องอีฟเริ่มเข้าเรียนภาษาไทยตั้งแต่ชั้นเตรียมอนุบาลเมื่อปี 2536 และจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เมื่อปี 2546 ชอบเรียนรำไทยและรำโชว์เวลามีงานเป็นประจำ นิสัยร่าเริงเป็นที่รักของทุกคน เป็นเยาวชนไทยรุ่นใหม่ที่มีอนาคตไกล ด้านนายกริช จีรวงศ์ไกรสร พี่ชายของอีฟ เป็นตัวแทนครอบครัวกล่าวขอบคุณทุกคนที่มาร่วมทำบุญให้น้องสาว และร่วมไว้อาลัย หลังจากเสร็จพิธีทำบุญในครั้งนี้แล้วตนจะบินกลับประเทศ ไทย เพื่อร่วมพิธีศพของอีฟน้องสาวพร้อมครอบครัวที่กรุงเทพฯ,ขณะที่วันเดียวกัน สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชนจำนวน 1,327 คน เรื่องเหตุการณ์แผ่นดินไหวรุนแรง ประเทศเนปาล สรุปผลดังนี้ ร้อยละ 85.53 ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รู้สึกสงสารและเห็น ใจผู้ที่ประสบภัย ร้อยละ 83.80 เป็นภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ที่ไม่อาจควบคุมได้ มีคนเสียชีวิตจำนวนมาก ไม่คิดว่าจะรุนแรงขนาดนี้ ร้อยละ 78.90 กลัวว่าจะเกิดขึ้นกับประเทศของเราเอง รัฐบาลควรนำเหตุการณ์นี้มาเป็นบทเรียน อย่างไรก็ตาม ร้อยละ 82.29 อยากส่งกำลังใจ แรงใจ อธิษฐาน สวดมนต์ ช่วยเนปาล ร้อยละ 75.27 บริจาคเงินช่วยเหลือผ่านหน่วยงานของรัฐหรือองค์กรที่เกี่ยวข้องและร้อยละ 68.73 ช่วยเผยแพร่ บอกต่อข้อมูลที่จำเป็นและมีประโยชน์ให้กับผู้อื่น เมื่อถามว่าสิ่งที่ประเทศไทยควรนำมาเป็นบทเรียนเพื่อปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ ร้อยละ 88.92 ภาครัฐต้องมีแผนรับมือภัยพิบัติทางธรรมชาติ เฝ้าระวังภัย มีศูนย์เตือนภัยล่วงหน้า ร้อยละ 82.82 หากเกิดเหตุควรมีการช่วยเหลือที่รวดเร็ว มีหน่วยกู้ภัยที่มีประสิทธิภาพและชำนาญ ร้อยละ 80.11 มีการตรวจสอบอาคาร ตึกสูง ต้องแข็งแรงมั่นคง ได้มาตรฐาน รองรับแผ่นดินไหวได้ ร้อยละ 77.69 ให้ความรู้กับประชาชนเกี่ยวกับการรับมือภัยธรรมชาติต่างๆ และร้อยละ 59.08 ทุกคนควรตระหนักและเห็นความสำคัญของธรรมชาติช่วยกันดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม,การแจกจ่ายสิ่งของบรรเทาทุกข์แก่ผู้ประสบภัยเหตุแผ่นดินไหว 7.8 แมกนิจูดในเนปาล ที่ประสบกับปัญหานานัปประการ ไม่ว่าจะเป็นความล่าช้าของระบบศุลกากรสนามบินที่ไม่ยอมปล่อยของ ไปจนถึงปัญหารถบรรทุกและเฮลิคอปเตอร์ที่จะขนส่งเสบียงไม่เพียงพอ กลับต้องมาเจออุปสรรคซ้ำเติมเข้าไปอีก โดยเมื่อวันที่ 3 พ.ค. เจ้าหน้าที่ดูแลสนามบินนานาชาติในกรุงกาฐมาณฑุของเนปาล ได้เปิดเผยว่า ทางการจำเป็นต้องจำกัดการรองรับเครื่องบินของต่างชาติ ไม่อนุญาตให้เครื่องบินขนาดใหญ่อย่างเครื่องบินกองทัพลงได้อีกต่อไป เนื่องจากพื้นรันเวย์ของสนามบินเริ่มแตกร้าว ขณะที่จอดก็ไม่เพียงพอ,ทั้งนี้ นายบิเรนทรา เชรสธา ผู้จัดการสนามบินนานาชาติกรุงกาฐมาณฑุ กล่าวว่า สนามบินแห่งนี้ถูกออกแบบมาให้รองรับเครื่องบินพาณิชย์ขนาดกลางและขนาดเล็ก มีที่จอดเครื่องบินแค่ 9 ลำ และมีรันเวย์ใช้งานเพียงเลนเดียว นอกจากนี้ จากการตรวจสอบยังพบด้วยว่าสภาพพื้นของรันเวย์เริ่มเสื่อมลงเรื่อยๆ จากการที่เครื่องบินจากนานาชาติลงจอดอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องของหน่วยกู้ภัย เครื่องบินลำเลียงสิ่งของบรรเทาทุกข์ หรือเครื่องบินพาณิชย์ที่ขนคณะสื่อมวลชน ซึ่งแต่เดิมพื้นรันเวย์ก็ได้รับความเสียหายอยู่แล้วจากเหตุแผ่นดินไหว ด้วยเหตุนี้เองเจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจอนุญาตให้เครื่องบินขนาดกลางและขนาดเล็กลงจอดเท่านั้น,ส่วนความคืบหน้าการค้นหาเหยื่อผู้ประสบภัย ด้านนายปราวิน โพคาเรล รองผู้บังคับการตำรวจในจังหวัดลังตัง ทางภาคเหนือของเนปาล เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่เก็บกู้ร่างผู้เสียชีวิตในพื้นที่หิมะถล่มขึ้นมาได้ 51 คน ในจำนวนนี้มีนักปีนเขาชาวต่างชาติ รวมอยู่ด้วย 6 คน แต่ยังไม่ได้ตรวจสอบว่าสัญชาติอะไร และเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มเดียวกับที่สหภาพยุโรปออกแถลงว่าสูญหายไปอย่างน้อย 1,000 คน ด้วยหรือไม่ ขณะที่นายอุดดาฟ พัททารัย เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นระดับสูงของรัฐบาลเนปาล ระบุว่า ในพื้นที่ดังกล่าวมีนักท่องเที่ยวและชาวบ้านสูญหายไปอย่างน้อย 200 คน ในจำนวนนี้เชื่อว่าเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างน้อย 100 คน แต่การส่งทีมกู้ภัยเข้าไปตรวจสอบทำได้ยากลำบาก เนื่องจากสภาพอากาศไม่เป็นใจ และมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง,ต่อมากระทรวงมหาดไทยเนปาลออกมาแถลงข่าวดีว่า เจ้าหน้าที่กู้ภัยในจังหวัดสินธุปะช็อก ทางตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงกาฐมาณฑุ ได้เข้าตรวจสอบหมู่บ้านสเยาลี ในพื้นที่หุบเขา และพบผู้รอดชีวิต 3 คน เป็นชาย 2 คน หญิง 1 คน ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังเป็นเวลานานถึง 8 วัน เจ้าหน้าที่นำตัวส่งโรงพยาบาลทหารในพื้นที่ใกล้เคียงอย่างเร่งด่วน แต่ยังมิได้เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมถึงชื่ออายุและสภาพร่างกายของผู้ประสบภัยที่รอดชีวิตมาได้อย่างปาฏิหาริย์กลุ่มนี้, ,ขณะที่ศูนย์ปฏิบัติการรับมือเหตุฉุกเฉินแห่งชาติเนปาลออกแถลงการณ์ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมเป็น 7,040 คน บาดเจ็บ 14,123 คน แต่เชื่อว่ายอดดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พร้อมระบุด้วยว่าตอนนี้ทางการได้เน้นเรื่องการส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์ไปให้ผู้ประสบภัยในพื้นที่ทุรกันดารมากกว่าเรื่องการค้นหาผู้รอดชีวิต เพราะเวลาผ่านมากว่าสัปดาห์แล้ว โอกาสที่ผู้ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังจะรอดชีวิตได้นั้นดูเหมือนจะริบหรี่ ขณะที่กระทรวงการท่องเที่ยวเนปาลรายงานว่า นับตั้งแต่เกิดเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 25 เม.ย. เจ้าหน้าที่เก็บกู้ร่างผู้เสียชีวิตชาวต่างชาติได้ 54 คน,ด้านนายโรวนัก ข่าน ตัวแทนจากกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ หรือยูนิเซฟ แสดงความกังวลต่อสถานการณ์โรคระบาดที่อาจเกิดขึ้น ไม่ว่าจากการขาดแคลนน้ำสะอาด ซากศพที่ยังคงเน่าอยู่ใต้ซากอาคาร โรงพยาบาลที่เนืองแน่นด้วยผู้บาดเจ็บ ขณะที่ฤดูมรสุมก็ใกล้เข้ามาแล้วในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าช่วงค่ำวันเดียวกัน พระศากยวงศ์วิสุทธิ์ (อนิลมาน ธมฺมสากิโย) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร ในฐานะคณะกรรมการช่วยเหลือผู้ประสบภัยเนปาล โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว Anil Sakya ระหว่างเดินทางไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยชาวเนปาล ว่า จากการลงพื้นที่พบผู้ประสบภัยชาวเนปาล ประเมินสถานการณ์เบื้องต้น พบว่า ผู้ประสบภัยต่างต้องการอาหารประทังชีพ แต่ทางรัฐบาลเนปาลดูเหมือนจะไม่กระตือรือร้นเท่าที่ควร ทั้งที่องค์กรท้องถิ่นและหน่วยงานต่างชาติพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือในการแจกจ่ายสิ่งของบรรเทาทุกข์ การแจกจ่ายสิ่งของบรรเทาทุกข์มีอุปสรรคอย่างมาก ผู้ที่นำของไปบริจาคตกอยู่ในภาวะเสี่ยง เนื่องจากชาวบ้านต่างรุมกันเข้ามาแย่งชิงสิ่งของ จนบัดนี้ก็ยังไม่มีใครมาดูแลคลี่คลายสถานการณ์ รวมทั้งยังไม่สามารถทราบได้ว่าใครประสบภัยจริงหรือมีการสวมรอยเข้ามาเพื่อรับสิ่งของ นอกจากนี้ ชาวบ้านจำนวนมากรู้สึกอายที่จะมาต่อคิวรอรับอาหารที่ปรุงสำเร็จแล้ว โดยระบุว่าแจกให้เฉพาะวัตถุดิบก็พอ เขาเอาไปปรุงกินเองได้,ช่วงค่ำวันเดียวกันตามเวลาในไทย สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า นายฟุงชู ตามัง ชายชราวัย 101 ปี ได้รับการช่วยเหลือรอดชีวิตจากใต้ซากบ้านที่พังถล่มจากแผ่นดินไหวในเขตอำเภอนูวากอต ห่างกรุงกาฐมาณฑุไปทางตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 80 กม.ตั้งแต่วันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยมีอาการบาดเจ็บเล็กน้อยที่ข้อเท้าและมือเท่านั้น
|
สุดปาฏิหาริย์ เจอผู้รอดชีวิตเนปาลอีก 3 ราย เป็นชาย 2 หญิง 1 หลังติดใต้ซากอาคารถึง 8 วัน เร่งนำตัวส่ง รพ.ทหาร ขณะที่ทีมกู้ภัยพบอีก 6 ศพนักท่องเที่ยวต่างชาติ
| null |
ข่าวหน้า1,แผ่นดินไหวเนปาล,เนปาล,#NepalReport,ผู้รอดชีวิต,หิมะถล่ม,กรุงกาฐมาณฑุ,ช่วยเหลือผู้ประสบภัย,ภัยพิบัติ,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวต่างประเทศ
|
https://www.thairath.co.th/content/496749
|
บิ๊กป๋อม นำทัพโต๊ะเล็กไทย มอบพื้นสนามฟุตซอล สนับสนุนเรือนจำกีฬา
|
วันที่ 1 กันยายน 2560 ณ เรือนจำกีฬา ทัณฑสถานวัยหนุ่มกลาง คลอง 6 ได้มีพิธี รับมอบพื้นสนามฟุตซอล สนับสนุนเรือนจำกีฬา เพื่อคืนคนดีสู่สังคม โดยมี นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เป็นประธานรับมอบจาก นายอดิศักดิ์ เบ็ญจศิริวรรณ ประธานพัฒนาฟุตซอลไทย และนายชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้กับเรือนจำแก้ไขฟื้นฟูเฉพาะทาง ประเภทเรือนจำกีฬา เพื่อพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขัง,นอกจากนี้คณะนักกีฬาฟุตซอลทีมชาติไทย ชุดคว้าเหรียญทองกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 29 นำโดย โฆเซ่ มาเรีย ปาซอส เมนเดส ปูลปิส เฮดโค้ช พร้อมด้วยนักเตะอย่าง ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง, กฤษดา วงษ์แก้ว, อภิวัฒน์ แจ่มเจริญ, คฑาวุธ หาญคำภา, นาวิน รัตนวงศ์สวัสดิ์, พีรพล สัตย์ซื่อ และ รณชัย จูงวงษ์สุข ก็เดินทางมาร่วมแข่งขันฟุตซอลนัดพิเศษ พบ ทีมนักเรียนเรือนจำกีฬา ซึ่งผลการแข่งขันเป็น ทีมนักเรียนเรือนจำกีฬา ชนะ ทีมฟุตซอลทีมชาติไทย 2-1, บิ๊กป๋อม อดิศักดิ์ เบ็ญจศิริวรรณ ประธานพัฒนาฟุตซอลไทย ได้กล่าวว่า เป็นกิจกรรมที่เราได้รับความไว้วางใจจากกรมราชทัณฑ์ ซึ่งเราได้รับการประสานติดต่อผ่านทางคุณชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมกับได้ร่วมบริจาคสนามฟุตซอล 1 สนาม มูลค่าประมาณ 2 ล้านบาท ให้น้องๆ ในทัณฑสถานวัยหนุ่มกลาง ได้ฝึกฝนและเรียนรู้วิธีการเล่นฟุตซอลจากสนามที่มีมาตรฐาน ซึ่งหวังว่าในอนาคตข้างหน้าต่อไป น้องๆ หลายคนที่มีฝีเท้าดีอาจจะได้ก้าวขึ้นมาเป็นนักฟุตซอลอาชีพในอนาคตด้วย,ด้าน เจ้าอาร์ม ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง ดาวยิงทีมชาติไทย ได้กล่าวว่า ดีใจที่ได้เข้ามาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ เพราะมีโอกาสไม่มากที่จะได้เข้ามาพบปะกับน้องๆ ในนี้ ถือเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับน้องๆ ทุกคนด้วย นอกจากนี้การได้พื้นสนามที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล จะช่วยให้น้องๆ ฝึกซ้อมและฝึกฝนกีฬาฟุตซอลอย่างมีประสิทธิภาพขึ้นไปด้วย และหากมีการฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่อง ก็มีโอกาสที่จะก้าวขึ้นมาเป็นนักกีฬาฟุตซอลที่ดีในอนาคตต่อไป,ขณะที่ นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เผยว่า กรมราชทัณฑ์ ได้มีนโยบายให้ทัณฑสถานทั่วประเทศ ดำเนินการจัดกิจกรรมที่เอื้อประโยชน์ให้กับผู้ต้องขังในด้านต่างๆ เพื่อเป็นการบำบัดแก้ไขฟื้นฟู และพัฒนาพฤตินิสัยของผู้ต้องขังให้มีศักยภาพ สามารถกลับออกไปอยู่ร่วมกับสังคมภายนอกได้อย่างปกติสุข ภายหลังพ้นโทษ และในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจาก คุณอดิศักดิ์ เบ็ญจศิริวรรณ และคุณชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ ร่วมบริจารพื้นสนามฟุตซอลมอบให้แก่เรือนจำแก้ไขฟื้นฟูเฉพาะทาง ประเภทเรือนจำกีฬา ทัณฑสถานวัยหนุ่มกลาง ทางกรมราชทัณฑ์ก็ขอขอบคุณในความอนุเคราะห์ครั้งนี้ด้วย,สำหรับ เรือนจำกีฬา ทัณฑสถานวัยหนุ่มกลาง มีการเรียนการสอนเฉพาะด้านกีฬา จำนวน 5 ชนิดกีฬา ได้แก่ 1.มวยสากลสมัครเล่น 2.มวยไทยสมัครเล่น 3.ฟุตซอล 4.วอลเลย์บอล และ 5.ตะกร้อ ซึ่งได้ลงสนามความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิทยาเขตองครักษ์ เพื่อสนับสนุนในการจัดทำหลักสูตร และจัดการเรียนการสอนทั้งในภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์การกีฬาด้วย.
|
นายอดิศักดิ์ เบ็ญจศิริวรรณ ประธานพัฒนาฟุตซอลไทย นำทัพคณะแข้งโต๊ะเล็กไทย มอบพื้นสนามฟุตซอลให้กับเรือนจำกีฬา ทัณฑสถานวัยหนุ่มกลาง คลอง 6
|
กีฬา,ฟุตซอล
|
อดิศักดิ์ เบ็ญจศิริวรรณ,บิ๊กป๋อม,กอบเกียรติ กสิวิวัฒน์,มอบพื้นสนามฟุตซอล,เรือนจำกีฬา ทัณฑสถานวัยหนุ่มกลาง
|
https://www.thairath.co.th/sport/futsal/1057232
|
ระเบิดระหว่างหาเสียงปากีสถาน เสียชีวิตอย่างน้อย 128 คน
|
วันนี้ (14 ก.ค.2561) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดเหตุระเบิดใกล้กับเมืองเกว็ตต้า เมืองเอกของแคว้นบาลูชิสถาน ในปากีสถาน ถือเป็นหนึ่งในการโจมตีครั้งร้ายแรงที่สุด นับตั้งแต่ปี 2557 ผู้ก่อเหตุลงมือขณะที่มีการหาเสียงเลือกตั้งในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง แรงระเบิดทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 128 คน ซึ่งในจำนวนนี้มีผู้สมัครชิงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรวมอยู่ด้วย และมีผู้บาดเจ็บประมาณ 150 คนทั้งนี้ กลุ่มไอเอสอ้างว่าอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ดังกล่าว ทั้งนี้ ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา มีความรุนแรงเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ซึ่งคาดว่าเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นในวันที่ 25 กรกฎาคมนี้การโจมตีเกิดขึ้นในขณะที่นาวาซ ชารีฟ อดีตนายกรัฐมนตรีปากีสถาน วัย 67 ปี พร้อมด้วย น.ส.มาร์ยัม บุตรสาว เดินทางกลับมาที่ปากีสถานเพื่อรับโทษ หลังถูกศาลตัดสินจำคุกเป็นเวลา 10 ปี ในข้อหาทุจริต โดยหลังจากนายชารีฟเดินทางด้วยเครื่องบินจากกรุงลอนดอนถึงสนามบินเมืองลาฮอร์ ทั้งนาชารีฟและบุตรสาวได้ถูกตำรวจนำตัวไปคุมขังที่เรือนจำท้องถิ่นในทันที
|
เกิดเหตุระเบิดในระหว่างการหาเสียงใกล้กับเมืองเกว็ตต้า ปากีสถาน ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 128 คน โดยกลุ่มไอเอสอ้างว่าอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์
|
ต่างประเทศ
|
ระเบิด,ปากีสถาน,หาเสียง,กลุ่มไอเอส,ThaiPBSnews,ThaiPBS,ไทยพีบีเอส,ข่าวไทยพีบีเอส
|
https://news.thaipbs.or.th/content/273373
|
โคราช อุดรธานี ฝนทิ้งช่วง กระทบนาข้าว-น้ำประปา
|
วันนี้ (22 ก.ย.2561) เกษตรกรในอำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา เตรียมเผาต้นข้าวและวัชพืชในแปลงนา เพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับการเพาะปลูกใหม่ หลังต้นข้าวที่ปลูกไว้กว่า 10 ไร่ แห้งตายเกือบทั้งหมด เนื่องจากปัญหาฝนทิ้งช่วงและไม่สามารถสูบน้ำจากแหล่งน้ำสาธารณะขึ้นมาได้ เพราะมีปริมาณน้อยนายสมพงษ์ ประจิต เกษตรกรบ้านกู่ ตำบลดอนตะหนิน อำเภอบัวใหญ่ กล่าวว่า แม้จะมีฝนตกในพื้นที่ แต่ไม่เพียงพอที่จะทำให้ต้นข้าวเจริญเติบโตได้จำเป็นต้องปล่อยให้ต้นข้าวแห้งตายส่วนปริมาณน้ำอ่างเก็บน้ำห้วยหลวง จังหวัดอุดรธานี ซึ่งเป็นแหล่งน้ำดิบผลิตน้ำประปาของเทศบาลนครอุดรธานี ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงปัจจุบัน มีปริมาณน้ำไหลลงอ่าง 49.57 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งน้อยกว่าปี 2560 ในช่วงเวลาเดียวกัน ที่มีปริมาณน้ำมากถึง 76.66 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าจะส่งผลต่อการผลิตน้ำประปาในพื้นที่
|
หลายจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีแนวโน้มประสบปัญหาภัยแล้งหลังจากอ่างเก็บน้ำหลายแห่ง มีปริมาณน้ำน้อยกว่าเกณฑ์ นาข้าวหลายพื้นที่ในจังหวัดนครราชสีมา เริ่มแห้งตายจากฝนทิ้งช่วง
|
ภูมิภาค
|
อีสาน,ภัยแล้ง,ข้าวแห้งตาย,ไม่มีน้ำประปา,น้ำแห้ง,น้ำน้อย,อุดรธานี,นครราชสีมา,ฝนทิ้งช่วง,ฝนไม่ตก,ThaiPBSnews,ข่าวไทยพีบีเอส,ไทยพีบีเอส,ThaiPBS
|
https://news.thaipbs.or.th/content/274709
|
ยกฟ้อง หน.แก่งกระจาน คดีฆ่าคน
|
หลังโดน-กล่าวหา พร้อมลูกน้อง4คน,ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ยกฟ้อง ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน กับพวกรวม 5 คน คดีร่วมกันฆ่าอดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย แกนนำกะเหรี่ยงแก่งกระจาน ถูกคนร้ายขับรถประกบยิงตายคารถจี๊ปเชอโรกี ชัยวัฒน์ เผยดีใจที่ได้รับความเป็นธรรม ระบุถูกกระทำในหลาย คดีเพื่อให้พ้นจากหน้าที่ปกป้องทรัพยากรธรรมชาติในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานอย่างไม่เห็นแก่หน้าใคร,ศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีอดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานกับพวกถูกฟ้องคดีฆ่าแกนนำกะเหรี่ยงแก่งกระจานรายนี้ เปิดเผยเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 15 ต.ค. ที่ศาลจังหวัดเพชรบุรี ศาลได้อ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 7 ในคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการส่วนจัดการต้นน้ำ สำนักงานบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 จ.ปราจีนบุรี นายศักดิ์ พลับงาม นายชูชัย สุขประเสริฐ นายธวัชชัย ทองสุข และนายดวง สังข์ทอง รวม 5 คน เป็นจำเลยในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น ความผิดต่อ พ.ร.บ.อาวุธปืน และความผิดลหุโทษ ตามคดีหมายเลขดำที่ 524-525/2557 คดีหมายเลขแดงที่ 1224-1225/2558,คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 ก.ย.2554 นายทัศน์กมล โอบอ้อม อายุ 55 ปี อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย จ.เพชรบุรี และยังเป็นแกนนำกะเหรี่ยงแก่งกระจานถูกคนร้ายขับรถยนต์ไม่ทราบสี ยี่ห้อประกบยิงตายคารถยนต์จี๊ปเชอโรกีสีบรอนซ์ทอง ทะเบียน ภย 4754 กรุงเทพมหานคร บนถนนเพชรเกษมขาเข้า บริเวณ อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี ขณะขับรถมุ่งหน้าเข้าตัวเมืองเพชรบุรี ต่อมาตำรวจได้ออกหมายจับนายชัยวัฒน์ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน พนักงานอัยการได้ฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดเพชรบุรี เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.2554 และศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 28 ต.ค.2557 ให้ยกฟ้องจำเลยทั้ง 5 คน เนื่องจากหลักฐานโจทก์ขาดน้ำหนักและมีเพียงพยานแวดล้อมที่ไม่มีน้ำหนักชัดเจนว่าจำเลยกระทำผิด ซึ่งศาลอุทธรณ์พิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นพ้องด้วยกับ ศาลชั้นต้น อุทธรณ์โจทก์ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน,หลังฟังคำพิพากษาแล้ว นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการส่วนจัดการต้นน้ำ สำนักงานบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 จ.ปราจีนบุรี กล่าวว่า รู้สึกโล่งใจ และดีใจที่ได้รับความเป็นธรรมในทุกๆคดีที่ถูกกล่าวหา เชื่อว่าคนที่ติดตามเรื่องราวคงทราบดีว่าตนถูกกระทำในหลายคดีเพื่อให้ตนออกจากพื้นที่ เนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ในการปกป้องทรัพยากรธรรมชาติในส่วนของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานอย่างไม่เห็นแก่หน้าใคร ถึงวันนี้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าตนเป็นผู้บริสุทธิ์และลูกน้องเป็นผู้บริสุทธิ์ยังคงต้องปฏิบัติหน้าที่รักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะผืนป่าทั้งหลายต่อไป
|
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ยกฟ้อง ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน กับพวกรวม 5 คน คดีร่วมกันฆ่าอดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย แกนนำกะเหรี่ยงแก่งกระจาน ถูกคนร้ายขับรถประกบยิงตายคารถจี๊ป
|
ข่าว,ทั่วไทย
|
ข่าวหน้า1,ศาลอุทธรณ์,พิพากษา,คดีฆ่าแกนนำกะเหรี่ยง,แก่งกระจาน,ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร,ทัศน์กมล โอบอ้อม,แกนนำกะเหรี่ยงแก่งกระจาน,ยกฟ้อง,ร่วมกันฆ่า,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์
|
https://www.thairath.co.th/news/local/532623
|
แฟนผีแดงเชื่อ มาร์เชียล เดี้ยงตามสั่ง ฟาน กัล
|
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานวันที่ 26 ก.พ. ว่า แฟนบอลทีม ปิศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในโลกโซเชียล แสดงความคิดเห็นถึงสาเหตุที่ทำให้ อองตวน มาร์เชียล กองหน้าดาวรุ่งทีมชาติฝรั่งเศส เจ็บเอ็นร้อยหวาย ตอนอบอุ่นร่างกายจนอดลงช่วยทีมในเกมยูโรปา ลีก รอบ 32 ทีมสุดท้าย นัดสอง ที่เปิดสนามโอลด์ แทรฟเฟิร์ด เอาชนะ มิดทิลแลนด์ ไป 5-1 เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เป็นเพราะจริงจังเกินไปกับคำสั่งของ หลุยส์ ฟาน กัล ที่กระตุ้นลูกทีมก่อนถึงวันแข่ง 1 วันว่า ให้นักเตะพกความหื่นกระหายลงไปในสนามด้วย ทำให้เจ้าตัวน่าจะกลับไปเพิ่มความหื่นกระหายกับภรรยาจนเดี้ยงตั้งแต่ตอนวอร์มอัพ,มาร์เชียล อาจกลับไปหาภรรยาเพราะเขาหื่น,ข่าวด่วน มาร์เชียล ถูกส่งกลับบ้านเพราะหื่นเกินกว่าจะลงเล่น,มาร์เชียล หื่นเป็นพิเศษกับภรรยา จนตัวเองได้รับบาดเจ็บ ทำให้ มาร์คัส รัชฟอร์ด ได้ลงเป็นตัวจริง,คำแนะนำของ ฟาน กัล ทำให้เขาเดี้ยงตั้งแต่ตอนวอร์มอัพ,มาร์เชียล มีอาการบาดเจ็บ เห็นได้ชัดว่าเขาหื่นเกินไป,มาร์เชียล ได้รับบาดเจ็บจากการที่หื่นมากเกินไปก่อนเกม ปลด ฟาน กัล ซะ,ฟานกัล บอกลูกทีมให้หื่นกระหาย แล้วจากนั้น มาร์เชียล ก็เจ็บเอ็นหลังหัวเข่า ก่อนเกมจะเริ่ม,มาร์เชียล มีความหื่นมากเกินไปในช่วงวอร์มอัพ ผมขอตำหนิ ฟาน กัล
|
แฟนบอลทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เชื่อ สาเหตุที่ อองตวน มาร์เชียล เจ็บตอนอบอุ่นร่างกายก่อนเกมกับมิดทิลแลนด์ เป็นเพราะวันก่อนหน้านั้น หลุยส์ ฟาน กัล กระตุ้นให้พกความหื่นกระหายลงไปในสนามด้วย
| null |
พรีเมียร์ลีก,แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด,อองตวน มาร์เชียล,ข่าว,ข่าวกีฬา,ไทยรัฐออนไลน์
|
https://www.thairath.co.th/content/582833
|
ร้อนกว่านี้ ได้อีก พรุ่งนี้จะหนักกว่าวันนี้ ภาคเหนือ 44 องศาฯ กทม. 40
|
เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 19 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมอุตุนิยมวิทยารายงานพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า โดยลักษณะอากาศทั่วไป ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงบางพื้นที่ บริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อน ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง และระวังอันตรายจากลมกระโชกแรง ควรอยู่ห่างจากต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้าง และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง,สำหรับพยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 12:00 วันนี้ ถึง 12:00 วันพรุ่งนี้ ภาคเหนือ อากาศร้อนถึงร้อนจัด โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณ จ.เชียงราย พะเยา น่าน อุตรดิตถ์ กำแพงเพชร พิจิตร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ ตอนบนของภาค ลมตะวันตกความเร็ว 10-20 กม./ชม.,ตอนล่างของภาค ลมใต้ความเร็ว 10-20 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 22-29 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 39-44 องศาเซลเซียส,ภาคอีสาน อากาศร้อนถึงร้อนจัด โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณ จ.เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ นครพนม สกลนคร อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และนครราชสีมา อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 39-40 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ความเร็ว 10-30 กม./ชม.,ภาคกลาง อากาศร้อนถึงร้อนจัด โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณ จ.ราชบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา อุทัยธานี นครสวรรค์ และลพบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 39-42 องศาเซลเซียส ลมใต้ความเร็ว 10-20 กม./ชม.,ภาคตะวันออก อากาศร้อนถึงร้อนจัด โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณ จ.ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 26-29 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-40 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร,ภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และสงขลา อุณหภูมิต่ำสุด 24-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร,ภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณ จ.ระนอง พังงา ภูเก็ต และกระบี่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกความเร็ว 10-25 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร,กรุงเทพฯ อากาศร้อนถึงร้อนจัด อุณหภูมิต่ำสุด 28-29 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 37-40 องศาเซลเซียส ลมใต้ความเร็ว 10-20 กม./ชม.
|
ถ้าวันนี้ว่าแดดร้อนแล้ว พรุ่งนี้ 20 เม.ย. มีสิทธิ์ร้อนมากกว่า โดยกรมอุตุนิยมวิทยาระบุภาคเหนือมีโอกาสอุณหภูมิสูงสุด 39-44 องศาฯ กทม.สูงสุด 37-40 องศาฯ
|
ข่าว,ทั่วไทย
|
ร้อน,อากาศร้อน,แดด,อุณหภูมิ,แดดร้อน,ข่าวทั่วไป
|
https://www.thairath.co.th/news/local/north/1548023
|
การดูแลแบบประคับประคองเพื่อการไปดี
|
หรือที่มีการแปลเป็นไทยว่า การดูแลแบบประคับประคองหรือการดูแลระยะท้ายนั้น ไม่ใช่สิ่งใหม่สำหรับประเทศไทย แต่เป็นสิ่งที่คนไทยยังไม่ค่อยคุ้นเคยและพูดถึงกันมากนักแม้จะมีการให้บริการมานานแล้ว โดยเป็นการดูแลที่มีความปรารถนาดีต่อผู้ป่วยปล่อยให้ตายตามธรรมชาติ ไม่ยื้อชีวิต แต่ก็ไม่ได้เร่งให้ตาย ซึ่งหลายๆ โรงพยาบาล ได้มีการนำการดูแลแบบประคับประคองมาใช้กับคนไข้ใน รวมถึงการอำนวยความสะดวกให้แก่คนไข้เมื่อต้องการกลับไปดูแลอาการต่อที่บ้านเมื่อถึงระยะท้ายของชีวิต นอกจากนี้ในการเรียนการสอนของแพทย์ก็ได้มีการสอดแทรกความรู้เกี่ยวกับ palliative care เข้าไปในวิชาที่เกี่ยวข้ององค์การอนามัยโลกกล่าวว่าการดูแลแบบประคับประคองเป็นหนทางที่ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตให้ผู้ป่วยและบุคคลในครอบครัวให้สามารถเผชิญปัญหาจากอาการเจ็บป่วยที่กำลังถึงแก่ชีวิต ด้วยวิธีการป้องกันและลดอาการเจ็บปวดที่เป็นปัญหากับสุขภาพกาย สุขภาพจิต และจิตวิญญาณ ทั้งนี้หลายหน่วยงานยังได้ขยายความว่าเป็นการดูแลทั้งผู้ป่วยและครอบครัวที่ครอบคลุมทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สังคม และจิตวิญญาณซึ่งเน้นไปที่การรักษาอาการเจ็บปวดตามความเหมาะสม โดยไม่เร่งการตายและไม่ยืดการตายของผู้ป่วยการดูแลแบบประคับประคองหรือการดูแลระยะท้ายจะให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยและครอบครัว ซึ่งมีได้ตั้งแต่ในเรื่องการใช้ชีวิตของผู้ป่วย โดยเฉพาะภายใต้สถานการณ์ที่อยู่ในขั้นที่รักษาไม่หายแล้วนั้น ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะต้องใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์เช่น เครื่องช่วยหายใจ ในการช่วยให้ดำรงชีวิตต่อไปได้ แต่เครื่องมือเหล่านั้นอาจจะทำให้ผู้ป่วยรู้สึกไม่สบายตัวหรือสร้างความรำคาญได้ การดูแลในระยะท้ายจึงควรเน้นไปที่การลดความเจ็บปวด การช่วยเหลือให้ผู้ป่วยกลับไปรักษาตัวต่อที่บ้านเพราะต้องการใกล้ชิดกับครอบครัว ช่วยส่งเสริมให้ผู้ป่วยได้ทำในสิ่งที่ต้องการหรือสิ่งที่ยังค้างคาอยู่ในจิตใจ สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ได้อยู่อย่างอบอุ่นในครอบครัวที่คุ้นเคย และนำไปสู่การเสียชีวิตอย่างมีสติและพร้อม และญาติได้มีโอกาสอยู่ใกล้ชิดในระยะก่อนจากกันประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการดูแลแบบประคับประคองหรือการดูแลระยะท้ายที่ควรมีการทำความเข้าใจให้ชัดเจนคือ ประเด็นด้านกฎหมาย โดยในหลายประเทศมีการออกเป็นกฎหมายไว้ โดยเฉพาะประเทศเนเธอร์แลนด์เป็นประเทศเดียวในโลกที่มีกฎหมายอนุญาตให้แพทย์ทำให้ผู้ป่วยตายโดยสงบได้ (เฉพาะกรณีสมัครใจ) และในหลายประเทศได้บัญญัติเรื่อง สิทธิปฏิเสธการรักษา ไว้ในกฎหมาย เช่นประเทศสหรัฐอเมริกา Patient Self-Determination Act (1990) และ Uniform Health-Care Decisions Act (1993) และกฎหมายของแต่ละมลรัฐประเทศออสเตรเลีย เช่น มลรัฐ Northern Territory Natural Death Act (1988) มลรัฐ South Australia Consent to Medical Treatment and Palliative Care Act (1995) มลรัฐ Australian Capital Territory Medical Treatment Act (1994) และประเทศอังกฤษ Mental Capacity Act 2005สำหรับประเทศไทยนั้น ได้มีการออกพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 โดยในมาตรา 12 ได้ระบุไว้ว่าบุคคลมีสิทธิทำหนังสือแสดงเจตนาไม่ประสงค์จะรับบริการสาธารณสุขที่เป็นไปเพียงเพื่อยืดการตายในวาระสุดท้ายของชีวิตตน หรือเพื่อยุติการทรมานจากการเจ็บป่วยได้ การดำเนินการตามหนังสือแสดงเจตนาตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวงเมื่อผู้ประกอบวิชาชีพด้านสาธารณสุขได้ปฏิบัติตามเจตนาของบุคคลตามวรรคหนึ่งแล้ว มิให้ถือว่าการกระทำนั้นเป็นความผิดและให้พ้นจากความรับผิดทั้งปวงแม้ พ.ร.บ.จะออกมาตั้งแต่ปี 2540 และกฎกระทรวงได้ประกาศใช้เดือน พ.ค. 2554 แล้วก็ตาม แต่การทำหนังสือแสดงเจตนา (living will) นั้น ยังไม่เป็นที่ยอมรับกันมากนัก ทั้งนี้อาจจะเกิดจากความเชื่อของคนไทยที่เห็นว่าการทำดังกล่าวจะเป็นเสมือนลางร้าย รวมทั้งความเข้าใจผิดที่ว่าเมื่อทำหนังสือแสดงเจตนาแล้ว หากไม่สบายหรือเข้าโรงพยาบาลแล้ว แพทย์จะไม่ยอมรักษาให้ ซึ่งจริงๆ แล้วการปฎิเสธการรักษาจะเกิดจากฝ่ายคนไข้ ไม่ใช่แพทย์ และการยกเลิกหนังสือแสดงเจตนาก็ทำกระทำได้อย่างง่ายดายการเดินหน้าเรื่องการดูแลแบบประคับประคองยังต้องการความพร้อมทั้งในเรื่องระบบบริการและการเตรียมการด้านบุคลากร ระบบการประกันสุขภาพของไทยยังให้ความครอบคลุมการดูแลแบบประคับประคองยังไม่ครบถ้วนนัก ผู้ป่วยและครอบครัวต้องแบกรับค่าใช้จ่ายเองถ้ากลับบ้าน แต่ถ้ายังอยู่ที่สถานพยาบาลรัฐก็ดูแลค่าใช้จ่ายให้ เช่นเดียวกับประกันสุขภาพของเอกชน ถ้าผู้ป่วยยังนอนที่โรงพยาบาล บริษัทประกันก็รับภาระค่ารักษาให้ แต่ถ้าผู้ป่วยกลับไปรักษาที่บ้าน บริษัทประกันก็ไม่คุ้มครอง การจัดการแบบนี้ทำให้ไม่สร้างแรงจูงใจในการเข้าสู่การดูแลแบบประคับประคองส่วนความพร้อมของบุคลากรพยาบาลและแพทย์ค่อนข้างแตกต่างกัน พยาบาลมีการทำงานที่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยและมีความเข้าใจสถานการณ์ด้านครอบครัวและสังคมเป็นอย่างดี การปฏิบัติการดูแลแบบประคับประคองจะสามารถไปได้อย่างดีเมื่อได้รับความร่วมมือจากพยาบาล ในทางตรงกันข้าม ความพร้อมของบุคลากรทางแพทย์กลับน้อยกว่ามาก ความเข้าใจในกลุ่มนักศึกษาแพทย์ค่อนข้างช้าด้วยข้อจำกัดจากหลักสูตรการเรียนการสอน การสั่งยาลดความเจ็บปวดโดยแพทย์ก็ทำได้อย่างจำกัดด้วยหลายสาเหตุอุปสรรคสำคัญของการดูแลแบบประคับประคองคือ ทัศนคติด้านลบ เกี่ยวกับการดูแลแบบประคับประคอง ซึ่งถูกมองว่าเป็น การุณยฆาตหรือการทำให้ตายโดยเจตนา โดยทัศนคติถูกสร้างขึ้นบนฐานของการปฏิเสธความตาย หรือความกลัวผิดพลาด ถ้าประชาชนได้รับความเข้าใจที่ถูกต้องความกลัวก็จะลดลง การเข้าสู่ระบบการดูแลแบบประคับประคองนั้นมีขั้นตอนการตรวจสอบอย่างเป็นระบบ ว่าผู้ป่วยรายนั้นๆ ไม่สามารถรักษาให้หายได้ก่อนที่จะได้รับคำปรึกษาให้เลือกรับการดูแลแบบประคับประคอง การเลือกมิใช่การบังคับ เมื่อผู้ป่วยเลือกก็เท่ากับว่าผู้ป่วยไม่ปฏิเสธความตาย การตายก็เช่นเดียวกับการเกิด คือ ต้องเตรียมความพร้อม ในยามจะเกิดเรามีมารดาเป็นผู้เตรียมความพร้อมให้ แต่ในยามจะไปเราทุกคนควรมีสิทธิที่จะเตรียมความพร้อมของตนเอง การเข้าระบบดูแลแบบประคับประคองเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับคนที่ไม่สามารถรักษาให้หายจากอาการเจ็บป่วยได้แล้วนันทนอินทนนท์. ไพศาลลิ้มสถิตย์และอภิราชย์ขันธ์เสน.2552. ก่อนวันผลัดใบ.สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติศูนย์กฎหมายสุขภาพและจริยศาสตร์คณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลับธรรมศาสตร์โครงการเผชิญความตายอย่างสงบเครือข่ายพุทธิกา. พิมพ์ครั้งที่สองเมษายน 2552
|
Palliative care หรือที่มีการแปลเป็นไทยว่า การดูแลแบบประคับประคองหรือการดูแลระยะท้ายนั้น ไม่ใช่สิ่งใหม่สำหรับประเทศไทย
|
คุณภาพชีวิต,สิทธิมนุษยชน
|
Palliative care,การดูแลแบบประคับประคอง,การตาย,สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ)
|
https://prachatai.com/journal/2015/02/57733
|
ช่างสัก จ.เชียงใหม่ ถูกหลอกให้โดนจับกุม หลัง ตร. พบมีคนเขียนข้อความบนป้ายจราจร
|
ช่างสัก ที่จังหวัดเชียงใหม่ ถูกตำรวจหลอกไปจับกุมหลังพบมีคนเขียนข้อความว่า ประเทศทวย บนป้ายจราจร เจ้าตัวเผยก่อนถูกจับพบเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบมาถามหา เเละขับรถวนเวียนบริเวณบ้าน วันต่อมามีตำรวจไปที่บ้านเพื่อน และใช้เบอร์เพื่อนโทรหา ขอให้ไปพบที่ สภ.เมืองฯ เมื่อไปพบปรากฎว่าโดนแสดงหมายจับ และทำบันทึกการจับกุม ทั้งที่เป็นการเดินทางไปพบด้วยความสมัครใจ22 พ.ค. 2563 รายงานว่าได้รับแจ้งจาก พึ่งบุญ ใจเย็น อายุ 34 ปี ประกอบอาชีพเป็นช่างสักในจังหวัดเชียงใหม่ ว่าตนเองถูกจับกุมดำเนินคดี เนื่องจากเขรยนข้อความว่า ประเทศทวยบนป้ายจราจร และถูกควบคุมตัวไว้ที่ สภ.เมืองเชียงใหม่พึ่งบุญเปิดเผยว่าก่อนหน้านี้ เขาได้รับทราบจากเจ้าของบ้านเช่าว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบจำนวน 4 นาย มาถามถึงเขาเมื่อวันที่ 20 พ.ค. 2563 โดยแจ้งว่าเจ้าหน้าที่ทหารสั่งให้มาติดตาม แต่พึ่งบุญไม่ได้อยู่บ้าน และยังทราบจากเจ้าของบ้านเช่าว่ามีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบคอยขับรถจักรยานยนต์วนเวียนอยู่บริเวณบ้านเช่าด้วยจนวันที่ 21 พ.ค. ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจไปถามหาเขาที่บ้านของเพื่อนพึ่งบุญอีกด้วย ก่อนจะมีการใช้เบอร์โทรของเพื่อนโทรศัพท์มาหาเขา แจ้งว่าอยากให้มาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ เนื่องจากทางเทศบาลแจ้งเรื่องกรณีป้ายจราจรมา เรื่องไม่ได้ใหญ่โตอะไร อยากให้เขาไปช่วยลบ นายพึ่งบุญจึงได้ตกลงจะไปพบเจ้าหน้าที่ในช่วงเย็นวันดังกล่าว พึ่งบุญได้เดินทางไปที่สภ.เมืองเชียงใหม่ แต่เมื่อไปถึงประมาณ 19.00 เศษ เขาได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวเอาไว้ พร้อมกับแสดงหมายจับที่ออกโดยศาลจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 20 พ.ค. 2563โดยมีร้อยตำรวจเอกปฏิกร วังกาใจ เป็นผู้ร้องขอออกหมายจับ จากการเข้ากล่าวหาของตัวแทนเทศบาลนครเชียงใหม่เจ้าหน้าที่ยังได้จัดทำบันทึกการจับกุม โดยระบุเป็นว่าในวันเวลาจับกุม ทางตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายข่าวว่าพบบุคคลลักษณะคล้ายบุคคลตามหมายจับ มาติดต่อราชการที่สภ.เมืองเชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้เดินทางไปตรวจสอบ ก่อนเข้าไปแสดงตัว แสดงหมายจับ พร้อมกับขอทำการตรวจค้นตัว และตรวจยึดสีเมจิกสีต่างๆ จากกระเป๋าสะพายได้รวมทั้งหมด 5 แท่ง จึงยึดไว้เป็นของกลาง ทั้งที่ตามข้อเท็จจริงเขาเดินทางมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยตนเอง ไม่ได้ถูกจับกุมแต่อย่างใดต่อมาวันที่ 22 พ.ค. 63 เวลาประมาณ 13.00 น. หลังจากถูกควบคุมตัวไว้ที่สถานีตำรวจในคืนที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนได้แจ้งทำการแจ้งข้อกล่าวหาและสอบปากคำผู้ต้องหา โดยมีทนายความอาสาสมัครจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนเข้าร่วมรับฟัง เจ้าหน้าที่ระบุพฤติการณ์ที่เขาถูกกล่าวหาว่าได้ปรากฏข้อความเขียนด้วยปากกาสีตามป้ายสัญญาณจราจรบริเวณคูเมืองเชียงใหม่ เขียนข้อความว่า ประเทศทวย ต่อมาได้ปรากฏภาพจากกล้องวงจรปิดรูปชายต้องสงสัย และจากการสืบสวนระบุตัวบุคคล เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการขอออกหมายจับพึ่งบุญเจ้าหน้าที่แจ้งว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 360 เรื่องการทำทรัพย์ที่ใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ให้ได้รับความเสียหาย ซึ่งพึ่งบุญได้ให้การปฎิเสธตลอดข้อกล่าวหา และขอให้การเพิ่มเติมเป็นลายลักษณ์อักษรภายใน 30 วันระหว่างการแจ้งข้อกล่าวหา ได้มีญาติพึ่งบุญเดินทางเข้าเยี่ยมและทำเรื่องขอประกันตัวในชั้นสอบสวน ด้วยเงินสดจำนวน 50000 บาท ต่อมาเมื่อพนักงานสอบสวนได้พิจารณาคำร้องของญาติแล้ว ได้มีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัวตามคำขอและได้นัดหมายให้นายพึ่งบุญเดินทางเข้ารายงานตัวกับพนักงานสอบสวนอีกครั้งในวันที่ 5 มิ.ย. 2563 เวลา 8.00 น.หลังจากทำการแจ้งข้อกล่าวหาและสอบปากคำเป็นเวลากว่า 4 ชั่วโมง ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกรายเข้ามาแจ้งกับพนักงานสอบสวนว่าให้รอก่อน เนื่องจากหลังการแจ้งข้อกล่าวหาและสอบคำให้การแล้วเสร็จ จะมีการนำตัวผู้ต้องหาไปตรวจค้นบ้านต่ออีกจากนั้นเวลาประมาณ 17.00 น. หลังการสอบสวนแล้วเสร็จ ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาพูดคุยกับพึ่งบุญและทนายความว่าหลังจากนี้จะขอเข้าตรวจค้นบ้านเช่าที่พึ่งบุญอาศัยอยู่ โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอออกหมายค้นแล้วในวันนี้ เมื่อพึ่งบุญเดินทางกลับถึงบ้านเช่าได้พบเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบจำนวน 1 นาย และเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบอีกราว 4 คน รออยู่ก่อนแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แสดงหมายค้นและขอเข้าตรวจบ้านพัก โดยมีพี่ชายและเพื่อนของนพึ่งบุญร่วมสังเกตการณ์การตรวจค้นด้วยก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบอีกราว 6 นาย จะเดินทางมาสมทบ ระหว่างการตรวจค้นได้มีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบทำการถ่ายภาพภายในบ้านไว้โดยตลอด ก่อนเจ้าหน้าที่จะทำการยึดเสื้อยืด กางเกง รองเท้าผ้าใบ และกระเป๋าสะพาย ซึ่งทางตำรวจระบุว่าเป็นชุดที่ถูกสวมใส่ในวันก่อเหตุตามภาพกล้องวงจรปิดที่ใช้เป็นพยานหลักฐานในคดี และได้จัดทำบันทึกการตรวจค้นและตรวจยึดให้นายพึ่งบุญเซ็นรับทราบไว้เป็นหลักฐาน ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งหมดจะเดินทางกลับไปสำหรับนายพึ่งบุญจบการศึกษาด้านจิตรกรรม จากวิทยาลัยเทคโนโลยีไทยวิจิตรศิลป์ เขาประกอบอาชีพช่วยงานในร้านรับสักมากว่า 15 ปี และทำงานศิลปะด้านงานวาดและกราฟฟิตี้ เขาเปิดเผยว่าเริ่มติดตามข่าวสารทางการเมืองหลังการรัฐประหารปี 2557 ทำให้เกิดข้อสงสัยถึงความไม่ปกติของประเทศไทย จึงได้ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเรื่อยมา จนกระทั่งเคยเข้าร่วมการชุมนุมของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งในช่วงปี 2561พึ่งบุญยังเข้าร่วมทำกิจกรรมทางสังคมในจังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่ เข้าเป็นอาสาสมัครดับไฟป่าในช่วงหมอกควันของจังหวัดเชียงใหม่ และร่วมเป็นอาสาสมัครแจกอาหารแก่ผู้ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจในช่วงวิกฤติโควิด-19 อีกด้วยทั้งนี้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 360 ระบุความผิดเรื่อง ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ กำหนดโทษจำคุกไว้ไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
|
ช่างสัก ที่จังหวัดเชียงใหม่ ถูกตำรวจหลอกไปจับกุม หลังพบมีคนเขียนข้อความว่า ประเทศทวย บนป้ายจราจร เจ้าตัวเผยก่อนถูกจับพบเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบมาถามหา เเละขับรถวนเวียนบริเวณบ้าน
|
การเมือง,สิทธิมนุษยชน
|
ประเทศทวย,ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน,ช่างสัก,เชียงใหม่
|
https://prachatai.com/journal/2020/05/87785
|
แป้งอะไรฮอตไม่เลิก? รู้จักแป้ง M.A.C ในตำนานที่ขายดีไม่ตกยุคมาตั้งแต่ยุค 90s
|
ไม่มีใครไม่รู้จักแป้งตลับสีดำของ M.A.C ซึ่งปัจจุบันแป้ง M.A.C Studio Fix รวมทั้งรองพื้น กลายเป็นไอเท็มยอดนิยมจนถึงปัจจุบัน ผ่านมากว่า 30 ปี คอลเล็กชันเหล่านี้ (อันประกอบด้วย แป้งผสมรองพื้น รองพื้น คอนซีลเลอร์และคอเร็กเตอร์ รวมถึงแป้งฝุ่น) ก็ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง มีการบันทึกสถิติว่าในทุก 1 นาทีแป้ง M.A.C Studio Fix Powder Plus Foundation จะขายได้ 11 ชิ้น อะไรทำให้แป้งตลับดำตัวนี้ขายดีเว่อร์ และสามารถครองใจสาวๆ ตั้งแต่ยุค 90s จนถึงยุคปัจจุบันแม้ว่าจะผ่านมาหลายทศวรรษก็ตาม กล้า–สานิด อินทะอาสา M.A.C National Artist และ เบน–มานพ อุทัยรัตน์ M.A.C Resident Trainer จะมาไขข้อข้องใจ รวมถึงบอกเล่าความประทับใจที่มีต่อผลิตภัณฑ์ในคอลเล็กชันนี้ให้สาวๆ ได้รู้จักกับ 4 ฮีโร่ผลิตภัณฑ์ของ M.A.C Studio Fix ซึ่งจัดเป็นไอเท็ม must have ที่อิงกับเทรนด์เมกอัพในฤดูกาลนี้ด้วยแป้งตลับดำ ตำนานของแป้งผสมรองพื้นตัวแรกของ M.A.C สานิด: M.A.C Studio Fix เป็นแป้งผสมรองพื้นตัวแรกของ M.A.C และถือว่าเป็นไอคอนิกโปรดักต์ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงมานานหลายทศวรรษ แม้แต่ในปัจจุบันก็ยังได้รับความนิยมอย่างไม่เสื่อมคลาย แม้จะมีผลิตภัณฑ์ในไลน์ของ M.A.C Studio Fix ออกมาอีกมากมาย พร้อมกับพัฒนารูปแบบที่ทันสมัย แต่แป้ง M.A.C Studio ตลับเดิมตลับนี้ก็ยังครองใจแฟนๆ ได้อย่างเหนียวแน่นความประทับใจส่วนตัวของ M.A.C National Artist สานิด: จำได้ว่าเข้ามาทำงานในแบรนด์ MAC ตั้งแต่ปี 2544 ตอนนั้นอายุ 23เป็นคนที่ไม่แต่งหน้า และไม่เคยทาแป้งเลย พี่ๆ เขาก็บอกว่าลองทาแป้งดูสิ ยุคนั้นมันก็มีแค่แป้งตัวนี้ตัวเดียวเท่านั้นแหละ เราก็แค่เลือกเฉดที่ตัวเองชอบ คือเบอร์ C25 พอทาไปปุ๊บ ลูกค้าก็จะชอบเข้ามาทักว่าใช้แป้งอะไร ทำไมดูหน้าใสเชียว ตอนนั้นมันช่วยทำให้เราขายของได้ ก็แฮปปี้ตรงที่แป้งตัวนี้ช่วยสร้างความมั่นใจให้เราได้ จุดเด่นของแป้งตัวนี้คือให้ผลลัพธ์ที่เป็นแมตต์ฟินิช แต่ยังคงความเป็นธรรมชาติ ลักษณะการปกปิดบอกเลยว่าปกปิดดีเยี่ยมมาก คือในสมัยก่อน มันจะไม่มีพวกแอปพลิเคชันอะไรมาช่วยเก็บสิว แต่งภาพเบลอ เพิ่มผิวใส ให้ภาพที่ออกมาดูดี แต่แป้งตัวนี้ทำได้ สามารถมองด้วยตาแล้วเห็นเลยว่าผิวสวย เพราะปกปิดได้เนียน สีจะไม่เพี้ยน ระหว่างวัน และติดทนฟิกซ์ได้ทั้งวันสมกับชื่อของเขาเลยความฮิตจากยุค 90s สานิด: สำหรับหลายคนที่เป็นวัยรุ่นในยุค 90s นี่อาจเป็นแป้งผสมรองพื้นตลับแรกๆ ที่เคยเริ่มใช้สมัย ม.ปลาย หรือตอนเข้ามหาวิทยาลัย ตอนนั้นทุกคนจะฮิตมาก จะต้องมีแป้งตลับสีดำติดกระเป๋าไปเรียนด้วย สมัยก่อนทุกคนจะเรียกว่า แป้งฟิกซ์ของแมค ตัดภาพมาที่เคาน์เตอร์ยุคนั้น มันคือยุคที่แป้ง M.A.C Studio Fix บูมและโด่งดังมากๆ แม้แต่ตัวเราเองก็ยังตื่นเต้นเลย เพราะไม่คาดคิดว่าคนจะคลั่งไคล้แป้งของเราได้ขนาดนี้ ยุคนั้นจำได้เลย เคาน์เตอร์ M.A.C จะอยู่ที่เซ็นทรัล ลาดพร้าว มีเมกอัพอาร์ทิสต์กัน 10 คนอยู่ตรงนั้น ก็จะคอยตอบคำถามและช่วยลูกค้าเลือกเฉดที่ตรงกับสีผิว ยุคนั้นจะฮิตเบอร์ C2 C3 C4 สามเบอร์นี้เป็นอะไรที่ฮิตมาก ไม่ว่าผิวใครมาแบบไหนก็แล้วแต่ มักจะหยิบแค่สามเบอร์นี้วิธีการทาแป้ง M.A.C Studio Fix ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยม สานิด: แบบ 1 จะมีตัวฟองน้ำในตัวของเขาอยู่แล้ว อยู่ด้านล่างตลับแป้ง เหมาะกับการทาแบบเน้น coverage ก็จะได้ผลลัพธ์ที่เนียนและปกปิดได้ดีมาก แต่ถ้าต้องการผลลัพธ์ที่เบาฟุ้ง แลดูนุ่มนวลก็จะใช้แบบที่ 2 คือเอาแปรงเข้ามาช่วย โดยเลือกแปรงที่มีขนาดพอดีกับการลงแป้ง จะช่วยให้การทาแป้งได้ผลลัพธ์ที่เรียบเนียน ช่วยทำให้สีของแป้งเมื่อลงบนผิวแล้วได้สีที่สม่ำเสมอเท่าๆ กัน และแป้งดูไม่หนาเกินไป ทำให้ดูเป็นผิวธรรมชาติมากขึ้น แป้งตัวนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้เหมาะกับทุกสีผิวบนโลกใบนี้ ไม่ว่าจะเป็นผิวเอเชียแบบเรา หรือผิวขาวแบบยุโรป แป้ง M.A.C Studio Fix นี่ก็ตอบโจทย์ได้ดีมาก นอกจากนี้ยังมีเฉด Extensions ที่เหมาะกับสีผิวของแต่ละประเทศด้วย เช่น ในประเทศอินเดียก็จะมีเฉดสีพิเศษเพิ่มขึ้นมา เป็นเบอร์ C4.1 หรือ C4.4 เพื่อให้เข้ากับสีผิวที่เข้มกว่าโดยตรง ผ่านมา 33 ปีแล้ว แป้งตลับนี้ไม่มีการเปลี่ยนสูตรใดๆ เพราะที่ผ่านมาคนรู้จักแป้ง M.A.C ที่เป็นตลับสีดำ แถมยังเป็นตัวที่ผลิตแป้งผสมรองพื้นออกมาครั้งแรก ก็อยากจะคงเอาไว้ว่านี่คือผลิตภัณฑ์ชิ้นแรกของแบรนด์ที่เกิดขึ้น ซึ่งตอนนี้กลายเป็นไอเท็มสุดคลาสสิกของแบรนด์ไปแล้ว ต่อไปจะเป็นการแนะนำเกี่ยวกับรองพื้น โดย เบน–มานพ อุทัยรัตน์ M.A.C Resident Trainer หนึ่งใน fix family ของ M.A.C ตั้งแต่ปี 2011 จะมาเล่าเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อีกสองชิ้นคือรองพื้นกับแป้งฝุ่น ว่าทำไมคอลเล็กชันนี้ถึงเป็นที่ยอมรับในวงการของเมกอัพอาร์ทิสต์ด้วยกัน และเป็นที่ยอมรับของกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบการแต่งหน้า โดยจะเริ่มต้นดังนี้M.A.C Studio Fix Fluid Foundation SPF 15 มานพ: เป็นรองพื้นสูตรลิควิด ยังครองใจผู้รักการแต่งหน้ามาโดยตลอด เริ่มแรกมีการวางจำหน่าย 3 ซีรีส์ของเฉดสี N1-N10 C2-C9 ปัจจุบันสีโทน N และ C กลายเป็นเฉดสีที่ได้รับความนิยมมาก ด้วยสูตรการปกปิดที่ดีเยี่ยม เริ่มต้นจากการปกปิดปานกลาง ที่สามารถเพิ่มระดับการปกปิดให้สูงได้ และได้เป็นฟินิชเนื้อแมตต์ธรรมชาติ พอใช้ตัวนี้แล้วจะให้ความรู้สึกเหมือนใช้ฟิลเตอร์เวลาถ่ายรูปเลย การวางเฉดสีของรองพื้นเป็นแบบนี้ครับ รองพื้นสูตรนี้ของ M.A.C จะมีเฉดสีให้เลือกมากถึง 75 เฉดสี การันตีได้เลยว่า fix family ของ M.A.C สามารถตอบโจทย์ทุกสีผิวของทุกคนได้ครบเลือกสีรองพื้นจาก 75 เฉด ไม่ยากอย่างที่คิด มานพ: วิธีแรก ให้จำไว้ว่ารองพื้นของ M.A.C จะมีเบอร์ให้เสมอ ถ้าเบอร์เข้มจะเป็นเบอร์ที่ตัวเลขเยอะ เช่น 40-50 เป็นเฉดสีที่ค่อนข้างเข้ม ถ้าตัวเลขน้อยจะเป็นเฉดสีสว่าง ถ้าเราเป็นคนผิวสว่าง เราก็จะอยู่ช่วงสีประมาณ 1-20 แต่ถ้าเราผิวกลางๆ ก็ 30 เป็นต้นไป วิธีที่สอง ให้ดูรหัสอันเดอร์โทน* ซึ่งเป็นรหัสตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวแรก เช่น C4 (C หมายถึง Cool เป็นเฉดค่อนข้างเหลือง) เฉดที่สองคือ W (W หมายถึง Warm เป็นเฉดที่ค่อนข้างออกชมพู) ต่อไปเป็นสี N (N หมายถึง Neutral เป็นส่วนผสมของเฉดที่พอดีระหว่างเหลืองและชมพู พูดง่ายๆ คือเป็นการรวมกันของเฉด C และ NC นั่นเอง) เวลาสาวๆ ไปที่เคาน์เตอร์ M.A.C เฉดที่จะพบได้บ่อยที่สุดคือ N และ C และ NW ต่างกันดังนี้ NC คือ Neutral Cool คือธรรมชาติโทนเหลือง ไม่เหลืองจนเกินไปเหมือน C เพียว แต่จะมีการอมชมพูนิดๆ แค่ 25% NW คือ Neutral Warm คือธรรมชาติโทนชมพู ดังนั้นวิธีการที่เราจะเลือกเฉดสีจาก M.A.C Studio Fix Fluid Foundation จึงง่ายมาก วิธีการแมตช์สีรองพื้นให้เหมาะกับผิวเรา แนะนำให้เลือก 3 เฉดที่มองด้วยตาแล้วคิดว่าเหมาะกับผิวของเรามากที่สุดแล้วเอามาทาที่แก้มบริเวณกราม เราจะเห็นชัดเลยว่าสีไหนที่เข้ากับผิวเรามากที่สุดก็ให้เลือกสีนั้น นอกจากแป้งตลับดำสุดฮิตและรองพื้น 75 เฉดสีแล้ว ในครอบครัวของ M.A.C Studio ยังมีอีก 2 ผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ คือ อันเดอร์โทน หมายถึงโทนสีที่แท้จริงของแต่ละคน ประกอบด้วย Cool Tone Warm Tone และแบบกลางๆ เรียกว่า Neutral
|
รู้จักแป้งตลับสีดำของ M.A.C ซึ่งปัจจุบันแป้ง M.A.C Studio Fix Powder Plus Foundation รวมทั้งรองพื้น กลายเป็นไอเท็มยอดนิยมตั้งแต่ยุค 90s จนถึงปัจจุบันมีการบันทึกสถิติว่าในทุก 1 นาทีแป้ง M.A.C Studio Fix Powder Plus Foundation จะขายได้ 11 ชิ้นแนะนำ 4 ฮีโร่ผลิตภัณฑ์ของ M.A.C Studio Fix ซึ่งจัดเป็นไอเท็ม must have ที่อิงกับเทรนด์เมกอัพในฤดูกาลนี้ มีทั้งแป้งผสมรองพื้น คอนซีลเลอร์ คอเร็กเตอร์ รองพื้นเนื้อลิควิด และแป้งฝุ่นที่ปรับสูตรนานถึง 4 ปี
| null | null |
https://thestandard.co/lifestyle-beauty-m-a-c-studio-fix-powder-plus-foundation/
|
ตื่นโลกแตก 12 มีนา ที่แท้มาจากเว็บกรรมฐาน
|
ประชาไท -- 7 มีนาคม 2548 -- ทั้งนี้ กระแสข่าวลือเรื่องภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ของโลกปรากฏในแนวทางเดียวกันคืออ้างอิงถึงพระธุดงค์รูปหนึ่งซึ่งผู้ส่งอีเมล์ไปพบในป่าบริเวณจังหวัดจันทบุรี ระบุว่า พระธุดงค์รูปนั้นรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าเนื่องจากนั่งกรรมฐาน โดยพระธุดงค์ได้ทำนายว่าโลกจะเกิดวิกฤติการณ์ 3 ช่วงติดต่อกันคือ ปลายเดือนธันวาคม ปี 2547 และถัดจากนั้นอีกประมาณ 2 เดือน ซึ่งทำให้มีการคาดการณ์ต่อมาว่าน่าจะเกิดมหันตภัยขึ้นในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ และ 12 มีนาคม อย่างไรก็ตาม แม้วันที่ 25 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาจะไม่ปรากฏภัยพิบัติทางธรรมชาติร้ายแรงแต่อย่างใด แต่ก็ยังมีการ ฟอร์เวิร์ดเมล์ คำทำนายภัยพิบัติที่จะเกิดในวันที่ 12 มีนาคมอย่างต่อเนื่อง โดยระบุว่าอุกกาบาตจะพุ่งเข้าชนโลกบริเวณอ่าวไทยทำให้เกิดคลื่นซึนามิที่ใหญ่และรุนแรงกว่าซึนามิที่เกิดขึ้นเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทั้งนี้ มีการอ้างอิงถึงองค์การนาซาว่ามีการตรวจพบอุกกาบาตจะพุ่งเข้าชนโลก พร้อมมีภาพประกอบขององค์การนาซาที่ผู้โพสต์ข้อความเข้าใจว่าเป็นจุดที่เกิดอุกกาบาต (http://www.nasa.gov/mission_pages/deepimpact/main/index.html) ทว่า เมื่อประชาไทเข้าไปอ่านข้อมูลในเว็บไซต์ขององค์การนาซา ซึ่งมีการทำลิงค์ เชื่อมเอาไว้ในกระทู้แสดงความเห็นปรากฏว่า เนื้อหาขององค์การนาซาในหน้าเว็บนั้น กล่าวถึง ยานอวกาศชื่อ Deep Impact โดยองค์การนาซาได้ส่งยานดังกล่าวขึ้นสู่อวกาศเมื่อวันที่ 12 มกราคม ที่ผ่านมา พร้อมรายงานการทำงานของยานดังกล่าวและแสดงภาพวงโคจร โดยระบุชื่อ Deep Impact ณ จุดที่ยานดังกล่าวปรากฏ ทั้งนี้ นอกจากข่าวลือที่ส่งไปทางอีเมล์แล้ว ยังมีการโพสต์ตามกระทู้ โดยพบผู้โพสต์ข้อความอย่างน้อย 2 คนอ้างว่าได้คำทำนายจากพระธุดงค์ ประชาไทคาดว่า อีเมล์ที่ส่งไปอย่างแพร่หลายน่าจะมาจากกระทู้ในเว็บไซด์ ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า ข้อความในกระทู้มีเนื้อหาใกล้เคียงกับเว็บไซต์ โดยเนื้อหาในเว็บไซด์ดังกล่าวทำนายว่าจะเกิดภัยพิบัติครั้งรุนแรงทำให้พื้นที่ส่วนใหญ่ของโลกจมอยู่ใต้น้ำ และประเทศไทยจะมีผู้รอดชีวิตมากที่สุดเนื่องจากมีผู้ปฏิบัติกรรมฐานมากกว่าประเทศอื่น ๆ โดยภาคอีสานของไทยจะเป็นส่วนที่ปลอดภัยเนื่องจากภาคอีสานได้ชดใช้กรรมมามากกว่าภาคอื่น ๆ และพื้นที่อื่นในโลก อย่างไรก็ตาม คำทำนายดังกล่าวระบุว่าเหตุการณ์ตามคำทำนายจะเกิดขึ้นในช่วงพ.ศ. 2540 - 2542 แต่ที่ผ่านมาก็ไม่ปรากฏภัยพิบัติธรรมชาติในช่วงเวลาดังกล่าวแต่อย่างใด เว็บบอร์ดที่เกี่ยวข้อง กระทู้หาต้นตอของคำทำนาย (วงโคจรของยานอวกาศ Deep Impact)
|
ประชาไท -- 7 มีนาคม 2548 -- กระแสตื่นกลัวเกี่ยวกับคำทำนายว่าโลกจะ เกิดมหันตภัยครั้งใหญ่อันเกิดจากอุกกาบาตพุ่งชนโลกบริเวณอ่าวไทยในวันที่ 12 มีนาคมที่จะถึง แพร่สะพัดอยู่ในเว็บบอร์ดและอีเมล์ ซึ่งส่งต่อ
|
สิ่งแวดล้อม
| null |
https://prachatai.com/journal/2005/03/3024
|
ส.ส.พปชร.จี้ สร้างสถานีสูบน้ำช่วยเกษตรกร-ติดตั้งไฟบนถนนลดอุบัติเหตุ
|
-แผ่นกั้นปิดเลน ถนนเลียบคลองชลประทานห้วยชินสีห์ หวั่น เกิดอุบัติเหตุ-อาชญากรรมวันที่ 6 ส.ค. ที่ประชุมสภา นางพรรณสิริ กุลนาถสิริ ส.ส.สุโขทัย พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวหารือในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า ขอหารือไปยังกรมชลประธาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตนได้รับเรื่องร้องเรียนความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ จากโครงการสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบส่งน้ำทะเลหลวง (แก้มลิง) ต.บ้านกล้วย อ.เมือง จ.สุโขทัย ซึ่งเป็นอ่างเก็บน้ำรูปหัวใจ ที่สร้างขึ้นเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม ภัยแล้ง เป็นแหล่งน้ำประปา ส่งเสริมการเกษตร เพาะพันธุ์สัตว์น้ำ และเป็นแหล่งท่องเที่ยว กรมชลประทานได้ดำเดินการระบบส่งน้ำและสถานีสูบน้ำเพื่อส่งน้ำไปในพื้นที่ ต.บ้านกล้วย ต.วังทองแดง ในขณะนี้โครงการได้ดำเนินการมีระยะเวลาสัมปทานในการก่อสร้างทั้งหมด 3 ปี งบประมาณ 112.48 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ระยะเวลาของสัมปทานสิ้นสุดลงแล้ว แต่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ไม่สามารถช่วยเหลือแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องเกษตรกร 2500 ครัวเรือน กลุ่มผู้ใช้น้ำ 10 กลุ่ม และผู้ที่อยู่ในพื้นที่รับน้ำ 19082 ไร่ ถือว่าการบริหารจัดการไม่เป็นไปตามที่กำหนด แม้ว่ามีงบประมาณแล้วก็ยังไม่สามารถช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้ จึงขอเร่งรัดโครงการดังกล่าวไปยังกรมชลประทานให้เสร็จโดยเร็วด้าน นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ตนได้รับการร้องเรียนว่าถนนเส้นทางหน้าโครงการส่งน้ำบำรุงรักษา ราชบุรีฝั่งขวา เส้นเลียบคลองชลประทานแยกห้วยชินสีห์-หนองกระทุ่ม เส้นทาง 4004 ระหว่าง กม.93-97 ถนนดังกล่าวเป็นถนน 2 เส้นทางจราจร ข้างทางด้านหนึ่งเป็นต้นไม้ทึบ อีกด้านเป็นคลองชลประทาน ปัจจุบันไม่มีแสงสว่างส่องทาง ช่วงกลางคืนมืดมากจะก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรมและอุบัติเหตุกับพี่น้องประชาชน จึงขอให้ช่วยเร่งติดไฟส่องสว่างถนนนี้ด้วย และในฝั่งที่เป็นคลองชลประทานขอให้ช่วยติดตั้งแผ่นปิดเลนกั้น เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ เพราะที่ผ่านมามีอุบัติเหตุเกิดหลายครั้ง มีรถตกลงไปในคลองมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตหลายราย และเส้นนี้มีสะพานที่ต่ำกว่าถนนหลักประชาชนสัญจรไปมาไม่สะดวกมีอุบัติเหตุบ่อยครั้งจึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเร่งแก้ไขด้วย อีกเรื่องหนึ่งถนนเส้นทางปากท่อ-สมุทรสงคราม มีสะพานข้ามทางรถไฟ ซึ่งทั้งสองฝั่งมีจุดกลับรถเลยทางลงสะพานไปเล็กน้อย ทำให้รถที่วิ่งมาจากทางซ้ายต้องชิดขวาเพื่อกลับรถ ประกอบกับรถที่วิ่งข้ามสะพานมา ทำให้มีปัญหาอุบัติเหตุบ่อยครั้ง จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบและหาทางแก้ไขด้วย
|
พรรณสิริ จี้ กรมชลฯ เร่งสร้างโครงการสถานีสูบน้ำทะเลหลวง ให้เสร็จโดยเร็ว หลังสัญญาสัมปทานครบ 3 ปี ยังไม่สำเร็จ เผย เกษตรกร-ปชช.เดือดร้อนหนัก ด้าน บุญยิ่ง วอน เร่งติดตั้งไฟส่องสว่าง
|
ข่าว,การเมือง
|
ส.ส.พปชร.,พรรณสิริ กุลนาถสิริ,ส.ส.สุโขทัย,กรมชลประทาน,ประชุมสภา,สถานีสูบน้ำทะเลหลวง,บุญยิ่ง นิติกาญจนา,ข่าวทั่วไป
|
https://www.thairath.co.th/news/politic/1905108
|
รัฐเทขายข้าวล้างสต๊อก เอกชนแห่ซื้อลอตสุดท้ายทะลุ 5.3 แสนตัน
|
นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยถึงการเปิดประมูลข้าวสารสต๊อกรัฐบาลเข้าอุตสาหกรรมที่มิใช่การบริโภคของคนและสัตว์ (กลุ่ม 3) ปริมาณ 540,000 ตัน ใน 80 คลัง เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า มีผู้ผ่านคุณสมบัติเข้าร่วมการประมูล 15 ราย แต่ยื่นซองเสนอราคา 13 ราย ซึ่งผลการเปิดซองพบว่ามีผู้เสนอซื้อราคาสูงสุด 11 ราย ใน 64 คลัง ปริมาณ 530,000 ตัน มูลค่า 1,802 ล้านบาท หรือสามารถขายได้ราคาเฉลี่ยตันละ 3,220 บาท จากการประมูลครั้งก่อนที่เสนอราคาซื้อเฉลี่ยตันละ 3,043 บาท โดยผู้เสนอซื้อเป็นผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเอทานอล เชื้อเพลิง ปุ๋ย และกรดมะนาว คาดว่าจะนำผลการเปิดซองเสนอให้คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) พิจารณาเห็นชอบได้ในเร็วๆนี้,ทั้งนี้ ภายหลังจากการเปิดประมูลข้าวกลุ่ม 2 เพื่อเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคน 1.49 ล้านตัน เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา แต่มีผู้เสนอซื้อ 1.48 ล้านตัน และการเปิดประมูลข้าวกลุ่ม 3 อีก 540,000 ตัน เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา แต่มีผู้ซื้อ 530,000 ตัน จะเหลือข้าวทั้ง 2 กลุ่มในสต๊อกอีกประมาณ 20,000 ตัน จากสต๊อกทั้งหมดที่รับมาจากรัฐบาลก่อนราว 18 ล้านตัน ซึ่งกรมจะนำมาเปิดประมูลให้หมดภายในปีนี้ โดยปริมาณที่เหลือ 20,000 ตัน ไม่กดดันราคาข้าวในตลาดขณะนี้แล้ว ถือว่าการระบายข้าวบรรลุเป้าหมาย ถือเป็นความสำเร็จของ นบข. ซึ่งนับตั้งแต่ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาบริหารประเทศและดำเนินการระบายข้าว พบว่าสามารถระบายข้าวได้แล้ว 16.89 ล้านตัน มูลค่า 145,909 ล้านบาท.
|
นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยถึงการเปิดประมูลข้าวสารสต๊อกรัฐบาลเข้าอุตสาหกรรมที่มิใช่การบริโภคของคนและสัตว์ (กลุ่ม 3) ปริมาณ 540,000 ตัน ใน 80 คลัง
|
ข่าว,เศรษฐกิจ
|
อดุลย์ โชตินิสากรณ์,กรมการค้าต่างประเทศ,ประมูลข้าว,ข้าวสต๊อกรัฐบาล,คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว,ข่าวทั่วไป
|
https://www.thairath.co.th/news/business/1309216
|
ชวน หลีกภัยรู้สึกชื่นใจเมื่อเห็น กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ เชื่อจะไม่พา ปชต.ถอยหลัง
|
ดังนั้นอย่าหวังว่าจะเขียนรัฐธรรมนูญให้คนที่เข้ามาเป็นคนดีทั้งหมด แต่จะต้องสร้างกลไกตรวจสอบถ่วงดุลในรัฐสภา7 พ.ย. 2557 - รายงานว่า นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความเห็นในหัวข้อ บทเรียนสู่อนาคตเพื่อประชาธิปไตยไทยที่มีคุณภาพ ในงานประชุมวิชาการสถาบันพระปกเกล้าว่า ปัญหาหลายเรื่องไม่เกี่ยวกับกฎหมาย หรือ รัฐธรรมนูญ แต่มาจากตัวบุคคลที่ใช้อำนาจเกินขอบเขต ซึ่งเป็นสาเหตุการยึดอำนาจครั้งล่าสุด แต่เมื่อเห็นหน้าตาของบุคคลที่มาเป็นคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญรู้สึกชื่นใจเพราะเชื่อว่าคนเหล่านี้จะไม่พาประชาธิปไตยถอยหลัง แต่บ้านเมืองนี้มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ดังนั้นอย่าหวังว่าจะเขียนรัฐธรรมนูญให้คนเข้ามาเป็นคนดีทั้งหมด เพราะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้จึงต้องสร้างกลไกเข้ามาตรวจสอบดุลอำนาจในระบบรัฐสภาเพราะที่ผ่านมานักการเมืองหลายคนไม่ใช่นักการเมืองมืออาชีพ แต่เป็นมืออาชีพทางอื่นที่เข้ามาดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อหวังประโยชน์ส่วนตัวในเชิงธุรกิจนายชวน กล่าวด้วยว่า เหตุการณ์ที่เป็นตัวอย่างชัดเจนถึงการใช้อำนาจบริหารที่เกินขอบเขต คือ นโยบายภาคใต้ในปี 2544 และเป็นสาเหตุที่ทำให้สถานการณ์รุนแรงขึ้น รวมไปถึงองค์กรตรวจสอบฝ่ายบริหารมีปัญหา วุฒิสภาไม่สามารถถ่วงดุลอำนาจได้ เพราะไปรับเงินจากรัฐบาล กระทบต่อไปยังการคัดเลือกบุคคลมาดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระที่ทำหน้าที่อย่างล้มเหลวเพราะฝ่ายบริหารเข้าไปแทรกแซง แต่ยังดีที่สถาบันตุลาการของไทยยังมีความเข้มแข็ง
|
ชวน หลีกภัย ระบุเพราะมีคนใช้อำนาจเกินขอบเขตจึงเป็นสาเหตุรัฐประหาร - เชื่อ กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญจะไม่พาประชาธิปไตยถอยหลัง แต่บ้านเมืองมีทั้งคนดีและคนไม่ดี
|
การเมือง
|
การปฏิรูป,คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ,ชวน หลีกภัย,รัฐธรรมนูญ,รัฐประหาร 2557
|
https://prachatai.com/journal/2014/11/56411
|
หนุ่ม นศ.ปี 2 จะพาแฟนมาอยู่ด้วย ถูกพ่อแม่ขวาง น้อยใจผูกคอตาย
|
เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.61 ร.ต.อ.สุเมธ สุขศรัทธา รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองสุพรรณบุรี ได้รับแจ้งมีคนผูกคอเสียชีวิต ภายในบ้าน บริเวณ หมู่บ้านพฤษลดา บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ หมู่ 6 ต.ไผ่ขวาง อ.เมืองสุพรรณบุรี จึงพร้อมด้วยแพทย์เวรโรงพยาบาลศูนย์เจ้าพระยายมราช และสมาคมเณรแก้วกู้ภัยทางหลวงสุพรรณบุรี เดินทางไปตรวจสอบ,ที่เกิดเหตุ เป็นบ้านปูนชั้นเดียวภายในห้อง พบร่างผู้เสียชีวิต ทราบชื่อ นายสายชล หนองพุดซา อายุ 20 ปี ชาวบ้าน ถนนขุนช้าง ต.ท่าพี่เลี้ยง อ.เมืองสุพรรณบุรี จ.สุพรรณบุรี นอนเสียชีวิตอยู่ตรงประตูทางเข้าห้องนอน สวมใส่เสื้อกีฬาสีดำ นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ที่ประตูตรงลูกบิดพบเส้นลวดไม้แขวนเสื้อสีเขียวแขวนอยู่กับลูกบิด ตรวจสอบตามร่างกายไม่พบบาดแผล หรือร่องรอยการถูกทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด ที่ลำคอพบมีรอยกดทับเป็นเส้นทางยาว คาดเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 3-6 ชั่วโมง,จากการสอบถาม นางน้ำฝน ชาวพม่า อายุ 40 ปี มารดาของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า นายสายชล บุตรชาย เรียนอยู่ ปี 2 วิทยาลัยพลศึกษา ก่อนหน้ามาขอจะพาแฟนมาอยู่ด้วย ตนจึงห้ามปรามว่ายังเรียนอยู่จะไม่เหมาะ ก่อนเกิดเหตุตนเองออกไปรับจ้างเฝ้าผู้ป่วย จะออกจากบ้านในตอนเย็นและจะกลับเข้าบ้านในตอนเช้าทุกวัน แต่ก่อนเกิดเหตุ ตนกลับมาจึงไปเรียกเคาะประตูห้องแต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมา พบว่าประตูห้องถูกล็อก ตนจึงชะโงกปีนดูที่หน้าต่างก็พบว่าลูกชายได้ใช้ไม้แขวนเสื้อ แขวนคอตัวเองกับประตูห้อง ตนเองจึงรีบไปเอาค้อนมาทุบลูกบิดเพื่อเปิดประตูเข้าไปได้และได้รีบนำตัวลูกชายลงมา เเต่ก็พบว่าลูกชายเสียชีวิตไปแล้ว จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบดังกล่าว.
|
นศ.ปี 2 ที่สุพรรณบุรี จะพาแฟนสาวเข้ามาอยู่ด้วยกันที่บ้าน ถูกพ่อแม่ขัดขวางบอกให้เรียนจบก่อน น้อยใจผูกคอตายในห้อง ขณะแม่ไม่อยู่บ้าน กลับมาพบลูกชายกลายเป็นศพแล้ว
|
ข่าว,ทั่วไทย
|
น้อยใจแม่,ผูกคอตาย,สุพรรณบุรี,นศ.ปี 2,พาแฟนมาอยู่ด้วย,ข่าวทั่วไป
|
https://www.thairath.co.th/news/local/central/1442520
|
สลดพ่อเฒ่า74 ฆ่าตัวในโบสถ์
|
สลดผู้เฒ่าวัย 74 ปี คว้าปืนขนาด .38 เป่าขมับตัวเองดับต่อหน้าพระประธานภายในโบสถ์ วัดบุคคโลย่านฝั่งธนบุรี พร้อมทิ้งจดหมายลาตาย ยืนยันเป็นการอัตวินิบาตกรรม สอบสวนคาดอาจจะเครียด เรื่องปัญหาบ้านเช่า และปัญหากับเพื่อนบ้าน เบื้องต้นญาติไม่ติดใจการเสียชีวิต,เหตุผู้เฒ่าวัย 74 ปี ปลิดชีพตัวเอง เปิดเผย เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 18 ก.ค. พ.ต.ท.นิโรธ ประทุมแก้ว พงส.ผนพ.สน.บุคคโล รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตด้วยอาวุธปืนภายในโบสถ์วัดบุคคโล ซอยเจริญนคร 63 ถนนเจริญนคร แขวงดาวคะนอง เขตธนบุรี กทม. จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาแล้วรีบรุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.ท.วิวัฒนชัย บุญญานุพงศ์ รอง ผกก.ป.สน.บุคคโล พ.ต.ท.ปองพล เลามีชัยเจริญ สวป.สน.บุคคโล พ.ต.ท.มหพล มีแสน สว.สส.สน.บุคคโล พร้อมฝ่ายสืบสวน แพทย์ภาควิชานิติเวช รพ.ศิริราช และมูลนิธิร่วมกตัญญู,ที่เกิดเหตุภายในโบสถ์วัดบุคคโล บริเวณด้านหน้าพระประธาน (หลวงพ่อแพ) พบศพนายประภัส เอี่ยมอำไพ อายุ 74 ปี นอนหงายเสียชีวิต ในสภาพสวมเสื้อยืดโปโล แขนสั้น สีม่วง นุ่งกางเกงขายาว สีน้ำเงิน สวมถุงเท้าสีขาว บริเวณมือขวาพบอาวุธปืนลูกโม่ขนาด .38 สีดำ ยี่ห้อสมิธแอนด์เวสสัน ตกอยู่ ภายในบรรจุลูกกระสุน 6 นัด ยิงไปแล้ว 1 นัด ตรวจสอบตามร่างกายมีบาดแผลถูกยิงด้วยกระสุนขนาด .38 ที่ขมับด้านขวาทะลุขมับซ้าย 1 นัด เสียชีวิตทันที,นอกจากนี้ ยังมีกระเป๋าสะพานสีเขียวตกอยู่ใกล้กัน ภายในมีจดหมายลาตาย เขียนข้อความว่า เขียนที่ 22/3 ถนนเจริญนคร เชิงสะพานพระราม 3 วันที่ 18 กรกฎาคม 2558 เรียนพนักงานสืบสวนสอบสวน สน.บุคคโล ข้าพเจ้านายประภัส เอี่ยมอำไพ ขอเรียนท่านว่า การกระทำปลิดชีพตัวเองนี้ ข้าพเจ้าตัดสินใจทำเองไม่มีใครทำร้ายข้าพเจ้า ท่านไม่ต้องยุ่งยากสอบสวนใดๆ เพื่อสงสัยประการใดใดเลย ขอให้ท่านใช้รถดำเนินการตามหน้าที่ของท่านโดยเร็วและโปรดแจ้งให้ทางบ้านของข้าพเจ้าให้ทราบตามที่อยู่ข้างต้นนี้ ด้วยครับ ขอขอบพระคุณมากครับ (ลงลายเซ็นและชื่อนายประภัส เอี่ยมอำไพ) เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน,สอบถามชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุช่วงประมาณ 10.00 น. วันเดียวกัน มีงานอุปสมบท จนพิธีเสร็จคนร่วมงานทยอยกันกลับ โดยมีการเปิดประตูโบสถ์ไว้ทั้งที่ปกติวันเสาร์จะปิด ต่อมานายประภัสผู้ตายเดินทางมาปล่อยนกปล่อยปลาทำบุญที่วัด ก่อนเดินเข้าไปในโบสถ์เพียงลำพัง หลังจากนั้นเมื่อมีคนเข้าไปกราบไหว้พระประธานในโบสถ์พบศพนายประภัสนอนเสียชีวิต จึงรีบตามเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ,พ.ต.ท.นิโรธกล่าวว่า เบื้องต้นทราบว่าปกตินายประภัสทำธุรกิจเปิดบ้านที่ตัวเองถือกรรมสิทธิ์ แต่เป็นที่ของสงฆ์เพื่อให้คนอื่นมาเช่า อยู่ย่านสัมพันธวงศ์ โดยขณะนี้ผู้เช่าคนปัจจุบันกำลังจะย้ายออก นายประภัสเกิดกังวลว่า คนที่มาเช่าต่อจะเปิดให้เช่าช่วงต่ออีกทอด อาจทำให้เสียรายได้บางส่วน นอกจากนี้ ที่บ้านพักของนายประภัสย่านซอยเจริญนคร 48 กำลังมีปัญหา เนื่องจากอยู่ระหว่างทำรั้วบ้านใหม่ แต่ทำไปทำมาเกิดไปรุกล้ำบ้านข้างเคียง ทำให้ต้องรื้อและทำรางวัดใหม่ อาจทำให้ผู้ตายเกิดความเครียดได้เช่นกัน เลยตัดสินก่อเหตุเศร้าดังกล่าว ส่วนจดหมายที่ผู้เสียชีวิตเขียนไว้ ทางญาติยืนยันว่าเป็นลายมือของผู้เสียชีวิตจริงและไม่ติดใจการเสียชีวิตครั้งนี้ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ส่งศพชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้งที่ รพ.ศิริราช พร้อมทั้งสอบปากคำญาติและพยานแวดล้อมเพิ่มเติม เพื่อหาสาเหตุเสียชีวิตที่แท้จริงต่อไป
|
สลดผู้เฒ่าวัย 74 ปี คว้าปืนขนาด .38 เป่าขมับตัวเองดับต่อหน้าพระประธานภายในโบสถ์ วัดบุคคโลย่านฝั่งธนบุรี พร้อมทิ้งจดหมายลาตาย ยืนยันเป็นการอัตวินิบาตกรรม สอบสวนคาดอาจจะเครียด เรื่องปัญหาบ้านเช่า และปัญหากับเพื่อนบ้าน
|
ข่าว,ทั่วไทย
|
ข่าวหน้า1,ข่าว,ยิงตัวตายในโบสถ์,ฆ่าตัวตายในโบสถ์,โบสถ์วัดบุคคโล,สน.บุคคโล,ประภัส เอี่ยมอำไพ,ฝั่งธนบุรี,จดหมายลาตาย,อัตวินิบาตกรรม,ฆ่าตัวตาย
|
https://www.thairath.co.th/news/local/512610
|
เขื่อนเจ้าพระยาเฝ้าระวัง น้ำเหนือหนุน-ฝนเท หวั่นท่วมบ้านปชช.ท้ายเขื่อน
|
เมื่อวันที่ 8 ต.ค.59 นายเอกศิษฐ์ ศักดิ์ดีธนาภรณ์ ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนเจ้าพระยา กล่าวว่า สถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยาจากการตรวจสอบเมื่อเวลา 10.30 น.(8 ต.ค.) พบว่าระดับน้ำ ที่สถานีวัดน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ต.บางหลวง อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ระดับน้ำเหนือเขื่อนยกตัวขึ้นอยู่ที่ 16.58 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง โดยระดับน้ำมีการเพิ่มขึ้นอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากน้ำที่รับมาจากน้ำทางภาคเหนือประกอบกับฝนที่ตกลงมา ทำให้มีการรับ-ส่ง และระบายอยู่ตลอดเวลา,ขณะที่ระดับน้ำช่วงท้ายเขื่อนอยู่ที่ 14.80 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ระดับน้ำเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากการระบายที่เพิ่มขึ้น ซึ่งขณะนี้เขื่อนเจ้าพระยามีอัตราการระบายน้ำอยู่ที่ 1,998 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ตามแผนของกรมชลประทาน แต่ถ้าฝนตกลงมาตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาคาดไว้ ประชาชนที่อาศัยอยู่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ทั้งในจังหวัดชัยนาท และจังหวัดใกล้เคียง หรือจังหวัดที่อยู่ขนาบแม่น้ำเจ้าพระยาอาจได้รับผลกระทบโดยตรง ควรเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ท้ายเขื่อน ในพื้นที่ ต.ตลุก ต.หาดอาษา ต.โพนางดำออก อ.สรรพยา ถูกน้ำที่เอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วม กว่า 90 หลังคาเรือน เป็นระลอกที่ 2 หลังจากที่ระดับน้ำลดไปเพียง 4-5 วัน ก็กลับมาเอ่อล้นตลิ่งจนท่วมอีกครั้ง แต่ไม่มีรายงานเรื่องข้าวของและทรัพย์สินได้รับความเสียหาย เนื่องจากชาวบ้านยังไม่ได้ขนของลงจากที่สูง ซึ่งขณะนี้ ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ ในพื้นที่ ต.โพนางดำออก เร่งช่วยกันนำกระสอบทรายมากั้นทางน้ำไว้เพื่อป้องกันน้ำเอ่อท่วมในจุดที่น้ำยังไปไม่ถึง
|
เขื่อนเจ้าพระยาระบายแตะ 2,000 ลบ.ม./วินาที ผอ.โครงการส่งน้ำฯเฝ้าระวังหากฝนหนัก น้ำเหนือหนุน ชาวบ้านได้รับผลกระทบแน่ ขณะที่ อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ในบางตำบลน้ำเริ่มเอ่อท่วมแล้ว ชาวบ้านเร่งใช้กระสอบทรายกั้นบรรเทาปัญหาในช่วงแรก
| null |
เขื่อนเจ้าพระยา,เอกศิษฐ์ ศักดิ์ดีธนาภรณ์,แม่น้ำเจ้าพระยา,สรรพยา,ชัยนาท
|
https://www.thairath.co.th/content/747382
|
Subsets and Splits
No community queries yet
The top public SQL queries from the community will appear here once available.